ไม่หดหรอกครับ จริงๆ ปตทก็กำลังปรับ แผนธุรกิจมุ่งสู่ non-oil เยอะขึ้น นึกแล้วเสียดาย ตอนที ปตท มีแผนจะไปเทคกิจการ คาร์ฟูร์ ก็มีพวกดัดจริต กลุ่มทวงคืน นี่แหละไปประท้วง หาว่า ทำผิดเจตนารมย์ ปตท ประสาท โลกเค้าไปถึงไหนแล้ว รถไฟฟ้ามา ปตท แค่ปรับปั้มบางส่วน เป็นที่ชาร์จแบต โครงสร้างสถานที่มีอยู่แล้ว แต่ยังไง เชื่อเถอะ อีก 20 ปีนี้ รถไฟฟ้า คงไม่แทนที่ง่ายๆในประเทศไทย ยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่ทำให้ คนไทยโลกสวย อยากได้ แต่เงินไม่ถึง 555
ผมไม่ถึงกับต่อต้านปตท.แต่ยังมีเครื่องหมายคำถามในใจตอนนักการเมืองรวบรัดการขายหุ้น-ซื้อหุ้นปตท. อีกเรื่องหนึ่งคือโครงสร้างเงินเดือนและผลประโยชน์/สวัสดิการพนักงานของปตท.ที่ถือว่ายิ่งกว่าเทพ หากคนไทยทั้งประเทศต้องกลั้นใจจ่ายค่าน้ำมันราคาที่เราเคยจ่ายกัน แต่พนักงานปตท.กลับเสวยสุขกับระดับรายได้/สวัสดิการขนาดนั้น ผมว่าไม่เป็นธรรม
คือผมสงสัยว่า ตรงไหนครับที่รายได้/สวัสดิการ ปตท ยิ่งกว่าเทพ ผมอยากทราบจริงๆครับ ขอแบบที่ชัดเจน นะครับ ไม่ใช่ฟังเค้ามานะครับ เพราะเคย มีมนุษย์ป้าบางคน ออกทีวี พูดว่า พนักงาน ปตท เงินเดือนเป็นแสนทุกคน โดน คนปตท ด่าเช็ดไปว่า ถ้าเค้าเงินเดือนเป็นแสน คงไม่ต้องหางานเสริมทำเพิ่มรายได้ หรอกครับ คำถามที่2 ราคาน้ำมันเราไม่เป็นธรรมอย่างไร ในเมือ่งราคาขายหน้าโรงกลั่นเรา ไม่แตกต่างอย่างเป็นนัยยะ เมื่อเทียบกับ มาเลย์เซีย หรือสิงค์โปร์ แต่โครงสร้างราคาน้ำมันเราไม่เหมือนกับมาเลย์เซียซึ่งเค้าอุดหนุนราคา โดยการไม่จัดเก็บภาษี แต่ มีกลุ่มคนบางกลุ่มพยายามโจมตี ปตท โดยไม่สนข้อเท็จจริง
ขอยืนยันคับ ว่า พนง. ปตท. บางระดับ เงินเดือนไม่ได้สูง ญาติก้อทำอยู่ ระดับผจก. ก้อถือว่าใช้ได้ สวัสดิการดี มั่นคง แต่บอร์ดอาจเป็นเทพหน่อย
แนะนำให้ลองหา รูปถ่าย ตามงานเลี้ยง งานสัมนา ของ ปตท มาดูครับ ผมเคยรับงาน บริษัทนี้มาครั้งนึง มั่งคั่งจริงๆ
มันเกี่ยวอะไรกับงานเลี้ยงงานสัมมนาครับ รับงานมาแค่นี้ แล้วบอกว่าเค้ามั่งคั่งจริงๆ ผมถามเพราะว่าเค้าบอกว่า ปตท เงินเดือนและสวัสดิการสูง ซึ่งส่วนนี้ ทำให้ ประชาชนรับภาระค่าน้ำมันแพง ผมถึงถามเค้าเรื่องความเกี่ยวเนื่อง อยากได้แบบเป็นหลักฐาน ไอ้ประเภทมโนไม่เอา และการที่แค่รับงานเลี้ยงและมโน ก็ไม่ใช่ครับ ขอแบบหลักฐานดีกว่า บริษัทเยอะแยะที่ตอนจัดงาน สัมมนาก็หรูหรา บริษัทพวก ขายตรง จัดงานมอบรางวัลก็หรูหรา บริษัทประกัน มอบรางวัลก็หรูหรา แค่นี้ มั่งคั่งเหมือนกันหมดมั้ยครับ เรื่องรับงานน่ะคุณ บริษัททุกบริษัทเค้ามีงบในส่วนนี้อยู่แล้ว แต่จะเป็นยอด % เท่าไหร่ มันมีกฎคุมอยู่
