ไม่รู้จะเอาฮาไปถึงไหน มันว่า จะยื่นเรื่องให้ดำเนินการกับนายชวนกรณี ปรส. โดยจะเร่งรัดให้ดำเนินการก่อนคดีจะหมดอายุความ คิดว่าคงยังไม่สายเกินไปที่จะเรียกร้องให้นายกฯตรวจสอบ และดำเนินการถอดถอน นายชวน รวมทั้งเรียกร้องให้พิจารณามาตรฐานการทำงานของ ปปช. ว่าสมควรจะต้องปฏิรูปหรือไม่ มรึงเป็นรัฐบาลมา 2 ปีกว่า เสรือกไม่คิดทำ http://www.bangkokbiznews.com/home/...66/เพื่อไทยเตรียมจี้นายกฯ-ปปช.ถอดชวนบ้าง.html
ช่วงนี้ว่างงานมาก หลับแล้วตื่น หลับแล้วตื่น ต้องออกสื่อซะหน่อย เอิ้กๆๆๆ ว่าแต่ว่าคดี ปรส. ใครเป็นโจทย์ฟ้องอ้ะ
Noinoi Ratchasima การเข้าเซ็นสัญญากับ IMF ของรัฐบาลชวลิตและรองนายกฯ นักโทษชายทักษิณ ทำให้ไทยต้องมีเงื่อนไขที่ต้องทำตาม IMF ต่างๆ ตามมาเป็นภาระผูกพันอีกมากมาย รัฐบาลชวลิต และรองนายกฯ นักโทษชายทักษิณ ออกกฎหมายด่วนเป็น พรก.ปรส.ประกาศใช้วันที่ 25 ตุลาคม 2540 ซึ่งรัฐบาลชวนยังไม่ได้บริหารประเทศ นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ อดีตเลขาธิการ ปรส.จำเลยที่ 1 วันอังคาร ที่ 9 เมษายน 2556 ความจริงที่ต้องรู้... ถ้าไทยไม่ใช้หนี้IMFก่อนกำหนดจะเป็นยังไงนะ? Posted by สิงห์นอกระบบ [FONT=Tahoma, MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif, sans-serif][HIGHLIGHT=#ffffff]จากFBคุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร[/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffffff] [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffffff]ปรับปรุงข้อมูลใหม่เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ข้อมูลเก่าที่ระบุ 8 % คลาดเคลื่อน ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยคือ 1.5% ขออภัยมา ณ ที่นี้ ถ้าไทยไม่ใช้หนี้ก่อนกำหนดจะเป็นยังไงนะ? ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดสไตล์ทักษิณ หนี้ก้อนสุดท้าย 4,800 ล้านเหรียญ คูณ 41 = 196,800 ล้านบาท เสียค่าปรับ 2 % = 3,936 ล้านบาท ลดดอกเบี้ยจากการจ่ายหนี้ก่อนกำหนด 2 ปี = 984 ล้านบาท รวมประเทศเสียเงินจากการใช้หนี้ก่อนกำหนด= 2,952 ล้านบาท ถ้าไม่ใช้หนี้ก่อนกำหนด แต่บริหารหนี้ให้เกิดรายได้ หนี้ก้อนสุดท้าย 4,800 ล้านเหรียญ คูณ 41 = 196,800 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยไอเอ็มเอฟ 0.25 % 2 ปี = 984 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยภายในประเทศ 1.5% มากกว่าไอเอ็มเอฟ 1.25% นำหนี้ก้อนสุดท้ายมาฝากในประเทศ 2 ปี ได้ดอกเบี้ย = 2,460 ล้านบาท หักดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายไอเอ็มเอฟ = 