ที่บริเวณฝั่งประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (7 ต.ค.) สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ร่วมกับคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) จำนวน 200 คนนำโดย น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย คณะกรรมการ คสรท. และนายสาวิทย์ แก้วหวาน เลขาฯ สรส. จัดกิจกรรม “วันงานที่มีคุณค่า” ซึ่งจัดในวันที่ 7 ต.ค.ของทุกปี พร้อมเข้ายื่นข้อเสนอในเรื่องผลกระทบต่อการดำรงชีพของผู้ใช้แรงงานต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่าน ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงานเป็นตัวแทนรับเรื่องร้องเรียน โดยข้อเรียกร้องแบ่งเป็น 4 หมวด คือ 1. ว่าด้วยคุณภาพชีวิตของผู้ใช้แรงงาน อาทิ ขอเรียกร้องให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำเท่ากันทั่วประเทศวันละ 360 บาท พร้อมให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงกรณีนายจ้างเลิกจ้างอย่างไม่ เป็นธรรม รวมถึงการจัดตั้งธนาคารแรงงาน และยกระดับการคุ้มครองคนงานให้มีมาตรฐานเดียวกันในอาเซียน 2. ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของคนงาน ขอให้มีการปฏิรูปกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ใหม่ และให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มแรงงานกรณีประธานและกรรมการ สหภาพแรงงาน รัฐวิสาหกิจการบินไทย ถูกผู้บริหารฟ้องเรียกค่าเสียหาย 326 ล้านบาท 3. การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ต้องไม่มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ต้องยึดมั่นในผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนให้เข้าถึงบริการจากรัฐโดยความเท่าเทียมด้วยราคาที่เป็นธรรม และ 4. การมีส่วนร่วมให้รัฐบาลเร่งทบทวนมาตรการต่างๆ ที่ทำให้คนงานสามารถเข้าถึงหลักการงานที่มีคุณค่า มีหลักประกันให้คนงานสามารถเข้าถึงหลักการได้จริง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิแรงงาน ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันสามารถทำได้ทันทีเพราะมีอำนาจเต็ม โดยเฉพาะการเสริมสร้างอำนาจการต่อรองให้กับคนงานสามารถร่วมตัวจัดตั้งองค์กร น่าจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้วถานการณ์ละเมิดสิทธิแรงงานในประเทศดีขึ้นและ ได้รับการยอมรับและหมายถึงบทบาทของไทยในเวทีโลก เพื่อให้คุณภาพชีวิตผู้ใช้แรงงานดีขึ้นต่อไป http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000112562