เรื่องเงินเดือนและสวัสดิการของปตท.นั้น ผมฟังเค้ามา ไม่เคยเห็นโครงสร้างอย่างเป็นทางการหรอกครับ แต่เผอิญคนพูดเป็นเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กที่ทำงานระดับบริหารในปตท. โดยมารยาทแล้วเราคงไม่เอาเงินเดือนและสวัสดิการมาพูดกันแบบหมดเปลือก แต่ก็พอใช้วิจารณญาณประมาณได้ครับว่าอยู่ในระดับไหนของตลาดการจ้าง ด้วยข้อมูลของตลาดการจ้างงานที่พอมีอยู่บ้าง ผมยังยืนยันว่าผลตอบแทนการจ้างงานของปตท.อยู่ระดับเทพ แต่จะให้เอาโครงสร้างมาให้ดูก็จนใจครับ ส่วนเรื่องราคาน้ำมันนั้น จริงอยู่ว่าเราต้องมีราคาอ้างอิงและเราอ้างอิงราคาสิงคโปร์ ถ้าราคาขายปลีกน้ำมันของไทยเท่ากับสิงคโปร์และมาเลเซียแล้วจะบอกว่าเป็นธรรมแล้วนั้น ถูกต้องแล้วหรือครับ รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนสิงคโปร์และมาเลเซียสูงกว่าไทยมาก ถ้าเราบอกว่าเรารายได้เฉลี่ยไม่สูงแต่ต้องจ่ายเท่าคนรวยกว่าเป็นธรรมแล้ว ขณะที่พนักงานปตท.กินดีอยู่ดีอย่างยิ่งและปตท.ก็ทำรายได้มหาศาลให้กับรัฐ มีเงินทุนมหาศาลเพื่อขยายธุรกิจ และจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นซึ่งส่วนใหญ่คือนักการเมืองและพวกพ้องที่เกี่ยวข้องกับการขายหุ้นปตท.สู่"สาธารณะ" ไม่น่าจะถูกต้องครับ อย่างที่ผมพูดไว้ตอนแรกว่าไม่ได้ต่อต้านปตท. แต่จะให้ผมยอมรับว่าราคาน้ำมันที่คนไทยเคยแบกรับมา เป็นสิ่งถูกต้องและเป็นธรรมแล้ว ผมก็รับไม่ได้ครับ
ทอดกฐิน ปตท. นี้ หลายคันรถ ฟรีตลอดรายการ มีเหนือยันใต้หรือปล่าวไม่แน่ใจ แต่มีทุกปี สวัสดิการนี้ละ จัดเต็ม สัมมนา ที ขึ้นหลาย กก. เลย
สองเรื่อง เรื่องผลตอบแทน สุดท้ายคุณก็มโน อ้างอิงเค้ามาว่า รู้จากเพื่อน แต่ผมก็ยืนยันว่า การเงินเดือนและสวัสดิการของปตท มันระดับเทพครับ เพราะว่าองค์กรระดับสร้างรายได้เป็นล้านๆ ไม่มีการจ่ายถูกๆ แต่ก็รีดประสิทธิ์ภาพพนักงานเต็มที่ kpi balance score นำมาใช้ประเมินพนักงานอย่างเข้มข้น การคิดง่ายๆครับ ว่า รายจ่ายเงินเดือน และสวัสดิการอื่นๆ ของ ปตท เทียบกับ บริษัทที่มีโครงสร้างธุรกิจแบบเดียวกัน เวอร์หรือไม่ คือดู จาก SG&A /ยอดขายครับ พวกรายได้พวกนี้ คุณหาได้ใน 56-1 อันการที่คุณอ้างแต่ว่า เป็นเทพ ถ้าผมบอกว่า องค์กร ด้านธุรกิจพลังงาน ทั่วโลก ก็จ่ายกันแบบนี้ เชฟรอนในไทย เชลล์ คาลเท็กซ์ เอสโซ่ ในไทย ก็ไม่ได้แตกต่างกันครับ เพราะถ้าแตกต่างอย่างเป็นนัยยะ รับรองคน ปตท โดนซื้อตัวไปอยู่ที่อื่นหมดแล้ว พวกนี้มันมีมาตรฐาน แต่คุณเล่นบอก เป็นเทพ ผมบอกว่า ไม่ถูกต้อง เรือ่งที่ 2 ที่คุณบอกว่า จริงอยู่ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นอ้างอิงเท่ากัน แล้วก็โยงไปเรื่องนู้นนี้นั้น หาว่าสิงค์โปร์ มาเลย์รวยกว่า คุณมั่วครับ ผูกโยงเรือ่ง มั่วๆ แบบพวกทวงคืนพลังงานไทย ราคาน้ำมันไทย มันมีโครงสร้างภาษี ที่แตกต่างกับ มาเลย์และสิงค์โปร์ รวมถึงมีการเก็บเข้ากองทุนน้ำมันด้วย ปตท ได้กำไรจากการขายน้ำมัน แค่ค่าการตลาดครับ (เอาเฉพาะในส่วนขายน้ำมันนะครับ) และการอ้างแต่ มาเลย์ น้ำมันถูกกว่าไทย ทำไม่ไม่อ้างประเทศที่น้ำมันแพงกว่าไทย อังกฤษ สวีเดน สิงค์โปร์ก็ด้วย การถูกแพงเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ ต้องดูโครงสร้างภาษีครับ อย่าเอาแค่ราคาสุดท้ายมาเปรียบเทียบ อีกอย่างคุณอ้าง ปตท กำไรมหาศาล ทำรายได้กับรัฐสูง ไม่ถูกต้องครับ รายได้เป็นล้านๆบาท แต่กำไรหลักหมื่นล้าน คุณคิด อัตรากำไรสุทธิดูว่า