984 ล้านบาท ประเทศไทยจะมีรายได้จากการบริหารหนี้ก้อนนี้ = 1,476 ล้านบาท ระหว่างสร้างรายได้ให้ประเทศ 1.4 พันล้าน กับเสียเงินเกือบ 3 พันล้าน รัฐบาลที่ดีควรเลือกอะไร? ข้อมูลอ้างอิงอัตราดอกเบี้ย [COLOR=#666666]http://www2.bot.or.th/statistics/ReportPage.aspx?reportID=222&language=th[/COLOR][/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffffff] [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffffff] [/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffffff]อันนี้ที่มาจาก [COLOR=#666666]http://historythaiconflic.blogspot.com/2012/03/imf.html[/COLOR][/HIGHLIGHT][HIGHLIGHT=#ffffff] IMF ปมขัดแย้ง ความคิด ความจริง และ ความเชื่อ ปมความขัดแย้ง ความเกลียดชัง และ ข้อเท็จจริง ** เนื่องจากต้องการเสนอข้อมูลอย่างรอบด้านและ ครอบคลุม ดังนั้นเราจะแสดงแหล่งที่มาข้อมูล เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย โดย เราจะนำ ข้อหาของแต่ละฝ่ายมากล่าว และหาข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือที่สุด โดย หลักฐานเหล่านั้น อาจมาจากราชการ และต้องเป็นข้อมูลที่มีแหล่งที่มา โดยไม่กล่าวขึ้นลอยๆ ** ต้องเรียกตัวนี้มารับโทษ ถึงจะถูกต้อง??
ไอ้หัวล้านนี่ ปชป เค้าส่งเข้าไปเป็นไส้ศึกครัช น่าจะเตรียมตัดตอนตระกูลชิน โดยให้สอบย้อนหลังไปถึงไอ้แม้วด้วย รวม ปรส จำนำข้าว จะเหลือใครไม่ติดคุกบ้าง พี่ใหญ่ เขย น้องเล็ก
คดีซุกหุ้นของไอ้เหลี่ยมก็น่ารื้อฟื้นนะ มันรอดหวุดหวิดเหลือเกิน คนคาใจมากมาย ถ้าเป็นมวยก็ต้องมีการล้างตา
ตอนโน้น อาจจะเข้าไปเป็นใส้ศึกครับ แต่นานเข้ามันกลายเป็นขี้...เหม็น ผายลมทางปากเมื่อไร.. ชาวบ้านเป็นอ๊วกแตก อ๊วกแตน ตีนถีบโทรทัศน์พังไปเป็นสิบๆเครื่อง
ถ้าผมเป็นลุงจิ๋ว ผมจะเรียกไอ้ปึ้งมาเบิดกะโหลกซักที ข้อหาสกิดแผลเป็น.......อยู่เฉยๆไม่เป็น ชอบเอาคุกมาให้เรื่อยๆ
ไอ้ปึ๊งมันคงนึกว่าพวกมันยังเป็นรัฐบาล แล้วไอ้จัญไรริด ยังคุม DSI ที่คิดจะตัดตอนตรวจสอบเฉพาะช่วงที่ ปชป. เป็นรัฐบาลได้ ส่วนช่วงก่อนและหลังที่พวกมันเป็นรัฐบาลเอง จะตัดทิ้งไม่เอ่ยถึง เหมือนคดีสร้างโรงพักที่ตอนแรกชูธงจะเอาเรื่อง ทำไมโรงพักถึงสร้างไม่เสร็จ แต่สุดท้ายสอบไปสอบมา กลับตัดตอน+ตัดต่อฟ้องเฉพาะ ผู้อนุมัติโครงการ ส่วนคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างและผู้บริหารสัญญา ที่เป็นตะกวดกับรัฐบวมอีโง่ แกล้งโง่ตัดทิ้งดื้อ ๆ ไปซะงั้น