ไม่ยากครับ แค่ไปสอบมตรฐานฝีมือแรงงาน http://www.mol.go.th/sites/default/files/downloads/pdf/Wage_standard4_for22May2014.pdf
แค่ 300 เค้าก็ทนไม่ไหวย้ายหนีไปหลายโรงงานแล้ว เอาจริง ผมว่า ลอยตัวไปเลยดีกว่า มีฝีมือจริง จะเรียกห้าหกร้อย ผมว่ามีคนยอมจ่าย
อ้างแต่สิทธิและเสรีภาพ จนไม่มีใครเขาอยากจ้างแล้ว ถามจริงเถอะ จะเอาท้องอิ่มและมีงานทำ หรือจะนอนกอดสิทธิจนท้องร้อง
พอค่าแรงพวกพี่ขึ้นปุ๊บ ค่าหมูเห็ดเป็ดไก่ ข้าวราดแกง ก็จะขึ้นตามปั๊บ พวกพี่ไม่นึกถึงคนที่เขาได้ขึ้นค่าแรงจากฝีมือในการทำงานบ้างเหรอ เขาก็อุตส่าห์ทำงานหามรุ่งหามค่ำฝึกปรือฝีมือความละเอียด กว่าเจ้านายจะเห็นใจ ได้เลื่อนค่าแรง เป็น 350 ถึง 400 แต่พวกพี่ชุบมือเปิบมาขอ 360 พี่คิดว่าพี่เอาเปรียบพวกเขาไหม พี่ลองหันไปดูนะครับ ตอนนี้มีนายจ้างสักกี่เจ้าที่จ่ายให้พี่ได้ขนาดนั้น สู้พวกพี่เอาเวลาที่พี่มาเดินเอาไปพัฒนาตัวเองให้เก่ง จนมีผลงาน แล้วถึงวันนั้น อย่าว่าแต่ค่ค่าแรง 360 เลย พี่จะเอาวันละแปดเก้าร้อย พี่ก็เลือกได้ ถ้าสิ่งนั้นมีพี่ทำได้คนเดียว
ด้วยความเคารพขึ้นค่ามันกับพวกทำงานบริษัทค่าขึ้นโรงานเขาก็ปรับราคาสินค้าขึ้นตาม....กรรมมาตกกับคนซื้อถ้ารับกันได้ก็หยวนๆ แต่เคยคิดถึงแรงงานด้านการเกษตรบ้างไม๊ว่าเกษตรกรที่ทำนาทำไร่ทำสวนจะจ้างแรงวันละ360ไหวหรือเปล่าขนาดตอนนี้ราคาพืชผลทางการเกษตรก็ดันขึ้นไม่ไหวแล้วเพราะไปกระทบกับคนทั้งประเทศ ถามขึ้นค่าแรงให้360ให้เป็น500เลยก็ได้แล้วเกษตรกรชาวนาขอขึ้นราคาบ้างตั้งราคาจ้าวเปลือกเกวียนละ20,000ข้าวสารถังละ1,500ประชาชนจะซื้อไหวไม๊ บอกไว้เลยขึ้นอีก60บาทเดือนยังไม่ทันขึ้นหรอกราคาสินค้ามันขยับหนีไปรอข้างหน้าแล้ว ต่อไปอนาคตเกษตรกรคงจ้างแรงงานไม่ไหวสุดท้ายคงต้องเลิกทำไร่ทำนาออกมาทำงานรับจ้างเพราะไม่ต้องเสี่ยงลงทุนสู้ราคาที่ตกตํ่าไม่ไหว คงอีกไม่ไกลเราคงต้องซื้อข้าวซื้อผักจากต่างประเทศกิน
พวกนี้ต้องเจอให้เข้าคอร์สสอบให้ได้แรงงานระดับฝีมือ ไม่ต้องลอยตัวค่าจ้างหรือไปเพิ่มอะไรหรอก สอบแล้วจะเอา3 ร้อยเท่าไร หรือ4ร้อยกว่า ก็ว่ากันไป