ได้กี่% น้อยมาก หลายธุรกิจยังมีอัตรากำไรได้ดีกว่านี้ และคุณเอาจากไหนมาว่า การจ่ายปันผล เป็นการจ่ายให้นักการเมืองส่วนใหญ่ ทั้งที่ผู้ถือหุ้นหลัก ปตท คือกระทรวงการคลัง และการถือผ่านกองทุนวายุภักดิ์ สัดส่วนเกือบ 68% และอีกอย่าง การระดมทุนของปตท คือ ครั้งเดียวเหลือ เค้าก็เอากำไรไปลงทุนเพิ่มจนมีกำไรสะสมเติบโต การมีเงินทุนสูง ก็มาจากการระดมทุน ถ้าจะโจมตีตอนเรื่องขายหุ้นหมดเร็ว ก็ว่าไป แต่ราคามันต่ำกว่าipo เป็นปีๆ ทำไมไม่ยอมไปซื้อกัน ถ้าคุณคิดว่า คุณต้องแบกรับน้ำมันแพง ไม่แฟร์ ผมบอกเลย คุณเชียร์ลุงตู่ถูกแล้วครับ เพราะเค้า เอาความไม่แฟร์ ที่ ราคาน้ำมันสมัยก่อน ต้องไปอุ้ม ดีเซล อุ้มแก๊ส ตอนนี้ เค้าไม่อุ้มหมดแล้ว ทุกอย่างเก็บคอ่นข้างเป็นธรรม จะว่าแพงหน่อยก็ต้องไปอุ้มเอทานอล ที่จะว่าแพงก็คือ ภาษีเข้ากองทุน และการเก็บค่าการตลาดแต่ละตัวของเอกชนใน ปล ผมไม่ได้ติ่งปตท แต่เพราะผมเคยทำงานในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับ ตลาดหลักทรัพย์ และหลายบริษัทที่เป็นบริษัทมหาชน เห็นการโกหกหลอกลวงของพวก ทวงคืนพลังงาน แล้วทนไม่ได้ เคยสวนกับสมาชิกบางท่านในนี้และในเฟซบุค สุดท้ายพอตอบคำถามผมไม่ได้ ก็โยนให้ผมเป็นพวกติ่งปตท 555
มีปีนึง ปตท เลี้ยงโต๊ะจีน ผู้ถือหุ้น ผมก็มองว่าใช้งบทุเรศนะ แม้จะอยู่ในส่วนงบ CSR หรืองบในส่วนจัด AGM ก็เถอะ แต่ผมยืนยันว่า งบทุกอย่าง มีการทำประมาณการณ์อยู่แล้ว ไม่ใช่เทพหรือสวัสดิการเวอร์อะไร ปีไหนกำไรดี โต ก็มี commitment ว่าต้องจ่ายเท่าไหร่ ถ้าroa ขึ้น .25% สวัสดิการจะเพิ่มกี่% มันมีกฎอยู่แล้ว
ผมไม่เคยพูดครับว่าผมเห็นด้วยกับการทวงคืนปตท. และผมไม่เคยว่าๆคุณเป็นติ่งปตท.ด้วย คุณกรุณาย้อนไปอ่านที่ผมเขียน ผมคุยกับคุณเรื่องปตท.เท่านั้นและเป็นการคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดความเห็น ไม่มีเรื่องอะไรเป็นส่วนตัวเลย แต่คุณกลับดูหมิ่นคนที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณว่า "มั่ว" "คุณเชียร์ลุงตู่ถูกต้องแล้วครับ" ถ้าคุณต้องการชี้แจงแทนปตท.ด้วยวิธีแบบนี้ คุณตรองให้ดีเถอะครับว่าภาพลักษณ์ของปตท.จะเป็นอย่างไร
รายได้เฉลี่ยต่อหัวของคนสิงคโปร์และมาเลเซียสูงกว่าไทยมาก ถ้าเราบอกว่าเรารายได้เฉลี่ยไม่สูงแต่ต้องจ่ายเท่าคนรวยกว่าเป็นธรรมแล้ว ขณะที่พนักงานปตท.กินดีอยู่ดีอย่างยิ่งและปตท.ก็ทำรายได้มหาศาลให้กับรัฐ มีเงินทุนมหาศาลเพื่อขยายธุรกิจ และจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นซึ่งส่วนใหญ่คือนักการเมืองและพวกพ้องที่เกี่ยวข้องกับการขายหุ้นปตท.