Somsak Jeamteerasakul 112 = ใช้คุกมาบังคับให้คนรัก โดยพื้นฐานที่สุด กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพคือ การใช้คุกมาบังคับให้คนรักเจ้า อวยเจ้า ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เพียงแต่เหลือเชื่อ แต่น่าสมเพชมากๆ มีหรือในโลกศิวิไลซ์ยุคสมัยนี้ อับจนจะทำให้คนรักขนาดต้องใช้คุกบังคับ? และโปรดกรุณาอย่าตอบอย่างไม่ใช้ปัญญา (อย่างทีคนรักเจ้าจำนวนไม่น้อยชอบตอบ) ว่า "ไม่ได้บังคับให้รัก ไม่รักไม่ว่า แต่อย่าแสดงออก" การตอบแบบไมมีปัญญาแบบนี้คือ เท่ากับบอกว่า ถ้าไม่รัก ก็ไม่ต้องเป็นคน คือไม่ต้องพูดอะไรออกมา คือให้มีปากเหมือนมีตูด ห้ามพูด เผื่อคนรักเจ้ายังไม่เก็ตนะ สมมุติ ตอนนี้มีกฎหมายหมิ่นฯแม้ว หมิ่นฯมาร์ค โทษ 15 ปี แล้วใครมาบอกว่า "ไม่ได้บังคับให้รักแม้วเลย ไม่รักแม้วก็ได้ แต่อย่าแสดงออก" คุณว่า มันเม้กเซ้นซ์ไหม? อย่างนี้เป็นการห้ามไม่ให้คุณเป็นคนใช่ไหม? "ไม่รักก็ได้ แต่อย่าแสดงออก" ถ้างั้น คุณรัก แล้วห้ามแสดงออกเอาไหม? คุณรักแล้วแสดงออกเพราะคุณเป็นคน คนทีเขาไม่รักแล้วแสดงออกก็เพราะเขาเป็นคนเหมือนกัน .. เอาไหมล่ะ ไม่รักแม้วก็ได้ แต่ห้ามแสดงออกน่ะ? คนรักเจ้าเคยคิดบ้างไหม ทำแบบนี้ เท่ากับเจ้าไทยนี่น่าสมเพชขนาดไหน ต้องใช้คุกมาบังคับให้คนรัก? สมกับที่เค้าว่า... คนอย่างมันเป็นครูบาอาจม... ครูเหียกอะไร? แยกแยะตรรกะง่ายๆยังไม่ออก... 112 ก็เหมือนไฟแดง ถ้าเมิงไม่ผ่าไฟแดง มันจะผิดกฎมั้ย? 112 ก็เหมือนเสาไฟฟ้า ถ้าเมิงไม่วิ่งไปชนมัน มันจะล้มมาทับหัวพ่องมั้ย? 112 ก็เหมือนรั้วบ้านชาวบ้านเค้า ถ้าเมิงไม่ไปปีนรั้วเค้า เค้าจะไล่ยิงหัวแม่มมั้ย?... ... คนที่ไม่รัก, ไม่ศรัทธาสถาบัน แต่ไม่ได้ต้องออกมาเห่าหอน ทำตัวเป็นเดรัจฉานติดเชื้อโรคกลัวน้ำ เดินตาขวาง คอแข็ง หางตก น้ำลายยืด เที่ยวไล่กัดคนอื่นเค้าอย่างพวกพ่อง แม่มไม่ตั้งใจให้เกิดอย่างพวกเมิง... กระพ๊มว่ามีอีกเยอะ... แต่ยังนับเป็นมนุษย์มนาได้ เพราะยังรู้จักสิทธิของความเป็นคนอยู่บ้าง...
