Time passes. Memories Fade. Feelings Change. People leave. But Hearts Never Forget.

เมฆหัวเราะ..ฟังพระสุรเสียง ‘ในหลวง ร.9’ มีพระราชดำรัสถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ที่ทรงภูมิใจมาก
Time passes.
พระราชดำรัสถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ณ ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า
“…นี่รูปที่ถ่าย ถ่ายด้วยกล้องนี้ นี่อาจารย์ไม่ได้ทำ ธรรมชาติทำ เป็นเมฆ แล้วมีความเย็น ฝนก็ลงมาถึงพื้น ถึงทะเล ส่วนนี้ เขามีความร้อนก็ขึ้นไป นี่หน้าตาเหมือนผี เขาหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ทำฝนได้ รูปนี้ ภูมิใจมากที่ได้ถ่าย ถ่ายจากที่ไกลกังวลนี่เอง…”

เมฆหัวเราะ..ฟังพระสุรเสียง ‘ในหลวง ร.9’ มีพระราชดำรัสถึงภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ที่ทรงภูมิใจมาก
(หมายเหตุ : ท่านใดต้องการเห็นภาพเป็นสี ให้คลิกชมที่ "You Tube")
WELOVETHAIKING.COM

 

Time passes.
ไทยบันเทิง ThaiPBS

แลโลกศิลปะ : "ชิน ประสงค์" มือปั้นคุณทองแดง ประดับพระเมรุมาศ
ความชำนาญในการปั้นประติมากรรมเสมือนจริง ทำให้ "ชิน ประสงค์" ได้รับหน้าที่สำคัญอีกครั้ง สร้างสรรค์ประติมากรรมคุณทองแดงประดับพระเมรุมาศ สื่อความภักดีอย่างสุดฝีมือ
#ไทยบันเทิง ThaiPBS

 

Time passes.
Pathorn Srikaranonda de Sequeira
SoundCloud
เพลง Rosetta เพลงต้นแบบของเพลงพระราชนิพนธ์ Love at Sundown
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงแซ็กโซโฟน
แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ ขับร้องและเปียโน

Rosetta - Au Sau Friday Band
เพลง Rosetta - วงดนตรี อ.ส.วันศุกร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงแซ็กโซโฟน แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ ขับร้องและเปียโน

Love At Sundown [Cover] | Songs | Tommy Emmanuel
Tommy Emmanuel

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
วันนี้ 22 ก.พ.60 เวลา 04.00น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดําริทยอยนำขบวนรถบัส 35 คัน ของประชาชนที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดตามโค้วตาของกระทรวงมหาดไทย เพื่อมาเข้าคิวกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดชบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง โดยมีด้วยกัน 3 จังหวัดได้แก่ จ.ตาก จ.สุโขทัยและจ.สระแก้ว รวมทั้งสิ้น 1,614 คน

วันนี้ พล.ต.ธานี ฉุยฉาย ที่ปรึกษาแม่ทัพภาคที่ 1 ได้เปิดเผยยอดประชาชนเข้าชมนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้มีผู้เข้าชมแล้วจำนวนทั้งสิ้น 43,788 คน เฉลี่ยอยู่ที่ 4,000 – 5,000 คนต่อวันเท่านั้น จึงได้ประสานกับสำนักงาน กปร. ให้เลื่อนเวลาการเปิดเข้าชมนิทรรศการฯ จากเดิมเวลา 08.00 – 20.00 น. มาเป็นเวลา 07.00 – 19.00 น. เพื่อให้ประชาชนที่กระทรวงมหาดไทยอำนวยความสะดวกในการเดินทางมาเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีโอกาสเข้าชม ก่อนเดินทางกลับบ้าน
โดยอาคารนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 15 มิ.ย.60 จากนั้นจะเคลื่อนย้ายไปตั้งที่บริเวณช่วงโค้งของสนามหลวงทางฝั่งทิศเหนือ โดยหันด้านหน้าออกไปทางสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการเคลื่อนย้ายและดำเนินการติดตั้งประมาณ 30-45 วัน หลังจากนั้นจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ตามปกติ
ส่วนพื้นที่เดิมที่เคยตั้งอาคารนิทรรศการฯ ก็จะเริ่มดำเนินการสร้างถนนตัดกลางสนามหลวงเส้นใหม่ทันที เพื่อใช้รองรับงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพต่อไป.





บรรยากาศที่บริเวณท้องสนามหลวงและบริเวณโดยรอบพระบรมราชวังล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา มีประชาชนได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศแล้วทั้งสิ้น ประมาณ 20,289 คน และยังคงรอคิวอยู่ในเต็นท์ฝั่งทิศเหนืออีก 4 แถวตอนลึก

ขณะที่การรักษาความปลอดภัยนั้นยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยมีเจ้าหน้าที่จัดเปลี่ยนกำลังหมุนเวียนเพื่อดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงในเต็นท์พักคอย และระหว่างทางเดินเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ จะพบเจ้าหน้าที่และจิตอาสาอำนวยความสะดวกให้ตลอดเส้นทางทั้งการบริการน้ำดื่ม และร่ม ซึ่งตั้งแต่หลังช่วงเวลา 8.00 - 15.30 น. ประชาชนที่จะเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพนั้นจะต้องเข้าทางประตูมณีนพรัตน์แทนประตูวิเศษไชยศรี เพื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมความงามที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

นอกจากนั้นในวันนี้กรมศิลปากรโดยนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ยังได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมการเตรียมความพร้อมโครงสร้างเหล็กสำหรับก่อสร้างพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่บริษัท เอส ที เฟรม แอนด์ ทรัส จำกัด ตำบลโพธิ์สามต้น อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนจะทำการเคลื่อนย้ายมาประกอบในพิธียกเสาพระเมรุมาศ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้

 

Time passes.
เรื่องเล่า “เศษเหล็ก” ของในหลวง


ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้ทรงรับสั่งให้กำลังใจ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ในคราวหนึ่ง
และดร.สุเมธ ได้เล่าประสบการณ์ดีๆ ที่ได้รับพระราชทานกำลังใจ ว่า
“ตอนนั้นผมกำลังทำงานอยู่ในสภาพจิตใจที่แย่มาก มันไม่มีกำลังใจจะทำอะไร ..ท้อแท้กับงานมาก ไม่มีใครเข้าใจ เหมือนทำดี แต่ไม่ได้ดี
..ในหลวง (รัชกาลที่ ๙) พระองค์ท่านเสด็จฯ มาพอดีครับ และท่านได้ทอดพระเนตรเห็นสีหน้าผมไม่สู้จะดี


ท่านได้ทรงสอบถามจนได้ความว่า ผมกำลังท้อแท้กับงาน
พระองค์ท่านจึงตั้งคำถาม+รับสั่ง ว่า…..
“ท่านสุเมธ เคยขายเศษเหล็กไหม เศษเหล็กเหล่านั้นเวลาขาย ราคามันต่ำ คงได้เงินมาไม่กี่บาท
แต่ถ้าเราเอาเศษเหล็กเหล่านั้นมาหลอมรวมกันเป็นแท่ง
เวลาหลอมนี่เหล็กมันคงรู้สึกร้อนมาก
พอหลอมเสร็จ เราจะนำมาทำเป็นดาบ คงต้องตีให้แบนอีก
เวลาตีก็ต้องคอยเอาไฟเผาให้ร้อน ตีไป เผาไปอยู่หลายรอบ กว่าจะเป็นรูป เป็นร่างดาบ ตามที่ต้องการ
ต้องผ่านความเจ็บปวด ความร้อนอยู่นาน แถมเมื่อเสร็จแล้ว จะให้สวยงามดังใจ ก็ต้องนำไปแกะสลักลวดลาย
เวลาแกะลวดลาย ก็ต้องใช้ของแข็งมีคมมาตีให้เป็นลวดลายอีก
แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงาม ก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก เทียบกับเศษเหล็กคงต่างกันลิบลับ
..จะเห็นว่า กว่าที่เศษเหล็กไม่มีคุณค่ามากนัก จะกลายมาเป็นดาบที่งดงามนั้น
..ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย ทั้งความเจ็บปวดต่างๆ กว่าจะประสบความสำเร็จ
ดังนั้นขอให้จำไว้อย่างหนึ่งว่า “ใครที่ไม่เคยถูกตี ถูกทุบ เจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตมาเลยนั้น จงอย่าได้หาญคิดทำการใหญ่”…….
นี่คือ ที่มาของเรื่อง “เศษเหล็ก” ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งถูกโพสต์ต่อๆ กันมา ครั้งแล้วครั้งเล่า

ที่มา : บันทึกใน GotoKnow โดย ไฉน
https://www.gotoknow.org/posts/173542
http://welovethaiking.com/blog/เรื่องเล่า-เศษเหล็ก-ขอ/

 

Time passes.
ตลอดพระชนม์ชีพ..พระผู้ทรงเป็นต้นแบบ..ทรงริเริ่ม..ทรงสนับสนุน..ทุกเรื่อง..เพื่อลูกๆ พสกนิกรไทยมีความสุขขึ้น

ใครจะคิดว่า เมื่อ 60 ปีก่อน น้ำเกลือและเลือดซึ่งถือเป็นสิ่งพื้นฐานในการรักษาพยาบาลจะหายากมากๆ
น้ำเกลือเป็นของราคาแพง ต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศ และเลือดที่ใช้ในการผ่าตัดก็ต้องซื้อขาย ไม่ก็ต้องไปขอเจาะจากนักโทษในคุก
จนกระทั่งในหลวง ร.9 ทรงยื่นมือเข้ามาช่วย ปัญหาต่างๆ จึงคลี่คลายไปในทางที่ดี
ย้อนไปสมัยปี 2501 อหิวาตกโรคระบาดหนักจนไม่สามารถผลิตวัคซีนได้ทัน จึงทำได้เพียงให้น้ำเกลือบรรเทาอาการเท่านั้น
แต่เนื่องจากอะไรๆ ก็ขาดแคลนไปหมด ทั้งขวดน้ำเกลือ เครื่องมือการให้น้ำเกลือ เครื่องอบขวดน้ำเกลือ

จึงทรงแก้ปัญหาเบื้องต้น ด้วยการตั้งทุนสงเคราะห์ผู้ประสบภัยจากอหิวาตกโรคขึ้นเพื่อจัดหาอุปกรณ์ดังกล่าว
โดยทรงใช้วิทยุ อ.ส. เป็นหนึ่งในช่องทางการรณรงค์ และพระราชทานเงินตั้งต้นจำนวน 200,000 บาท ปรากฏว่า มีประชาชนสนใจบริจาคจำนวนมาก
จึงมีรับสั่งให้ตั้งทีมวิจัย เพื่อผลิตน้ำเกลือเองในประเทศ โดยทรงสนับสนุนเงินทุนและเครื่องมือ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตน้ำเกลือแบบเมดอินไทยแลนด์ ที่มีคุณภาพดี ที่สำคัญราคาถูกลงมาก
สามารถนำไปแจกจ่ายยังโรงพยาบาลต่างๆ ช่วยลดอัตราผู้เสียชีวิตได้ และทำให้ประชาชนทั่วไป มีน้ำเกลือใช้รักษาโรคได้ในราคาที่เอื้อมถึง
เมื่อเสร็จจากเรื่อง น้ำเกลือ เงินทุนปราบอหิวาต์ครั้งนั้นยังเหลืออยู่ จึงทรงพระราชทานไว้แก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนเลือดต่อ เนื่องจากสมัยนั้นเลือดเป็นของที่ต้องซื้อขายกันมีราคา
ขนาดที่บางคนขายเลือดเป็นอาชีพ หนักกว่านั้น คือ มีค่านิยมว่าเลือดฝรั่งดีกว่า จึงมีราคาแพงกว่า คนจนๆ ที่ไม่มีเงิน บางทีต้องขอบริจาคเอาจากนักศึกษาแพทย์ หรือจากนักโทษในคุก
จึงทรงโปรดเกล้าฯ จัดตั้งอนุกรรมการบริจาคโลหิตแห่งชาติ และเพื่อเป็นการโปรโมตการบริจาค จึงเชิญชวนให้นิมนต์บรรดาพระคุณเจ้าให้มาบริจาค ถือว่าได้บุญทั้งคนชวน คนบริจาค และคนรับ
นับว่าเป็น “กุศโลบาย” ในการใช้พรีเซนเตอร์อย่างแยบยล