เรื่องค่าแรง บอกตรงๆนะ ไม่เห็นด้วยเลยกับค่าแรงขั้นต่ำ อยากให้เป็นแบบลอยตัว จะจ่ายมากจ่ายน้อยให้ดูที่ผลิตภาพ หมายความว่า ให้วัดผลการทำงานเป็นหลัก วันนี้ทำได้ 6o ชิ้น ชิ้นๆละ 5บาท ลบความเสียหายสิ้นเปลืองจากการทำงาน 36 บาท จะได้ค่าจ้าง 264บาท ที่สำคัญคือเรื่องค่าจ้างทั้งหลาย ปล่อยให้จังหวัดหรือท้องถิ่นมีอำนาจตัดสินใจเองได้ไหม
อุปสงค์อุปทานครับ ถ้านายจ้างกิจการุ่งเรืองเงินทองไหลมาเทมา สวัสดิ์การก็จะตามมาถ้านายจ้างอยู่ไม่ได้ลูกจ้างต้องตายตาม ไม่ได้เข้าข้างนายจ้างนะครับ แต่เรื่องหลักประกันการว่างงานหรือถูกนายจ้างเลิกจ้าง ไม่ว่ากรณีย์ใดเห็นด้วยครับ เพราะทุกวันนี้ถ้าลูกจ้างถูกเลิกจ้างกว่าจะฟ้องกันจนเรื่องจบบางทีลูกจ้างหรือนายจ้าง ตายหนีไปก่อนเห็นด้วยที่ให้รัฐบาลเป็นคนสำรองจ่ายส่วนของนายจ้างให้ลูกจ้างไปก่อนแล้วให้รัฐไปไล่บี้เอากับนายจ้างแทนลูกจ้างเรื่องมันจะจบดีกว่าลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างก็ไม่เดือดร้อนมีทุนไปทำมาหากินต่อ บางคดี10ปีแล้วกองบังคับคดียังไม่สามรถบังคับให้นายจ้างจ่ายได้เลยทั้งที่ศาลตัดสินชี้ขาดเป็นคดีแดงไปแล้วอ้างว่าเป็นคดีแพ่งบ้างล่ะร่วมรวมหนี้ยังไม่ครบบ้างล่ะวุ่นวายไปหมดทนายก็รอกินเงินหน้าศาลยิ่งไม่มีทนายยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่เหนื่อยแทนลูกจ้างกองบังคับคดีก็จะให้ประณีประนอมยอมความกันถ้าศาลตัดสินไปแล้วผมว่ามันเลยเวลาที่จะประณีประนอมไปแล้วยิ่งยืดเวลาเข้าทางนายจ้างลูกจ้างเสียเปรียบ ลูกจ้างหลายคนก็ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมไปติดตามเรื่องต่อทิ้งคดีจนหมดอายุความสรุปเงินเลิกจ้างไม่ได้ บางคดีผ่านศาลแรงงานตัดสินไปแล้วยังไปเจอศาลล้มละลายอีก ถ้าเฉลี่ยทรัพย์ลูกจ้างจะได้คนละกี่บาทพอค่ารถค่าเอกสารหรือเปล่า
อย่าเลยครับ เอาตีนตบกับแตรดีกว่าครับ คนเห็นแล้วหนีหมดแน่นอน ขนาดพวกมันเดินขบวนรำลึกประจานศพพวกเดียวกัน ห้างยังปิดหนีเลย
สรุป คือ ผู้ประกอบการ ทุกคนต้องจ่ายเงินซื้อเสียงให้น้องสาวทักกี้ เอาไปเลือกตั้ง จะไปว่าคนที่เป็นลูกจ้างก็ไม่ได้ เพราะรายได้เขาไม่มาก อย่างน้อยเขาก็ต้องเลือกทางที่ดีกว่าอยู่แล้วเพราะเขามีภาระ แต่คว่ายแดงเอาไปพ่นขี้ตลอดว่า 15 ล้านเสียง เลือกมันมา ฟังแล้วอนาถชิพหาย
ผมละขำกับคำเรียกร้องขอให้พวกกุได้เงินเพิ่มอย่างเดียวไม่สนใจอย่างอื่น สุดท้ายกลายเป็นแรงงานต่างชาติได้ประโยชน์ บทเรียนรอบที่แล้วไม่เคยคิด ไม่เคยสำนึก รอบนี้ขอเพิ่มอีก 60 บาท แต่ไม่เคยคิดว่าสุดท้ายแล้วความเดือดร้อนกลับไปสู่ คนไทยทุกคนที่อาศัยในแผ่นดินไทย เฮ้อ......
