วันนี้...เห็นทีคงต้องไปว่ากันเรื่องที่อาจออกไปทางปวดเศียร เวียนเกล้า อยู่ซักหน่อย คือเรื่องของ TPP หรือที่เรียกเต็มๆ ว่า Trans-Pacific Partnership ที่ 12 ประเทศหุ้นส่วนเพิ่งลงนามข้อตกลงร่วมกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยมีคุณพ่ออเมริกาเป็นตัวตั้ง ตัวตี ซึ่งนอกจากจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์โลกในช่วงระยะนี้ ยังอาจเกี่ยวพันถึงสถานะของประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้... ----------------------------------------------------- คือหลังจากที่คุณพ่ออเมริกา ถูกคุณน้ารัสเซียแหกหน้าจนหน้าแหกชนิดหมอไม่รับเย็บ ในกรณีซีเรียสิ่งที่อาจถือเป็น Plan B หรือเป็น แผนสำรอง ของคุณพ่ออเมริกานับจากนี้ ก็น่าจะได้แก่สิ่งที่เรียกว่า TPP อะไรที่ว่านี้นี่แหละ ที่ถือเป็นความพยายามสร้างความร่วมมือเพื่อกระชับวงล้อม หรือสร้างแนวปิดล้อมคุณพี่จีน โดยอาศัยข้อตกลงกับอีก 11 ประเทศ อันประกอบด้วย ออสเตรเลีย แคนาดา ชิลี ญี่ปุ่น มาเลเซีย เม็กซิโก เวียดนาม บรูไน เปรู นิวซีแลนด์ และสิงคโปร์ เป็นพื้นฐานในการปิดล้อม หรือแหกหักวงล้อม ที่คุณพี่จีนได้ลากยาวอ้อมโลกเอาไว้ทั้งทางบก ทางทะเล ตามเส้นทาง สายไหมใหม่ ที่เรียกกันว่า One Belt, One Road อะไรประมาณนั้น... -------------------------------------------------------- การหันมาเล่นงานคุณพี่จีน หรือการ ปักหมุด เอาไว้ในเอเชีย ย่อมถือเป็นการตัดแข้ง ตัดขา พันธมิตรผู้ยืนหยัดเคียงบ่า-เคียงไหล่กับรัสเซีย เคยร่วมประกาศ เปลี่ยนแปลงระเบียบโลก ในอีกไม่นาน-ไม่ช้านับจากนี้ไป โดยปริยาย คือแทนที่จะลุกขึ้นมาชนกับคุณน้า ปูติน ซึ่งๆ หน้า ก็หันไปกดๆ บีบๆ คลึงไป-คลึงมา สร้างแรงกดดันในยุโรปตะวันออก หรือในเอเชีย ตามสไตล์ของ โอมาบ้า ซึ่งถนัดในการใช้ อำนาจแบบอ่อน (Soft power) มากกว่า อำนาจแบบแข็ง (Hard power) แม้ว่าจะมี ตอร์ปิโดดำ อยู่ในมือซักกี่ดุ้น กี่ด้าม ก็ตาม และก็ต้องถือเป็น โชคดี สำหรับโลกทั้งโลก ที่อะไรต่อมิอะไรมันไม่ถึงกับต้อง แตกหัก หรือต้อง เปรี้ยงๆ ปร้างๆ ก่อนเวลาอันควร... ---------------------------------------------------------- ส่วนการปิดล้อมจีน หรือแหกหักวงล้อมจีน จะก่อให้เกิดผลตามจุดมุ่งหมายได้หรือไม่นั้น อันนั้น...คงต้องไปว่ากันอีกที แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...นับจากนี้ มันคงส่งผลให้บรรยากาศความตึงเครียด ค่อยๆ เคลื่อนย้ายเข้ามาสู่ภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นตามลำดับ ดังเห็นได้จากคำประกาศของพลเรือเอก สก๊อตต์ สวิฟต์ ผู้บัญชาการกองเรือแปซิฟิกเมื่อไม่กี่วันมานี้ ที่ได้ไปจุดพลุไว้ระหว่างการปฐกถาในเวทีประชุมกองทัพเรือที่ออสเตรเลีย แบบชนิดกร้าวๆ เอามากๆ ถึงขั้นว่า สหรัฐพร้อมแล้วที่จะท้าทายความพยายามทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มุ่งจะสกัดขัดขวางไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวโดยเสรีในท้องทะเล รวมทั้งจะสนับสนุนให้หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์สหรัฐ กระทำการอย่างเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดปรากฏการณ์ที่ว่า...ใครมีอำนาจ ผู้นั้นเป็นผู้ต้อง กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่” ไปจนถึงการเน้นแบบเสียงดัง-ฟังชัดว่า บางชาติ...