นอกจากนี้ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระราชทานเข็มกาชาดให้กับผู้บริจาคเลือดหลายครั้งอีกด้วย
ถือได้ว่าโมเดลศูนย์บริจาคโลหิตของสภากาชาดไทยนี้เอง ที่ทำให้การซื้อขายเลือดในประเทศไทยหมดไป
อาจกล่าวได้ว่า ที่ประชาชนไทยสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลพื้นฐานได้อย่างทุกวันนี้ จนหลายคนได้มีชีวิตยืนยาวต่อไป
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะน้ำพระราชหฤทัยและพระมหากรุณาธิคุณจากโครงการที่ได้ทรงริเริ่มเอาไว้

เรียบเรียงจาก หนังสือ ในหลวงกับประชาชน 45 ปี สถานีวิทยุ อส. พระราชวังดุสิต, บทบรรยายเรื่องในหลวงกับการพัฒนาประเทศ โดย ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล, หนังสือบทความของนายขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ บรรยายเฉลิมพระเกียรติ ในปีพุทธศักราช 2533 ถึง 2552
http://welovethaiking.com/blog/ตลอดพระชนม์ชีพ-พระผู้ทร/: เพจ สานต่อที่พ่อทำ

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
#ตามรอยพ่อ
ในช่วงต้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เป็นยุคที่เริ่มมีการพัฒนาทางด้านดาราศาสตร์ในประเทศไทย มีการสร้างหอดูดาวและการจัดการสอนวิชาดาราศาสตร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงให้ตวามสนพระทัยและเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรกิจกรรมดาราศาสตร์หลายครั้ง เคยเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรดาว เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๐๑โดยใช้กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงแบบนิวตัน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๒ นิ้ว สร้างโดยนายระวี ภาวิไล สถานที่ติดตั้งขณะนั้นอยู่บนดาดฟ้าของอาคารภาควิชาฟิสิกส์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงสนพระทัยและสนับสนุนกิจกรรมด้านดาราศาสตร์อย่างต่อเนื่อง ทำให้การเรียนการสอนและการวิจัยทางดาราศาสตร์สมัยใหม่เกิดการพัฒนาอย่างใหญ่หลวง ถือเป็นยุคสมัยสำคัญที่ดาราศาสตร์ไทยก้าวกระโดดสู่ระดับสากล
***
ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
(ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรดาวศุกร์ในเวลากลางวัน ที่หอดูดาว ดาดฟ้าตึกฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
กอร.รส.ปรับเวลาการเข้าชม "นิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล” จากเวลา ๐๘.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. เป็นเวลา ๐๗.๐๐ – ๑๙.๐๐ น. ตั้งแต่วันนี้ถึงเดือน มิ.ย. ๖๐

กอร.รส.ปรับเวลาการเข้าชม "นิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล” จากเวลา ๐๘.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. เป็นเวล
กอร.รส.ปรับเวลาการเข้าชม "นิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล” จากเวลา ๐๘.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. เป็นเวลา ๐๗.๐๐ – ๑๙.๐๐ น. ตั้งแต่วันนี้ถึงเดือน มิ.ย. ๖๐

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
บรรยากาศที่บริเวณท้องสนามหลวงและบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. ที่ผ่านมา มีประชาชนที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ภายในพระบรมมหาราชวังแล้วทั้งสิ้นประมาณ 22,551 คน และยังคงทะยอยเดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่เดินทางมานั้นแต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อยและปฏิบัติตาม กฎระเบียบในการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ




บรรยากาศบริเวณโดยรอบท้องสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง ประชาชนทยอยเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวังอย่างต่อเนื่อง อาทิ คณะครู นักเรียน โรงเรียนเทศบาลปลูกปัญญา ในพระอุปถัมภ์ รวมกว่า 179 คน ได้ใช้โอกาสในการศึกษาดูงานโครงการศึกษาดูงานภูมิปัญญาท้องถิ่นแหล่งเรียนภาคกลาง โดยจากการสอบถามครูผู้ดูแล กล่าวว่า สิ่งแรกที่นักเรียนอยากมาคือการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ร.9 ก่อนที่จะไปทำกิจกรรม ศึกษาแหล่งเรียนรู้อื่นๆ เพราะท่านเป็นที่สุดในใจของคนไทยทุกคน

ทั้งนี้ นางสาวอรพิน สุดสงวน พนักงานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมิตเวชศรีนครินทร์ วัย 36 ปี กล่าวว่า ตนมากับแฟนมารอคิวช่วงเวลาประมาณ 06.00 น. ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเวลา 09.00 น. ก่อนเข้าไปแฟนได้อธิทานว่าอยากเข้ากราบแถวหน้าสุดแล้วก็ได้จริงๆ ดีใจปราบปลื้มใจร้องไห้เลยช่วงเวลานั้นเพราะก็เป็นครั้งแรกด้วยในการเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พูดถึงความประทับใจในหลวง ร.9 ไม่ว่าจะเป็นการสอนให้ชาวบ้านปลูกข้าวแบบผสมผสานไม่เคยทอดทิ้งชาวนา ให้ปลูกข้าวต่อไปเพราะประชาชนต้องคนไทยต้องกินข้าว ท่านสร้างเขื่อนท่านทรงศึกษาแผนที่และภูมิศาสตร์ในการสร้างเขื่อนกั้นน้ำได้อย่างถูกจุด ส่วนตัวยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในเรื่องของความประหยัดแบ่งเป็น 2 ส่วน 1 เก็บ 3 ใช้จ่ายในแต่ละด้าน แต่จะไม่ซื้อของฟุ่มเฟื่อยการหยิบยืมคนอื่นลำบากการมีเก็บใช้จ่ายอย่างเหมาะสมจะเป็นสิ่งที่ดี

นอกจากนี้ วันนี้ในเวลาประมาณ 16.49 น. ประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และส่วนราชการ พร้อมด้วย นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร จะร่วมในพิธีปล่อยขบวนรถบรรทุก โครงสร้างเหล็กสำหรับใช้ในการ ก่อสร้างและสิ่งปลูกสร้าง ประกอบพระเมรุมาศในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิง พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากโรงงานผลิต ของ บริษัท เอส ที เฟรม แอนด์ ทรัส จำกัด เขตตำบลโพธิ์สามต้น อำเภอบางปะหัน ไปยังท้องสนามหลวง เพื่อใช้ในพิธียกเสาเอกพระเมรุมาศ ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมการให้บริการประชาชนไม่ว่าจะเป็นการบริการทางการแพทย์ การอำนวยความสะดวกประชาชนเข้ากราบ อาหารและเครื่องดื่มที่นำมาบริการประชาชน จุดคัดกรองสิ่งต้องห้าม และการประชาสัมพันธ์หลักปฎิบัติตนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ขณะที่ยอดประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพล่าสุด 11.00 น. จำนวน 16,996 คน โดยประชาชนสามารถทยอยเดินทางเข้ามาได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

 

Time passes.

ภายในท้องสนามหลวงหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมกันจัดพิมพ์หนังสือ "ทำอย่างไร จะพูดได้เต็มปากว่า เรารักในหลวง" ซึ่งจัดพิมพ์เป็นครั้งที่ 2 ในเดือนมกราคม จำนวน 573,000 เล่ม มาแจกจ่ายให้ประชาชนที่มารอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาในการปฏิบัติตนตื่นรู้ระลึกรู้และตั้งใจนำตน ดำเนินการกิจกรรมต่างๆเพื่อเป็นการสนองพระราชปณิธานและพัฒนาตนปฎิบัติดีนำพาประเทศเจริญก้าวหน้าต่อไป
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 23 ก.พ.หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.10 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 30,760 คน รวม 113 วัน มี 4,700,049 คน และประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,685,498.25 บาท รวม 113 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 396,199,710.09 บาท

 

Time passes.

เรื่องราวของสองธรรมราชา จากอดีตตราบนิรันดร์ ไม่มีวันจางหาย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการบูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๘
โดยมีพระสาสนโสภณ (ภายหลังดำรงสมณศักดิ์ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก) นำเสด็จ ร่วมพระเถรานุเถระวัดบวรนิเวศวิหาร

Cr.ภาพ และเรื่อง พระศรัณย์ ปญฺญาพโลวัดบวรนิเวศวิหาร

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
พสกนิกร รอเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง ยอดเข้ากราบพระบรมศพ ไปแล้วจำนวน 20,649 คน
สำหรับในช่วงบ่ายวันนี้ที่บริเวณท้องสนามหลวงยังคงมีประชาชนเดินทางมาอย่างต่อเนื่องเพื่อมารอเข้าคิวกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งล่าสุดมีประชาชนได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ แล้วทั้งสิ้น 20,649 คน และยังมีการรอคิวอยู่ภายในเต็นท์พักคอย ขณะนี้จำนวน1 เต้นท์ ประมาณ 500 คน
ทั้งนี้สำหรับประชาชนที่จะมาเข้ารอคิวกราบถวายบังคมพระบรมศพนั้นจะต้องมาเข้าประตูภายในท้องสนามหลวงตรงข้ามกับศาลฎีกาเท่านั้น หรือหากเข้ามายังจุดอื่นให้เดินวนรอบท้องสนามหลวงตามป้ายประชาสัมพันธ์ซึ่งจะมีติดเป็นระยะๆ .... สำหรับท่านใดที่มีผู้สูงอายุหรือผู้พิการมาด้วยต้องการใช้รถเข็นวีลแชร์สามารถติดต่อได้ที่กองอำนวยการร่วมบริเวณ ประตูทางเข้าท้องสนามหลวงตรงข้ามฝั่งศาลฎีกา
ขณะที่ บรรยากาศในส่วนอื่น วันนี้ ศูนย์ประสานงานอาสาสมัครร่วมกับกลุ่มให้เบ็ดดีกว่าให้ปลา จัดทำโครงการศิลปะตามรอยพ่อสอนการปั้นเหรียญที่ระลึกแบบพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่๙ ให้กับผู้สนใจ ที่หอประชุมบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ในวันเสาร์ที่๒๕ และวันอาทิตย์ที่๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ตั้งแต่เวลา๙.๐๐ เป็นต้นไป จำนวนวันละ 100 คิว และในครั้งนี้พิเศษสำหรับคนที่มาเป็นคู่จะสามารถหล่อเหรียญทรงรักได้ ทั้งนี้เมื่อทำเสร็จแล้วสามารถรับกลับไปได้ด้วย

ศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร ร่วมกับกลุ่มให้เบ็ดดีกว่าให้ปลา
จ้ดทำโครงการศิลปะตามรอยพ่อ สอนการปั้นเหรียญที่ระลึก
แบบพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่๙ ให้กับผู้สนใจ ที่หอประชุมบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์
ในวันเสาร์ที่๒๕ และวันอาทิตย์ที่๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ตั้งแต่เวลา๙.๐๐ เป็นต้นไป จำนวนวันละ 100 คิว และในครั้งนี้พิเศษสำหรับคนที่มาเป็นคู่จะสามารถหล่อเหรียญทรงรักได้ ทั้งนี้เมื่อทำเสร็จแล้วสามารถรับกลับไปได้ด้วย



บรรยากาศที่บริเวณท้องสนามหลวง ประชาชนยังคงทยอยเดินทางกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อมารอเข้าคิวกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง โดย ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา มีประชาชนได้เข้ากราบพระบรมศพแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 15,845 คน
และล่าสุดมีประชาชนอยู่ในจุดพักคอยโซนทิศเหนือ ของท้องสนามหลวง จำนวน2 เต้นท์ ประมาณ 3,000 คน
ในส่วนของนิทรรศการ"เย็นศิระเพราะพระบริบาล" ยังเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ทุกวันจนถึงเดือนมิถุนายน 2560 ตั้งแต่ 08.00-20.00 น. โดยในวันนี้ยังคงมีประชาชนมานั่งรอเข้าชมนิทรรศการ ภายในเต็นท์พักคอยหมวดอักษร ซ. อย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันโดยประชาชนที่ได้เข้าชมจะได้รับโปสการ์ด และการ์ดพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีพระราชดำริและพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านในแต่ละรูปแบบซึ่งจะมีการหมุนเวียนกันทั้งสิ้น 89 รูปแบบ
ส่วนสภาพอากาศในวันนี้ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมายังคงไม่มีแดดบรรยากาศเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย ด้านของสภาพการจราจรโดยรอบท้องสนามหลวงและพระบรมมหาราชวังรวมถึงเส้นทางที่เป็นวันเวย์ในภาพรวมยังคงเคลื่อนตัวได้ดีเช่นเดียวกัน

 

Time passes.
วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ปีพุทธศักราช ๒๕๖๐
นับได้ ๑๓๓ วัน นับแต่วันสวรรคต
เหตุผลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต้องทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้พระราชทาน คำอธิบายไว้ว่า
"…รับสั่งว่าเราต้องตอบแทนความรักของประชาชนด้วยการกระทำมากกว่าคำพูด ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่จะบำบัดความทุกข์ของเขา เพราะเขาเป็นหลักพึ่งพาของพระมหากษัตริย์ตลอดเวลา จึงตัดสินพระทัยว่าการเสด็จไปไหน ๆ แล้วแจกผ้าห่มแจกเสื้อผ้า เป็นการถมมหาสมุทร อย่างไรก็ช่วยไม่ได้หมด ทางที่ดีรับสั่งว่าต้องลงไปพูดคุยกับเขาเรียกว่าสอบถามถึงความทุกข์ของเขาว่าอยู่ที่ใหน ตั้งแต่นั้นมาเมื่อเริ่มตั้งพระทัยเช่นนั้นก็เริ่มทรง ศึกษาแผนที่ซึ่งกรมแผนที่และกรมชลประทาน ช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลาได้รัฐบาลที่คอย ช่วยเหลือเกื้อกูลพระองค์ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้ทรงตอบแทนพระคุณประชาชนได้อย่างเต็มที่…"
Cr : หนังสือครองใจคน : หลากเหตุผลที่คนไทยรักในหลวง
____________________________________

 

Time passes.
Thassanan Srirungrojana added a new photo to the album: #รูปที่มีทุกบ้าน.