เด็กไทยทุกวันนี้ดูเสมือนเหมือนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แต่ผมไม่โทษเด็กนะครับ โทษผู้ใหญ่ที่สายตาไม่เฉียบคมพอ ไม่สามารถมองทะลุเหนือผลประโยชน์ส่วนตัว ไปสู่การสร้างอนาคตของประเทศ
นายโกตี๋ตอนนี้อยู่ในเวียงจันทน์นะครับ ไม่ใช่เขมร ผมเข้าไปเวียงจันทน์แล้วขับรถไปนอนที่เมืองวังเวียง แวะเติมน้ำมันนอกเมืองเวียงจันทน์เห็นคนตัวเตี้ยๆใส่ชุดแดงแจ๋นั่งอยู่นอกร้านสะดวกซื้อ ผมยิ้มด้วยก็หลบหน้าหลบตาดูมีพิรุธ ขับรถออกจากปั๊มน้ำมันถึงนึกออกว่าเป็นนายโกตี๋
แปลกใจตรง สรส. นี้แหละ น่าเป็นหน่วยงานแรกที่น่าเข้าใจพื้นฐานเศรษกิจความเป็นอยู่อย่างดี 300.- รู้สึกแย่ นี้จะนำไป 360.- อีก
จริงๆผมสนับสนุนการขึ้นเงินเดือนค่าแรงสูงๆนะ เพราะหวังจะให้มีชีวิตที่ดีขึ้น กับการมีทุนเพื่อไปต่อยอดฝีมือแรงงาน ทั้งเพิ่มความรู้ เพิ่มฝีมือแรงงานด้วยทุนตนเอง และสามารถก้าวไปเป็นผู้ประกอบการเองได้ในที่สุด แต่จากที่เห็นตอนค่าแรงสามร้อยบาท ผมคิดว่าประเทศไทยนี่น่าสงสารมากครับ น่าจะเป็นแบบหนังเสียดสีเรื่อง IDIOCRACY น่าเศร้ามาก
ตอนนี้บางที่ข้าวจาน40-50 แล้ว ถ้าเพิ่มค่าแรงอีกหวังในอนาคตไม่ไกลคงจะได้กินจาน70-80+นํ้าด้วย มื้อละร้อยพอดี ขึ้นค่าแรงได้ประโยชน์เพียงบางกลุ่มแต่ผลกระทบรับกันไปเต็มทั้งประเทศ รู้ทั้งรู้ว่าราคาสินค้ารอขึ้นตอนปรับค่าแรงเป็นอย่างนี้มานานแล้ว พอขึ้นเสร็จก็ออกมาบ่นอีกว่าไม่พอใช้อะไรหรือขนาดใหนที่พอใช้ แรงงานต่างด้าวไม่เห็นบ่นทั้งที่กินเหมือนกันนอนเหมือนกัน ขอเพิ่มค่าแรงขั้นตํ่าทีไรได้ดีพวกแรงงานต่างด้าวทุกครั้งยังไม่รู้สึก อีกหน่อยแรงงานขั้นตํ่าคงไม่จ้างคนไทยจ้างแต่แรงงานต่างด้าว ค่าแรง300แรงงานพม่าเก็บซื้อทองกลับประเทศ คนไทยมีแต่หนี้กับหนี้
น่าคิดนะ เราพยายามให้คนมีงานทำสามารถอยู่ได้ โดยที่ผมคิดว่าเราใช้แนวคิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นตัวจับต้อง ให้มนุษย์อยู่ได้ พอกินพอใช้ชีวิต แต่เราไม่เคยคิดว่ามันทำให้ขี้เกียจ แบมือขอกันตลอด บางครั้งเราต้องมีระบบการคาดโทษเพื่อให้เกิดการแข่งขันและพัฒนาบ้าง อย่าให้จมปลักกับการใช้แรงงานอย่างเดียว ต้องมีทักษะความสามารถชำนาญการด้วย ถึงจะการันตีขั้นต่ำให้ เหมือนการศึกษา ตกซ้ำชั้นไม่มี เด็กมันก็เรียนส่งเดชไปวันๆทั้งที่มันมีสมอง ผู้ปกครองก็ช่างมันยังไงลูกก็เรียนจบ กลายเป็นตกต่ำทั้งระบบ
"เหมือนการศึกษา ตกซ้ำชั้นไม่มี เด็กมันก็เรียนส่งเดชไปวันๆทั้งที่มันมีสมอง ผู้ปกครองก็ช่างมันยังไงลูกก็เรียนจบ กลายเป็นตกต่ำทั้งระบบ" Echo ๆ ๆ ๆ ๆ