การเมือง.. เรื่องเงินๆ : 25 ข้อเท็จจริงปรส.-คำกล่าวหาซ้ำซากที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำ งวดเข้ามาทุกทีกับประเด็นการเอาผิดนักการเมืองในระบอบทักษิณ กับการทุจริตครั้งมโหฬารกับมหากาพย์โกงจำนำข้าวโดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โครงการจำนำข้าวนี้เพาะพันธุ์เชื้อร้ายมาตั้งแต่ยุครัฐบาลไทยรักไทย แต่ความสุกงอม ของมันได้มาสิ้นสุดที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ กับเม็ดเงินภาษีที่ใช้ไปทั้งสิ้น 8.6 แสนล้านบาทในการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเม็ดที่เข้าโครงการ 54 ล้านตัน ในช่วงเวลาไม่ถึง 3 ปี เดือนพฤศจิกายนนี้จะมีกระบวนการ ยุติธรรมมากมายที่จะโยงไปเอาผิดนักการเมืองผู้ออกนโยบายผลาญภาษีชาติและเอื้อต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นที่เป็นจำนวนเงินที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย และในเดือนเดียวกันนี้เอง ลิ่วล้อของระบอบทักษิณนำโดยลูกชายของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตรที่ปัจจุบันสถานะทางสังคมเป็น “นักโทษหนีคดี” ก็ออกมาจงใจเบี่ยงประเด็นสังคมต่อการเอาผิดการโกงจำนำข้าว ไปพูดถึงเรื่อง ปรส.อย่างไม่มีความรู้ลึก ไม่มีความเข้าใจ หรือเรียกอีกนัยหนึ่งได้เช่นเดียวกันว่า “จงใจบิดเบือน” วิธีการนี้ของคนฝ่ายรัฐบาลตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน มาถึงเพื่อไทยนั้น ไม่น่าแปลกใจนัก ที่มีการทำเป็นขบวนการในลักษณะ ซ่องโจรทางข้อมูล แบบนี้ ซึ่งจะว่าไป ทักษิณเข้ามาอยู่ในการเมืองก็ด้วยการใช้การตลาดนำ ประชาสัมพันธ์นำ พอเข้ากับการเมืองสุดท้าย เลยกลายเป็นแบบสุดโต่ง อะไรที่ตัวเองทำผิด ทำพลาด หรือโกงเอาไว้ ก็จะโบ้ยให้เป็นขี้ของคนอื่น อะไรที่คนอื่นทำไว้เป็นผลงานเด่น แต่เขาเพียงพูดเก่งน้อยกว่า ทักษิณก็จะโม้จากสิบเป็นล้าน คราวนี้กรณี ปรส.ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์ดำที่ทักษิณนั้นทำเอาไว้ผิด และเสียหายอย่างไม่น่าให้อภัย แต่ก็ดันมีลูกชายไร้จิตสำนึก เอาผลงานชั่วๆ ของพ่อมาป้ายสีโทษคนที่เขาเข้ามาเช็ดล้างสิ่งสกปรกของพ่อตัวเองได้ลงคอ ทางเราอยากจะขอชี้แจงข้อเท็จจริง ปรส.เอาไว้ ซึ่งได้จากการรวบรวมเอกสารราชการ รายงานข่าวราชการ มติคณะรัฐมนตรี ผลการตัดสินคดีความ รวมไปถึงบทความเขียนของบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่มีบทบาทหลักในชำระล้างปฏิกูลทางการเมืองที่ตกทอดมาจากรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ต่อกรณีปัญหาวิกฤติต้มยำกุ้ง และปรส. โดยจะขอนำบทความของ คุณพิเชษฐ์พันธุ์วิชาติกุล บางส่วนมาเรียบเรียงในบทความนี้อีกครั้งครับ >>> ข้อเท็จจริง ปรส. <<< 1.