ล่าสุด พบผู้ติดเชื้อใน ประเทศไทย แล้ว ผมล่ะหวั่น สาธารณสุข แบบไทยๆจริงๆ ดีแต่ออกมา ด่า พยาบาลให้นมเด็ก http://www.posttoday.com/สังคม/สาธารณสุข/371243/เมิร์สถึงไทยพบผู้ติดเชื้อครั้งแรก-สธ-จ่อแถลง
เป็นแล้วตรวจพบ ดีกว่าไม่พบครับ... ยังไงก็ไม่สามารถห้ามคนเดินทางไปมาได้ แต่เมื่อพบแล้วก็ต้องปฏิบัติอย่างมีมาตรฐานต่อไป ส่วนชาวโซเชี่ยลทั้งหลาย ก็ควรจะตรวจสอบข่าวดีๆก่อนแชร์ เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตัวคนแชร์มันอาจน้อย แต่กับคนอื่นมันอาจจะมาก
ผมมีคนรู้จักของสธ. ครับ เกี่ยวกับพวกโรคระบาด เขาบอกว่าป้องกัน ชี้แจง ประกาศต่อ ตลอด แต่มีหลายอย่างที่เขาทำไม่ได้เพราะว่าไม่มีกฏหมายบังคับ อย่างถ้าแค่สงสัยว่ามาจากประเทศที่เสี่ยง เราก็กักตัวเขาไว้ไม่ได้ นอกจากนั้นเราแนะนำได้ แต่บังคับให้คนปฏิบัติตามคำเตือนไม่ได้ เช่นล้างมือก่อนกินข้าวหรือหาผ้าปิดจมูก ทำลายแหล่งเพาะยุงลาย การเลี้ยง,การสัมผัส หรือปรุงสัตว์ที่ถูกวิธี การดูแลผู้ป่วย พอเกิดการระบาดเท่านั้นละครับ สธ. โดนก่อนเลย
แล็ปของกรมวิทย์การแพทย์สามารถตรวจวิเคราะห์เชื้อได้ภายใน 8 ชั่วโมง ว่าใช่หรือไม่ใช่เมอร์ส ดังนั้นหากกลับจากประเทศติดต่อ เช่นตะวันออกกลางหรือเกาหลี แล้วมีอาการของทางเดินหายใจพวกไอ หอบ ตัวร้อนให้ไปโรงบาลอย่าไปคลินิกเพราะทางคลินิกก็ต้องส่งโรงบาลต่ออยู่ดี ขณะนี้มีการลงในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้วนะคะ ว่าเมอร์สเป็นโรคติดต่ออันตรายต่อจากอีโบลา (ลงในราชกิจจาฯเมื่อไม่กี่วันมานี้และมีผลเป็นกฎหมายใน 5 วัน) ดังนั้นหากไม่แน่ใจว่าเป็น แต่หลบเลี่ยงอาจมีผลทางกฎหมายต่อตนเองนอกจากผลต่อชีวิตด้วย โรคนี้ต้องตรวจทางแล็ปเท่านั้นเพื่อแยกจากการติดเชื้อไวรัสตัวอื่น พอดีหนูอ้อยพอจะเกี่ยวๆกับสธ.อยู่มั่งค่ะ แหะๆ
ทำวาร์ปให้นะคะ เผื่อบางท่านอาจยังไม่ได้เข้าไปอ่าน https://xn--12c4db3b2bb9h.net/threads/รู้จักกับ-ไวรัส-เมอร์ส-หรือไข้หวัดอูฐ.2176/#post-49232 รู้จักกับ ไวรัส เมอร์ส หรือไข้หวัดอูฐ กระทู้ใน 'ห้องนั่งเล่น' โดย Anduril, 6 Jun 2015
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตย์นิรามัย ตัวแทนกระทรวงสธ.ออกมาแถลงแล้วนะคะเมื่อสักครู่นี้ว่า ผลแล็ปของชายชาวตะวันออกกลางที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นผู้ติดเชื้อเมอร์สรายแรกในไทย ไม่ใช่ เชื้อเมอร์สนะคะ และกำลังส่งสอบทานผลแล็ปเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง (รอลิงก์ข่าวอีกที)
เคยดูสารคดี สักห้าสิบกว่าปีที่แล้วได้เกิดโรคระบาดในประเทศหนึ่งในยุโรป จำไม่ได้ว่ากาฬโรคหรืออะไร พอเกิดการระบาด รัฐบาลก็พยายามขอความร่วมมือกับประชาชนว่าอย่าออกจากบ้าน ถ้ามีอาการให้โทรหาโรงพยาบาล เดี๋ยวไปรับ แต่คนก็ไม่เชื่อ สุดท้ายคนป่วยคนตายก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย รัฐต้องใช้กฏอัยการศึก ที่สุดแล้วก็ยับยั้งการระบาดไว้ได้
ใช่ดูทางไทยพีบีเอสหรือเปล่านะพี่ผึ้ง ( กาฬโรค ) http://program.thaipbs.or.th/documentaryprogram/article253883.ece?episodeID=501309 แต่ลิงก์ตัวเต็มเข้าไม่ได้แล้ว ..
