สระบุรี 22 ม.ค.- เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกับทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังเก็บมันสำปะหลัง ศิริพัฒนา ตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ซึ่งบริษัทเกษตรพืชผลเช่าเก็บมันสำปะหลังในโครงการของรัฐบาล 6,400 ตัน มูลค่า 43 ล้านบาท พบว่ามีโกดังเก็บมันสำปะหลัง 2 แห่ง แต่เป็นโกดังเปล่า มีเพียงรอยรถเข้าออกเท่านั้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีหน่วยงานภาครัฐร่วมทุจริต จึงเตรียมเชิญผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน.-สำนักข่าวไทย เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษและองค์การคลังสินค้าเข้าตรวจสอบโกดังเก็บมันสำปะหลังในโครงการรับจำนำของรัฐบาลปี 2554/2555 ใน จ.สระบุรี พบว่ามันสำปะหลังสูญหายกว่า 6,000 ตัน มูลค่า 43 ล้านบาท
จะมีคนรับผิดชอบมั้ยครับ หรือว่าหายแล้ว ก็หายไป เหมือนที่หอมเน่า งบ 240 ล้าน เน่าแล้วก็เน่าไป ไม่มีใครรับผิดชอบสักคน
คอยดูว่าผลออกมาจะเป็นยังไง? ดีเอสไอเตรียมนำคดีมันสำปะหลังหายจากโกดัง 5 จังหวัด มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท พิจารณาเป็นคดีพิเศษ พร้อมขยายผลการสอบสวนให้ครบทุกพื้นที่ วันพฤหัสบดี 29 มกราคม 2558 เวลา 15:21 น. เมื่อวันที่ 29 ม.ค.พ.ต.ท.กรวัชร์ปานประภากร ผบ.สำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้ดีเอสไอได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง โกดังเก็บมันสำปะหลังของบริษัท เกษตรพืชผล อินเตอร์เทรด จำกัด ตามที่รับแจ้งจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) ว่า มีมันสำปะหลังสูญหายหลังการจัดเก็บเสร็จครบทั้ง 5 จังหวัดแล้ว คิดเป็นมูลค่าเสียหายกว่า 400 ล้านบาท ประกอบด้วย จ.ราชบุรีลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และ พระนครศรีอยุธยา เบื้องต้นพบความเสียหายตามที่ อคส.ร้องทุกข์ โดยสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาคจะรวบรวมข้อมูล เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ในเดือนก.พ.นี้ เพื่อให้มีมติรับเป็นคดีพิเศษส่วนโกดังจัดเก็บมันสำปะหลังในโครงการแทรกแซงราคาในจังหวัดอื่น ๆ ได้ประสานให้ อคส.ตรวจสอบไปยังทุกโกดังเพื่อตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้นแล้ว โดยมีข้อมูลว่า โกดังที่มีปัญหามันสำปะหลังสูญหายมีไม่ต่ำกว่า 70 แห่ง แต่ยังไม่สามารถระบุเจ้าของได้ทั้งหมด ขณะนี้ได้ประสานให้ อคส.เร่งตรวจสอบและเข้าร้องทุกข์กับดีเอสไอ เพื่อขยายผลการสอบสวนให้ครบทุกพื้นที่..