ไทม์ไลน์การบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลชวลิต 25 พฤศจิกายน 2539 ถึง 9 พฤศจิกายน 2540 ต่อมาลาออก และได้มีการโหวตเลือกนายกฯ คนใหม่โดยมติสภาผู้แทนราษฎรได้ รัฐบาลชวน หลีกภัยครั้งที่ 2 2.ในช่วงบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชวลิต ยงใจยุทธนั้น มีรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจชื่อ ทักษิณ ชินวัตร 3.รัฐบาลชวน หลีกภัย เริ่มทำงานหลังโปรดเกล้าฯ และถวายสัตย์ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2540 4.รัฐบาลชวน เข้ามาบริหารประเทศหลังเกิดวิกฤติต้มยำกุ้งแล้ว 5.รัฐบาลชวน เข้ามาบริหารประเทศหลังจากรัฐบาลชวลิต และรองนายกฯ ทักษิณไปเซ็นสัญญากับ IMF แล้วตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2540 6.การเข้าเซ็นสัญญากับ IMF ของรัฐบาลชวลิตและรองนายกฯ ทักษิณ ทำให้ไทยต้องมีเงื่อนไขที่ต้องทำตาม IMF ต่างๆ ตามมาเป็นภาระผูกพันอีกมากมาย รวมไปถึงการจัดการกับสถาบันการเงินต่างๆ จนเป็นที่มาให้ต้องออก ปรส. 7.รัฐบาลชวลิต และรองนายกฯ ทักษิณ ออกกฎหมายด่วนเป็น พรก.ปรส.ประกาศใช้วันที่ 25 ตุลาคม 2540 ซึ่งรัฐบาลชวนยังไม่บริหารประเทศ 8.ต่อมารัฐบาลชวลิตพร้อมรองนายกฯ ทักษิณลาออก เพราะแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้!!!!! 9.รัฐบาลชวนได้รับเลือกจากผู้แทนราษฎรจากรัฐสภาตามวิถีของประชาธิปไตย โจทย์หลักคือเข้ามา “แก้วิกฤติเศรษฐกิจ” หรือต้มยำกุ้ง 10.เมื่อกฎหมาย ปรส.บังคับใช้ตั้งแต่สมัยนายกฯ ชวลิตแล้ว ผลจากการออกกฎหมายนั้นจึงผูกพันต่อมายังรัฐบาลชวน ซึ่งทักษิณ ชินวัตร ในฐานะรองนายกฯ เศรษฐกิจเป็นตั้งคนต้นเรื่อง กำหนดแนวทาง และออกนโยบายในการทำ ปรส.ทั้งหมดตั้งแต่ต้น 11.ปรส.บริหารโดย ประธาน และเลขาธิการที่แต่งตั้งจากมติครม.ที่เสนอโดยรัฐมนตรีคลัง ในสมัยรัฐบาลชวลิต 12.กฎหมายของปรส.ทำตามสัญญา IMF หลักใหญ่ใจความคือ “ห้ามฝ่ายการเมืองเข้าไปก้าวก่าย” เพราะ IMF บอกว่า นักการเมืองในยุคก่อนหน้านี้คือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในขณะที่แบงก์ชาติก็อ่อนแอ 13.จากบทสรุปของข้อก่อนหน้าคือ “นายกฯ ชวน และรัฐบาลประชาธิปัตย์ ไม่สามารถโยกย้ายประธานและเลขาฯ ปรส.และกฎหมายยังคับให้ปรส.ทำงานโดยอย่างอิสระ ตามแนวทางเดิมของกฎหมายที่ร่างมาตั้งแต่ต้นในสมัยรัฐบาลชวลิต” 14.ปรส.ชื่อเต็มคือ องค์การเพื่อการปฏิรูปและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน : ปรส.(Financial Secter Restructuring Authority :FRA) 15.ปรส.มีหน้าที่ “ตามมติครม.ชวลิตลงวันที่ 14 ตุลาคม 2540” ที่เสนอโดยรองนายกฯ ที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางสำหรับบริษัทเงินทุก 58 แห่งที่มีปัญหา 16.