ยังคงออกมาประกาศคำเตือนและข้อจำกัดต่างๆ อันไร้สาระ ในเรื่องเขตเศรษฐกิจจำเพาะของพวกเขา และการอ้างสิทธิเหนือน่านน้ำในอาณาเขตซึ่งไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล แนวโน้มเช่นนี้...ถือว่าเลวร้ายมาก โดยเฉพาะเมื่อคำประกาศนั้นๆ เกิดขึ้นในพื้นที่น่านน้ำที่ยังคงมีข้อพิพาทกันอยู่... ----------------------------------------------------------- แปลไทยเป็นไทย แปลคำหลวงเป็นคำราษฏร์แบบชาวบ้านๆ...ก็คงประมาณว่า นับจากนี้การหันมาเล่นงานจีน หรือยุให้ใครต่อใครรวมหัวกันต้านจีน โดยเฉพาะประเทศที่กำลังมีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้อยู่กับจีน ไม่ว่าญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย ไปจนถึงบรูไน ฯลฯ คงต้องใส่กันแบบดอกต่อดอกอย่างชนิดมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และนั่นย่อมรวมไปถึงการอาศัยข้อตกลงความร่วมมือ TPP ให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อการบรรลุจุดมุ่งหมายเหล่านี้ สิ่งที่เรียกว่า TPP ที่ว่า...มันจึงไม่ใช่แค่เรื่องการค้า การขาย แบบคิขุอาโนเนะไปตามเรื่อง ตามราว แต่ถือเป็นการผนวกรวมยุทธศาสตร์ทางการเมือง หรือแม้แต่ การทหาร ของคุณพ่ออเมริกา เอาไว้แบบก้าวต่อก้าวเอาเลยก็ว่าได้... -------------------------------------------------------------- อย่างที่อภิมหานักคิด นักวิชาการ บางราย ชื่อว่า อัลเฟรด ดับเบิลยู แมคคอย ศาสตราจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ที่แม้ว่าจะชิงชังนโยบายต่างประเทศของประเทศตัวเองมาโดยตลอด จนถึงขั้นเคยออกมาคาดการณ์เอาไว้ว่า จักรวรรดิอเมริกา จะต้องถึง กาลล่มสลาย ภายในปีค.ศ.2025 เป็นอย่างช้า ในข้อเขียนที่ชื่อว่า How America will collapse (2025) แต่อาจด้วยความ รักชาติ ซึ่งเป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ทั่วๆ ไป เลยทำให้ต้องหันมาชเลียร์คุณพ่อ โอมาบ้า ในการใช้ อำนาจแบบอ่อน เล่นงานจีนและรัสเซีย ด้วยข้อตกลงความร่วมมือที่เรียกว่า TPP นี่เอง โดยถึงขั้นยกให้เป็น แกรนด์มาสเตอร์แห่งภูมิรัฐศาสตร์ ไปโน่นเลย คือถือว่า...ข้อตกลงที่ว่านี้จะทำให้เกิดการปิดล้อม หรือแหกหักวงล้อมของจีนและรัสเซีย ด้วยการเข้าครอบครองพื้นที่ 2 ใน 3 ของ จีดีพี.โลก และ 3 ใน 4 ของการค้าโลก จนทำให้อเมริกาอาจครองความเป็น จักรวรรดิโลก ไปจนถึงปลายศตวรรษที่ 21 หรือต่อไปถึงศตวรรษที่ 22 เอาเลยก็ไม่แน่!!! -------------------------------------------------------------- จริง-ไม่จริง เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้...นั่นคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่แน่ๆ ก็คือว่าเรื่องของ TPP นั้น จะไปมองเป็นแค่เรื่องการค้า การธุรกิจ แบบคิขุอาโนเนะล้วนๆ ย่อมไม่ถูกเรื่องซักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะสำหรับประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่อาจมีพวกข้าราชการและนักธุรกิจประเภทโง่ๆ เชยซ์ซ์ซ์ๆ อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย หรือเป็นพวกที่เคยชินกับการเดินตามก้นอเมริกาซะจนเคย แต่อย่างน้อย...