หลังสมยศ กลับไปอยู่บ้าน รู้สึกว่าเงียบๆ เลยเอามาฝาก ′สาร′ ย้อนแย้ง จาก อาเดม คาราดัก ใน คำ ′สารภาพ′ วันที่ 06 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 13:01:55 น. (ที่มา:มติชนรายวัน 6 ตุลาคม 2558) การยอมรับ "สารภาพ" ของนายอาเดม คาราดัก ในคดีวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหมและท่าเรือตากสิน สาทร อาจทำให้ตำรวจเจ้าของคดีถอนหายใจด้วยความโล่งอก สามารถ "ปิดคดี" ได้ แต่ภายในคำสารภาพในลักษณะ "ยอมรับ" นั้น เมื่อสำรวจ "สาร"แต่ละสารอัน นายอาเดม คาราดัก สื่อออกมา ก็มากด้วย "เงื่อนปม" และ "ละเอียด" อ่อน สาร 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมาก คือ สารอันยืนยันว่าเขาเป็น "อุยกูร์"อันมีพื้นฐานมาจากมณฑลซินเจียง ประเทศจีน สาร 1 ปฏิบัติการครั้งนี้เขา "รับงาน" มาด้วยความเต็มใจ อาจเป็นเพราะมีข้อแลกเปลี่ยนคือ เขาจะได้รับการช่วยเหลือให้เดินทางจากไทยไปยังมาเลเซียและต่อจากนั้นอาจเป็นตุรกี ยืนยันด้วยว่า เป็นการทำงานโดยมิได้รับ "ค่าจ้าง" ลำพังเพียงข้อยืนยันในความเป็น "อุยกูร์" ก็ทรงความหมายเป็นอย่างสูง เพราะเมื่อเอ่ยถึงอุยกูร์ย่อมสัมพันธ์กับจีน ย่อมสัมพันธ์กับเงื่อนงำการส่งอุยกูร์ 109 คนไปยังจีนอันอื้อฉาว นี่คือภาวะ "ละเอียดอ่อน" ยิ่งในทาง "การเมือง" นับแต่เกิดระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และตามมาด้วยระเบิดท่าเรือตากสิน สาทร แม้จะมีความพยายามตัดประเด็นในเรื่องการส่งอุยกูร์ไปยังจีน แต่ยิ่งสอบสวนสืบสวนก็ยิ่งวนไปโดยรอบ 1 บรรดาผู้ต้องหาส่วนใหญ่ซึ่งออกหมายจับมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ระบุว่าเป็นคนไทย แต่อีก 10 กว่าคนล้วนเป็น "ชาวต่างประเทศ" และชาวต่างประเทศนั้นล้วนเป็น "แขกขาว" แม้การบุกจับ นายอาเดม คาราดัก ในเบื้องต้นยังไม่ชี้ชัดลงไปว่าเขามาจากไหนและถือพาสปอร์ตชาติอะไร แต่ยิ่งสาว ยิ่งเห็นชัดว่ามิได้เป็น "คนไทย" ขณะเดียวกัน 1 แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามเน้นครั้งแล้วครั้งเล่าว่าสัมพันธ์กับผลประโยชน์ในเรื่องการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะชนเผ่าอุยกูร์ เมื่อเสียผลประโยชน์ก็ก่อ "ปฏิกิริยา" รุนแรง เกรี้ยวกราด กระนั้น เมื่อพิจารณารายละเอียดในการเข้ามาของ 2 ชนเผ่าอันอื้อฉาว ได้แก่ โรฮีนจา และอุยกูร์ จะประจักษ์ในจุดต่างอย่างมีนัยสำคัญ โรฮีนจา เป็นเรื่องของการหนีออกมาเพื่อแสวงโชค แต่อุยกูร์ เป็นเรื่องของการหนีออกมาเพื่อไปอยู่ในเทศะอันดีกว่า 1 สะท้อนปัญหา "เศรษฐกิจ" 1 สะท้อนปัญหา "การเมือง" ปัญหาของชาวอุยกูร์จึงมิใช่ขบวนการอพยพอย่างธรรมดา หากแต่เป็นขบวนอพยพอันสะท้อนทั้งปัญหาศาสนาและการเมืองระคนกัน การบริหารจัดการจึงต้องมากด้วย "ความประณีต" ถามว่าเหตุใดเมื่อตอนที่รัฐบาลไทยจัดส่งอุยกูร์จำนวน 109 คนคืนกลับให้กับรัฐบาลจีนจึงกลายเป็นปัญหา ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาอันมาจาก "สภาอุยกูร์โลก" ตรงกันข้าม หน่วยงานสิทธิมนุษยชนอย่างแอมเนสตี้ก็ไม่เห็นด้วย หรือแม้กระทั่งสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติก็ไม่เห็นด้วย การสารภาพของ นายอาเดม คาราดัก จึงสำคัญ สำคัญ 1 อาจช่วยให้คดีที่คาราคาซังปิดลงได้ ขณะเดียวกัน สำคัญ 1 เท่ากับเป็นปฏิบัติการที่สร้างความแจ่มชัดในทางการเมือง เป็นลักษณะ "พลีชีพ" ผ่าน "คำสารภาพ" ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสังหรณ์หรือไม่ก็ตาม แต่คำสารภาพของ นายอาเดม คาราดัก ดำเนินไปเหมือนกับเป็น "คำประกาศ" เป็นคำประกาศจาก "ชาวอุยกูร์" ว่ากรณีของเขาเป็นเรื่อง "การเมือง" เป็นการเมืองที่สามารถโยงให้สัมพันธ์กับกรณีการส่งอุยกูร์ 109 คนได้โดยอัตโนมัติ จากนี้จึงเห็นได้ว่า ปฏิบัติการลอบวางระเบิด ณ ศาลท้าวมหาพรหมน่า เป็นอาชญากรรมอันมีลักษณะทางการเมือง แม้ทิศทางการสืบสวนสอบสวนของไทยจะนำไปสู่บทสรุปเรื่อง "ผลประโยชน์" อันสัมพันธ์กับขบวนการค้ามนุษย์ แต่ "คำสารภาพ" นายอาเดม คาราดัก กลับกลายเป็นใบเสร็จ "ทางการเมือง" "คำสารภาพ" จึงดำเนินไปอย่าง "ย้อนแย้ง" พลิกไพล่
มติชน เขียนแบบนี้ คราวนี้ผมรู้แล้วว่า ทนายเสื้อแดง ไปทำอะไร กับ อาเดม คาราดัก คิดว่า คงไปทำให้ อาเดม พูดอะไรสักอย่าง ให้ลากไปทางอุยกูร์ แบบเต็ม ๆ จะได้เข้ากับ ที่ "คนในความลับ" ต้องการจะสื่อแบบนั้น ตั้งแต่แรก ถ้าลงทุนทำการ แล้วผลไม่เข้าเป้า ก็ต้องทำอะไรสักอย่าง ให้ได้เป้าเดิม ไม่เช่นนั้น ไอ้ที่ลงทุน ฆ่าคนไปร่วม 20 คน บาดเจ็บไม่ต้องนับ เศรษฐกิจพินาศยับ เพื่อให้รัฐบาลลุงตู่ เสียชื่อ เสียหาย คงได้ไม่เต็มหน่วย ไม่ต้องนับถึงสิบ หรือร้อย เฮ้ออออ ก็แค่จะทำให้ได้ ตามที่ตั้งใจจริง ๆ รู้สึกว่า จะลงทุน ไปมากจริง ๆ หน้าเหลี่ยมเอ๋ย
ไม่ใช้ทยอยอย่างเดียวครับ ตอนนี้ตอมันเรี่มผุดออกมาให้เห็นเเล้วว่า ใคร ทำอะไร มีหน้าที่อะไร อีกไม่นาน คงจะมีความจริงที่คนเสื้อเเดง ไม่อยากจดจำ ก็ได้ (เเต่พวกสลิ่มมันรู้ 55555 )
ไม่ว่ายังไงก็พยายามโยงอุยกูร์ให้ได้ ยิ่งเป็นผลเสียกับอุยกูร์อีก เพราะ จะกลายเป็นผู้ก่อการร้ายทันที และจีนจะใช้โอกาสนี้ปราบอุยกูร์ซะ ตุรกีก็ตุรกีเถอะ เจอจีนเข้าไปนี่ อ้าปากแทบไม่ทันแน่
ตามข่าว นายอาเดม เคยเดินทางไปอยู่ตุรกี มาแล้วนี่ ดูมันแย้งกับการที่เขาเดินทางเข้ามาไทยเพื่อไปมาเลเซียนะ ทำไมไม่จากตุรกีแล้วไปมาเล เลย มาทำไมที่นี่ มาทำมาหากินอะไร
ตามข่าวเริ่มแรก มาจากตุรกี ไปซื้อพาสปอร์ตปลอมที่เวียตนาม จากนั้นต่อไปลาวและเข้ามาไทย เพื่อเดินทางไปปลายทางที่มาเลเซีย
"อาจเป็นเพราะมีข้อแลกเปลี่ยนคือ เขาจะได้รับการช่วยเหลือให้เดินทางจากไทยไปยังมาเลเซียและต่อจากนั้นอาจเป็นตุรกี" นั่นสิคะ เลยงงๆกับข้อความนี้ เห็นในหลายสื่อ ตกลงอยากไปอยู่ที่ไหน หรือเราเขลาเกินจะเข้าใจ