มติครม.ของรัฐบาลชวลิตกำหนดว่า ห้ามมิให้การเมืองก้าวก่าย นั่นหมายถึง รัฐมนตรีคลังในอนาคตก็ไม่สามารถถอดถอนประธานและเลขาธิการปรส.ได้ 17.มติครม.ของรัฐบาลชวลิตกำหนดว่าการจะสั่งปิดกิจการให้เป็นอำนาจของปรส.เท่านั้น รมว.คลัง จะมีอำนาจแค่เซ็นตามที่ ประธานปรส.เสนอขึ้นมาเท่านั้น 18.อำนาจเต็มในการขายกิจการ หรือสินทรัพย์ของกิจการเป็นอำนาจเต็มของปรส. ซึ่งแต่งตั้งมาโดยมติครม.รัฐบาลชวลิต 19.คณะกรรมการ ปรส. ที่ พลเอกชวลิต ตั้งไว้ มีมติเด็ดขาดต่อ 58 สถาบันการเงินที่ถูกสั่งปิดชั่วคราว ให้ปิดถาวรต่อไป 56 แห่ง อนุญาตให้กลับมาฟื้นฟูดำเนินกิจการ แค่ 2 แห่ง 20.หนึ่งในสองแห่งที่กลับมาเปิดใหม่ได้ คือ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน ซึ่งปัจจุบันได้เติบโตจนยกฐานะขึ้นเป็นธนาคารพาณิชย์ ในปี 2548 สมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร คือธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) 21.มีความเชื่อมโยงทางเครือญาติระหว่างธนาคารเกียรตินาคิน กับ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นรัฐมนตรีในไทยรักไทยเองด้วย 22.คดีกล่าวหา ปรส. มีคดีอาญา 25 คดี ยกฟ้องแล้ว 20 คดี อยู่ระหว่างพิจารณา5 คดี ในคดีที่เหลือ สุดท้ายศาลอุทธรณ์ยกฟ้องอีก 3 คดี เหลือเพียงคดีส่วนที่กล่าวหาเลขาธิการ ปรส. เอื้อประโยชน์แก่ บมจ.เงินทุนหลักทรัพย์เกียรตินาคิน เกี่ยวกับเรื่องภาษี ไม่มีข้อหาเรื่องทุจริต (จากบทความ FB คุณ : พิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล) ดังนั้นข้อกล่าวหาที่บอกว่า องค์กรยุติธรรมล่าช้าต่อกรณีนี้ไม่เป็นความจริง 23.สัดส่วนการขายสินทรัพย์นั้นอยู่ที่ 46% ไม่ได้ต่ำถึง 10-15% ตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด 24.บุคคลที่ต้องโทษจากการกระทำความเสียหายต่อรัฐแต่สุดท้ายถูกยกฟ้อง จากกรณี ปรส.นั้นส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่แต่งตั้งโดยมติครม.ที่มีรองนายกฯ ทักษิณกำกับดูแลโดยตรง และยังออกกฎไม่ให้รัฐบาลใหม่สามารถก้าวก่ายโยกย้ายได้ 25.ปรส.ไม่ใช่นโยบายรัฐบาลของรัฐบาลชวน แต่เป็นผลผูกพันบังคับใช้มาจากรัฐบาลก่อนหน้า จึงไม่สามารถเทียบเคียงได้กับการ “โกงจำนำข้าว” ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ใช้เป็นนโยบายหาเสียง ตลอดจนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภามาโดยตลอด นอกจากประเด็น ปรส.