ที่น่ากลัวกว่า เมอา์สคงจะเป็น การแชร์ผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คมากกว่าครับ เพราะมักจะ แชร์แล้วแชร์เลย ไม่มีการตรวจสอบแหล่งที่มาและความน่าเชื่อถือ ผมว่าทุกประเทศกลัวเรื่องนี้ที่สุดครับ ปล. เห็นข่าวคนอเมริกันเจอหนูใน เคเอฟซีอเมริกาไหมครับ ดูจากรูปมีรูปทรงเหมือนหนูจริง แต่ไม่มีหลักฐานอะไรบ่งชัด แถมเจ้าตัวไม่ยอมให้ตรวจสอบ ที่แน่ๆเคเอฟซีเสียหายแน่ๆ เรื่องแบบนี้ถ้าเป็นจริงฟ้องร้องจ่ายเยอะมาก
ตามความคิดนะคะ เมอร์สนี้สำหรับไทย น่ากลัวกว่าอีโบลาที่ก็ประกาศเป็นโรคติดต่ออันตรายก่อนหน้านี้เหมือนกัน แต่อีโบลาจะมีระบาดหนักในแอฟริกาตะวันตกเช่นเซียร์ร่าลีโอน กินี ซึ่งคนไทยไม่ค่อยได้ไป หรือไปก็ไปกันน้อยกว่าไปเกาหลีและตะวันออกกลางที่ไปพิธีฮัจญ์
ยอมรับว่าไม่เข้าใจเรื่องโรคเท่าไหร่ครับ แต่คิดว่าอยู่ที่ภาครัฐฯว่า เข้มงวดหรือปกปิดเพราะกลัวเสียชื่อฯลฯ แค่ไหนครับ เพราะข่าวการแพร่ระบาดในต่างประเทศมีมานาน และสามารถเตรียมตัวได้ทัน หากมีมาตรการที่ดีเชื่อว่า ไม่มีปัญหาครับ เพราะระยะฟักตัวของ เมอร์ส ประมาณ 14 วัน จนถึงวันนี้ หากยังไม่มีการป่วยหรือเสียชีวิตในไทย ค่อนข้างมั่นใจว่า คุมอยู่ เพราะคนใหม่ๆที่ประเทศเข้ามาตอนนี้ถูกตรวจโรคอย่างเข้มงวด
ดูคลิปตอนอีโบลาระบาดนะคะ เครื่องเป่าความร้อนที่มือกลับกลายเป็นเพิ่มเชื้อโรคที่นิ้วนะจ๊ะ (เมอร์สยังไม่มีคลิปออกมา) เชิญชม เดี่ยว สุริยนต์นำเสนอได้แล้วค่ะ เก่าหน่อยแต่ฟังง่าย .. หากคลิกไปดูจากยูทูปตรงๆ ตัวหนังสือซับไทยจะใหญ่หน่อยนะคะ ส.ว.ทั้งหลาย ..