ภาพที่หาดูยากที่สุด

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
บรรยากาศที่สนามหลวงและรอบพระบรมมหาราชวัง ด้านฝั่งประตูเทวาภิรมย์ ซึ่งเป็นประตูทางออกหลังจากที่ประชาชนได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งประชาชนทุกคนที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ต่างภาคภูมิใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีและได้กราบพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อแสดงความอาลัย
อย่างคุณ ปราณี คุ้มเจริญ อายุ 47 ปีเดินทางมาจากรังสิต จังหวัดปทุมธานี กล่าวว่าในวันนี้ได้เดินทางมากับพี่สาวและลูกสาวตั้งใจที่จะเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี ส่วนตัวรู้สึกรักพระองค์ท่านมาก ในทุกวันจะต้องรอดูข่าวในพระราชสำนัก เพื่อชื่นชมพระบารมี พระองค์ท่านในการเสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ
ตนเองก็จะเล่าให้ลูกสาวฟังอยู่ตลอด ว่าพระองค์ท่านทำอะไรเพื่อปวงชนชาวไทยบ้างและจะเปิดพระราชกรณียกิจให้ลูกสาวได้ดู จนวันหนึ่งคุณครูที่โรงเรียนได้ให้เด็กนักเรียนวาดภาพเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ ซึ่งลูกสาวได้วาดรูปพระองค์ท่าน มีฝนหลวงและนาข้าว ซึ่งตนเองรู้สึกภาคภูมิใจมาก ว่าสิ่งที่ตนได้ปลูกฝัง ลูกสามารถรับรู้และเรียนรู้จนถ่ายทอดออกมาเป็นรูปวาดได้ จากนี้ไปก็จะยึดแนวพระราชดำริที่พระองค์ท่านทรงประทานไว้ให้กับปวงชนชาวไทย



บรรยากาศที่บริเวณสนามหลวงและรอบพระบรมมหาราชวัง ในช่วงเช้าวันนี้ อาทิตย์ ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560 อากาศยังคงไม่ร้อนมากและในวันนี้ยังเป็นวันหยุดอีกหนึ่งวัน
ซึ่งมีประชาชนจากทุกสารทิศยังคงหลั่งไหลเดินทางเข้ากราบถวายบังคม พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อย่างต่อเนื่อง ทางสำนักพระราชวัง ได้เปิดให้ประชาชนได้เข้าไปกราบถวายบังคมพระบรมศพตั้งแต่ช่วงเช้ามืด โดยเจ้าหน้าที่ยังคงอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทุกจุด เพื่อให้มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย และมีความคล่องตัว ในการเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มอบให้กับประชาชนทุกคน ที่มารอคิว ภายในเต็นท์พักคอยทางด้านทิศเหนือของสนามหลวง ซึ่งประชาชนทุกคน ที่ได้รับพระบรมฉายาลักษณ์ ต่างรู้สึกปลื้มปิติ และภาคภูมิใจ ว่าครั้งหนึ่งได้เดินทางร่วมแสดงความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์ท่านและร่วมแสดงความอาลัย
ทางกองอำนวยการร่วมได้เปิดเผยยอดประชาชนที่ได้เดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพแล้วตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 12,622 คน รอคิวอยู่ภายในเต็นท์พักคอยประมาณ 3,700 คน
นอกจากนี้บริเวณอาคารนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาลซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมตั้งแต่ช่วง 7 โมงที่ผ่านมาซึ่งมีประชาชนสนใจเดินทางเข้าชมนิทรรศการ เป็นจำนวนมาก โดยทางเจ้าหน้าที่ได้จัดให้ประชาชนเข้าชมเป็นรอบๆ ซึ่งประชาชนจะได้รับการ์ด พระบรมฉายาลักษณ์ เป็นที่ระลึกก่อนออกจากนิทรรศการฯ



สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 25 ก.พ.หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.15 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 32,716 คน รวม 115 วัน มี 4,763,827 คน และประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,501,107.50 บาท รวม 115 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 401,664,946.34 บาท

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ด้านทิศใต้
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีบวงสรวงการก่อสร้างและยกเสาเอกพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีคณะกรรมการ จัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วย คณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ข้าราชการกรมศิลปากร และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี
ซึ่งนายกฯได้ จุดธูปเทียนบูชา
เครื่อบวงสรวง พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ อ่านโองการบวงสรวงฯ รดน้ำเทพมนต์ และเจิมเสา
จากนั้นนายกฯ ได้สรงน้ำปิดทอง และผูกผ้าแพร ๓ สี ที่เสาเอกพระเมรุมาศ ถือสายสูตรยกเสาเอก พระเมรุมาศขึ้นตั้ง พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ต่อด้วยนายกฯโปรยข้าวตอก ดอกไม้ และวางพวงมาลัยที่โคนเสา เอกพระเมรุมาศ และคณะนาฏศิลป์ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร ได้รำบวงสรวง จำนวน ๙ คู่ ก่อนที่นายกฯ จะถวาย ภัตตาหาร พร้อมด้วยเครื่องไทยธรรมและจตุปัจจัยแด่พระสงฆ์ จำนวน ๑๐ รูป พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานฯ กรวดน้ำถวายเป็นพระราชกุศล ถือเป็นอันเสร็จพิธี

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
บรรยากาศที่บริเวณท้องสนามหลวงประชาชนยังคงทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่องเพื่อมารอเข้าคิวกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยล่าสุด หลังสำนักพระราชวังได้เปิดประตูให้ประชาชนเข้าในพระบรมมหาราชวังได้เพื่อเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพแล้วจำนวนทั้งสิ้น 13,814 คน
ส่วนความรู้สึกประชาชนที่ได้เดินทางมากราบพระบรมศพ คุณภัทรชา ศรีมาพล อายุ 33 ปี อาชีพแคชเชียร์
ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองเดินทางมาจากออสเตรีย หลังไปทำงานเป็นแคชเชียร์ ได้5-6 ปี พอทราบข่าวจากสวรรคต ก็พยายามดูตารางเวลางานและเดินทางกลับเมืองไทยทันทีที่ลางานได้ รู้สึกดีใจที่ได้เดินทางกลับมาหาพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย เชื่อว่าคนไทยในต่างประเทศทุกคนจะกลับมาทันทีที่มีโอกาส ตนเองเกิดมาก็รักพระองค์ท่านเห็นพระราชกรณียกิจตามข่าวทางสื่อทางอินเตอร์เน็ตเห็นท่านทรงงานหนักทุกสิ่งเป็นสิ่งที่คนไทยสัมผัสได้ ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์ไม่มีราชวงศ์ไทยแผ่นดินไทยคงไม่มีถึงทุกวันนี้และลูกหลานสืบไป หากถามว่าได้นำคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ในชีวิตอย่างไร ตนคิดว่าทุกคนตั้งใจทำตามคำที่พระองค์ท่านสอนแต่จะมากน้อยอย่างไรคงไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับสังคมแวดล้อมแต่ตนเองพยายามจะทำให้มากที่สุดและสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องการให้คนไทยรักกัน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พระองค์ท่านอยากเห็น

วันที่ 27 ก.พ.2560 สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมากราบพระบรมศพ เมื่อวันที่ 26 ก.พ.หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.07 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 28,793 คน รวม 116 วัน มี 4,792,620 คน และประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 2,451,758.50 บาท รวม 116 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 404,116,704.84 บาท

 

Time passes.

ถ่ายทอดสด พิธีบวงสรวงการก่อสร้าง และยกเสาเอกพระเมรุมาศฯ 27 ก.พ.60 เวลา 09.30-10.30 น. ทาง สทท.11, สวท. 819 KHz, Facebook Live กรมศิลปากร

CR : PRD กรมประชาสัมพันธ์‏@prd_official
Che Neverdie Ernesto Ernesto-Guevara

 

Time passes.
Aksorn Pichai with Sawaruck Yamakupt at สนามหลวง กรุงเทพมหานคร.
การรำบวงสรวงโดยนาฏศิลปินจากสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ในพิธีบวงสรวงการก่อสร้าง และยกเสาเอกพระเมรุมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ท้องสนามหลวง วันจันทร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๐

 

Time passes.
"มะขามป้อม" อีกเรื่องราวน่าประทับใจของในหลวงของเรา... เรื่องมีอยู่ว่า เวลาพระองค์เสด็จประพาสทางไกล หากสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าพระองค์ทรงอมบางอย่างไว้ตลอดเวลา สิ่งนั้นคือ มะขามป้อม สมุนไพรไทยมีฤทธิ์ช่วยให้ชุ่มคอ คราวหนึ่งเมื่อปีนเขาไปถึงสันเขาใหญ่ลูกหนึ่ง มีผู้กราบบังคมทูลถามพระองค์ว่า "ภูเขาลูกเมื่อวานซืนกับลูกที่เดินวันนี้นั้น ลูกใดจะสูงกว่ากัน " ในหลวงทรงตรัสตอบว่า.. "ลูกวานซืนนี้สูงกว่า เพราะฉันเคี้ยวมะขามป้อมถึงห้าลูก กว่าจะเดินถึงยอด แต่วันนี้เพียงสามมะขามป้อมเท่านั้น "

ที่มา : เวียงวังและคลังประวัติศาสตร์

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
บรรยากาศที่บริเวณสนามหลวงและรอบพระบรมมหาราชวังตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมามีประชาชนทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและในพื้นที่ต่างจังหวัด ได้ทยอยเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระ ปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวังอย่างต่อเนื่อง ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งประชาชนที่เดินทางมา ได้แต่งกายด้วยชุดสุภาพไว้ทุกข์ เพื่อเตรียมที่จะเข้าไป กราบถวายบังคมพระบรมศพในพระบรมมหาราชวัง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังในการปฏิบัติงานการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในทุกจุด เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกที่สุด โดยกองอำนวยการร่วมฯ เปิดเผยยอดประชาชนที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพแล้วจำนวนทั้งสิ้น 13,585 คน รอคิว ภายในเต็นท์พักคอยประมาณ 6 แถว ตอนลึก
ทั้งนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชานุญาตให้ คณะสงฆ์จีนนิกาย จัดพิธีบำเพ็ญกุศล (กงเต็ก) น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยพิธีจะเริ่มตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้น ซึ่งจะมีพระสงฆ์จีนนิกายจากทั่วประเทศจำนวน 90 รูป ร่วมในพิธี ซึ่งถือว่าเป็นพิธีใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา



สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 27 ก.พ.หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.10 น.ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 23,181 คน รวม 117 วัน มี 4,815,801 คน และประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงินยอดเงิน 2,385,030.75 บาท รวม 117 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 406,511,735.59 บาท

 