แล้วยังมีกรณีโฮปเวลล์ โรงพัก และเงินกู้ IMF ที่ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องในอดีตทางการเมืองที่มีรายละเอียด มากมายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง กรณีโฮปเวลล์รัฐบาลประชาธิปัตย์ยกเลิกการก่อสร้างเองเพราะเห็นแล้วว่าไปไม่รอด ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนเริ่ม ส่วนโรงพักที่มีปัญหานั้นเรื่องตอนนี้กลับไปสู่การดำเนินคดีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั่นคือ ฝ่ายบริหารในสำนักงานตำรวจแห่งชาติในยุคสมัยที่เครือญาติของอดีตนายกฯ ทักษิณดำรงตำแหน่ง แล้วมีการไปเซ็นเปลี่ยนวิธีการจัดซื้อจัดจ้างจนกระทั่งพอพรรคเพื่อไทยปูดเรื่องกันไปมา เจอว่าเป็นลายเซ็นคนกันเองก็เงียบไป แต่ทางอดีตรองนายกฯ สุเทพที่โดนกล่าวหาโดยตรงก็ไม่ยอม ตอนนี้กำลังฟ้องกลับซึ่งกระบวนการก็ยังอยู่ในหน่วยงานยุติธรรมแต่ลิ่วล้อก็เอามาเล่นไม่เลิก แล้วยังโยงไปเงินกู้ IMF ซึ่งกรณีนี้ตามเอกสาร IMF ระบุชัดว่า รัฐบาลที่ไป เซ็นสัญญากับ IMF ก็คือรัฐบาลชวลิต ที่มีรองนายกฯ ชื่อทักษิณนี่แหละไปเริ่มกู้เอาไว้ รัฐบาลชวน 2 เข้ามาช่วยจ่ายเงินคืนไปเกือบถึง 80% ของมูลหนี้ทั้งหมดแล้ว ไทยรักไทย โดยนายกฯทักษิณเข้ามาเหมาจ่ายที่เหลือนิดเดียว แต่อวดอ้างใหญ่โตว่าใช้หนี้ทั้งหมด ที่สำคัญยังยอมเสียค่าปรับบวกค่าโง่และกับค่าดอกเบี้ยอีกต่างหาก และสิ่งหนึ่งที่คนไทยต้องพึงตระหนักไว้คือ เงินที่เอาไปคืนนั่นคือ ภาษีของประชาชนคนไทยนี่แหละ เรื่องทั้งหมดนี้จำเป็นต่อคนไทยอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันเผยแพร่ขยายข้อเท็จจริงให้คนส่วนใหญ่ได้ทราบครับ ข้อเท็จจริงในอดีตมากมายที่ ถูกบิดเบือนในปัจจุบันโดยเฉพาะจากแกนนำอย่างลูกชายนักโทษหนีคดีที่มีสว่นได้ส่วนเสียโดยตรงจากปรส. อย่าปล่อยให้คนชั่วปั้นสะกดจิตคนไทยปั้นคำโกหกให้กลายเป็นเรื่องจริงครับ ที่มา: http://m.naewna.com/view/columntoday/15441
ผมว่าฟ้องกันก็ดี ไปว่ากันที่ศาลให้ทนายซักฟอกความจริงกันออกมา แต่สุดท้ายตัดสินไม่ถูกใจก็สองมาตรฐาน อำมาตย์อยู่เบื้องหลัง ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าเสื้อแดงค้นของเก่ามาอย่างรายงานต่างๆ ข่าวย้ินหลัง ตั้ง timeline กันชัดเจนจะแจ้ง ก็เห็นแล้วว่าใครโกหก ใครสร้างภาพ สร้างหลักฐานลวงโลกหลอกเอาคะแนน ไม่มีใครมาปิดหูปิดตาปิดปากหรอก แต่เลือกที่จะขี้เกียจค้นคว้าหาข้อเท็จจริง สู้นั่งฟังมโนไม่ได้ ยังอีกนานกว่าคุณภาพคนจะพร้อมกับประชาธิปไตย แค่เปิด AEC หรือ XYZ. ไม่รู้จะรูดไปท้ายๆอาเซี่ยนเมื่อไหร่ อยู่ได้ด้วยบุญเก่าๆ คราวที่แล้วเปิดเสรี ก็ไอซียูกะไอเอ็มเอฟไปทีแล้ว สงสารรุ่นหลังๆ อย่างผมใช้ชีวิตคุ้มแล้ว รอเวลาไปอย่างสงบ หวังว่าคงไม่ทันเห็นสิ่งเลวร้ายนะ