ศาลจำคุก 18 ปี อดีตบิ๊กกรุงไทยปล่อยกู้ “กฤษดา” มิชอบ “แม้ว” จำเลยที่ 1 หนีจำหน่ายคดีไว้ก่อน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมือง ถ.แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (26 ส.ค.) ศาลฎีกาฯ นัดพิพากษาคดีปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ที่ อม.3/2555 อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, กรรมการบริหาร, กรรมการสินเชื่อ, เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัทเอกชน รวม 27 ราย โดยคดีนี้อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2555 ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานจากสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 150 แฟ้ม 17 ลัง ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ 1 และจำเลยอีก 4 กลุ่ม ประกอบด้วยกรรมการบริหาร, กรรมการสินเชื่อ, เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และกลุ่มบริษัทเอกชน ในความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, ความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502, ความผิด พ.ร.บ.การธนาคารพาณิชย์ พ.ศ. 2505, ความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และความผิด พ.ร.บ.บริษัท มหาชน จำกัด พ.ศ. 2535 แต่เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยที่ 1 หลบหนีคดี ศาลฎีกาฯ จึงให้ออกหมายจับ ติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดี โดยให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณไว้เป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะได้ตัวมา ขณะที่องค์คณะฯ ได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในส่วนนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย และบริษัทในเครือของบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 26 ราย โดยวันนี้อัยการโจทก์จำเลยที่ 2-27 และทนายความจำเลยมาศาล ศาลฎีกาฯ พิพากษาว่า จำเลยที่ 2-4 และ 12 มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ให้จำคุกคนละ 18 ปี ส่วนจำเลยที่ 5, 8-11 และ 13-17 มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ประกอบกฎหมายอาญามาตรา 86 ให้จำคุกคนละ 12 ปี สำหรับจำเลยที่ 18-27 มีความผิดให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ประกอบกฎหมายอาญา มาตรา 86 โดยจำเลยที่ 18-22 ซึ่งเป็นนิติบุคคลให้ปรับรายละ 26,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 23-27 ให้จำคุกคนละ 12 ปีและให้จำเลยที่ 20, 25 และ 26 ร่วมกันคืนเงิน 10,004,467,480 บาทแก่ธนาคารผู้เสียหาย โดยให้จำเลยที่ 3, 22 และ 27 ร่วมรับผิด 9,554,467,480 บาท จำเลยที่ 12-17, 21, 23 และ 24 ร่วมรับผิด 8,818,732,100 บาท จำเลยที่ 18 ร่วมรับผิด 450,000,000 บาท และจำเลยที่ 2, 4, 5 และ 8-11 และ 19 ร่วมรับผิด 8,368,732,100 บาท ซึ่งถ้าธนาคารผู้เสียหายได้รับชำระคืนแล้วเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้หักออกจาก จำนวนที่สั่งให้ใช้คืนตามส่วนหากจำเลยที่ 18-22 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6 และ 7 ผู่สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพฤติการณ์คดีนี้มีการกล่าวหาว่าผู้บริหารธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้สินเชื่อกลุ่ม บมจ.กฤษดามหานคร ที่มีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร เนื่องจาก ผอ.ฝ่ายกลั่นกรองสินเชื่อธุรกิจนครหลวง เคยจัดอันดับความเสี่ยงของกลุ่มกฤษดามหานครในอันดับ 5 คือ ไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้ แต่ได้มีการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในกลุ่มกฤษดามหานคร 3 กรณี คือ 1. การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทอาร์เค โปรเฟสชั่นนัล จำกัด จำนวนเงิน 500 ล้านบาท 2. การอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด วงเงิน 9,900 ล้านบาท (วงเงินไฟแนนซ์ 8,000 ล้านบาท วงเงินซื้อที่ดินเพิ่ม 500 ล้านบาท และวงเงินพัฒนาโครงการ 1,400 ล้านบาท) และ 3. การอนุมัติขายหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพของ บมจ.กฤษดามหานคร ให้กับบริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์คอมมูนิเคชั่น จำกัด จำนวนเงิน 1,185,735,380 บาท ถือว่าผู้เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ ร่วมกันหรือสนับสนุนการกระทำความผิดกรณีธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นองค์กรของรัฐ เป็นการกระทำโดยทุจริต เพื่อฟื้นฟูกิจการของ บมจ.กฤษดามหานคร ประโยชน์ส่วนตนกับพวก ที่มา: http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000096833
สงสารก็สงสารนะ บางคนทำดีมาทั้งชีวิต เชื่อไอ้แม้วคำเดียว ได้ติดคุกตอนแก่เลย ท่าทางจะได้แก่ตายคาคุกเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูลด้วย
เอ้า.....ไอ้พญาไม้ เอ๊ย....ไอ้โอ๊กจะว่าไง พ่อเอ็งโดนอีกคดีแล้ว กระผมยังสงสัยอยู่ว่าพวกเอ็งจะดิ้นไปทางไหนต่อ
ขอถามเพราะไม่รู้จริงๆ นะคะ จำหน่ายคดีหมายความว่าอะไร แดงบางคนเข้าใจว่าหมายถึงยกฟ้อง จะตอบมันว่าอะไรดี
ถ้าเป็นคดีอาญา ศาลอาจสั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว กรณี จำเลยหลบหนี ระหว่างการพิจารณา เมื่อจับได้จะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ หรืออาจเป็นกรณีที่จำหน่ายคดีชั่วคราวไว้ รอฟังคำพิพากษา
ต่อไปใครจะร่วมมือ ทำตามคำสั่ง ในเรื่องชั่วๆกับนักการเมืองคงต้องคิดให้เยอะว่ามีปัญญาหนีอย่างนักการเมืองหรือเปล่า
น่ามีคดีต่อนะ คัยได้ผลประโยชน์(เรียกว่า รัยดี??) เข้า บ/ช คัย เท่าไร เมื่อไร เท่ากับมีความผิดร่วมนะ คิวต่อไป เชิญคร้าบบบบบ??