ก็ยังพอ เบาใจ ได้บ้างว่า ระดับผู้นำอย่างนายกฯ คุณลุง บิ๊กตู่ นั้น ท่านคงไม่เชยซ์ซ์ซ์อยู่แล้วแน่ๆ ดังคำให้สัมภาษณ์ที่ระบุเอาไว้ว่า กรณี TPP เป็นความพยายามของประเทศชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกที่จะแสวงหาความร่วมมือทางการค้า ซึ่งในประเด็นนี้ จำต้องทบทวนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นให้รอบคอบ เพื่อไม่สร้างภาระให้ประเทศ ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ ออกมา ยังมีเรื่องของยาเวชภัณฑ์ การเข้าถึง การถูกควบคุม ซึ่งต้องดูว่าผลกระทบจะมีอย่างไร ต้องพิจารณาให้ละเอียดว่า อะไรที่ไม่สร้างภาระให้ประเทศ ไม่ใช่ต้องยอมทุกอย่าง... นี่...ทั้งนิ่ม ทั้งคม ทั้งไหลลื่นในระดับ สยามไมซ์เซชั่น มาเอง กว่าแต่ละประเทศจะกลับไปให้สภาฯ อนุมัติเพื่อลงสัตยาบัน TPP ให้เป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาจริงๆ ป่านนั้น...คงพอได้รู้แล้วว่าควรจะ เสมอไหน... -------------------------------------------------------- ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Arleigh A. Burke... “There is never a convenient to fight a war when the other man starts it.- ไม่เคยมีสถานที่อันเหมาะแก่การทำสงคราม ในเมื่อผู้อื่นเป็นผู้เริ่มขึ้นก่อน” -------------------------------------------------------- ที่มาhttp://www.thaipost.net/?q=tpp- %E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2 เรื่อง TPP ควรที่รัฐบาลจะให้ข้อมูลกับชาวบ้านได้แล้ว เพราะในที่สุด ไม่ว่ารัฐบาลนี้ หรือรัฐบาลไหน ในการตัดสินใจ ประชาชนต้องมีส่วนร่วม แต่ไม่ใช่ข้อมูลอย่าง "นายพิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์" อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ที่โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง TPP ไว้ในหัวข้อว่า "...ในที่สุด ไทยก็ตกรถไฟอีกขบวน" ด้วยข้อความตอนหนึ่งว่า.... ".......ที่เจ็บปวดมากคือสมาชิกอาเซียนอย่าง สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน เวียดนาม แยกไปขึ้นรถไฟขบวน TPP ซึ่งให้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจยิ่งกว่า AEC ที่มีขนาดแค่ 3.5% ของโลก เวียดนามซึ่งล้าหลังไทยอย่างมากในทุกด้านทั้งกฎหมาย อุตสาหกรรม การค้าต่างประเทศ และรัฐวิสาหกิจ ยังกล้าแอ่นรับมาตรฐาน TPP ตอนนี้ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ได้ยื่นสมัครขอเข้าร่วม TPP ด้วยแล้ว ผลคือ อาเซียนและ AEC จะลดความสำคัญลงอย่างมาก ตอนโอบามาเยือนไทยสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ส่งเทียบเชิญไทยให้เข้าร่วมเจรจา TPP แต่รัฐบาลตอนนั้นบอกว่า "ขอศึกษาดูก่อน" เพราะบทเรียนสมัยทักษิณ-ไทยรักไทย ไปเจรจาเอฟทีเอไว้เยอะแยะ พอโดนพันธมิตร-เอ็นจีโอ ขับไล่ พวกนั้นก็ชูป้าย "เอฟทีเอ = ขายชาติ"! ไม่เป็นไร เราก็ค้าขายอยู่กับลาว เขมร พม่า ไปก็แล้วกัน!..." นี่ถ้าไม่บอกว่าคนโพสต์ คือ "อาจารย์เศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์" ต้องเข้าใจว่า พวก "รับจ้างชูป้าย" แหงๆ!. ์Nook ว่าไง เจ้าพระยาหน้าตาดี ว่าไง คนกลาง ว่าไง qooqle ว่าไง ช่วยออกความเห็นสั่งสอนพวกผมหน่อย ถือว่าแลกเปลี่ยนกัน