ไม่ใช่ค่ะ อันนั้นดูจากช่องเคเบิล เป็นเรื่องเมื่อกี่สิบปีมาแล้วไม่แน่ใจ จำได้ว่าเป็นยุคที่มีเครื่องบินแล้ว คนป่วยที่รอดมาได้บางคนยังมีชีวิตอยู่
ล่าสุด ยืนยันติดเชื้อแล้ว 1 ราย เป็นชาวตะวันออกกลาง ขณะนี้อยู่ สถาบันบำราศนราดูร แล้วครับ ซึ่งต้องตรวจซำ้ถึง 2 รอบ จึงจะทราบผล กินเวลาไป 8 ชม จึงมี กลุ่มคนเสี่ยง อีก 59 กว่าคน http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000069182
ตรวจผลแล็ปทานรอบที่ 2 พบว่าชายชาวตะวันออกกลางคนนี้ติดเชื้อเมอร์สค่ะ กักตัวไว้ที่สถาบันบำราศนราดูร อัพข่าวได้ที่ https://xn--12c4db3b2bb9h.net/threads/รู้จักกับ-ไวรัส-เมอร์ส-หรือไข้หวัดอูฐ.2176/#post-49471 ขอบคุณท่าน plunk และท่าน Anduril ค่ะ
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เพิ่มเติมชื่อโรคติดต่อและอาการสำคัญ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/E/138/17.PDF ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เพิ่มเติมชื่อโรคติดต่อต้องแจ้งความ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/E/138/18.PDF ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง เพิ่มเติมชื่อโรคติดต่ออันตราย http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/E/138/19.PDF
ของไทยอ่อนจริงๆ ถ้าจะให้ดีต้องดูว่าผู้ป่วยพักที่ไหน ติดต่อใครบ้างแล้วเรียกตัวมาตรวจให้หมด เดาว่าคงนอนโรงแรม ต้องแจ้งไปที่โรงแรมให้ผู้เข้าพักระวังตัวด้วย ผมว่า สธ. ประมาทมากๆ --------------------------------------- ขอแก้ไขครับ สธ. ทำงานเร็วดีครับ กักตัวแท๊กซี และผู้โดยสารเครื่องบินที่นั่งใกล้ผู้ป่วย รวมทั้งแอร์เครื่องบินด้วย
ปัญหาบางทีมันอยู่ที่ระยะฟักตัวน่ะครับ เพราะ Mers-CoV นี่กินเวลา 7-14 วัน บางทีลงจากเครื่องบินมาถ้าต้นทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ตม. หรือ สธ. ทำได้อย่างมากก็แค่ตรวจไข้ด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิน่ะครับ ถ้าไม่มีไข้ก็กักตัวไว้ไม่ได้ อีกอย่างเชื้อตัวนี้ก็ยังไม่ได้ศึกษากว้างขวางมาก ไม่รู้ว่าระยะฟักตัวนั้นคนที่มีเชื้อสามารถแพร่ให้คนอื่นในระยะที่ไม่มีอาการได้หรือเปล่าด้วยครับ อย่างรายที่เจอในไทยว่าติดนี่ก็คือตอนหลังแกไปโรงพยาบาลเอกชนเองเพราะมีอาการไข้ตอนหลัง ลงผ่านสนามบินมาปกติไม่มีอาการ แต่ยังดีที่แกแจ้งโรงพยาบาลเลยว่าเพิ่งกลับมาจากตะวันออกกลาง โรงพยาบาลเลยส่งต่อครับแล้วปรากฏว่าใช่ Mers ดังนั้นการตรวจที่สนามบินมักจะไม่ได้ผลอะไรเลยถ้าคนที่ติดมาไม่มีอาการแสดงบ่งชี้ หรือจะให้บังคับตรวจเชื้อคนที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทุกคนแล้วกักตัวไว้ก่อนก็เป็นอะไรที่ทั้งทำยากแล้วเปลืองงบประมาณมาก ผมไม่แปลกใจนะว่าสุดท้ายต้องมีหลุดมา เพราะเหตุผลที่ว่าข้างบนแหละครับ ทีนี้คือถ้ามีหลุดมาแล้วจะทำยังไง คงต้องเพิ่มมาตรการคนที่มาจากประเทศที่มีการระบาดน่ะครับ ถ้าเกิดมีระบาดแล้วในไทยจริงๆคงต้องใช้วิธีกักตัวแล้วตรวจเชื้อ"ทุกคน" เป็นวิธีที่ดูจะกันได้ดีที่สุดแล้ว แต่คงเป็นไปได้ในความเป็นจริงยากมาก
สมัย"ซาร์"ระบาด เค้าให้กรอกแบบสอบถามที่สนามบิน ห้าวันให้หลังเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำจังหวัดตามหาผมถึงที่บ้านสอบถามถึงสุขภาพ สะพายเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อมาด้วย ผมเชื่อมั่นว่าทางการไทยรับมือได้แน่นอน
บรรยากาศ ที่สถาบันบำราศนราดูร ^ ^ ชายชาวโอมานผู้ที่ติดเชื้อไวรัสเมอร์สเข้ารับการรักษาพยาบาลที่สถาบันฯซึ่งเป็นโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านการติดเชื้อ เพราะฉะนั้น การคัดกรองคนไข้ที่ดี ถือเป็นภารกิจหลัก ทางโรงพยาบาลจะมีจุดคัดกรอง ซึ่งเป็นจุดแรกที่ผู้ป่วยทุกคนต้องผ่าน หากมีอาการเสี่ยงติดเชื้อ ..