ผู้สื่อข่าวเนชั่นทีวี อนุพรรณ จันทนะ กับความคืบหน้าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิพากษาคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ,นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย และ บริษัทในเครือของ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 27 คน เอื้อประโยชน์ให้กับเครือบริษัท กฤษดามหานคร วงเงินกว่า 9.9 พันล้านบาท ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นประธานบอร์ดบริหาร ธ.กรุงไทยในขณะนั้น นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการ ผจก.ธ.กรุงไทย จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 12 ซึ่งเป็นกรรมการอนุมัติสินเชื่อ ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรของรัฐ พ.ศ.2502 ม.4 ซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุกคนละ 18 ปี จากกรณีเมื่อปี 2546 ได้มีการอนุมัติสินเชื่อกว่า 8 พันล้านให้กับบริษัทในเครือของบริษัทกฤษฎามหานคร ซึ่งมีการอ้างว่าจะนำเงินไปรีไฟแนนซ์หนี้สินกับสถาบันการเงินอื่น และซื้อที่ดินทำโครงการเกี่ยวกับที่ดินอื่นอีก แต่ภายหลังได้มีการนำเงินไปเพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่ได้มีการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวอย่างแท้จริง โดยศาลได้มีคำพิพากษาให้พวกจำเลยต้องร่วมกันชดใช้เงินคืนให้กับ ธ.กรุงไทย ผู้เสียหายด้วย นอกจากนี้ศาลยังมีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 5 , 8-11 และ 13-17 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร ที่เป็นกรรมการอนุมัติสินเชื่อ และกลุ่มเอกชนที่ทำการขอสินเชื่ออีกคนละ 12 ปี เช่นกัน โดยศาลก็ให้จำเลยซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่ทำการขออนุมัติสินเชื่อโดยทุจริตคืนเงินให้กับ ธ.กรุงไทย กว่า หมื่นล้านบาทด้วย ส่วนจำเลยที่ 23-27 ซึ่งเป็นกรรมการผู้มีอำนาจของ บ.เอกชน ที่กระทำผิดให้จำคุก คนละ 12 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 6-7 ซึ่งเป็นกรรมการฝ่ายสินเชื่อ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยที่ 1 นั้น ศาลให้พักคดีไว้ชั่วคราว เนื่องจากอยู่ระหว่างการหลบหนีคดี ********************************************************** ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีพิพากษาจำคุก 18 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย พร้อมพวกอีก 23 คน คดีปล่อยกู้กฤษดามหานคร ซึ่งคดีนี้ อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย และบริษัทในเครือของ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 รวมทั้ง ความผิดต่อธนาคารพาณิชย์และ พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ โดยศาลฎีกาฯ มีคำสั่ง จำหน่ายคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ออกจากระบบชั่วคราว พร้อมออกหมายจับ นายวิโรจน์ พร้อมพวกรวม 18 ปี ไม่รอลงอาญา และนำตัวส่งเรือนพิเศษกรุงเทพมหานครทันที ทั้งนี้ ศาลยังมีคำพิพากษาให้จำเลยทั้งหมดต้องร่วมกันชดใช้เงินคืนให้กับ ธ.กรุงไทย กว่า 10,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งหนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส.นายอุดม เฟื่องฟุ้ง มองผลการตัดสินศาลถือเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าที่ผ่านมา คตส.ทำงานเที่ยงตรง โปร่งใส ยึดข้อเท็จจริง และเป็นอิสระ อย่างแท้จริง ซึ่งคดีนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2546 ที่ได้มีการอนุมัติสินเชื่อกว่า 8,000 ล้านบาท ให้กับบริษัทในเครือของบริษัทกฤษฎามหานคร โดยมีการอ้างว่าจะนำเงินไปรีไฟแนนซ์หนี้สินกับสถาบันการเงิน และซื้อที่ดิน แต่ภายหลังได้มีการนำเงินไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่ได้มีการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวอย่างแท้จริง