ที่เราไม่ยอมรับ TPP เพราะรายละเอียดส่วนที่ให้สิทธินอกอาณาเขต ถ้าเรารับ นั่นทำให้เราต้องเจอสนธิสัญญาเบาริงยุคใหม่อีก เท่ากับเราเป็นเมืองขึ้นกลายๆเลย
ผมไม่เข้าใจอเมริกามันมีน่านนํ้าติดกับเอเชียตรงใหนมันถึงได้เพ่นพ่านไปทั่วหรือมันคิดว่าโลกทั้งใบเป็นของมันคนเดียว ถ้าอเมริกาจะล่มสลายก็เพราะมันไปทำเขาไว้เยอะจนโดนรุมกินโต๊ะ
ยอมเป็นทาสอเมริกาทั้งประเทศตัวเองโดนถล่มด้วยนิวเคลียร์หรือครับผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี เวียดนามเกาหลีพวกนี้ก็มีประวัติกับอเมริกามาทั้งนั้นหรือเขาคิดว่าอเมริกามันจริงใจเห็นประโยชน์คนอื่นมากกว่าอเมริกาเองทุกความขัดแย้งที่อเมริกาเข้าไปเอี่ยวมันทับซ้อนอยู่บนผลประโยชน์ของอเมริกาทั้งนั้นเขาเลิกล่าอาณานิคมกันนานแล้วแค่ไอ้กันมันไม่ยอมเลิก อเมริกาพยายามตั้งกลุ่มโน้นกลุ่มนี้ขึ้นมาเพื่อที่มันจะร็อบบี้หรือคอนโทรลง่ายๆเข้าทางมันตลอด
อยากขอความรู้ครับ ประเทศที่เข้าหรือไม่เข้า TPP มีได้มีเสียอะไรบ้างครับ?? เฉพาะด้านเศรษฐกิจ การค้า นะครับ ด้านความมั่นคงผมพอจะกระจ่างแล้ว ที่รู้มางูๆปลาๆ ก็คือ ประเทศสมาชิก TPP จะไม่มีกำแพงภาษีระหว่างกัน ถ้าปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ของ TPP อเมริกา แน่ล่ะ ต้องการขายของให้ประเทศสมาชิกมากขึ้น แต่ประเทศในอาเซียนเราล่ะ ได้และเสียอะไร? เค้าหวังอะไร? แล้วไทยล่ะทำไมไม่ตามเค้า และไทยได้และเสียอะไร? ที่ผมกังวลตอนนี้คือธุรกิจประมง ถ้ามันหาเรื่องแบนเรา แถมเวลาขายประเทศอื่นนอกจากยุโรป+อเมริกา หากเจอประเทศกลุ่ม TPP โดนภาษีอีก มันจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมไทยหรือเปล่าว??
ฟังเค้าว่าในวิทยุเมื่อเช้า เห็นว่ายังไม่ได้เริ่มจริง ๆ น๊ะ ประเด็นปัญหา ที่เค้าว่า (ซึ่งผมเห็นด้วย) คือ หนึ่งในเงื่อนไขการเข้าเป็นสมาชิก TPP คือ ต้องเปลี่ยนอัตราแลกเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัว...ตอนนี้ เวียดนาม กับ มาเลย์ เซ็นต์ไปแล้ว แต่ยังไม่ลอยตัว ซึ่ง หากลอยตัวตามเงื่อนไขเมื่อไหร่ผมว่าเละ.....ตัวอย่างที่เจอมา ก็ตอนต้มยำกุ้งของเรานั่นแหละ ที่เวียดนามคงหนักกว่าเราแยะ...มาเลย์มาทำตอนนี้ก็ลำบาก ปัญหาการเมื่องกำลังรุมเร้า
เห็นมีข่าวสายแดงบอกEUกำลังแอนตี้ไทยอ่านข่าวแล้วขำประเทศยุโรปมันกำลังจะกินเกลือกินแกลบกันแล้วใหนจะต้องรองรับผู้อพยพเป็นล้านคนตอนก็โยนกันวุ่นวายจะไม่ให้ผู้อพยพเข้าเมือง ถ้ายุโรปถอนการลงทุนในไทยก็ให้มันไปลงทุนในอเมริกากับกรีซเผื่อจะรวยกันทั่วหน้าคงคิดว่าไทยจะง้อมันมั๊ง ไทยตอนนี้ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงพยายามจะอยู่ได้ด้วยตัวเองตลาดยุโรปไม่รับสินค้าก็ส่งไปขายแถบแอฟริกาแุถบอเมริกาใต้ถ้าขายกับยุโรปกับไอ้กันปัญหาเยอะเงื่อนไขก็เยอะตกเป็นเบี้ยล่างมันตลอด
มีบ.หนึ่ง เป็นบ.มหาชน (ผมรู้ข้อมูลเพราะเป็นผู้ซื้อวัสดุเหลือใช้ของเขา แต่เป็นแค่ผู้ซื้อรายย่อย) โรงงานเขาใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเอเซีย ผลิตสินค้าสองเกรด เกรดดี ผู้ซื้อรายใหญ่คืออิหร่าน เกรดธรรมดา ผู้ซื้อรายใหญ่คือเกาหลี ขณะที่ปัจจุบันผู้ส่งออกหลายราย ขายของได้ยากมากๆ แต่บ.นี้กลับขายดีมาก คนงานต้องทำโอทีตลอด ผมว่าฝ่ายการตลาดเขาเก่งจริงๆ ที่รู้จักหาแหล่งที่ไม่ค่อยเหมือนใคร เพราะผู้ส่งออกส่วนมากมุ่งตลาดจีน อเมริกา ยุโรป ตอนนี้เลยเดี้ยงกันเป็นแถว