Time passes.
ก่อนที่จะทรงได้พบกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ ทรงทราบถึงความน่ารักจากสมเด็จพระราชชนนีมาก่อนแล้ว ในการเสด็จเยือนปารีสครั้งแรก สมเด็จพระราชชนนีรับสั่งเป็นพิเศษว่าให้ไปทอดพระเนตรลูกสาว ของ ม.จ.นักขัตรมงคล ว่าจะสวย น่ารักไหม ทรงกำชับว่าเมื่อถึงปารีสแล้วให้ โทร.บอกแม่ด้วย

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ถึงก็ทรงโทรศัพท์หาและตรัสว่า
"...เห็นแล้ว น่ารักมาก..."
ขอบคุณที่มา : จักรวรรดิ์ ไพชยนต์
(เวียงวังและคลังประวัติศาสตร์)

 

Time passes.
เรื่องบางเรื่อง..ขณะเสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในภาคกลางครั้งแรก

การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ๔ ภาค ได้เริ่มที่ภาคกลางเป็นภาคแรก โดยในวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๙๘ เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎรในจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรีเป็นแห่งแรก ที่อำเภออู่ทอง มีประชาชนมาเฝ้ารับเสด็จล้นหลาม ทั้งสองพระองค์เสด็จลงจากรถพระที่นั่งปฏิสันถารกับราษฎร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รับสั่งถามหญิงชราคนหนึ่งว่า มีฝนตกลงมามากในระยะนี้ การทำนาและน้ำสำหรับรับประทานพอใช้ไหม
หญิงชราทูลว่า มีใช้พอเพียง


พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตรัสถามว่า อยู่ที่ไหน ทำมาหากินอะไร
หญิงชราทูลตอบว่า "...ตั้งร้านค้าขายอยู่ในตลาดจ้ะ..."
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงซักถามอีกว่า...
"...ร้านใหญ่ไหม..."
หญิงชราทูลว่า...
"...ก็ไม่ใหญ่นักหรอก แต่คงจะใหญ่คราวนี้ เพราะได้เฝ้าในหลวง..."
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพระสรวล แล้วเสด็จพระราชดำเนินทักทายราษฎรคนอื่นต่อไป


สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงตรัสกับราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จฯ ว่า พระองค์มีพระประสงค์จะมาเที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรีนานแล้ว เพิ่งจะมีโอกาสมาคราวนี้ และอยากจะมาอาบน้ำเล่นให้สนุก
ทรงตรัสถามหญิงคนหนึ่งว่า...
"...จระเข้ในแม่น้ำสุพรรณชุมมากไหมจ๊ะ..."
หญิงผู้นั้นทูลตอบว่า...
"...เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วค่ะ...."
ราษฎรที่เข้าเฝ้านั้นส่วนใหญ่ต่างไม่ประสีประสาในราชาศัพท์ แต่ทั้งสองพระองค์ก็ไม่ทรงถือสาแต่อย่างไร


ผู้สื่อข่าวซึ่งติดตามรายงานข่าวโดยละเอียด ได้รายงานว่า หญิงชราคนหนึ่งได้ทูลถามสมเด็จพระบรมราชินีฯ ตามภาษาชาวบ้านว่า...
"...ยังสาวเหลือเกิน มีลูกกี่คนแล้ว..."
สมเด็จฯ ทรงตอบว่า...
"...สามคนแล้วละจ้ะ เป็นหญิงสองชายหนึ่ง คนเล็กอายุได้ ๕ เดือน ฉันอยากจะพามาเที่ยวด้วย แต่หนทางไกลกลัวไม่สบาย และต้องค้างคืน..."


หญิงชราแสดงความประหลาดใจทูลถามว่า...
"...แล้วรับประทานนมที่ไหน..."
สมเด็จพระนางเจ้าฯ ทรงตอบว่า...
"...กินนมกระป๋อง..."
และตรัสต่อไปว่า...
"...นมของฉันไม่พอให้รับประทาน ฉันต้องกินแกงเลียงทุกวัน ผู้ใหญ่เขาบอกว่าถ้ากินแกงเลียงแล้วจะมีน้ำนมมาก แต่ของฉันก็ไม่มาก..."
ตรัสแล้วก็ทรงพระสรวลและชมว่า...
"...คุณป้าคนนี้พูดเก่งจัง.."


ที่จังหวัดชัยนาท มีราษฎรมาเฝ้าสองข้างทางหลวงแผ่นดินและทางหลวงภายในจังหวัดอย่างแน่นขนัด เสด็จไปที่ศาลากลางจังหวัด เมื่อพระราชทานกระแสพระราชดำรัสแล้ว ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จจากที่ประทับไปทรงเยี่ยมและปฏิสันถารกับราษฎรที่มาเฝ้าอยู่หน้าที่ประทับ ทรงไต่ถามถึงทุกข์สุข การทำมาหาเลี้ยงชีพ และพระราชทานพรพร้อมเงินก้นถุง


ในขณะที่ทั้งสองพระองค์อยู่ท่ามกลางราษฎรนั้น หญิงชราคนหนึ่งได้วิ่งเข้ามากราบและกอดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ บรมราชินีนาถฯร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจที่ได้เห็นองค์พระประมุขอย่างใกล้ชิด จนทั้งสองพระองค์ไม่สามารถเสด็จพระราชดำเนินต่อไปได้ ทรงไต่ถามความเป็นอยู่และการทำมาหากิน ซึ่งทำให้หญิงชราปลื้มปีติอย่างยิ่ง


รุ่งอรุณของวันที่ ๒๘ กันยายน สองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา นับแต่ชัยนาทถึงสิงห์บุรี สะพรั่งไปด้วยธงทิวประดับประดาไว้อย่างสวยงาม ประชาชนได้พากันหลั่งไหลไปที่หน้าศาลากลางจังหวัดอย่างมืดฟ้ามัวดิน หลามออกมาจนถึงถนนหน้าศาลากลาง ที่ต่างปลื้มปีติยินดีในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้เสด็จมาเยี่ยมชาวสิงห์บุรี หลังจากมีพระราชดำรัสกับราษฎรแล้ว ได้เสด็จลงเยี่ยมเยียนทักทายกับผู้ที่มาเข้าเฝ้าโดยทั่วกัน ทรงยื่นพระหัตถ์ให้ผู้เฒ่าผู้แก่จับ ราษฎรได้นำไข่ไก่และดอกไม้มาถวาย ทรงพระราชทานเงินก้นถุงให้ผู้ถวายของทุกคน



พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รับสั่งถามราษฎรคนหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวบางระจันมีอาชีพทำนา ว่าการทำนาเป็นอย่างไร ข้าวเจริญงอกงามดีหรือ ราษฎรทูลว่าการทำนาไม่ดี เพราะน้ำมากจนทำนบพัง ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการอำเภอ ผู้แทนราษฎรไม่เอาใจใส่ บอกว่าจะให้ข้าวกินก็ไม่ให้ ข้าราชการที่ตามเสด็จจึงได้รับเรื่องไปดำเนินการช่วยเหลือต่อไป



ในวันที่ ๑๘ ตุลาคม ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎรจังหวัดนครนายก เมื่อมีพระราชดำรัสจบแล้ว เสด็จลงจากศาลากลางจังหวัด เพื่อทรงทักทายปฏิสันถารกับราษฎรอย่างใกล้ชิด หญิงชราหลายคนเมื่อเห็นสมเด็จพระนางเจ้าฯบรมราชินีนาถฯ เสด็จมา ก็เข้ากราบขอจับพระหัตถ์ไปกอด บางคนจับพระหัตถ์ได้ก็ไม่ยอมปล่อย ทำให้สมเด็จฯทรงพระสรวล



ทั้งสองพระองค์เสด็จพระราชดำเนินในหมู่ราษฎรที่มาเฝ้าหลายหมื่นคน เป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ด้วยพระพักตร์ยิ้มแย้มตลอดเวลา จึงเสด็จประทับรถยนต์พระที่นั่งออกจากศาลากลาง มีประชาชนห้อมล้อมรถพระที่นั่งเพื่อส่งเสด็จ ต่างเปล่งเสียงไชโยจนรถพระที่นั่งพ้นศาลากลาง
Cr : ผู้จัดการออนไลน์
สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์ น้อมศิระกรานต์ กราบแทบพระยุคลบาท ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ที่มา : เพจ นิทรรศการพลังแผ่นดิน อัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินสยาม




ขณะเสวยพระกระยาหารกลางวัน ที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หยุดรถพระที่นั่ง เมื่อเห็นราษฎรมานั่งตากแดด
พนมมือรอรับเสด็จอยู่ข้างทาง
http://welovethaiking.com/blog/เรื่องบางเรื่อง-ขณะเสด็/

และขอขอบคุณภาพ จาก http://www.suphan.biz/theking.htm

 

Time passes.
ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ร่วมกับสมาคมการพิมพ์ไทย จัดทำ “โปสการ์ดของพ่อ” ชุดโปสการ์ดที่ระลึกออกแบบพิเศษ 9 แบบ จัดพิมพ์ด้วยเทคนิคที่หลากหลาย อาทิ เทคนิคการพิมพ์แบบเพื่อสะท้อนหยาดเหงื่อของพ่อหลวง เทคนิคการพิมพ์เพื่อสร้างความสมพระเกียรติแก่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ฯลฯ พร้อมกันนี้ ยังมีพระราชดำรัสหรือพระบรมราโชวาทพิมพ์อยู่อีกด้านของโปสการ์ด เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้ตระหนักและน้อมนำปฏิบัติตาม โดยชุดโปสการ์ดที่ระลึกดังกล่าว จัดพิมพ์ทั้งหมด 50,000 ชุด หรือ 450,000 ใบ
ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมนิทรรศการ “โปสการ์ดของพ่อ” พร้อมรับโปสการ์ดที่ระลึกได้ฟรี จำนวน 1 ใบ ต่อ 1 ท่าน ได้ที่ TCDC COMMONS ชั้น 3 ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม 2560 หรือจนกว่าโปสการ์ดจะหมด ตั้งแต่เวลา 10.30 - 17.00 น. (จำนวนจำกัด 90,000 ใบ)
ติดตามรายละเอียดช่องทางการแจกจ่ายเพิ่มเติมได้ที่ www.tcdc.or.th
มาร่วมรำลึกถึงพ่อและรับ “โปสการ์ดของพ่อ” ที่ระลึกจาก TCDC จัดพิมพ์เพียง 450,000 ใบ ประชาชนรับฟรีได้ในวันที่ 21 ก.พ. - 2 มี.ค 2560 (ยกเว้นจันทร์ที่ 27 ก.พ.) ที่ TCDC COMMONS (สถานีMRT สามย่าน) และ miniTCDC 21 แห่งทั่วประเทศ #โปสการ์ดของพ่อ #TCDC

 

Time passes.
James Apisit
...จากพระราชดำริสู่ความยั่งยืนของชุมชน...