ตกลงว่ามันมาจากตุรกี เพื่อไปมาเลฯ หรือจากจีนเพื่อไปตุรกี งงงงมาก อาเดม ยัน รับคำสั่งจาก อับดุลเลาะห์มาน ยังอุบ เหตุจูงใจวางบึมกรุงฯ โดย ไทยรัฐออนไลน์ 8 ต.ค. 2558 12:48 3,016 ครั้ง ทนาย เผย อาเดม คาราดัก ผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม-ท่าเรือสาทร ยัน รับคำสั่งจากนายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน ยอมรับมาจากจีน แต่ไม่บอกมาจากเมืองใด ส่วนเหตุจูงใจ ยังไม่ทราบแน่ชัด ด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้ม เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 8 ต.ค. นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเดม คาราดัก หรือ นายบิลาเติร์ก มูฮัมหมัด ผู้ต้องหาคดีรอบวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ได้เข้าเยี่ยมลูกความภายในเรือนจำชั่วคราว หลังจากที่ทางพนักงานสอบสวนได้ขออำนาจศาลทหารฝากขังเป็นผัดที่ 4 ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ซึ่งบรรยากาศบริเวณทางเข้ากองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหาร ยังวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเช่นเคย มีการตรวจ บันทึกภาพรถและบุคคลที่เข้าออกทุกคัน รวมทั้งยังไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวไปทำข่าว เก็บภาพบริเวณด้านหน้าทางเข้า โดยสื่อมวลชนทำได้เพียงสังเกตการณ์บริเวณฝั่งตรงข้ามเท่านั้น ด้านนายชูชาติ ทนายความ เข้าเยี่ยม นายอาเดม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ได้พูดคุยสอบถามประเด็นหลักๆ ถึงมูลเหตุจูงใจ พร้อมทั้งเส้นทางที่ใช้ในการเข้ามายังไทยที่ชัดเจน ว่า เข้ามาเมื่อไรและเข้ามาอย่างไร รวมถึงวิธีการขั้นตอนในการวางแผนก่อเหตุระเบิดว่า มีผู้ร่วมกระบวนการอีกหรือไม่ และเป็นคนไทยจำนวนกี่คนที่เข้าร่วมขบวนการ อีกทั้งการจัดหาที่พักในเมืองไทยโดยวิธีใดใครเป็นผู้ให้การช่วยเหลือ โดยใช้เวลาในการพูดคุยประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งยังมีปัญหาด้านการสื่อสาร เนื่องจากนายอาเดม พูดภาษาอุยกูร์ และใช้ภาษาอังกฤษไม่ค่อยแข็งแรง จึงต้องการหาล่ามภาษาอุยกูร์ช่วยในการสื่อสารได้ และจากการพูดคุยกับนายอาเดม ได้สอบถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ยืนยันว่า นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์มาน เป็นคนสั่งการให้เอากระเป๋าที่บรรจุระเบิดไปวางไว้ที่ศาลท้าวมหาพรหม ในวันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่จะจุดชนวนระเบิดนั้น นายอาเดมได้เข้าไปยังมัสยิดเพื่อไปละหมาด จากนั้นได้นั่งรถแท็กซี่กลับมาเพื่อนำกระเป๋าไปวางตามจุดที่ นายอับดุลเลาะห์ ได้สั่งการไว้ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ซึ่งนายอับดุลเลาะห์ ได้สั่งให้ไปวางไว้จุดที่ใกล้ศาลท้าวมหาพรหม