คณะกรรมการคดีพิเศษเตรียมพิจารณาว่าจะรับคดีทุจริตมันสำปะหลังเป็นคดีพิเศษหรือไม่หลังตรวจสอบโกดังมันสำปะหลังทั้ง 5 แห่งในโครงการแทรกแซงมันสำปะหลังปี 2554-2556 พบพิรุธลักษณะเดียวกันและเข้าข่ายทุจริตชัดเจน ทุจริตมันสำปะหลังทำรัฐสูญเงินกว่า 3,700 ล้าน จากกรณีที่ อคส.ตรวจพบบริษัทเกษตรพืชผล อินเตอร์เทรด ยักยอกมันเส้นในโครงการแทรกแซงราคามันสำปะหลังจากหลายโกดังใน 5 จังหวัด ผู้บริหาร อคส.ระบุว่า คดีนี้ถือเป็นคดีใหญ่จาก 85 คดีที่มีการทุจริต เนื่องจากพบว่ามีการทำเป็นขบวนการ โดยเสนอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ การตรวจสอบโครงการแทรกแซงราคามันสำปะหลัง ขององค์การคลังสินค้า หรือ อคส. ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเจ้าหน้าที่พบการความผิดปกติที่โกดังเก็บมันอีกแห่งที่เป็นคู่สัญญากับบริษัทเอกชนที่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าทุจริตมันในโครงการนี้ และยังเชื่อมโยงกับการทุจริตที่เคยเกิดขึ้นใน 4 จังหวัด เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงรวบรวมหลักฐานเป็นข้อมูล เพื่อส่งพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ ติดตามจากคุณตภิกฤษ พวงกุหลาบ รายงาน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ประชุมร่วมกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ของโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังที่พบว่ามีการทุจริต ซึ่งเปิดเผยในวันนี้ว่า มีการแจ้งความมันเส้นของ อคส. ที่มีบริษัทเอกชนได้สัญญารับฝากไว้ สูญหาย มากกว่า 90 คดี และเมื่อร่วมกับกรณีของบริษัทเกษตรพืชผล อินเตอร์เทรดแล้ว พบว่าเงินของรัฐในโครงการนี้เสียหายมากถึง 4,100 ล้านบาท
มัน(ปลอม) โผล่ออกมาเรื่อยๆ แล้ว วันนี้ที่ชลบุรี ***************************************************** ชลบุรี 16 ก.พ. – กำลังตำรวจ ทหาร ดีเอสไอ และ อคส. ตรวจสอบโกดังเก็บแป้งมันสำปะหลังโครงการแทรกแซงราคาของรัฐบาลปี 2555-2556 ในพื้นที่ อ.บ้านบึง และพนัสนิคม ชลบุรี พบว่าบริษัท ควอลิตี้เพลเพท จำกัด ที่มีนายพิชัย พัฒนาพงศ์ชัย ทำสัญญาเช่าไว้ มีแป้งมันสำปะหลังสูญหายไปประมาณ 4,700 ตัน จาก 10,100 ตัน และปลอมปนสารโพลีคาร์บอเนต ซึ่งชุดนิติวิทยาศาสตร์ดีเอสไอพิสูจน์ด้วยน้ำยา พบมีแป้งมันสำปะหลังจริงพียง 900 ตัน ส่วนนายพิชัยผู้เช่าโกดังขาดการติดต่อและค้างค่าเช่ามาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 56 ส่วนโกดังแห่งที่ 2 พบแป้งมันสำปะหลังสูญหายอีกกว่า 5,000 ตัน สรุปความเสียหายเบื้องต้นมากกว่า 200 ล้านบาท. – สำนักข่าวไทย
ขีดเส้นใต้เมืองไทยกับ คุณสุภาพ คลี่ขจาย วันนี้จะพูดคุยประเด็นองค์การคลังสินค้า เตรียมเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอความเห็นชอบเผาทำลายมันสำปะหลังและข้าวโพด จากโครงการแทรกแซงราคาของรัฐบาลชุดก่อนกว่า 387,000 ตัน เพราะเห็นว่าไม่สามารถนำมาใช้การได้แล้ว และหากเก็บไว้จะสูญเสียงบประมาณในการจัดเก็บเดือนละกว่า 11 ล้านบาท ********************************************** อคส.