1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517
ในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงไฟฟ้าบ้านยาง วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2517
ในหลวงทรงมีพระราดำริให้นำพลังงานน้ำมาผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้ในกิจการโรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 1 (ฝาง) และให้ราษฎรให้หมูบ้านบ้านยาง ได้มีไฟฟ้าใช้กันถ้วนหน้า ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ) ได้น้อมนำพระราชดำริ มาเป็นแนวทางในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำบ้านยาง และเป็นต้นแบบในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กแห่งอื่น ๆ ทั่วประเทศอีกด้วย
โดย พลอากาศตรีกำธน สินธวานนท์ อดีตองคมนตรี เล่าว่า
"พระองค์ท่านทรงมีความรู้ว่าการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำสามารถทำได้สองแบบ แบบแรกได้จากการที่น้ำไหลจากที่สูงลงมาพัดกังหันเครื่องกำเนิดไฟฟ้าส่วนอีกแบบหนึ่งคือ น้ำไหลในทางราบซึ่งหากไหลอยู่ตลอดเวลาก็ทำให้กังหันเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหมุนได้เช่นกัน เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นทางน้ำไหลอยู่ตลอดเวลาที่บ้านยางจึงทรงมีพระราชดำริให้ศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการสร้างไฟฟ้าที่นี่ ทรงมีพระราชประสงค์ให้ผลิตไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานของโรงงานแปรรูปผลไม้ เพราะเวลานั้นยังไม่มีไฟฟ้าเข้าถึงหมู่บ้านดังกล่าว"
ปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กแห่งแรก ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์โรงไฟฟ้าพลังน้ำบ้านยาง โดยการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ครองโรงไฟฟ้าเดิม และยึดแนวทางให้เป็ฯพิพิธภัณฑ์พื้นที่ที่มีชีวิต โดยจัดแสดงเนื้อหาในรูปแบบนิทรรศการ ประวัติความเป็นมาในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับจากโรงไฟฟ้าแห่งนี้

ข้อมูล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฟผ. ฝ่ายสื่อสารองค์การ
ภาพต้นฉบับ พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงที่ ๑ (ฝาง)

ภาพลำดับที่ 59

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
วันนี้ 1 มี.ค 60 เวลา 04.30น. ตำรวจจราจรโครงการพระราชดําริทยอยนำขบวนรถบัส 45 คัน ของประชาชนที่เดินทางจากจ.สิงห์บุรี เพชรบูรณ์ นครราชสีมา ตามโค้วตาของกระทรวงมหาดไทย เพื่อมาเข้าคิวกราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดชบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งสิ้น 2,193 คน


บรรยากาศการเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ. โดยมียอดประชาชนแล้วทั้งสิ้นประมาณ 17,164 คน และยังคงรอคิวอยู่ในเต็นท์พักคอยทางฝั่งทิศเหนืออีกประมาณ 2 เต็นท์ เจ้าหน้าที่ได้ทำการปล่อยแถวประชาชนบางส่วน เข้าไปภายในพระบรมมหาราชวัง เนื่องจากในวันนี้มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศล (กงเต็ก) น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชของขณะสงฆ์จีนนิกาย ทำให้การปล่อยแถวของประชาชนในช่วงบ่ายค่อนข้างเว้นระยะห่างพอสมควร และ ถึงแม้ว่าในวันนี้จะต้องรอนานแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับประชาชนที่เดินทางมาแม้แต่น้อย




บรรยากาศที่บริเวณสนามหลวงและรอบพระบรมมหาราชวังในช่วงบ่าย มีประชาชนในทุกกลุ่มวัย เดินทางมารอคิว เพื่อเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพอย่างต่อเนื่อง โดยทางเจ้าหน้าที่และจิตอาสา ได้คอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ที่เข้ามาในพื้นที่ ล่าสุด
กองอำนวยการร่วมฯเปิดเผยยอดประชาชนที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพแล้วจำนวนทั้งสิ้น 16,315 คน ซึ่งทางเจ้าหน้ายังไม่ปล่อยแถวเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง เนื่องจากมีพิธีบำเพ็ญกุศล (กงเต็ก) น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

 

Time passes.

สำนักข่าวไทย
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปในการบำเพ็ญพระราชกุศล (พิธีกงเต็ก) ถวายพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

 

Time passes.
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลกงเต๊กถวายพระบรมศพ “ในหลวงรัชกาลที่ 9”


https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_236584

 

Time passes.

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
เช้านี้ประชาชนจำนวนมาก เดินทางมาจากพื้นที่ต่างจังหวัด และที่อยู่ในกรุงเทพฯ ได้ทยอยเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังอย่างต่อเนื่องด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
โดยกองอำนวยการร่วมเปิดเผยยอดประชาชนที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพแล้วในช่วงเช้าที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 10,870 คน รอคิวประมาณ 3 แถวตอนลึก

บรรยากาศที่บริเวณสนามหลวงและรอบพระบรมมหาราชวัง ภาพรวมตลอดทั้งวัน เป็นไปด้วยความเรียบร้อยประชาชนยังคงหลั่งไหลเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่และจิตอาสายังคงปฏิบัติหน้าที่ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอย่างเต็มความสามารถ ทั้งด้านการบริการอาหาร น้ำดื่ม จุดรอคิว การเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพภายในพระบรมมหาราชวัง โดยล่าสุดมีประชาชนได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพแล้วจำนวนทั้งสิ้น 15,856 คน

โดยวันนี้ ทางกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง กอร.รส. พลตรีพงสวัสดิ์ พรรณจิตต์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 เปิดเผยว่า ภาพรวมการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งจากสถิติในแต่ละวัน พบว่ามีประชาชนเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ เฉลี่ยวันละประมาณ 30,000 คน และจะมีประชาชนเดินมาในช่วงวันหยุดมากกว่าวันธรรมดามาด ซึ่งจำนวนประชาชนไม่ได้แตกต่างกับช่วงแรกที่เปิดให้ประชาชนเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ แต่การดูแลประชาชนทำได้ดีขึ้นตามลำดับ การสะสมของคิวประชาชนน้อยลง ในแต่ละช่วงมีประชาชนรอคิวภายในเป็นพักคอยประมาณ 1,000 คน ซึ่งทำให้เกิดความคล่องตัวในการอำนวยความสะดวก ส่วนอาคารนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล ปัจจุบันมีประชาชนให้ความสนใจเข้าชมนิทรรศการเป็นจำนวนมาก เฉลี่ยวันละ 4,000 - 5,000 คน ในช่วงเวลา07.00 - 19.00 ย. โดยทางเจ้าหน้าที่ได้จัดรถรับ-ส่ง บริการให้กับประชาชนจากประตูเทวาภิรมย์มาที่บริเวณศาลฎีกา โดยขณะนี้พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ทางสำนักงานกปร.ได้ทำการปิดนิทรรศการแล้ว เพื่อเปิดพื้นที่ให้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามาปรับปรุงพื้นที่ เตรียมพร้อมในพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ส่วนพื้นที่การก่อสร้างพระเมรุมาศ ทางกรมศิลปากรเตรียมที่จะขยายพื้นที่เพิ่มเติมในการก่อสร้าง ซึ่งทางกอร.รส.ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่มากขึ้น เพื่อไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้าไปในพื้นที่ก่อสร้าง นอกจากนี้ในวันที่ 6 มีนาคม 2560 เป็นต้น ไปทางกระทรวงวัฒนธรรมจะมีการจัดสายตรวจด้านวัฒนธรรมซึ่งได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ จะเข้ามาช่วยในการดูแลประชาชนในการแต่งกายที่เหมาะสม รวมถึงการจัดทำป้ายรูป เพื่อแสดง เครื่องแต่งกายที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และให้ความร่วมมือ ส่วนปริมาณขยะในพื้นที่ หลังจากที่มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องพบว่าปริมาณขยะลดลง จากวันละ 14 ตัน เหลือวันละ 12 ตัน ซึ่งประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีทำให้ ปัญหาขยะในพื้นที่ เริ่มที่จะลดลงตามลำดับ
ทั้งนี้ทางกอร.รส. เตรียมที่จะปรับแผนการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนให้สอดรับ กับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งจะมีการปรับพื้นที่ให้เหมาะสมเพื่อเปิดพื้นที่ให้การก่อสร้างพระเมรุมาศ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ


ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.ที่ผ่านมา มีประชาชนได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศแล้วทั้งสิ้น ประมาณ 14,538 คน และยังคงรอคิวอยู่ในเต็นท์พักคอยทางฝั่งทิศเหนืออีกบางส่วน
รวมถึงยังมีประชาชนจำนวนมาก มารอเข้าคิวที่ เต็นท์พักคอย ซ. เพื่อเข้าชมอาคารนิทรรศการ เย็นศิระเพราะพระบริบาล ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมไปจนถึงเดือน มิถุนายนนี้ โดยประชาชนที่เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเสร็จแล้ว และอยากชมนิทรรศการ"เย็นศิระ เพราะพระบริบาล" จะมีรถบริการรับจากประตูเทวาภิรมย์มาส่งที่บริเวณเต็นท์พักคอยใกล้กับอาคารนิทรรศการฯเพื่ออำนวยความสะดวกไม่ต้องเดินเท้าไกล
ในส่วนของการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในพื้นที่นั้นก็ยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวดในทุกๆจุด ขณะที่ในเต็นท์พักคอยก็จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดชุมชนสัมพันธ์คอยพูดคุยและทำให้ประชาชนที่กำลังรอคิวได้คลายความเครียด ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะปล่อยแถวไปยังประตูมณีนพรัตน์เพื่อเข้าสู่พระบรมมหาราชวังต่อไป

 

Time passes.

สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
ใครที่จะไปถวายความสักการะ ควรพิจารณาเครืองแต่งกายตามนี้ครับ

 

Time passes.
ใจเราคงสลายกันอีกครั้ง…เมื่อวันนั้นมาถึง “สมเด็จพระเทพฯ”รับสั่งหมายกำหนดการถวายพระเพลิง “ในหลวง ร.๙”

เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 25560 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงร่วมการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครั้งที่ 1/2560
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับเป็นที่ปรึกษาการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และทรงรับเชิญเสด็จพระราชดำเนินในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการนี้ ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้รัฐบาลจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เช่น หน่วยแพทย์ อาหาร น้ำดื่ม รถสุขา และถังขยะให้มีความพร้อมพอเพียงสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกตลอดเวลา
ทั้งนี้ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่เอกสารการประชุม ร่างหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ว่า
วันที่ 1 พระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
วันที่ 2 พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
วันที่ 3 เก็บพระบรมอัฐิ ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง
วันที่ 4 งานพระราชกุศลพระบรมอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง
วันที่ 5 เลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และเชิญพระโกศพระบรมอัฐิขึ้นประดิษฐานพระวิมานบนพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท


สำหรับ การจัดขบวนพระบรมราชอิสริยยศ เพื่ออัญเชิญพระบรมศพ พระโกศพระบรมอัฐิ และ พระบรมราชสรีรางคาร กำหนดไว้ 6 ขบวน โดยจะมีการฝึกซ้อมย่อยและฝึกซ้อมใหญ่ในสถานที่จริงเพื่อให้มีความพร้อมเพรียงและสง่างามสมพระเกียรติยศ การจัดแสดงมหรสพสมโภช ประกอบด้วย การจัดแสดงโขนหน้าไฟหน้าพระเมรุมาศ เรื่อง รามเกียรติ์ ชุดพระรามข้ามสมุทร , ยกรบ, รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ การแสดงมหรสพสมโภชบริเวณท้องสนามหลวงด้านทิศเหนือ ประกอบด้วย การแสดงหนังใหญ่และโขนพระราชทาน ตอน รามาวตาร การแสดงละคร หุ่นหลวงและหุ่นกระบอก และการบรรเลงดนตรีสากล “ธ คือ ดวงใจไทยทั่วหล้า” การจัดนิทรรศการเย็นศิระเพราะพระบริบาล รวมไปถึงการจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจการทรงงานในแต่ละพื้นที่ของจังหวัด นิทรรศการด้านการพระราชไมตรีที่เกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร

การจัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์ของภาคประชาชน โดยจะดำเนินการทั้งในกรุงเทพมหานคร จังหวัดและอำเภอทั่วประเทศ ตลอดจนในต่างประเทศด้วย ซึ่งในกรุงเทพมหานครจะจัดตั้งซุ้มถวายดอกไม้จันทน์บริเวณใกล้ท้องสนามหลวง 11 ซุ้ม และตามมุมเมือง 4 ซุ้ม ซุ้มขนาดกลางตามแนวถนนราชดำเนินและถนนอรุณอมรินทร์ 19 ซุ้ม และซุ้มขนาดเล็กตามวัดต่าง ๆ 67 ซุ้ม ส่วนภูมิภาคมีซุ้มขนาดใหญ่ 76 ซุ้ม (อำเภอร่วมกับจังหวัด) และซุ้มขนาดกลางทุกอำเภอ/วัดต่าง ๆ 802 ซุ้ม ส่วนในต่างประเทศจะมีซุ้มขนาดกลาง ณ สถานเอกอัครราชทูตไทยและสถานกงสุล 96 ซุ้ม และซุ้มขนาดเล็กตามวัดไทย 539 ซุ้ม รวมทั้งยังได้เชิญชวนจิตอาสาร่วมกันทำดอกไม้จันทน์เพื่อใช้สำหรับประชาชนที่ไปร่วมงานสามารถนำดอกไม้จันทน์ไปถวายได้