ทีมทนายความและคนใกล้ชิดอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ออกมาประเมินว่า หลังศาลฏีกาพิพากษาจำคุก อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย เป็นการหาทางป้องกันไม่ให้อดีตนายกฯ กลับประเทศไทย แม้จะมีการเลือกตั้งในอนาคตและพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล มีการประเมินจากทีมทนายความและ คนใกล้ชิดอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และบริษัทในกลุ่มกฤษดามหานคร 12- 18 ปี จากการปล่อยสินเชื่อ และสั่งชดใช้ค่าเสียหายกว่า 1 หมื่นล้านบาท และให้จำหน่ายคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะจำเลยที่ 1 ออกสารระบบเป็นการชั่วคราว ในข้อหาสั่งการให้ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยอนุมัติสินเชื่อแก่กลุ่มกฤษดามหานคร ทั้งๆ มีสถานะอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้แม้ว่าศาลฎีกาฯ ยังไม่ได้พิพากษาว่า การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นความผิดหรือไม่ เพราะอยู่ระหว่างการหลบหนีการดำเนินคดี พร้อมกับออกหมายจับทันทีอีกครั้ง เพราะตามคำพิพากษาของศาล ระบุว่าจำเลยที่ 1 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โทรศัพท์มาหาพยานและบอกว่า บิ๊กบอส ไม่ให้คัดค้านการอนุมัติสินเชื่อให้บริษัทจำเลยจากคำพิพากษานี้ ทำให้ฝ่ายทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ มองว่าแม้ศาลยังไม่มีคำพิพากษาออกมา แต่ศาลได้ออกหมายจับอีกครั้ง จีงอาจจะส่งผลกระทบต่อโอกาสที่ พ.ต.ท. ทักษิณ จะเดินทางกลับประเทศไทยอีกครั้งเพราะนอกจากจะตกเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีบัญชีคดีที่ตกเป็นจำเลยในชั้นศาลฎีกาฯ อีกหลายคดี อย่างคดีโครงการออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 ตัว 3 ตัว ศาลฎีกาฯ ต้องชะลอการอ่านคำพิพากษาเฉพาะกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ คดีการปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นคดีที่ถูกขยายผลมาจากคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ที่ให้ยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน คดีที่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ เอ็กซิมแบงก์ ปล่อยสินเชื่อให้กับรัฐบาลประเทศเมียนมาร์ มูลค่า 4,000 ล้านบาท คดีทุจริตออกพระราชกำหนดแปลงค่าภาษีสัมปทานกิจการโทรคมนาคมเป็นภาษีสรรพสามิต รวมถึงคดีการซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ที่ศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาจำคุก 2 ปี จนทำให้ต้องหลบหนีไปต่างประเทศทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ประเมินว่าจากคดีปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย เป็นการป้องกันไม่ได้อดีตนายกฯ กลับประเทศไทย แม้ในอนาคตหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น และพรรคเพื่อไทยได้กลับมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล http://www.nationtv.tv/main/content/politics/378469412/
ข่าว 7 สี - ศาลฎีกา เดินหน้าพิจารณาคดีค้างเก่าของนายทักษิณ ชินวัตร เริ่มนัดแรก 5 มีนาคมนี้ คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกประกาศนัดไต่สวนผู้ร้องวันที่ 5 มีนาคม ในคดีที่อัยการสูงสุดยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร และพวก รวม 27 คน เป็นจำเลยร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษฎามหานคร จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย เป็นการนัดไต่สวนครั้งแรก หลังศาลยกเลิกคำสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว และให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อไป ไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลย ซึ่งเป็นตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่ ดังนั้นถึง นายทักษิณ จะหลบหนีคดีก็จะถูกนำมาพิจารณาต่อ ทั้งนี้ นายทักษิณ สามารถตั้งทนายความต่อสู้คดีก่อนที่ศาลจะตัดสินคดี คดีนี้ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยผู้เกี่ยวข้องมาแล้ว เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2558 เช่น ร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ, นายวิโรจน์ นวลแข อดีตผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และพวกอีก 2 คน คนละ 18 ปี และจำคุกอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย พร้อมผู้บริหารเครือบริษัทกฤษดามหานคร รวม 12 คน คนละ 12 ปี ขณะที่ นายทักษิณ จำเลยที่ 1 หลบหนีคดี ศาลให้ออกหมายจับ และจำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของ นายทักษิณ ไว้เป็นการชั่วคราว
คดีธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ปลายเดือน มี.ค.นี้ ก่อนที่คดีจะหมดอายุความเดือน ธ.ค.นี้