ซ่อนกลิ่น กระดังง เสียใจด้วยค่ะ 08.19น.พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก อดีตผบ.สส.ถึงแก่อนิจกรรม อายุ90ปี รพ.พระมงกุฎ #smsinn RIP. ครั้งหนึ่งก้อได้สร้างประวัติศาสตร์ เพื่อชาติ ให้จารึกปรากฏ
ประวัติศาสตร์ราชอาณาจักรสยาม วันนี้ในอดีต ๑ เมษายน วันคล้ายวันก่อการกบฎเรียกชื่อว่า กบฎยังเติร์ก กบฏยังเติร์ก หรือ กบฏเมษาฮาวาย เป็นความพยายามก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 เมษายน - 3 เมษายน พ.ศ. 2524 เพื่อยึดอำนาจการปกครองของนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผู้ก่อการประกอบด้วยนายทหารซึ่งจบจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่น 7 หรือที่เรียกว่ารุ่น ยังเติร์ก คณะผู้ก่อการที่เรียกตัวเองว่า "คณะกรรมการสภาปฏิวัติ" ได้เริ่มก่อการเมื่อเวลา 02.00 น. ของวันที่ 1 เมษายน โดยจับตัว พล.อ.เสริม ณ นคร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, พลโทหาญ ลีนานนท์, พลตรีชวลิต ยงใจยุทธ และพล.ต.วิชาติ ลายถมยา ไปไว้ที่หอประชุมกองทัพบก และออกแถลงการณ์คณะปฏิวัติ มีใจความว่า เนื่องจากสถานการณ์ของประเทศทุกด้านกำลังระส่ำระส่ายและทรุดลงอย่างหนัก เพราะความอ่อนแอของผู้บริหารประเทศ พรรคการเมืองแตกแยก ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอน จึงเป็นจุดอ่อนให้มีคณะบุคคลที่ไม่หวังดีต่อประเทศเคลื่อนไหว จะใช้กำลังเข้ายึดการปกครองเพื่อเปลี่ยนแปลง การปกครองเป็นแบบเผด็จการถาวร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและอยู่รอดของประเทศ คณะปฏิวัติซึ่งประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ตำรวจ และพลเรือน จึงได้ชิงเข้ายึดอำนาจการปกครองของประเทศเสียก่อน พร้อมกับได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ, ยุบสภา ถอดถอนคณะรัฐบาล ประกาศแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง พร้อมกับเปิดเพลงปลุกใจออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยตลอดเวลา ขณะที่ตามสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานครได้มีการตั้งบังเกอร์ กระสอบทราย และมีกำลังทหารพร้อมอาวุธรักษาการณ์อยู่อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งมีการอัญเชิญธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาด้วย เพื่อเป็นสัญลักษณ์. ทางฝ่ายรัฐบาล โดย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จพระราชดำเนินไปประทับชั่วคราวที่ กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ตั้งกองบัญชาการตอบโต้ และใช้อำนาจปลดผู้ก่อการออกจากตำแหน่งทางทหาร โดยได้กำลังสนับสนุนจาก พล.ต.