นอกจากนี้ยังได้จัดนิทรรศการภายหลังงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมเครื่องประกอบพระเมรุมาศด้านช่างสิบหมู่และความงดงามของสิ่งปลูกสร้างและส่วนประกอบทั้งหลายที่ใช้ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นระยะเวลา 30 วัน และจัดทำหนังสือที่ระลึกและจดหมายเหตุ ให้มีการจัดทำหนังสือจดหมายเหตุฉบับหลักและฉบับรอง และหนังสือที่ระลึกอื่น ๆ ตามความเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระราชดำริเรื่องพระราชรถปืนใหญ่ที่ได้ทรงให้จัดสร้างขึ้นแทนของเดิมที่ชำรุด รวมทั้งเรื่องดุริยางค์ที่ได้ทรงมีรับสั่งให้เพิ่มขึ้นอีก 1 วง จากเดิมที่มี 2 วง ตลอดจนตู้ปาฏิโมข์สำหรับทำเครื่องสังเค็ด โอกาสนี้ได้มีพระราชดำรัสเรื่องหมายกำหนดการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ซึ่งกำหนดไว้วันที่ 25-29 ธันวาคม 2560 โดยให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระราชทานพระราชวินิจฉัยต่อไป และทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้รัฐบาลจัดสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เช่น หน่วยแพทย์ อาหาร น้ำดื่ม รถสุขา และถังขยะให้มีความพร้อมพอเพียงสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกตลอดเวลา
http://www.springnews.co.th/th/2017/03/28323/

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
บรรยากาศที่บริเวณสนามหลวงและรอบพระบรมมหาราชวัง ตลอดช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 3 มีนาคม 2560 โดยประชาชน ยังคงหลั่งไหลเดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ จะเดินทางมา เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพตั้งแต่ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยสำนักราชวังได้เปิดให้ประชาชนได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพตั้งแต่ช่วงเวลา 05.00 น. โดยกองอำนวยการร่วมฯเปิดเผยยอดประชาชนที่ได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพแล้ว 11,381 คน รอคิวภายในเต็นท์พักคอยประมาณ 4 แถว
นอกจากนี้ ในระยะนี้พบว่าอากาศค่อนข้างแปรปรวน ทำให้ประชาชนมีอาการเจ็บป่วย ทางศูนย์ปฏิบัติการร่วมการแพทย์และสาธารณสุข จัดหน่วยบริการการแพทย์ ดูแลประชาชนที่เดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ บริเวณสนามหลวง และในพระบรมมหาราชวัง 27 หน่วย และจุดจุดรองรับประชาชน 15 จุด ซึ่งผลการปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2559-1 มีนาคม 2560 มีผู้เข้ารับบริการแล้วรวมทั้งสิ้น 2,124,148 คน ส่วนใหญ่เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ปวดศีรษะ ไข้ เจ็บคอ ปวดหลัง ปวดขา หน้ามืดและเป็นลม
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเตรียมความพร้อมร่างกาย และสุขภาพให้ดี หากมีอาการเจ็บป่วย สามารถรับบริการได้ที่จุดบริการด้านการแพทย์ ที่บริเวณรอบท้องสนามหลวงและจุดรับรองประชาชนทั้ง 15 จุด ส่วนประชาชนที่เดินทางมาคนเดียวควรเขียนรายละเอียดประวัติแพ้ยา และโรคประจำตัว เพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นในการดูแลและติดต่อญาติ และสามารถขอรับบริการทางการแพทย์ได้ บริเวณรอบท้องสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง 15จุดหรือโทรสาย ด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง

 

Time passes.
งานหุ่นจำลองพระเมรุมาศ ทำจากกระดาษชิ้นเล็กๆ
บรรจงตัดด้วยใจอันมุ่งมั่นและสองมือที่เชี่ยวชาญ ก่อเกิดเป็นงานศิลปะชั้นสูงอันทรงคุณค่า..
" ผมได้แรงบันดาลใจมาจากพระองค์ท่าน ที่ท่านทรงต่อเรือเองด้วยสองพระหัตถ์และเครื่องมือพื้นฐาน ไม่ได้ใช้เทคโนโลยี่ชั้นสูงใดๆ เลย.."
" ใช้ความเพียรพยายามและใจรักในงานที่ทำ พวกเราทุกคนก็จะสามารถทำงานใดๆให้สำเร็จได้.."
" ผมทำงานเพื่อถวายให้กับพระองค์ท่าน นี่คือที่สุดในชีวิตของผมแล้ว "
เจ้าหน้าที่สำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปากร กล่าวความในใจและเบื้องหลังการทำงานของเขา..
(ขอขอบคุณที่มา : Yongyut Laksap)

 

Time passes.
Thassanan Srirungrojana added 9 new photos.
สุนิดา ปัญญาวงศ์ ในวัย 56 ปี เจ้าของร้านโต๋ว เจียบ เส็ง(ร้านรับทำเครื่องกระดาษและจัดไหว้เจ้า) ซอยประดู่ เขตป้อมปราบฯ กรุงเทพฯและลูกชายคนเล็ก ชัชวาล สุขเลิศนภากุล วัย33ปี กำลังสาละวนอยู่กับการตรวจความเรียบร้อยของหุ่นทหารและหุ่นข้าราชบริพาร (หรือ"กั้ง"ในภาษาจีน)จำนวน18ตัว เพื่อใช้ในการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลกงเต๊กถวายพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช ซึ่งเป็นพิธีที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะสงฆ์จีนนิกายทั่วประเทศร่วมกันจัดขึ้นในวันที่28กุมภาพันธ์ 2560 โดยเธอได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์จากวัดจีนให้จัดทำเครื่องกระดาษถวายในครั้งนี้ "นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำงานถวายพระองค์ท่าน ดีใจมาก" เธอกล่าวด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปิติเมื่อถูกถามว่ารู้สึกอย่างไรกับภาระกิจที่ได้รับ นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วยังมีอีกหลายหลายรายการที่เธอได้ทำถวายพระองค์ท่าน เช่น พระคลังเงิน1หลัง พระคลังทอง1หลัง ภูเขาเงินภูเขาทอง9ลูก หีบสมบัติ2ใบ เสื้อผ้าเด็ก ผู้ชาย ผู้หญิงอย่างละ200ชุด กระดาษเงินและกระดาษทองเผาอุทิศกุศลให้สัมภเวสีอย่างละ1กระบะ วันนี้ทุกอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วโดยใช้เวลากว่า2เดือนผู้ร่วมงานกว่า10คนในการทำ เมื่อถามว่าแต่ละอย่างที่ทำมีความยากง่ายอย่างไร เธอบอกว่าร้านเราทำงานมากว่า60ปีแล้ว โดยตัวเธอเป็นรุ่นที่2และกำลังจะส่งผ่านไปยังรุ่นที่3คือลูกชายของเธอ ทุกชิ้นงานที่ทำจะให้ความปราณีตเป็นพิเศษเพื่อให้สมพระเกียรติแก่พระองค์ท่าน โดยพระคลังเงินและพระคลังทองทำยากสุดเพราะของที่นำมาประดับเยอะมากใช้เวลาแต่ละพระคลังถึง2อาทิตย์ด้วยกัน
คำบรรยาย & ภาพ อนันต์ จันทรสูตร์ (Anant Chantarasoot) NationTV

 

เพลงพระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ร้องบรรเลงจากศิลปินญี่ปุ่น

 

เพราะมากครับ ยิ่งคลิบสุดท้าย แทบแยกไม่ออกเลย ทำนองเหมาะเจาะมากกับเพลงญี่ปุ่น

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
วันนี้ประชาชนจำนวนมากถือโอกาสช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เดินทางเข้ามาในพื้นที่ท้องสนามหลวงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้า ด้วยความมุ่งหวังตั้งใจแสดงออกถึงความจงรักภักดีและความอาลัยต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระปริมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทำให้ยอดประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพล่าสุด 08.00 น. จำนวน 10,803 คน โดยที่มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ เทศกิจค่อยอำนวยความสะดวกเต็มความสามารถ ซึ่งก็พบว่าตลอดช่วงเช้ามาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จุดคัดกรองที่ยังคงเข้มงวดตรวจค้นวัตถุต้องสงสัย อุปกรณ์ต้องห้ามอย่างละเอียด การให้บริการรถรับ - ส่งภายในพื้นที่ท้องสนามหลวง ท่าช้าง - โรงแรมรัตนโกสินทร์ วงเวียนหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน - โรงแรมรัตนโกสินทร์ เป็นไปอย่างเรียบร้อยเช่นกัน

ขณะที่การเดินทางเเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ เนื่องจากสถานที่ในการให้บริการจอดรถมีพื้นที่จำกัด การใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ 25 เส้นทาง หรือชัตเตอร์บัส 11 เส้นทาง ของ ขสมก.ประชาชนจะได้รับความสะดวกสบายมากกว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม การให้บริการอาหาร - เครื่องดื่มที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้หน่วยงานภาครัฐมีบทบาทมากขึ้น ในวันนี้จึงเป็นกองทัพบกให้บริการ ซึ่งให้บริการตั้งแต่วันที่ 1- 10 มีนาคม 2560
และทางด้านสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้นำหนังสือ คู่มือเพื่อคนรักสุขภาพ กินเพื่อสุขภาพ หยูกยาน่ารู้ จำนวนกว่า 5,000 เล่มมาแจกจ่ายให้กับประชาชนในวันนี้ด้วย

 

Time passes.
สำนักพระราชวังออกหมายกำหนดการสมเด็จพระจักรพรรดิ และ สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยเป็นการส่วนพระองค์ ระหว่างวันที่ 5 - 6 มีนาคม 2560.
วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พุทธศักราช 2560 :
เวลา 13:45 น. สมเด็จพระจักรพรรดิ และ สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จฯ ถึงท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศ โดยเครื่องบินพระที่นั่ง เที่ยวบินพิเศษของรัฐบาลญี่ปุ่น จากนั้นเสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งไปโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโรงแรมที่ประทับ
เวลา 18.00 น. เสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายราชสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และเสด็จพระราชดำเนินไปพระที่นั่งอัมพร พระราชวังดุสิต เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และหลังจากนั้น เสด็จฯกลับ.
วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พุทธศักราช 2560 :
เวลา 11.00 น. สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จฯ ออกจากโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ไปท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศโดยรถยนต์พระที่นั่ง และเสด็จฯออกจากประเทศไทย กลับประเทศญี่ปุ่น.
Their Majesties Imperial Emperor Akihito and Empress Michiko of Japan will visit the Kingdom of Thailand during 5-6 March 2017..
Sunday 5th March :
13:45 : the Emperor and Empress arrive Royal Thai Air Force
18:00 : the Emperor and Empress presiding over the Royal Funeral Ceremony of His Majesty Late King Bhumibol Adulyadej at Dusit Maha Prasart Throne Hall in the Grand Palace and then who meet His Majesty King at Amphorn Satharn Throne Hall in Dusit Royal Palace..
Monday 6th March :
11:00 : the Emperor and Empress go to Japan..
ข่าว : Web_Manager Online
Cr . thairoyalfamilynews
Via : มุกหอม กวินเนเวียร์