ถึงไม่รักในหลวงแล้วเที่ยวไปป่าวประกาศว่าไม่รักก็ไม่มีใครทำอะไรได้เพราะไม่ได้ไปหมิ่นประมาท ดูถูกหรือใส่ความอะไร จริงๆผมว่าพวกไอ้หงอกมันก็เข้าใจข้อนี้แต่มันแกล้งมองข้ามไป เลือกมั่วด่าเฉพาะแนวที่ตัวเองต้องการ
“มาตรา 112 – ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี” Read more http://www.manacomputers.com/penal-code-section-112/ -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- โดยพื้นฐานที่สุดของมาตรานี้คือ - ห้ามหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นอะไรที่เหลือเชื่อว่าคนจบปริญญาเอก จะโง่ขนาดอ่านภาษาไทยไม่ออก
พวกห่านนี่มันถนัดบิดเบือนเป็นสันดาน เขาไม่ได้บังคับให้รัก เขาบอกว่าห้ามละเมิด ควายเท่านั้นที่เชื่อพวกห่านนี่
พระองค์ไม่เคยขอให้ใครมารัก ทรงทำงานเพื่อคนไทยทุกคนโดยใช้มาตรฐานเดียวกันหมด ไม่ทรงแบ่งเเยกประชาชน ภูมิภาค จังหวัด ไม่เหมือนนักการเมืองบางคน บางพรรค น้อยอกน้อยใจไม่ได้ สส. ในบางจังหวัด ถึงกับเเสดงคำพูดในทำนองว่า จะไม่พัฒนาจังหวัดที่ไม่เลือกพรรค ตัวอย่างเช่น ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชมรมคนรักษ์ภูเก็ตกว่า 1,000 คน ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลปลด “ปลอดประสพ สุรัสวดี” รองนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง หลังปราศรัยพาดพิงชาวภูเก็ต กรณีไม่สร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 มิ.ย.) ชมรมคนรักษ์ภูเก็ตจำนวนกว่า 1,000 คน ต่างทยอยเดินทางมารวมกันที่บริเวณวงเวียนสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นำโดย นายบุญศุภภะ ตัณฑัยย์ ประธานชมรมคนรักษ์ภูเก็ต พร้อมด้วย นายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเรียกร้องให้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากการขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดงที่จังหวัดเชียงใหม่ มีการพาดพิงบางช่วงบางตอนถึงเรื่องการสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติที่ไม่ยอมสร้างในจังหวัดภูเก็ต แต่หากคนภูเก็ตเลือกพรรคเพื่อไทยเมื่อไหร่ จะมาสร้างให้นั้น จนทำให้ชาวภูเก็ตเกิดความอึดอัดใจ นำมาสู่การขับไล่ และไม่ต้อนรับรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งบรรยากาศการชุมนุมเป็นไปด้วยความคึกคัก มีแกนนำสลับขึ้นกล่าวปราศรัยบนรถกระบะติดตั้งเครื่องขยายเสียงด้วยถ้อยคำที่ดุเดือด ส่วนชาวบ้านต่างชูป้ายแสดงข้อความไม่พอใจการทำหน้าที่ของรัฐบาล รวมทั้งตะโกนขับไล่ นายปลอดประสพ อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 20 นาย คอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ จากนั้นในเวลาประมาณ 11.00 น. ชมรมคนรักษ์ภูเก็ต ได้นำขบวนรถจักรยานยนต์กว่า 200 คัน จากบริเวณวงเวียนสะพานหิน ขับไปตามเส้นทางถนนสายหลักของตัวเมือง มุ่งหน้าเข้าสู่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผ่านไปยังกระทรวงมหาดไทย ต่อเนื่องไปถึงสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมี ดร.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นตัวแทนรับหนังสือ พร้อมกล่าวว่า จะนำเรื่องนี้ผ่านทางกระทรวงมหาดไทย ส่งต่อไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้รับทราบถึงกรณีดังกล่าว ส่วนการสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติที่จังหวัดภูเก็ตนั้น ยืนยันทางจังหวัดจะทำเรื่องของบประมาณกับทางรัฐบาลต่อไป แต่จะได้รับการอนุมัติหรือไม่นั้น คงต้องรอให้ทางรัฐบาลเป็นฝ่ายพิจารณา อย่างไรก็ตาม การชุมนุมภายในศาลากลาง ผู้ชุมนุมได้มีการนำเอาโลงศพจำลอง เขียนชื่อ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี มาทำลาย