สู่"สาธารณะ" ไม่น่าจะถูกต้องครับ อย่างที่ผมพูดไว้ตอนแรกว่าไม่ได้ต่อต้านปตท. แต่จะให้ผมยอมรับว่าราคาน้ำมันที่คนไทยเคยแบกรับมา เป็นสิ่งถูกต้องและเป็นธรรมแล้ว ผมก็รับไม่ได้ครับ[/quote] ผมต้องอ้างอิง ตรงขีดเส้น ที่บอกว่าคุณมั่วครับ เพราะผมบอกอยู่แล้ว ว่าราคาน้ำมัน ที่ไทยจะถูกหรือแพงมันขึ้นกับนโยบายการเก็บภาษีของภาครัฐ ปตท ได้เพียงค่าการตลาด ครับ อีกอันคือ การจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ ซึ่งคือนักการเมือง เพราะผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของปตท คือกระทรวงการคลังครับ ส่วนที่ 3 ที่คุณบอกว่า จะให้ผมยอมรับว่าราคาน้ำมันที่คนไทยเคยแบกรับมา เป็นสิ่งถูกต้องและเป็นธรรมแล้ว ผมก็รับไม่ได้ ผมก็บอกว่าคุณมั่ว เพราะว่า ในอดีต ที่น้ำมันแพง ส่วนนึงโดยเฉพาะ น้ำมันเบนซิน เพราะว่า เราเอาภาษี และกองทุนไปอุ้มน้ำมันดีเซลครับ อุ้มแก๊ส อุ้มเอทานอล ถ้าคุณรับไม่ได้ คุณต้องพูดที่นโยบายกระทรวงพลังงานและรัฐบาล ไม่ใช่ปตท ครับ อีกอย่าง สัดส่วนแบ่งการตลาดปตท ไม่ถึง 45%ในตลาดน้ำมัน แม้จะเป็นลำดับที่1 ทำไมพูดแต่ปตท ไม่พูดว่า shell esso caltex ptg susco บางจาก ที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชนบ้างละครับ ส่วนที่เหลือกว่าร้อยละ55 เลยนะครับ ปล ที่ผมบอกว่า ผมไม่ใช่ติ่ง เพราะผมยกตัวอย่างว่า ผมเคยแย้งโดยข้อเท็จจริง กับพวกทวงคืน และ คนหลายๆคนที่มีความคิดแบบนี้ ว่าน้ำมัน และนโยบายน้ำมันไทย แพง เพราะ ปตท สรุปผมโดนว่าเป็นติ่งนายทุน ติ่ง ปตท ผมไม่มีแม้แต่หุ้นเดียวในปตท แต่สิ่งทีปตท โดนโจมตี โดยความเข้าใจผิดๆ มันไม่ยุติธรรมกับ ปตท ครับ ส่วนตรงที่ผมบอกว่าคุณเชียร์ลุงตู่ ทำให้คุณเข้าใจผิด ผมขออภัย ณ ตรงนั้น แต่ที่ผมสื่อ คือจะบอกว่า ทุกวันนี้ิ นโยบายของรัฐบาลนี้ เป็นการไม่บิดเบือนราคาพลังงานครับ และไม่ได้อุ้มพลังงานบางตัว จนทำให้คนใช้พลังงานอีกอย่างต้องบ่นว่าไม่ยุติธรรม
BMW Considers Building Electric Car Factory In Thailand BMW i3...รถไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ...เล็งตั้งฐานผลิตในไทย...!!! http://insideevs.com/bmw-considers-building-electric-car-factory-thailand/ “BMW Group is considering building a factory to produce batteries for plug-in hybrid vehicles in Thailand, the country’s industry minister said.” “Construction was likely to start in the middle of next year with an investment of 2 billion baht ($57 million), Industry Minister Atchaka Sibunruang said, adding that the factory would make hybrid vehicles more affordable for Thai consumers.” BMW would not confirm nor deny these claims, which tends to lead us to believe that they’re accurate, as their has been no shortage of “shoot downs” for unsubstantiated rumors on battery factories in the past. The goal is to make plug-in hybrids available at an attractive price point in Thailand. The Thai government will do its part by offering some sort of undisclosed tax incentive/credit on PHEVs in Thailand. Thailand is not considered to be prepared yet for pure electric cars, so there’s no talk of BEVs in the incentive program or in BMW’s construciton of the battery factory. ตกลง Tesla กะ BMW คัยจะถึงเส้นชัยก่อน???