ชงเผา “มันเส้น-ข้าวโพด” เน่าคาโกดัง เผยเป็นผลงานตกค้างจากรัฐบาลเก่า โดย MGR Onlin 29 พฤษภาคม 2559 11:28 น. อคส.เตรียมขอความเห็นชอบ “อภิรดี” สั่งเผามันเส้น-ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลงานตกค้างจากรัฐบาลเก่า เผยพบเน่าเสีย เป็นฝุ่นผง ใช้ทำอะไรไม่ได้ มีมันเส้นกว่า 3.87 แสนตัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 9.4 หมื่นตัน ส่วนข้าวในสต๊อกที่ผู้ชนะประมูลรับมอบไม่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบแล้ว พบเสื่อมคุณภาพจริง ลุยเอาผิดทั้งอาญา ทั้งแพ่ง ผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (บอร์ด อคส.) เปิดเผยว่า วันที่ 3 มิ.ย. 2559 จะหารือกับนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เพื่อขอความเห็นชอบดำเนินการกับมันเส้นในสต๊อกรัฐบาล ปริมาณรวม 387,000 ตัน แบ่งเป็นจากโครงการแทรกแซงมันสำปะหลังปี 2551/52 ปริมาณ 31,400 ตัน, ปี 2554/55 ปริมาณ 99,000 ตัน และปี 2555/56 ปริมาณ 250,000 ตัน เพราะจากการลงพื้นที่ตรวจสอบและหารือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงาน พบว่ามันเส้นดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่สามารถใช้ประโยชน์หรือแม้กระทั่งผลิตเป็นอาหารสัตว์ได้อีก จึงจำเป็นต้องเผาทำลายทิ้ง ไม่เช่นนั้นจะเสียงบประมาณในการจัดเก็บเดือนละกว่า 11 ล้านบาท ทั้งนี้ อคส.จะเสนอขอความเห็นชอบจาก รมว.พาณิชย์ ให้เผาทำลายทิ้งมันเส้นในโครงการปี 2551/52 ก่อน เพราะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แล้ว เป็นฝุ่นผง และเน่าเสีย ซึ่งยังไม่รู้ว่าถ้าเผาทิ้งจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไร ต้องรอ รมว.พาณิชย์ และคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลังเห็นชอบก่อนจึงจะศึกษาในรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนมันเส้นโครงการปี 2554/55 และปี 2555/56 มีบางส่วนที่ยังใช้ประโยชน์ได้ เพราะกระทรวงพลังงานแจ้งว่ายังสามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนได้ แต่โรงงานต้องมีกระบวนการผลิตที่ดี ไม่ก่อให้เกิดฝุ่นผงที่เป็นมลพิษทางอากาศ ซึ่งขณะนี้ รอกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อยืนยันว่ามีโรงงานพลังงานทดแทนที่มีกระบวนการผลิตตามที่ต้องการหรือไม่ หากไม่มีต้องเผาทำลายทิ้งเช่นกัน สำหรับการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย อคส.ได้ฟ้องร้องเจ้าของคลังสินค้าที่รัฐเช่าฝากเก็บ และบริษัทตรวจสอบคุณภาพ (บริษัทเซอร์เวเยอร์) แล้ว เพราะพบว่ามันเส้นหายไปจากสต๊อก และคุณภาพเน่าเสียหายมาก โดยปี 2551/52 ได้แจ้งความดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องแล้ว 22 คดี ปี 2554/55 ดำเนินคดีแล้ว 11 คดี และปี 2555/56 ดำเนินคดีแล้ว 54 คดี นอกจากนี้ ในส่วนของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จากโครงการแทรกแซงราคาตั้งแต่ปี 2551/52 รวม 94,000 ตัน อคส.คงต้องขอความเห็นชอบเผาทิ้งเช่นกัน เพราะเน่าเสียมากกว่ามันเส้น พล.ต.ต.