พร้อมกับมีการชูป้ายข้อความเสียดสี และตะโกนขับไล่ให้ นายปลอดประสพ ออกไป ดังกึกก้องไปทั่วศาลากลาง ขณะที่ นายเรวัต อารีรอบ ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนรถขยายเสียงว่า ที่มาวันนี้ไม่มีเรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการปราศรัยของนายปลอดประสพที่จังหวัดเชียงใหม่เพียงอย่างเดียว จนทำให้ชาวภูเก็ตทนไม่ไหว มีความอึดอัดใจ โดยรัฐบาลต้องปลดนายปลอดประสพ ออกจากตำแหน่งรองนายกฯ ทันที และไม่ต้องการคำขอโทษ เนื่องจากที่ผ่านมา จังหวัดภูเก็ต มีรายได้จากการเก็บภาษีถึง 180,000 ล้านบาท แต่ทางรัฐบาลไม่นำภาษีเหล่านี้มาพัฒนาพื้นที่ภูเก็ตเท่าที่ควร กลับนำไปใช้จังหวัดอื่น อีกทั้งยังไม่ยอมแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง มุ่งแต่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น ด้าน นายบุญศุภภะ ตัณฑัยย์ ประธานชมรมคนรักษ์ภูเก็ต กล่าวบนรถขยายเสียงว่า ประชาชนชาวภูเก็ตรู้สึกไม่พอใจต่อคำปราศรัยของนายปลอดประสพ ที่กล่าวพาดพิงจังหวัดภูเก็ตในเชิงเหยียดหยาม กรณีการยกเลิกโครงการสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งคำกล่าวเหล่านี้เป็นการสร้างความแตกแยกในสังคม และแบ่งแยกประชาชน อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงการเลือกปฏิบัติ ข่มขู่ให้ประชาชนต้องเลือกพรรคเพื่อไทยเท่านั้นจึงได้งบประมาณ ทั้งนี้ วิธีดังกล่าวขัดแย้งต่อแนวทางการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทั้งนี้ นายบุญศุภภะ กล่าวต่อว่า ดังนั้น ทางชมรมคนรักษ์ภูเก็ต จึงมีขอเรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1.พิจารณาให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดธรรมาภิบาล ขาดวุฒิภาวะ และสร้างความแตกแยกในสังคม 2.รัฐบาลต้องนำงบประมาณคืนให้ชาวภูเก็ต เพื่อสร้างศูนย์ประชุมดังเดิม มิเช่นนั้นจะถือว่ารัฐบาลชุดนี้บริหารงานบกพร่อง เลือกปฏิบัติ ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของประเทศชาติ แต่กลับเห็นผลประโยชน์ของพวกพ้องตนเองเป็นสำคัญ ต่อมา กลุ่มชมรมคนรักษ์ภูเก็ต จึงทยอยเดินเท้าออกจากศาลากลางจังหวัด มุ่งหน้าไปยังสรรพากรจังหวัดภูเก็ต ยื่นหนังสือให้แก่ นางกัญญา วราหกิจ สรรพากรพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเรียกร้องให้สรรพากรปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงาน ที่จะต้องพิทักษ์เงินภาษีอากรให้เกิดความชอบธรรมแก่ประชาชนต่อไป ก่อนที่สลายตัวสิ้นสุดการชุมนุมในวันนี้ http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9560000068572 ผมว่าสมหงอกจะเริ่มรวนหละ ส่งสัยเจอคณะร่านตบกระบาล เช้า สาย บ่าย เย็น ค่ํา ดึก ไปไม่เป็นเเล้ว
สุดท้ายที่พยายาม และลงทุนไปมากมาย ก็แค่เพื่อแก้ความคับค้องใจ ทีึ่ไม่ได้ด่าเจ้าเท่านั้น ซึ่งคนปกติ ที่จิตใจไม่อ่อนด๋อย แบบไอ้เจียม สามารถลด ละ เลิก หรือหาทางออกอื่นได้อย่าง ง่ายดาย หรืออย่างน้อย ก็หาวิธีแสดงออกได้อย่างสร้างสรรค์ มากกว่านี้
ธรรมศาสตร์ต้องลงโทษ เพราะเป็นถึงอาจมของธรรมศาสตร์ แต่ดันให้ความรู้ผิดๆกับสังคม แถมความรู้ผิดๆนี้อาจสร้างความแตกแยกร้าวฉาน หรือสร้างความไม่ปรกติสุขต่อประชาชนในบ้านเมือง เห็นธรรมศาสตร์สนใจแต่เรื่อง สิบสี่ตุลา สิบหกตุลา อาจารย์ป๋วย ปรีดี ดันไม่สนใจทรัพยากรของตัวเองที่สร้างความร้าวฉาน และแตกแยกในสังคมโดยการนำเสนอความรู้ผิดๆทัศนคติผิดๆ โดนจับได้หรือมีกระแสสังคม ก็อ้างประโยคคลาสสิค "เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว เพราะเราให้อิสระทางความคิด" ถ้ามหาวิทยาลัยที่นำสังคมไปในทางดีไม่ได้ ผมว่าปิดไปเถอะ
133 เห็นมีแต่ตัวอักษรบนกระดาษ เห็นคนไทยด่าประมุขประเทศอื่นๆกันเกลื่อน ไม่เคยเห็นใครโดนลากคอเข้าคุกกันสักคน