ผมรอดู โตโยต้า ครับ ว่าจะเอาไงต่อ เพราะแกประกาศชัดแล้ว ยังไม่ทำรถ EV อีกตัวที่น่าสนใจ คือ Chev. ฺ Bult ครับ น่าสนใจ
เมือวาน กลุ่มผู้ประกอบการ ผลิต ชิ้นส่วนรถยนต์ ก็ประชุมกัน เพราะเดือดร้อนแน่ ถ้ารถไฟฟ้าชิ้นส่วนน้อย มาแทนที่ แต่ก่อนหน้านี้ ซัมมิท ยานภัณฑ์ อาปิโก้ โกยกำไรไปเท่าไหร่แล้ว?
Sirisak Borisutsawat Blognone รถยนต์ไฟฟ้า I.D. ชาร์จครั้งเดียววิ่งได้ไกล 600 กิโลเมตร ขายถูกกว่า Tesla Model 3 By: BlackMiracle 29 September 2016 - 21:38 วงการรถยนต์ไฟฟ้ากำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผู้เล่นหน้าเก่าในตลาดเริ่มขยับมาเล่นในตลาดนี้กันมากขึ้นทีละรายสองราย โดย Chevrolet เพิ่งเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของบริษัทในชื่อ Bolt ที่วิ่งได้ไกล 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ล่าสุดยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีอย่าง Volkswagen ก็เริ่มขยับบ้างแล้ว Volkswagen เปิดตัวคอนเซ็ปรถยนต์ไฟฟ้าในชื่อ I.D. ที่งาน Paris Motor Show โดยโฆษณาว่าจะวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จเพียงหนึ่งครั้งและอาจตั้งราคาต่ำกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,040,000 บาท) ซึ่งถูกกว่าทั้ง Tesla Model 3 (35,000 ดอลลาร์สหรัฐ) และ Chevrolet Bolt (37,500 ดอลลาร์สหรัฐ) Volkswagen บอกว่า I.D. มีขนาดภายนอกเท่าๆ กับ Golf แต่ห้องโดยสายภายในกว้างเทียบเท่า Passat เลยทีเดียว เป็นผลมาจากการที่ไม่มีเครื่องยนต์จึงสามารถขยายห้องโดยสารได้นั่นเอง ซึ่ง I.D. จะเริ่มวางขายในปี 2020 และจะมาพร้อมฮาร์ดแวร์ที่รองรับการขับอัตโนมัติจากโรงงาน แต่ผู้ใช้ต้องรออัพเดตความสามารถดังกล่าวที่จะตามมาหลังจากนั้นอีก I.D. ไม่ใช่รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของ Volkswagen นะครับ โดยปัจจุบันบริษัทมีรถยนต์ไฟฟ้าทำตลาดอยู่แล้วสองรุ่น คือ e-Golf และ e-Up ซึ่งทั้งคู่เน้นการใช้งานในเมืองและวิ่งได้ระยะทางเพียง 133 และ 160 กิโลเมตรตามลำดับ ที่มา - CNN Money https://www.blognone.com/node/85931 Tesla มัวช้า ถึงช้ามาก มาตั้งโรงงาน ก้ออาจไม่คุ้มนะ พวกมียี่ห้อขายถูกๆนี้ ออฟชั่นแยอะ จะสู้ไม่ได้นะ
Suvinit Aum Pornnavalai รถไฟฟ้า 3 ล้อ ฝีมือคนไทย สวยจังคับ pantip.com/topic/35658838 เชียร์ให้ปล่อยของเลยนะ อย่าหวงภาษี จัดฟรีไปเลยหรือให้ต่ำสุดๆ ตรงไหนให้เปิดแหล่งชาร์ทไฟได้ให้เปิดอิสระยิ่งดี
ขอนิดนึง กับพวกที่เอะอะก็ว่า ปตท ทำน้ำมันแพง เอะอะก็ขึ้นราคาตลอด ดูภาพนี้ ขณะที่ ค่ายอื่นๆขึ้นก่อน ปตท แต่ ปตทยังไม่ขึ้น ไม่เคยมีใครชมปตท สรุป ปตท ซวยทุกที ทั้งที่ ราคาน้ำมัน จะขึ้น หรือไม่ขึ้นไม่เกี่ยวเลยว่า ปตททำให้น้ำมันแพง พวกสายมโนเยอะ เพ้อเจ้อ เกินไป ผมย้ำเสมอว่าน้ำมันแพง เพราะนโยบายด้านภาษี และกองทุนน้ำมัน อย่าเอาไปเปรียบเทียบกับ ประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ เพราะแต่ละประเทศ นโยบายไม่เหมือนกัน