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
นี่คือสิ่งปลอบประโลมใจที่มีคุณค่ามากที่สุด สำหรับฉันในยามโศกเศร้า
ในช่วงชีวิตกว่าหกสิบปี ฉันได้เฝ้ารับเสด็จในหลวงของฉันหลายครั้ง ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ และจงรักภักดี
ราวปีพ.ศ. ๒๕๑๔ ฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เพิ่งเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพ ทุกครั้งที่อ่านหนังสือพิมพ์ว่าท่านเสด็จที่ไหนถ้าเป็นเวลาและสถานที่ที่ไปได้ โอกาสเฝ้ารับเสด็จ ฉันจะไปเฝ้ารอรับเสด็จเสมอ แม้เพียงได้เห็นรถพระที่นั่งแล่นผ่าน
ครั้งที่ฉันได้เฝ้าใกล้ชิดที่สุดคือครั้งที่ท่านเสด็จเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกตที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม วันนั้นฉันไปถึงก่อนใครๆ เพื่อจะได้จองที่นั่งแถวหน้าสุด หยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนใหม่ที่เตรียมมาบรรจงปูลงกับพื้นตรงหน้า รอเวลาเสด็จนานมากจนคนมาเต็มแน่นสองข้างทางเดิน ใกล้เวลาเสด็จเจ้าหน้าที่ส่งสัญญาณให้รู้
ท่านเสด็จมาใกล้ หัวใจฉันพองโตด้วยความตื่นเต้นเป็นที่สุดจนมิได้ยินสรรพเสียงใดๆ ได้แต่ก้มกราบลงกับพื้นไม่กล้าเงยหน้ามอง เห็นแต่พระบาทที่ก้าวช้าๆเหยียบลงบนผ้าผืนเล็กตรงหน้า
ในหลวงเสด็จผ่านไปแล้ว ฉันบรรจงพับผ้าผืนนั้นเก็บใส่กระเป๋า กลับหอพักอย่างมีความสุข ภาพพระบาทที่ประทับลงบนผ้าเช็ดหน้าของฉันรวมทั้งความสุขใจล้นเหลือในวันโน้นเป็นภาพจำที่ไม่เคยเลือนหายแม้เวลาจะผ่านไปนานมากแล้ว
เมื่อมีครอบครัวมีบ้าน ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นถูกนำไปวางไว้บนหิ้งบูชาของบ้าน.
............................
จนถึงวันที่ฟ้าร้องไห้
บ่ายวันพฤหัสที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ ฟ้าสลัวมัวคลุ้มทั้งในกรุงเทพและที่บ้านของฉันนอกกรุงเทพ ฉันขับรถเข้ากรุงเพื่อซื้อเสื้อสีชมพูเพิ่มสำหรับตัวเองและลูก ปรารภกับสามีว่าฟ้าเศร้าแบบนี้ทุกข์ใจมากเหลือเกินนะพ่อ เขาปลอบว่าอย่าคิดมากไปเลย โทรศัพท์ไปหาลูกชายคนโตที่ลางานไปสวดมนต์ถวายอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชก็ไม่บอกอะไร พ่อเขาโทรศัพท์ไปหาลูกชายคนเล็กที่เป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาก็ไม่พูด เราได้แต่เก็บงำความทุกข์อยู่เงียบเชียบมิกล้าเอ่ยคำใดๆ
จนกระทั่งหนึ่งทุ่ม...เราสองคนนั่งนิ่งขึงราวหัวใจสลายอยู่หน้าจอโทรทัศน์
ตั้งสติกันได้แล้ว สามีของฉันสาละวนกับการหาเสื้อดำ ฉันเดินไปหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนที่เคยประทับรอยพระบาทลงมาจากหิ้งบูชา ผ้าผืนนั้นเก่าคร่ำจนเป็นสีน้ำตาลอยู่ในซองพลาสติกเก่าเกือบกรอบ ฉันห่อทับด้วยผ้าสีขาวด้วยความตั้งใจว่าจะนำติดตัว นี่คือสิ่งปลอบประโลมใจที่มีคุณค่ามากที่สุดสำหรับฉันในยามโศกเศร้า ในผ้าผืนนั้นมีละอองธุลีพระบาท ท่านจะอยู่ใกล้ในใจฉันตลอดกาล.
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย nui
เครดิต : เยาวลักษณ์ อุปนันท์


LikeShow more reactions
Comment

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
บรรยากาศบริเวณโดยรอบท้องสนามหลวงและพระบรมมหาราชวังประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ เช่น ประชาชนที่ทางกระทรวงมหาดไทยอำนวยความสะดวกให้ได้มีโอกาสเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชวันนี้ คือ จังหวัดเชียงใหม่ 700 คน จังหวัดเพชรบุรี 300 คน จังหวัดนครปฐม 500 คน จิตอาสาจากโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ กรุงเทพฯ และประชาชนในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลต่างทยอยเดินทางผ่านจุดคัดกรองเพื่อเข้ามายังเต็นท์รอคอยเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงเช้า เพื่อแสดงออกถึงจงรักภักดีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ แม้สภาพอากาศในภาพรวมจะเริ่มร้อนอบอ้าวแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความมุ่งมั่นตั้งใจสำหรับประชาชนที่เดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพแม้แต่น้อย
โดยยอดประชาชนเข้ากราบถวายบังคมฯ ล่าสุด กองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส.) เปิดเผยยอดรวมการเข้ากราบถวายบังคมฯ เวลา 09.00 น. มีจำนวน 10,179. คน โดยการอำนวยความสะดวกประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งจุดคัดกรองต่างๆ การให้บริการอาหารและเครื่องดื่มโดยกองทัพบก การรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ การประชาสัมพันธ์แนะนำขั้นตอนการปฏิบัติตน รวมถึงการอำนวยความสะดวก สำหรับผู้สูงอายุ และผู้พิการยังคงมาตรการเป็นพิเศษ
ด้านผลการดำเนินงานให้ยืมผ้าถุงของกรุงเทพมหานคร วันที่ 5 มีนาคม 2560 รวม 1,223 คน รวมทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย.2559 - 5 มี.ค.2560 รวม 85,805 คน อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นต้นไป กระทรวงวัฒนธรรมจะจัดทีมสายตรวจวัฒนธรรม ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิของกระทรวง ลงพื้นที่ให้คำแนะนำการแต่งกายที่เหมาะสมกับประชาชนที่จะเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ภายในท้องสนามหลวง พร้อมทั้งจะจัดทำแผ่นพับและป้ายแจกจ่ายให้กับประชาชน รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ

 

Time passes.
วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๘.๐๐ น. สมเด็จพระจักรพรรดิ และสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงถวายราชสักการะพระบรมศพ และทรงสดับพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมถวายพระบรมศพ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปทรงลงพระนามในสมุดหลวงแสดงความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ขอบคุณภาพ.FB_NewsClear



วันอาทิตย์ที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๘.๐๐ น. สมเด็จพระจักรพรรดิ อะกิฮิโตะ แห่งญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระจักรพรรดินี มิชิโกะ ไปยังที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงวางพวงมาลาถวายราชสักการะ และทรงร่วมในการพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธยในสมุดแสดงความเสียพระราชหฤทัย ณ อาคารสำนักราชเลขาธิการ ในพระบรมมหาราชวัง
ขอบคุณภาพ.FB_NewsClear

-------------------------------999999999---------------------------------------------

สัมพันธ์แน่นแฟ้นราชวงศ์ไทย-ญี่ปุ่น กับการทูตหยุดโลกเริ่มต้นขึ้นจาก “ปลา”
เดือนธันวาคม พ.ศ. 2507 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะ ขณะทรงดำรงพระอิสริยยศ “เจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร” เสด็จฯ เยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะผู้แทนพระองค์ของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโต พร้อมสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงพระยศ “เจ้าหญิงมิชิโกะพระชายา” ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงต้อนรับพระราชอาคันตุกะจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่างสมพระเกียรติ
มีข้อมูลประวัติศาสตร์ที่สำคัญต้องกล่าวถึงในการเสด็จฯ เยือนประเทศไทยครั้งแรกนี้ว่า มีโปรแกรมช่วงหนึ่งที่จัดให้ทั้ง 2 พระองค์เสด็จฯ มาทอดพระเนตรปลา อันเป็นพระดำรินอกกรอบ ที่ทำให้การทูตหยุดโลกเริ่มต้นขึ้นจาก “ปลา” ภายในพิพิธภัณฑ์ประมง ซึ่งตั้งอยู่ในคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ในเวลานั้นเจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมาาร ทรงมีความสนพระราชหฤทัยและเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลาอยู่แล้ว ทรงพระสำราญเป็นอย่างยิ่ง ทรงหยิบขวดต่าง ๆ ขึ้นทอดพระเนตร รวมถึงขวดปลาบู่ ซึ่งเป็นปลาที่พบในเมืองไทยเป็นครั้งแรกของโลก โดยปลาบู่ชนิดดังกล่าวมีชื่อว่า “ปลาบู่มหิดล” ที่ตั้งชื่อเพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ซึ่งเมื่อพระองค์ทรงทราบที่มาของชื่อปลา จึงทรงเกิดความประทับพระราชหฤทัย
จากนั้นต่อมาในปี พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ขอพระราชทาน “ปลานิล” จากเจ้าชายอากิฮิโตะ มกุฎราชกุมาร ซึ่งพระองค์ได้ถวายปลานิลจำนวน 50 ตัว จากนั้นเมื่อปลาตายจนเหลือเพียง 10 ตัว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงนำกลับมาทรงเลี้ยงเองในวังสวนจิตรลดา จนสามารถเพาะขยายพันธุ์เป็น “ปลานิล” ที่สามารถพระราชทานให้กรมประมงได้ถึง 10,000 ตัว ภายในเวลาเพียงไม่ถึง 1 ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก : รายงานพิเศษ การเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช / สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์

สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5

 

Time passes.
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
วันนี้ในอดีต
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2512 เวลาบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์ที่ทำการของสมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ณ บริเวณตรงข้ามวชิรพยาบาล ตำบลสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

 

Time passes.
ครั้งแรกในชีวิต


ตามรอยบันทึกของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่รอเฝ้าฯ รับเสด็จในทุกเส้นทางเสด็จฯ ความว่า
ปะรำกลางสนามหน้าศาลากลางของทุกจังหวัดนั้น แม้จะมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดีแล้ว ปะรำเหล่านั้นมักจะไม่พอแก่จำนวนราษฎรเรือนหมื่นเรือนแสนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วยความจงรักภักดีทุกที่ไป
มีบางจุดของการเสด็จฯ ผ่านไป มีคุณยายคนหนึ่งปูผ้ารอไว้ ให้ทรงประทับรอยพระยุคลบาท ปรากฏว่า เสด็จฯ เลยไปแล้ว

คุณยายจึงร้องทูลว่า…
"...บักหล่ามาทางนี้ มาเหยียบผ้าให้ยายหน่อย…ทรงแย้มพระโอษฐ์ แล้วเสด็จมาประทับรอยพระบาทให้
คุณยายพับผ้าขึ้นจบหน้าผาก แล้วหันไปยิ้มกับคนข้างๆ พลางรำพึงว่า…ว่าง่ายแท้ น่ารัก…"
จุดที่มีราษฎรมากันจนแน่นขนัด ร้อนแดดเผา แต่ไม่มีใครแสดงอาการใดๆ ต่างยิ้มแย้ม แบ่งปันพื้นที่กันอย่างสามัคคี
เพราะพวกเขามีจุดหมายเดียวกัน คือมาชื่นชมพระบารมีในหลวง
ข้าราชบริพารบางคนฉุกใจคิดขึ้นมาว่า…เอ…ถ้าเจ้าของบ้านมากันเสียหมดในวันนี้ ขโมยคงสบาย แต่มีบางคนแย้งขึ้นว่า ไม่เป็นไรดอก เพราะวันนี้ขโมยก็คงหยุดงาน ไปรับเสด็จเหมือนกัน
ในระหว่างทางเสด็จฯ มักจะมีราษฎรถวายสิ่งของต่างๆ ซึ่งเป็นของบ้านๆ ของพวกเขา อาทิ ปืนลมฝีมือคนไทย ส้มซ่ากล้วยน้ำว้าที่งอมมากจนเป็นสีดำไปครึ่งหวีมาถวายพระราชินีท่านทรงรับไว้ ยังความปลาบปลื้มใจให้ผู้ถวายยิ่งนัก

ห้วงเวลาระหว่างวันที่ ๑๖-๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ถึง จ.อุบลราชธานี และประทับแรมที่ค่ายทหารกองพลที่ ๖
วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ ราษฎรชาวอุบลราชธานีจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญถวายตามประเพณีท้องถิ่นที่วัดสุปัฏนารามวรวิหาร หลังจากเสด็จฯ ทรงเยี่ยมราษฎรที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จแล้ว ได้เสด็จฯ ต่อไปยังพลับพลาหน้าศาลากลางจังหวัด ซึ่งมีราษฎรมารอเฝ้าฯ รับเสด็จเป็นจำนวนมาก รวมทั้งชาวต่างชาติที่เข้ามาอาศัยอยู่ใน จ.อุบลราชธานี

นอกจากนี้ ชายาเจ้าราชดนัย เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ได้นำพระญาติข้ามฝั่งจากประเทศลาวมารับเสด็จด้วย ในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้น้อมเกล้าฯ ถวายงาช้างและเกวียนเทียมโคที่แกะจากปุ่มไม้ประดู่ ผู้กำกับการตำรวจภูธรถวายลูกช้าง ชื่อ “พลายบุญเลิศ” ซึ่งแม่ถูกยิงตายและว่ายน้ำข้ามมาจากฝั่งลาว จากนั้นเสด็จฯ ต่อไปยังแก่งสะพือ

เมื่อเสด็จฯ ถึงแก่งสะพือ จ.อุบลราชธานี ทรงถ่ายภาพยนตร์ไว้เป็นที่ระลึกและพระราชทานพระปรมาภิไธยบนแผ่นหิน และยังประดิษฐานอยู่ที่แก่งสะพือจนถึงปัจจุบัน และประทับบนเครื่องบินพระที่นั่งเพื่อชมภูมิประเทศ

จากนั้นทรงขับรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรการหาปลาของชาวบ้านทรงพระราชปฏิสันถารกับชาวประมงคนหนึ่ง
เขาเล่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า...
"...ตอนนั้นผมหาปลาอยู่กลางแม่น้ำมูล เห็นคนที่ฝั่งกวักมือเรียก พอดูๆ ก็จำได้ว่าท่าน คือในหลวง ผมเดินลุยน้ำเข้าไปหาด้วยความกลัว โยนข้องปลาทิ้ง เพราะกลัวว่า จะถูกจับ แต่นายทหารที่ติดตามมา บอกว่า อย่าทิ้ง…อย่าทิ้ง ในหลวงท่านอยากดูปลา ผมจึงนั่งลง
ในหลวงท่านก็นั่งยองๆ ขอดูปลาในข้อง และท่านถามว่า “ปลาอะไร”
ผมตอบว่า ปลาเขี้ยวไก้ (ปลาหมู)
ในหลวง บอกว่า “สวยดีนะ” แล้วให้คนเอาขวดโหลมาใส่และให้เงินผมมา ๒๐ บาท
ผมไม่เคยนึกฝันว่าจะได้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดแบบนี้ ผมไม่เคยลืมมาตลอดชีวิต คิดคราวใดเหมือนเกิดขึ้นตรงหน้าทุกทีเลยครับ..."