มากที่สุด เนื่องจากจุดดังกล่าวมีคนพลุกพล่านเป็นจำนวนมาก หลังจากวางเสร็จแล้ว นายอาเดม จึงได้เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และถอดวิกก่อนจะหลบหนีไป นอกจากนี้ นายอาเดม ยังบอกอีกว่า หากทำงานตามคำสั่งการเสร็จสิ้น นายอับดุลเลาะห์ ได้ประสานงานกับทางมาเลเซีย เพื่อที่จะนำนายอาเดมเดินทางผ่านไปยังประเทศตุรกี นายชูชาติ ยังกล่าวอีกว่า นายอาเดมเล่าว่า หลังจากก่อเหตุก็ไม่ทราบข่าวหรือรับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดเลย เนื่องจากที่ห้องพักไม่มีเครื่องมือสื่อสารใดๆ แต่เมื่อตนให้ดูภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ก็มีท่าทีที่สลดใจ รู้สึกผิดกับสิ่งที่กระทำ อย่างไรก็ตาม นายอาเดม บอกเพียงแค่ว่า มาจากประเทศจีน แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจากเมืองใด เพราะเกรงว่า ทางการจีนจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับญาติพี่น้องของตนที่เมืองดังกล่าว ทั้งนี้ นายชูชาติ ได้กล่าวถึงการสู้คดี ว่า คงจะต้องสอบถามอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะดำเนินการขั้นตอนการยื่นคำร้องต่อศาล คาดว่า อีกประมาณ 2 สัปดาห์ และจะเข้าเยี่ยมนายอาเดมอีกครั้ง
เผยแพร่เมื่อ 10 ต.ค. 2015 เช้าวันนี้ ชาวตุรกีได้เริ่มวันรำลึกถึงเหตุโศกนาฏกรรมที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศที่จะรำลึกต่อเนื่องนาน 3 วัน จากเหตุระเบิด 2 ครั้งซ้อนใกล้กับสถานีรถไฟในกรุงอังการา ของตุรกี โดยเกิดห่างกันเพียงไม่กี่นาที โดยลูกแรกเกิดขึ้นในเวลาราว 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นวัตถุระเบิดชนิดใด แต่ลูกหนึ่งมีความรุนแรงกว่าอีกลูก แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 95 คนและผู้บาดเจ็บอีก 245 คน นับเป็นเหตุการโจมตีที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในตุรกี โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ มีบางข่าวบอกว่าเป็นฝีมือ IS
หายไปนาน มีอัพเดท ภากร นครกุลเชษฐ์ @js100radio 15.18 น. จับ 'วรรณา'-สามี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีระเบิดราชประสงค์ได้แล้ว รอส่งตัวกลับไทย +++ ขณะที่บางแหล่งข่าวทีวี บอกว่ายังจับตัวไม่ได้ ก็เป็นยังไง รอดูต่อไป
กรุงเทพฯ 4 ธ.ค.-ผบ.ตร.ยืนยันตำรวจตุรกีควบคุมตัวนางวรรณา สวนสัน พร้อมสามี ผู้ต้องหาคดีระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ได้แล้ว มีความคืบหน้าคดีระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ โดยล่าสุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่า ตำรวจตุรกีควบคุมตัวนางวรรณา สวนสัน พร้อมสามี ผู้ต้องหาในคดีนี้ได้แล้ว และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนประสานงานส่งผู้ร้ายข้ามแดน.-สำนักข่าวไทย