Apple ปลดวิศวกรกว่า 100 คน หลังยกเลิกการพัฒนา Apple Car ทั้งคันแต่หันไปพัฒนาแค่ระบบขับขี่อัตโนมัติแทน http://www.techmoblog.com/apple-not-building-car-but-its-brain/ pple ได้ซุ่มพัฒนารถยนต์อัจฉริยะมาหลายปีแล้วในชื่อโครงการ Project Titan จนถึงตอนนี้โครงการดังกล่าวได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำและโร้ดแมปมาแล้วหลายครั้ง จนล่าสุด สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่า Apple ตัดสินใจพับโครงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว โดยหันไปโฟกัสการพัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแทน ถึงแม้ Apple อาจจะไม่ผลิตรถเองแล้ว แต่ก็ได้กำหนดเส้นตายของโครงการนี้ไว้แล้วเรียบร้อย หากทีมพัฒนาของ Apple ไม่สามารถสร้าง demo ดีๆ ออกมาได้ก่อนสิ้นปี 2017 ล่ะก็ Apple จะยุบโครงการนี้ทิ้งไปเลย ภาพคอนเซ็ปต์คอนโซลหน้ารถของรถยนต์ Apple แรกเริ่มเดิมที Apple ต้องการจะเดินหน้าโครงการนี้ตามวิธีดั้งเดิม คือควบคุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เองทั้งหมด โดยตั้งเป้าวางจำหน่ายรถไร้คนขับพลังงานไฟฟ้าได้หลังปี 2020 เป็นต้นไป แต่แล้วก็ตัดสินใจถอยออกมาหนึ่งก้าว ล้มเลิกความตั้งใจในการผลิตรถยนต์เองโดยหันไปร่วมมือกับบริษัทผลิตรถยนต์โดยเฉพาะแทน ส่งผลให้วิศวกรนับร้อยถูกโยกย้ายไปแผนกอื่น บางคนก็ถึงกับต้องออกจากครอบครัว Apple ไป ปัจจุบัน หัวหอกโครงการพัฒนารถของ Apple คือ Bob Mansfield หนึ่งในผู้บริหารที่คร่ำหวอดอยู่กับ Apple มาอย่างยาวนาน แต่ Bloomberg รายงานว่าเขานี่แหละเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ Apple เปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการพัฒนารถยนต์ และทำให้พนักงานหลายคนพากันโบกมือลาในเดือนสิงหาคมและกันยายนที่ผ่านมา Tesla หนึ่งในแนวหน้าของวงการรถยนต์ไร้คนขับ แม้ในตอนนี้เทคโนโลยีรถไร้คนขับจะกำลังเป็นที่ฮือฮา แต่ก็ใช่ว่าเราจะได้เห็นรถไร้คนขับวางจำหน่ายกันทั่วไปในเร็วๆ นี้ เพราะการพัฒนานวัตกรรมดังกล่าวยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมาย อีกทั้งยังต้องใช้ต้นทุนมหาศาลและระยะเวลาการวิจัยที่ยาวนาน ถ้าไม่มีเทคโนโลยี วิศวกร และกลยุทธ์ที่เหมาะสม ก็อาจลงเอยเป็นความผิดพลาดราคาแพงได้ Apple จึงระมัดระวังมากและเดินหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป การโฟกัสไปที่เทคโนโลยีรถไร้คนขับของ Apple เป็นความคิดที่ถูกหรือไม่นั้นยังบอกยาก เพราะบริษัทคู่แข่งเจ้าอื่นๆ ต่างก็มีกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไป Tesla วางแผนสร้างรถไร้คนขับเต็มรูปแบบ ส่วน Uber เลือกที่จะสร้างเพียงอุปกรณ์สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติแล้วหันไปจับมือกับผู้ผลิตรถแทน ส่วน Renault-Nissan ก็เลือกที่จะจับมือกับบริษัทพัฒนาเทคโนโลยีไร้คนขับหลายแห่งและมุ่งมั่นผลิตรถอย่างเดียว ปัจจุบันมีบริษัทที่หันมาพัฒนารถยนต์ไร้คนขับอยู่มากมาย ยังไม่มีใครรู้ว่ากลยุทธ์แบบไหนถึงจะพิชิตชัยในศึกรถไร้คนขับนี้ได้ แต่ที่แน่ๆ คือ หากบริษัทไหนอยากจะอยู่ในวงการรถไร้คนขับได้อย่างไม่ลำบากในอนาคต ก็ต้องรีบลงทุนลงแรงเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะท่ามกลางการแข่งขันอันดุเดือด หากมัวชักช้าจะไม่ตามไม่ทันอย่างแน่นอน --------------------------------------- ที่มา : TechCrunch แปลและเรียบเรียง : techmoblog.com ตาดว่า คงสู้ Hitech และราคาของรถของ 2คนนี้ไม่ได้