ก่อนเสด็จฯ กลับทรงเยี่ยมราษฎรโดยรถยนต์พระที่นั่งเป็นการลำลอง ทั่วทุกถนนในเมืองอุบลราชธานีร่วม ๓ ชั่วโมง ทุกบ้านตั้งโต๊ะหมู่บูชา ประดับโคมไฟทั่วทั้งเมือง
วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๘ เมื่อถึงวันเสด็จฯ กลับ ตลอดเส้นทางจากที่ประทับแรมจนถึงสถานีรถไฟอุบลราชธานีคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนจำนวนมากที่มารอส่งเสด็จ
แม้ทั้งสองพระองค์เสด็จฯ ขึ้นประทับรถไฟพระที่นั่งแล้ว แต่รถไฟยังไม่สามารถเคลื่อนขบวนได้ เพราะข้าราชบริพารที่ตามเสด็จฯ ไม่สามารถฝ่าฝูงชนมาขึ้นรถไฟได้ทัน

กาลที่ผ่านไปยังอยู่ในความทรงจำของพสกนิกรหลายแสนคน
ที่มี "ครั้งแรกในชีวิต" ที่มีความหมายกับพวกเขามากมาย
พวกเขาเพิ่งเข้าตัวเมืองเป็นครั้งแรก
เพิ่งเห็นวิทยุเป็นครั้งแรก
เพิ่งรู้จักน้ำแข็ง
เพิ่งรู้จักฝรั่งว่า หน้าตาเป็นแบบนี้
และเทียบไม่ได้แม้เพียงซีกเสี้ยวของการที่พวกเขาได้ "เห็น" ได้ "สัมผัส"ได้ "พูดคุย" กับในหลวงและพระราชินีของพวกเขาเป็นครั้งแรกที่จดจำไปชั่วชีวิต
พวกเขาและลูกหลานเปล่งเสียงดังกึกก้องท้องนา ท้องน้ำ และตลอดเส้นทางของรางรถไฟที่เสด็จฯ ผ่าน …ทรงพระเจริญ…ทรงพระเจริญ…ทรงพระเจริญ

เรื่องราวในรูปแบบวีดีโอ:

Cr : ย้อนอดีต 60 ปี เสด็จฯ อุบลราชธานี อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/analysis/report/403404
และ http://www.guideubon.com/2.0/ubon-story/10/
ที่มา : เพจ นิทรรศการพลังแผ่นดิน อัศจรรย์งานศิลป์แผ่นดินสยาม

 

Time passes.
ขอแชร์ภาพนี้อีกครั้ง เมื่อครั้งในหลวง รัชกาลที่ ๙ เสด็จฯเยือนประเทศญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. 2506
เพื่อให้เห็นถึงความแน่นแฟ้้นระหว่างราชวงศ์ไทยและราชวงศ์ญี่ปุ่น
- ปี 2507 มกุฎราชกุมารอากิฮิโตะพร้อมด้วยเจ้าหญิงมิชิโกะ พระชายาซึ่งเป็นพระยศในขณะนั้น ได้เสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
- ปี 2534 สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะแห่งญี่ปุ่นเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยในฐานะสมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีครั้งแรก
- ปี 2549 สมเด็จพระจักรพรรดิและสมเด็จพระจักรพรรดินีญี่ปุ่น เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศไทยอีกครั้ง ในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
ขณะที่พระบรมวงศานุวงศ์ของไทยได้เสด็จเยือนประเทศญี่ปุ่นหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเสด็จเยือนอย่างเป็นทางการหรือการเสด็จเยือนเป็นการส่วนพระองค์ ซึ่งนับเป็นการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนระหว่างกันเพื่อกระชับพระราชไมตรีระหว่างสองแผ่นดินให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

James Apisit
November 16, 2016 · Minamitsuru-gun, Yamanashi, Japan ·

#ที่ที่พ่อไป
31 พฤษภาคม พ.ศ. 2506
อีกสถานที่ที่มีโอกาสได้ตามรอยเสด็จของในหลวง รัชกาลที่ 9 คือที่วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) ในเมืองนารา มีวิหารไดบุทซึ ซึ่งเป็นโครงสร้างไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในหลวงและพระราชินีได้เสด็จสักการะพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ สูงถึง 54 ฟุต หนัก 432 ตัน ที่วัดนี้
ระหว่างที่เสด็จยังมีภาพที่พระองค์อยู่ท่ามกลางฝูงกวางใน Nara Park ด้วย และนอกจาก 2 ภาพที่ผมโพสต์เมื่อวานกับวันนี้ ในหลวง รัชกาลที่ 9 และ สมเด็จพระราชินียังเสด็จอีกหลายแห่งในโตเกียว เกียวโต นาโกย่า นารา โอซาก้า เสียดายที่ผมมีเวลาไม่มาก และมีภาพที่รู้จุดชัดเจนเบื้องต้นเท่านี้...ตั้งใจว่า ถ้ามีภาพอีก คงได้กลับมาเดินทางตามรอยที่พ่อไปในญี่ปุ่นอีกสักหนครับ
เกร็ดความรู้จากหนังสือ เสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุ่น ทำให้ผมทราบว่า ทั้ง 2 พระองค์ทอดพระเนตรการดำเนินงานของอุตสาหกรรมต่างๆ ของญี่ปุ่น ทั้งโรงงานผลิตกล้องถ่ายรูปแคนนอน (Canon Camera Co., Ltd) บริษัทนิปปอนอิเล็คทริค (Nippon Electric Co., Ltd) บริษัทอุตสาหกรรมไฟฟ้ามัตสุชิตา อิเล็คทริค (Ibaragic Factory of Matsushita Electric Industry Co., Ltd) หรือแม้แต่โรงงานทำผ้าไหมด้วยครับ
ยังเหลืออีกที่ที่ผมจะได้ไปตามรอยที่ที่พ่อไปในโตเกียว แล้วจะหาภาพมาให้ระลึกถึงพระองค์ท่านไปด้วยกันครับ
ถ่ายเมื่อวันที่ 14 พ.ย.59
ภาพลำดับที่ 22
ขอบคุณภาพ original และข้อมูลจาก
หนังสือ เสด็จฯ เยือนประเทศญี่ปุ่น ปี พ.ศ. 2506 โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักพระราชวัง

 

Time passes

ภาพยนตร์ส่วนพระองค์ เสด็จเยือน ญี่ปุ่น พศ. 2506
Nithitus Upatumvipanon

 

Time passes
James Apisit shared จุลสาร ราชดำเนิน's photo.
ภาพถ่ายยอดเยี่ยม รางวัลอิศรา อมันตกุล ประจำปี 2559

จุลสาร ราชดำเนิน
ภาพถ่ายยอดเยี่ยม รางวัลอิศรา อมันตกุล ประจำปี 2559
ชื่อภาพ "คืนฝนตก" โดยนายปฏิภัทร จันทร์ทอง หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์
"ปฏิภัทร" เล่านาทีบันทึกภาพครั้งประวัติศาสตร์
"คืนวันนั้นเป็นคืนก่อนที่ให้ประชาชนเข้ากราบพระบรมศพ ออฟฟิตสั่งให้เข้าพื้นที่ช่วงเย็น โดยในช่วงที่ถ่ายภาพกกำลังมีคนร่วมสวดมนต์ที่สนามหลวง สักพักเริ่มมีฝนตกลงมา ผมก็หันไปเห็นมีผู้หญิงคนหนึ่ง เข้าไปกางร่มภาพในหลวง ช็อตที่ได้มีลมพัดเข้ามาพอดี ผมยืนถ่ายจุดนั้น 1-2 นาที ฝนก็ตกหนัก"
"แค่ทำหน้าที่ของตัว หน้าที่ของช่างภาพข่าวคือการรายงานความจริง"

 

Time passes
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
พระฉายาลักษณ์ ของสมเด็จพระบรมราชินีนารถกับสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ ที่แสดงถึงพระราชสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของ 2 ราชวงศ์ มาเป็นเวลายาวนาน
CR : ǝʌol ɹoɟ ʎpɐǝɹ‏ @AsiaTitawat
Che Neverdie Ernesto Ernesto-Guevara

 

Time passes
สถานีจราจรเพื่อสังคม FM99.5
บรรยากาศบริเวณโดยรอบท้องสนามหลวงและพระบรมมหาราชวังช่วงเช้าวันนี้สภาพอากาศในภาพรวมสดชื่นแจ่มใส ในส่วนของประชาชนที่เดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมาประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาในพื้นที่อย่างต่อเนื่องอาทิ ประชาชนที่ทางกระทรวงมหาดไทยอำนวยความสะดวกให้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯวันนี้ คือ จังหวัดกระบี่ 316 คน จังหวัดบุรีรัมย์ 883 คน จังหวัดกาญจนบุรี 500 คน โดยกระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการตามแผนอำนวยความสะดวกประชาชนเข้ากราบถวายบังคมฯ เป็นระยะที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม - 30 กันยายน 2560

ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ได้จัดสร้างอาคารนิทรรศการ "เย็นศิระเพราะพระบริบาล" ณ ท้องสนามหลวง และเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ -15 มิถุนายน เพื่อชื่นชมพระบารมีและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กระทรวงมหาดไทย จึงขอให้จังหวัด ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการฯ และดำเนินการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ดังนี้ ตามแผนการเดินทางของกระทรวงมหาดไทย แจ้งให้ประชาชนทราบเมื่อเสร็จสิ้น การเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ แล้ว เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกให้เข้าชมนิทรรศการฯ ก่อนเดินทางกลับ รวมถึงคณะบุคคล องค์กรทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เดินทางเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯด้วยตนเองและประสงค์เข้าชมนิทรรศการฯ ด้วยเช่นกัน โดยให้จังหวัดรวบรวมข้อมูล และรายงานกรมการปกครอง เพื่อประโยชน์ในการจัดอำนวยความสะดวก อาหารและเครื่องดื่ม พร้อมเชิญชวนให้ประชาชน ที่เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพเสร็จแล้ว สามารถไปดูงาน และเข้าชมตลาดนัดคลองผดุงกรุงเกษม โดยที่จะมีตำรวจจราจร อำนวยความสะดวกสถานที่จอดรถ รถตู้ รถบัส ของอำเภอจังหวัด โดยติดต่อได้ที่หมายเลข 097-3189078
ขณะที่ภาพรวมของการอำนวยความสะดวกประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพในพื้นที่ท้องสนามหลวงเองนั้น ในภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อาหารเครื่องดื่มโดยกองทัพบก การให้บริการทางการแพทย์ ประชาชนสามารถเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพได้ตามลำดับ ซึ่งมีประชาชนที่เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ยอดล่าสุด เปิดเผยโดยกองอำนวยการร่วมรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณโดยรอบพระบรมมหาราชวัง (กอร.รส) ยอดรวมเวลา 09.00 น. จำนวน 13,836 คน โดยมีประชาชน รอคอย ณ ขณะนี้ภายในเต็นท์ ก เท่านั้น ซึ่งประชาชนสามารถทยอยเดินทาง เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ได้จนกระทั่งประตูจุดคัดกรองปิดในช่วงเวลา 21.00 น