อาทิตย์ กำลังเอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 การตอบโต้กลับของทางรัฐบาล เริ่มต้นด้วยการโดยส่งเครื่องบินเอฟ-16 บินเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯเพื่อสังเกตการณ์ พร้อมกับเคลื่อนกำลังพลเข้ามา ทหารทั้ง 2 ฝ่ายปะทะกันเล็กน้อย มีทหารฝ่ายก่อการเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 1 นาย มีพลเรือนถูกลูกหลงเสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างละ 1 คน ซึ่งการกบฏก็ได้ยุติลงอย่างรวดเร็วในเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 3 เมษายน เมื่อกองกำลังฝ่ายก่อการได้เข้ามอบตัวกับทางรัฐบาลรวมทั้งสิ้น 155 คน นับเป็นเวลาทั้งหมด 55 ชั่วโมงตั้งแต่เกิดเหตุการณ์จนจบ อนึ่ง การกบฏครั้งนี้ มีจำนวนกำลังทหารเข้าร่วมมากถึง 42 กองพัน ถือได้ว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ และมีบางข้อมูลระบุว่า ในเวลาเย็นก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์เพียงวันเดียว ทางฝ่ายผู้ก่อการ คือ พ.อ.ประจักษ์ ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ถึงบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ เพื่อเกลี่ยกล่อมให้เข้าร่วม โดยให้เป็นหัวหน้าคณะและจะให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ เพื่อจขัดอิทธิพลของนักการเมือง แต่ พล.อ.เปรม ไม่ตอบรับ พร้อมกลับเข้าบ้านพักและหลบหนีออกไปได้ ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ 289 ข่าวดัง 3 ทศวรรษหนังสือพิมพ์มติชน,โดย กองบรรณาธิการมติชน 34ปีที่แล้ว บางท่านยังไม่เกิดเลย ถือว่าเป็นเกียรติยศที่น่านับถือเป็นอย่างยิ่ง
สู่สุขคติค่ะท่าน กลุ่มทยังเติร์กมัีใึครบ้างนะ พ.อ.ประจักษ์ สวางจิตร พ.อ.มนู รูปขจร พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์
ผมเคยได้ยินชื่อแก แกเป็น ผบ.ทบ. และ ผบ.สส. สมัยรัฐบาลพลเอกเปรม ข่าวว่าแกได้เป็น รมช.กลาโหม ในรัฐบาลพลเอกชาติชาย แต่โดน รสช. ของบิ๊กจ๊อดรวบตัวขณะเดินทางไปถวายสัตย์ปฏิญาณ
http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/35922-open01_35922.html พัลลภ ปิ่นมณี :"ผมลอบสังหารพี่ซัน (พล.อ.อาทิตย์) 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ" วันจันทร์ ที่ 19 มกราคม 2558 เวลา 18:00 น. เช้าวันที่ 19 มกราคม 2558 วงการ “กองทัพไทย” สูญเสียบุคคลสำคัญชื่อ “พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก” อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด อดีตผู้บัญชาการทหารบก “พล.อ.อาทิตย์” ถูกขนานนามว่า “บิ๊กซัน” ได้รับความไว้วางใจจาก “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี ให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. ก่อนที่จะถูก “พล.อ.เปรม” สั่งปลดในภายหลัง โดยอ้างว่าวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการลดค่าเงินบาท แต่แท้ที่จริงมีกระแสข่าวออกมาว่า “บิ๊กซัน” จะปฏิวัติ “ป๋าเปรม” ฉากชีวิตที่โลดโผนในวงการ “ทหาร” ทำให้ “บิ๊กซัน” มีทั้งมิตร มีทั้งศัตรู สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขอหยิบฉากชีวิตบางส่วนของ “บิ๊กซัน” จากปากคำบอกเล่าของ “พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี” ถึงเหตุการณ์รอดตายจากการโดนลอบสังหารมาเพื่อบันทึกประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่ง “พล.อ.