บริษัท ภูเก็ตพัฒนาเมือง จำกัด รถยนต์นั่งไฟฟ้า 100% ไร้มลพิษมาแล้วจ้า!! ... มาชมกันได้ที่หน้าห้าง Limelight นะคะ ส่วนเรื่องสเปคเครื่องยนต์ เดี๋ยวเราจะมาบอกอีกรอบนะคะ แต่แอบบอกก่อนว่า ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ 2 ชม. วิ่งได้ถึง 300 กิโลเมตรเลยทีเดียว!! อีกใหม่กี่วันเราจะขับวนรอบเมืองภูเก็ต ให้ได้ชมกัน! ส่วนยาวที่สุดของเกาะภูเก็ตเท่ากับ 48.7 กิโลเมตร รอบเกาะภูเก็ต (ประมาณ 130 กิโลเมตร) สนามบินมาแหลมพรหมเทพ ก็ประมาณ 42 กิโลเมตร หาดป่าตอง อยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ต 15 กิโลเมตร น่าใช้ได้ 2-3วัน ชาร์จแบตที ถ้าราคาไม่โหด เห็นที Tesla มีหนาว
Tesla Club Thailand และแล้ว Tencent หนึ่งในยักษ์ใหญ่จากจีนก็เข้ามาซื้อหุ้นในเทสล่า และตอนนี้ถือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด เกมส์นี้ต้องรอดูยาวๆ Note: Wechat ก็เป็นของ Tencent นะครับ Chinese internet giant Tencent buys 5% of Tesla https://techcrunch.com/2017/03/28/tesla-tencent-investment/ 555555 งานนี้แหละ Tesla เกิดละ!!!
ต่อตระกูล ยมนาค รถไฟฟ้าไทยมีจริง ประกาศเปิดโรงงานในไทย ชิ้นส่วนไทย 70 % โดยนักออกแบบญี่ปุ่นที่รักประเทศไทยมาก (ผมเคยเจอตัวพร้อมทีมอาจารย์คณะวิศวฯ ธรรมศาสตร์ เมื่อ2 ปีมาแล้วประทับใจมาก) ราคา 550,000 บาท ข่าวรายละเอียด ; “ฟอมม์” FOMM ปลุกกระแสรถไฟฟ้า “อีวี”ลงทุนพันล้านตั้งโรงงานในไทย ผลิตเฟสแรก5,000 คัน รองรับตลาดในประเทศและส่งออก ขายต้นปีหน้า ราคา 5.5 แสนบาทจับมือปั๊ม “บางจาก” สลับแบตเตอรี่ลูกใหม่ให้ลูกค้าแบบเร่งด่วน รัฐบาลใส่เกียร์เดินหน้าแจ้งเกิดรถพลังงานไฟฟ้า คลอดแพกเกจพิเศษออกมาจูงใจการลงทุน หวังสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี ขณะที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นและยุโรป เด้งรับนโยบายด้วยเทคโนโลยีต่างกันไปตามที่ตนเองถนัด ไม่ว่าจะเป็น “ไฮบริด” “ปลั๊ก-อินไฮบริด” ส่วนรถพลังงานไฟฟ้า หรือ “อีวี” ยังเร็วเกินไปสำหรับค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ แม้ค่ายรถยนต์เมเจอร์แบรนด์ ยังไม่ขยับเทคโนโลยีไปถึง “อีวี” เพราะมีลำดับขั้นตามพิมพ์เขียวให้วิ่งตาม แต่นี่ถือเป็นโอกาสการทำธุรกิจของค่ายรถยนต์น้องใหม่จากญี่ปุ่นอย่าง “ฟอมม์” (FOMM) โดย “ฮิเดโอะ ซุรุมากิ”ประธานกรรมการบริหารและเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ฟอมม์ คอปอร์เรชัน ชาวญี่ปุ่นเตรียมแผนการลงทุนครั้งสำคัญ ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตแห่งแรก หลังจาก 2 ปีที่แล้วนำต้นแบบยานยนต์ไฟฟ้ามาอวดโฉมที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2558 (ฟอมม์ไม่มีฐานการผลิตและไม่ได้ทำตลาดที่ญี่ปุ่นมาก่อน) จุดเด่นของฟอมม์คือ เป็นรถพลังงานไฟฟ้ามีมอเตอร์สองตัวฝังอยู่ในดุมล้อซ้ายขวา สามารถลอยและวิ่งบนน้ำได้ และเคลมว่าเป็น “อีวี” (EV-Electric Vehicle) แบบ 4 ที่นั่งที่ขนาดเล็กที่สุดในโลก ฟอมม์ใช้เวลาพัฒนาให้รถพลังงานไฟฟ้าถูกต้องตาม พ.