ปิดโรงงานไปอีก ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" ได้สอบถามประเด็นดังกล่าวไปยัง บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งได้รับการชี้แจงถึงทิศทางของโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ว่า เป็นโรงงานผลิตหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์สำหรับตลาดในเอเชียและผลิตหลอดฟลูออเรส เซนต์ สำหรับตลาดทั่วโลก ซึ่งเตรียมจะปิดโรงงานในปีหน้า เนื่องจากสถานการณ์ของอุตสาหกรรมแสงสว่างทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงระยะเวลา เปลี่ยนผ่านจากเทคโนโลยีแสงสว่างแบบเดิมไปสู่เทคโนโลยี Digital Lighting(LED) ส่งผลให้ความต้องการหลอดไฟเทคโนโลยีแบบเดิมลดลง บริษัทจึงมีแผนจะปิดการดำเนินงานโรงงานผลิตหลอดไฟดังกล่าว โดยมีผลภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2559 http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1445308333
ต้องการรับเงินเดือนและตำแหน่งแบบ technical skill แต่ฝีมือมีแค่ labour skill อีกหน่อยแรงงานพม่า ลาว เขมร เวียดนาม จากเดิมอยู่หลังร้านหั่นผักล้างจาน คงไปเป็นเด็กเสิร์ฟ ส่วนหั่นผักล้างจานคงเป็นของเด็กไทย เพราะพูดกับใครไม่รู้เรื่อง
ผมเคยจ่ายค่าจ้างรายวันบวกรางวัลผลผลิตเป็นรายชิ้น ตอนค่าจ้างขั้นต่ำยังไม่สูงเหมือนเดี๋ยวนี้ รางวัลผลผลิตรายชิ้นเป็นแรงจูงใจที่ได้ผล และเป็นธรรมด้วยเพราะถ้าฝีมือดีและขยันก็จะมีรายได้สูง ได้ผลผลิตต่อคนมากทำให้ต้นทุนต่อชิ้นไม่สูง แต่พอค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นเป็น300บาทต่อวัน มีผลกระทบต่อกิจการแบบผมโดยตรงเพราะ แค่มาทำงานก็ได้แล้ว300บาทก็มานั่งซังกะตายรอเวลาเลิกงาน ไม่ค่อยสนใจรางวัลผลผลิตรายชิ้น ทำให้ต้นทุนสินค้าต่อชิ้นสูงขึ้นมาก การคงรางวัลผลผลิตรายชิ้นหรือเพิ่มให้อีกเพื่อจูงใจ ทำให้ต้นทุนสินค้าสูงจนแข่งกับประเทศที่ค่าจ้างถูกอย่างจีน อินเดีย เวียดนาม ฯลฯ ไม่ได้ ทุกครั้งที่มีโอกาสจะพยายามบอกภาครัฐให้ดูแลสวัสดิการกลุ่มคนรายได้ต่ำ เช่นการศึกษาฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นแอบแฝง ให้หนังสือ อุปกรณ์การศึกษา อุปกรณ์กีฬาและดูแลการรักษาพยาบาลเยาวชนไม่ให้เป็นภาระกับผู้ปกครอง ถ้าทำอย่างนี้ได้อนาคตของชาติก็จะดีขึ้นและอัตราเงินเฟ้อจะไม่สูงด้วย แต่แน่นอน นักเลือกตั้งย่อมหวังคะแนนเสียง และนโยบายประชานิยมด้วยเงินคนอื่นย่อมเป็นทางเลือกของคนพวกนี้ ผลคือ300บาทต่อวันแต่คุณภาพชีวิตเหมือนเดิมเพราะพ่อค้าปรับราคาสินค้าไปรออัตราใหม่เรียบร้อยแล้ว ตกลงเราเสียหายทั้งประเทศ ยกเว้นแรงงานต่างด้าวกับเจ้าสัวเจ้าของ"ทิกซาลี ส็องสุง"
ไม่อยากให้บ้านเมืองเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ส่วนตัวเห็นว่า300 สำหรับบางคนเยอะเกินกว่างานที่ทำมาก บางคนก็น้อยเกินไป(กลุ่มนี้นายจ้างมักหาของตอบแทนแบบอื่นให้นอกเหนือเงินเดือน) หากท่านใดสนับสนุนให้ค่าแรงขั้นต่ำ 360 เพียงท่านจ่ายเงินส่วนต่างให้แรงงานใกล้บ้านท่านทุกวันได้เลยค่ะ มัวไปรอเงินนายจ้างอาจจะช้าไป ทำอย่างนี้ไม่กระทบนายจ้างด้วย เห็นใจคนรายได้น้อยเนอะ 555