พัลลภ” เปิดฉากเล่าว่า “ความจริงผมสนิทกับพี่ซันมาก เหมือนนายกับลูกน้อง ผมเคยตามท่านไปราชการที่ประเทศเวียดนาม ท่านชอบกินขนมชนิดหนึ่ง ผมก็เอาติดให้ท่านได้กินประจำ” ทว่าชีวิตนายกับลูกน้อง ระหว่าง “น้องลภ” กับ “พี่ซัน” ต้องขาดสบั้นลง เมื่อ “พล.อ.พัลลภ” เข้าร่วมกับเพื่อน “จปร. 7” นำโดย “พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร” เตรียมทำรัฐประหารรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ โดย “พล.อ.เปรม” ใช้พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ซึ่ง “พล.อ.อาทิตย์” ดำรงตำแหน่งรองแม่ภาคที่ 2 เป็นสถานที่ต่อสู้กับ “กบฎเมษาฮาวาย” “ผมก็ทะเลาะกับพี่ซันตั้งแต่ตอนนั้น แต่ยังไม่ถึงขั้นแตกหัก เพราะเข้าใจบทบาทของพี่ซัน ที่ต้องช่วยป๋าเปรมปราบพวกผม" “พล.อ.พัลลภ” เล่าต่อว่า หลังที่ได้รับการอภัยโทษแล้วกลับมาอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ ส่วนตัวก็คิดจะวางมือไปอยู่เงียบทำไร่ทำนา ซึ่งได้ปลูกไร่ข้าวโพดไว้ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา “ตอนนั้นพี่ซันไปได้ข่าวมาจากไหนไม่รู้ว่าผมซ่องสุ่มกำลังปฏิวัติ ทั้งที่ผมปลูกข้าวโพด ฝักกำลังสวยเลย พี่ซันก็ส่งทหารขึ้นเฮลิคอร์ปเตอร์มา 2 ลำ มากัน 20 คน ดูแล้วคงจะมาจับผม แต่โชคดีผมไม่อยู่รถเสียอยู่ปากช่อง พอไปถึงไร่ข้าวโพดลูกน้องบอกว่าอย่าเพิ่งขึ้นไปทหารอยู่กันเต็ม พอไม่เจอผมทหารที่มามันก็เผาไร่ข้าวโพดทิ้งหมด นี่วันนั้นถ้าผมอยู่ไม่มันก็ผมต้องตายกันไปข้าง ผมไม่ยอมให้จับหรอก มาจับก็ต้องสู้กัน” “หลังจากนั้นผมบอกกับตัวเองต้องเอาคืนพี่ซันให้ได้ ผมก็จัดการด้วยวิธีของผม ซึ่งผมลอบสังหารพี่ซัน 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ เฝ้าอยู่ประตูนี้ แต่พี่ซันออกไปอีกประตู คลาดกันตลอด” “พล.อ.พัลลภ” เล่าต่อว่า “ครั้งหนึ่งเคยลอบสังหารพี่ซันที่เชิงสะพานหน้าวัดเบญจมบพิตร ผมกับลูกน้อง 3 คน เตรียมปืนไปยิง คำนวณเวลา คำนวณความเร็วรถหมดแล้ว แต่เคราะห์ดีตอนที่ขบวนรถพี่ซันขับผ่าน มีพระ 3 องค์ มาเดินบิณฑบาตระยะที่ผมจะยิงพอดี ผมเลยไม่ได้ยิง ลองคิดดูช่วง 3 โมงเช้า ปกติพระจะไม่บิณฑบาตแล้ว ผมเลยคิดว่าพี่ซันเป็นคนมีบุญ เลยล้มเลิกความคิดลอบสังหารพี่ซันเสียตอนนั้น” ในช่วงปี 2551 “พล.อ.พัลลภ” เดินทางไปหาเสียงให้กับเพื่อนที่จังหวัดเลย บังเอิญได้เจอกับ “พล.อ.อาทิตย์” อีกครั้ง “ผมเจอพี่ซันที่จังหวัดเลย ผมก็เข้าไปทักสวัสดีครับนาย พี่ซันก็อ๋อไอ้ลภ มึงนี่ลอบฆ่ากู 7 ครั้งนะ ผมก็บอกว่าไม่ใช่พี่ ผมลอบฆ่าพี่แค่ 3 ครั้ง พี่ซันไม่ถือโกรธผม แค่บอกว่าไอ้ห่า แล้วเขกกบาลผมทีนึง ก็จบกันไป” สุดท้าย “พล.อ.พัลลภ” บอกว่า “ผมโชคดีที่ฆ่าพี่ซันไม่ได้ พี่ซันก็โชคดีที่ฆ่าผมไม่ได้ เราทั้งสองคนต่างโชคดี แต่ทุกอย่างก็เป็นสัจธรรม พี่ซันก็เป็นพี่ที่ดีของผม” ทั้งหมดคือปากคำของ “พล.อ.พัลลภ” ผู้ลอบสังหาร “บิ๊กซัน” 3 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จ !!! ------------------------------------------------------------------ ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
เรื่องที่ท่านโดนป๋าเปรมปลดออก เริ่มตั้่งแต่นาทีที่ 1.52 และเรื่องปราบกบฏเมษาฮาวาย หรีือ กบฏยังเติร์ก นาทีที่ 3.35