ร.บ.รถยนต์ของไทย หรืออยู่ในพิกัดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง (รย.1) มีส่วนควบครบ ขณะที่กำลังมอเตอร์ไฟฟ้ากระทรวงคมนาคมเพิ่งปรับลดลงมาให้เหลือ 4-15 กิโลวัตต์ ดังนั้นจึงจดทะเบียนวิ่งบนท้องถนนได้อย่างถูกกฎหมาย “จุดเด่นของฟอมม์คือ ต้นทุนต่อหน่วยการวิ่งถูกกว่ารถยนต์ทั่วไปถึง 10 เท่า และค่าดูแลรักษาระหว่างการใช้งานถูกกว่า 100 เท่า สามารถวิ่งบนน้ำได้ หมดความกังวลเรื่องน้ำท่วม พร้อมราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ต้นปีหน้า ด้วยราคาประมาณ 5.5 แสนบาท” นายธนานันต์ กาญจนคูหา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเซีย) จำกัด หรือ “ฟอมม์” กล่าวและว่า ตอนนี้ฟอมม์กำลังระดมเครื่องจักรและพัฒนาสายการผลิตที่โรงงงานในนิคมอุตสาหกรรม อมตะนคร จ.ชลบุรี โดยใช้ชิ้นส่วนนำเข้า 30% และชิ้นส่วนภายในประเทศ 70% ซึ่งรวมถึงแบตเตอรีจากบริษัทคนไทย “เบต้า เอ็นเนอยีร์ โซลูชัน” กำลังผลิตรวมเฟสแรก 5,000 คันต่อปี โดยกลุ่มเป้าหมาย มีทั้งองค์กร หน่วยงานรัฐบาล เอกชน และขายบุคคลทั่วไป เน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 20-30 ปี ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งการตลาดในเซกเมนต์รถยนต์นั่งของเมืองไทย 1% ภายใน 3 ปี ด้านตลาดส่งออกจะเริ่มในอาเซียนก่อน ส่วนช่องทางการขาย 50% จะเน้นไปที่ออนไลน์ แต่ยังมีโชว์รูมต้นแบบที่ทองหล่อ และหัวเมืองใหญ่ๆทั่วประเทศ “เราเป็นยานยนต์ไฟฟ้ารักษาสิ่งแวดล้อมที่อยากให้คนไทยเป็นเจ้าของได้ง่าย เช่นวางเงินดาวน์ 1 แสนบาท และผ่อน 5,000 บาทต่อเดือน หรือใช้รถไปแล้ว 5 ปีเราจะรับซื้อคืน 1.5 แสนบาท ขณะเดียวกันยังรับประกันอายุแบตเตอรีนาน 10 ปี แต่ในอนาคตจะมีแบตเตอรีเจเนอเรชันใหม่ที่ทำให้รถวิ่งได้ไกลขึ้นและราคาถูกลงแน่นอน” บริษัทยังมั่นใจว่าการขยายสถานีชาร์จไฟทั่วประเทศของรัฐบาลจะเป็นไปตามเป้าหมาย(ระยะแรก 100 แห่ง) ซึ่งบริษัทได้เซ็นบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับสถานีบริการน้ำมันบางจาก เพื่อให้เป็นศูนย์รับบริการเปลี่ยนแบตเตอรีให้แก่ลูกค้าที่ไม่สะดวกเสียบปลั๊กชาร์จไฟ ในเบื้องต้นจะมี 50 แห่งทั่วประเทศ สำหรับรถพลังไฟฟ้า“ฟอมม์”ใช้เวลาชาร์จไฟเต็มที่ 6 ชั่วโมง รถสามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 150 กิโลเมตร ซึ่งรถหนึ่งคันจะมีแบตเตอรี 4 ชุด ราคารวมประมาณ 2 แสนบาท หรือคิดเป็น 30% ของราคารถ ตกลง FOMM มาก่อนนะ 55000.- ราคานี้ น่าสนมาก แถมขับในน้ำได้นี้เลิศเลย เหมาะมากสำหรับ เมืองไทยยามนี้ Tella จะไหวมั้ย เห็นว่า ทางอินเดียก้อรับดันเข้ามาอยู่ ราคาไม่ต่างกันมาก