นึกถึงกรณีหนึ่ง ขอเอ่ยชื่อมหาวิทยาลัยเลย ... เทคโนโลยีสุรนารี มีอาจารย์ที่ออกความเห็นด่าฟุตบอลทีมชาติไทยด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ในเฟซบุ๊คส่วนตัว แม้จะเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ทาง ม. ก็ออกแถลงการณ์ขอแสดงความเสียใจ และดำเนินการว่ากล่าวตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ตามที่คณะกรรมการจรรยาบรรณฯ พิจารณา และชาวโซเชียลก็ถามหาความรับผิดชอบกับธรรมศาสตร์ด้วยเช่นกัน เพราะอาจารย์ของสถาบันนี้ให้ข้อมูลและความคิดเห็นที่เป็นภัยต่อสังคมร้ายแรงยิ่งกว่านี้ มหาวิทยาลัยฯ เสื่อมเสียชื่อเสียงไม่พออีกหรือ ? คนที่มัวแต่ปกป้องเรื่องของตัวเอง จนไม่สนใจองค์กรต้นสังกัดว่าจะถูกประณามอย่างไร ผมว่าเห็นแก่ตัวมาก ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีขององค์กรที่สังคมยอมรับ อยู่ที่บุคลากรขององค์กรนี่แหละที่จะสร้างสรรค์ และปกป้ององค์กรในทางที่ถูกที่ควร การขอร้องขอความเห็นใจ ไม่ได้ช่วยให้บ้านสะอาดขึ้น
มหาลัยการเมืองเพื่อประชาติ๊บไตย มีจัดขายหนังสือคอมมี่เก่าเก็บทุกเดือน ๆ ละ 1 วัน ก็ไม่เห็นมันยุบลงเลยซักเดือน
แบบนี้คนทั้งประเทศก็โดนบังคับให้รักผมด้วยปะครับ เพราะผมมีกฎหมายหมิ่นประมาทคุ้มครองอยู่ มันเหลือเชื่อมาก ๆ เลยนะครับเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าทำไมมีแต่คนมารักมาอวย
ก็ไม่มีใครบังคับให้รักนี่ครับ แค่อย่าหมิ่น อย่าอาฆาตมาตร้าย หงอกเข้าใจไรผิดรึเปล่า แม้แต่คนทั่วไปก็ยังมีกฎหมายคุ้มครองใว้เลย นี่ประมุขของประเทศ ศูนย์รวมใจของคนไทยเลยนะ
เห็นด้วยครับ พวกที่บอกว่ารักทักษิณ ก็ถูกบังคับให้รักโดยกฎหมายหมิ่นประมาทแน่นอน ตั้งแต่ทักษิณเป็นนายกฯ ก็มีคดีหมิ่นประมาททักษิณเพิ่มขึ้นเป็นพันๆ เปอร์เซ็นต์เลยครับ
พวกสมองทึบเอ๊ย!! กฎหมายเค้าเขียนเพื่อไว้ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จากภัยทุกรูปแบบ ไปอ่านดูเค้าเขียนว่า"ผู้ใดหมิ่นประมาท หรือ แสดงความอาฆาตมาดร้าย ต่อพระมหากษัตริย์ พระราชินี องค์รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพราะฉะนั้นนการกระทำอะไรที่แสดงถึงว่าเป็นการอาฆาต ประสงค์ร้าย หรือ ทำให้สถาบันเสื่อมเสีย ก็เป็นความผิดตามกฎหมายนี้ ไม่ใช่แค่หมิ่นด้วยคำพูดติดคุก 15 ปี ไม่ใช่อย่างนั้น คนพวกนนี้คงลืมไปแล้วว่าที่ประเทศไทยเป็นเอกราชไม่เคยเป็นทาสใครก็เพราะพระปรีชาสามารถขององค์บูรพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา ธนบุรี จนถึงรัตนโกสินทร์ ก่อนที่จะเปลี่ยนการปกครองในสมัยรัชกาลที่ 7 พวกที่เรียกร้องให้ยกเลิก 112 มันเคยสำนึกบ้างมั้ย
ไฟล์เวิร์ดเรื่อง ศักราชแห่งการหมิ่นประมาท ค่าละเมิดสิทธิยุคซีอีโอ 2 หมื่นล้าน!!! ของ สมาคมนักข่าว นักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย บทความเมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัยระบอบเผด็จการเครือข่ายทักษิณเฟื่องฟู www.tja.or.th/old/images/stories/rajdamned/file/raj4/04-2.doc
ก่อนจะสรุปว่ามาตราไหนเป็นอย่างไร พยายามจับใจความก่อนดีกว่ามั้งว่าจริงๆแล้ว มาตรานั้นๆมีเนื้อหาอะไรบ้าง กล่าวถึงประเด็นอะไรกันแน่ อย่างมาตรา 112 เนี่ย มีเนื้อหาบังคับให้รักหรือมีเนื้อหาป้องกันการหมิ่นประมาทและขู่อาฆาตมาดร้ายสถาบันฯกันแน่ และกฎหมายมาตราอื่นๆน่ะเนื้อหามันเป็นยังไง ลองใช้ตรรกะแปลกๆ วาทกรรมเพี้ยนๆที่เขียนขึ้นมากับมาตราอื่นๆดูบ้างซิ แล้วลองคิดดูดิ๊ว่ามันยังดูปกติดีอยู่หรือมันเพี้ยน อย่างที่คอมเม้นบนๆเค้ายกตัวอย่างมาน่ะ มาตราห้ามดูหมิ่นประมุขของรัฐต่างชาติน่ะ มันหมายความว่า กฎหมายไทยบังคับให้รักประมุขต่างชาติเหรอ? ประโยคนี้ดูเพี้ยนไหมอ่ะ?