พยาบาลคัดกรองจะแยกผู้ป่วย และลำเลียงไปตามเส้นทางซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้เฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น ไม่ปะปนกับคนทั่วไป เมื่อลำเลียงผู้ป่วยไปยังหอผู้ป่วยแยกโรคเเล้ว หากตรวจพบว่ามีอาการติดเชื้อไวรัสรุนแรง ที่ไม่ใช่แม้แต่เชื้อไวรัสเมอร์สก็จะถูกแยกเข้าห้องกักกันโรคทันที แต่หากไม่พบว่าติดเชื้อ หรือต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อก็จะนำผู้ป่วยแยกออกจากห้องไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งไม่ผ่านห้องกักกันโรคแต่อย่างใด ทั้งนี้ ห้องกักกันโรคที่ชายชาวโอมาน และญาติที่เดินทางมาไทยด้วยกันซึ่งมีความเสี่ยงอาจติดเชื้อและอยู่ในขั้นเฝ้าระวังนั้น ไม่อนุญาตให้ใครเข้าออกนอกจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า เชื้อไวรัสเมอร์ส จะไม่แพร่กระจายออกจากโรงพยาบาลแน่นอน เนื่องจากทางโรงพยาบาล มีจุดคัดกรองและแยกผู้ป่วยออกจากกันอย่างชัดเจน ขณะนี้สามารถยืนยันผู้ติดเชื้อได้แล้วว่ามีเพียง 1 ราย และอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนผู้สัมผัสผู้ป่วยจากเดิมที่เฝ้าระวัง 176 ราย ขณะนี้ ลดลงเหลือ 163 ราย เพราะได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว 13 ราย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขยังคงติดตามผู้สัมผัสอาการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ จากการประเมินความเสี่ยงในประเทศไทยวันนี้ พบว่าความเสี่ยงลดลง และต้องรอต่ออีก 1 สัปดาห์ เพื่อสังเกตอาการผู้ป่วย และผู้สัมผัสผู้ป่วย ชายชาวโอมาน ณ วันนี้ตรวจแล็ปสองครั้งแล้ว ไม่พบเชื้อแต่อย่างใด แต่ต้องเฝ้าระวังให้ครบ 14 วันขึ้นไปจึงจะแน่ใจได้ว่าไม่แพร่เชื้อแล้ว สำหรับมาตรการในการรับมือในอนาคต หากพบว่ามีผู้สัมผัสผู้ป่วยมากขึ้น ได้เตรียมโรงพยาบาลรัฐในพื้นที่ กทม. ไว้แล้ว แต่หากมีผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยมากขึ้นไปอีก ได้ประสานกับกองทัพในการหาสถานที่รองรับไว้ให้เพียงพอในการเฝ้าระวัง และตรวจวินิจฉัยแล้ว อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขเตรียมออกประกาศคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข เรื่องรับมือ วิธีการปฏิบัติ ให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ศ. 2523 ต่อไป http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=626396 http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=626579
นพ.สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาการปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีชาวโอมาน วัย 75 ปี ป่วยโรคทางหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส ว่า อาการดีขึ้นอย่างช้า ๆ ตามลำดับ อาจมีโอกาสรอดพ้นวิกฤต แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากผู้ป่วยมีอายุมากและมีโรคประจำตัวด้วย ส่วนญาติ 3 รายนั้น ไม่มีอาการไข้แล้ว แต่ยังพักอยู่ห้องแยกโรคในสถาบันบำราศนราดูร เพื่อตรวจอาการทุกวัน จนครบ 14 วัน นับตั้งแต่วันที่สัมผัสกับผู้ป่วย ส่วนผู้ที่กลับจากประเทศเสี่ยง ก็เข้ามาให้แพทย์ตรวจอาการเพื่อป้องกันโรคหลายราย ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ซึ่งถือว่าประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนสุขภาพ กล่าวว่า ได้มีการเรียกประชุมโรงพยาบาลเอกชนและคลินิกในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 100 แห่ง ร่วมชี้แจงแนวทางการวินิจฉัย การเฝ้าระวัง และการส่งต่อผู้ป่วยโรคเมอร์ส ทั้งนี้ในเบื้องต้น การประชุมจะกำชับและเน้นใน 3 เรื่อง อาทิ 1. การส่งต่อผู้ป่วยที่ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสเมอร์ส จะต้องไม่ปล่อยให้ผู้ป่วยไปโรงพยาบาลเอง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดระหว่างเดินทาง ( ต้องส่งรถของโรงพยาบาลไปรับ ) 2. แนวทางการดูแล การส่งตัวและการขอความร่วมมือโรงพยาบาลเอกชน หากมีศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยอันอาจเกิดขึ้น 3. ผู้ป่วยต่างชาติที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกรณีที่เดินทางมาจากตะวันออกกลาง และประเทศที่มีการแพร่ระบาด หรือนักท่องเที่ยวที่มีการนัดรักษาล่วงหน้าในคลินิกหรือโรงพยาบาลนั้นๆ ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะต้องถูกคัดกรองเป็นพิเศษ ทั้งประวัติการรักษา ที่มา และการตรวจร่างกายเพื่อให้เกิดความมั่นใจ http://health.kapook.com/view122073.html