ไกรบุญกล่าวว่า กรณีที่ผู้ชนะประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถรับมอบข้าว หรือขนข้าวออกจากโกดังได้เพราะคุณภาพและชนิดไม่ตรงตามที่ประกาศในเงื่อนไขการประมูล ซึ่งได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้าวในโกดังที่ จ.ศรีสะเกษ และสุ่มเก็บตัวอย่างมาตรวจสอบแล้ว พบว่าข้าวเสื่อมสภาพมาก และยังเป็นข้าวผิดประเภท โดยรับจำนำข้าวหอมมะลิ แต่สินค้าในโกดังกลับเป็นข้าวขาว ส่วนที่ชัยนาท ที่รับมอบไม่ได้ 39,000 ตัน เพราะเป็นข้าวผิดประเภท เจ้าของคลังไม่รับผิดชอบ ซึ่งได้ยืนยันว่าคนที่ทำสัญญากับ อคส.ต้องรับผิดชอบ และที่นครสวรรค์ เชียงราย กำแพงเพชร ที่รับมอบไม่ได้เช่นกัน อคส.ได้เจรจาแล้ว เจ้าของและเซอร์เวเยอร์ยอมชดใช้แล้ว “ต่อไปจะตรวจสอบอย่างละเอียดว่าข้าวเสื่อม ข้าวผิดชนิด ที่เกิดขึ้นนั้นเกิดก่อนหรือหลังจากที่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าไปตรวจสอบตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศ เพราะช่วงก่อนจะมีผู้ถือกุญแจโกดัง 4 คน คือ เจ้าของโกดัง, บริษัทเซอร์เวย์, ตัวแทนจากจังหวัด และเจ้าหน้าที่ อคส. หรือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) แต่หลังจากนั้นได้เพิ่มหน่วยงานทหารถือกุญแจด้วย ซึ่งหากพบว่าผู้เกี่ยวข้องทั้ง 5 รายก่อให้เกิดการทุจริต จะดำเนินการตามกฎหมายทั้งแพ่งและอาญา และถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์ด้วย เพราะเป็นความผิดฐานฟอกเงิน” พล.ต.ต.ไกรบุญกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มันเส้นและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับจำนำในปี 2551/52 เป็นช่วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และปี 2554-56 เป็นช่วงรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยในช่วงนั้นรัฐบาลได้มีนโยบายในการแทรกแซงมันเส้นและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อดึงราคาให้สูงขึ้น http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000053761
นักโทษหนีคดีหนีคุกทักษิณคิด เพื่อไทยโดยน้องสาวยิ่งลักษณ์ทำ ประเทศชาติเสียหายโดนกลุ่มนักโทษหนีคดีหนีคุกทักษิณและน้องสาวยิ่งลักษณ์โกง เทพเศรษฐกิจ รวยแล้วไม่โกง ช่วยคนจน ที่ไหนได้ โคตรโกง โกงเงินประเทศชาติที่จะช่วยคนจน เอ้าาาาาาา ควายแดง มา ชาบู ชาบู
ถ้ามันไม่กลับมารับจำนำ ตอนนี้ประเทศไทยสบายกว่าแยะ มาร์คใช้ประกันราคา ไม่เอาของมาเก็บ ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บก็ไม่มี สต็อครัฐบาลก็ไม่มี ราคาตลาดมันก็ปรับขึ้นไปเรื่อย ๆ
หลังจากมีโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังที่เคยเกิดขึ้นถึง 3 ครั้ง คือผลผลิตตั้งแต่ปี 2551 ไปจนถึงปี 2556 ปรากฎว่าปัจจุบัน พบเส้นมันสำปะหลังที่เก็บรักษาในโกดังที่ทำสัญญาเข้าร่วมโครงการยังระบายออกไปไม่หมด และพบว่ามันเส้นกลายเป็นฝุ่นผง ไปแล้ว แต่รัฐต้องมาแบกค่าเช่าโกดังสำหรับเก็บมันเส้น ทุกเดือน เดือนละประมาณ 11 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน โดยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังโกดังเก็บเส้นมันสำปะหลัง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา จุดนี้เป็น 1 ใน 3 โกดัง ที่มีการเก็บมันตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 51/52 โดยพบว่าในโกดังส่งกลิ่นมันคลุ้งไปหมด ไม่แน่ใจว่ามันเน่าเสียหรือไม่ เพราะตอนที่รับเข้ามาเก็บในโกดังจะมีลักษณะเป็นชิ้นๆเป็นเส้นๆ สามารถหยิบจับขึ้นมาได้ แต่ตอนนี้กลายเป็นฝุ่นผง ไปแล้ว ถ้าเป็นลักษณะเช่นนี้ไม่น่าจะนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์หรือนำไปแปรรูปได้ และขณะที่ผู้สื่อข่าวของเรายืนอยู่ใกล้กับกองเส้นมัน รู้สึกถึงไอร้อนที่ออกมาจากกองมัน แล้วเดินไปภายในโกดังก็จะมีฝุ่นมันคลุ้งขึ้นมาเกาะตามเสื้อผ้า นี่เป็นเพียงการสุ่มตัวอย่างเพียง 1 โกดังเท่านั้น ตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง จะมีโกดังเก็บมันเส้นทั้งหมด 61 โกดัง อยู่ในภาคเหนือและภาคอีสาน รวมแล้วประมาณ 386,000 ตัน รัฐบาลจะต้องจ่ายค่าเช่าเดือนละประมาณ 11 ล้านบาท และทำให้เกิดปัญหามันเส้นหาย และเน่าเสีย จำนวนมาก คุณภาพมันไม่ได้ตามที่มีการทำสัญญาไว้ และเกิดเพลิงไหม้โกดังเก็บมันหลายครั้ง ทำให้ องค์การคลังสินค้า หรือ อคส. ฟ้องร้องดำเนิคดีกับเจ้าของโกดังและผู้เกี่ยวข้องหลายคดี สรุปโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ที่เกิดขึ้นทั้ง 3 ครั้ง ปี 51/52 มี 34,000 ตัน ตรวจสอบแล้วเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เน่าเสียเป็นฝุ่นผง ใช้ประโยชน์ไม่ได้ รวมมีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว 28 คดี พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการ 22 คดี ปี 54/55 มี 99,000 ตัน ตรวจสอบเบื้องต้นมันยังใช้ได้บางส่วน มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว 19 คดี สรุปสำนวนส่งอัยการ 14 คดี และสุดท้าย มันสำปะหลัง ปี 55/56 มี 250,000 ตัน ตรวจสอบเบื้องต้นมันยังใช้ได้ แจ้งความดำเนินคดีแล้ว 54 คดี สรุปสำนวนส่งอัยการ 40 คดี พลตำรวจตรี ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า หรือ อคส. บอกว่าก่อนหน้านี้ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบโกดังมันในสต็อกของรัฐบาล งวดปี51/52 เพื่อตรวจสอบมันเส้นในโครงการ ปรากฎว่า มันเส้นในโครงการปี 51/52 ไม่สามารถนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประสาน กรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อสอบถามว่ามีโรงงานใดที่สามารถนำมันเส้นไปผลิตเชื้อเพลิง โดยไม่ก่อมลพิษ แต่เท่าที่ตรวจสอบล่าสุดยังไม่มี สำหรับแนวทางที่จะดำเนินการกับมันเส้น ปี 51/52 มี 2 แนวทาง คือ 1.ทำลายมันเส้นด้วยการเผา โดยจะนำมันเส้นไปทำลายยังสถานที่ทำลายของกลางยาเสพติด จังหวัดพระนครศรีอยะยา ซึ่งจะมีระบบควบคุมเรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ดี 2.เปิดประมูลเพื่อทำประโยชน์ ซึ่งจะต้องอยู่ภายใต้หลักกฎหมาย สรุปได้ในขณะนี้ว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะต้องเลือกแนวทางที่ 1 คือ การทำลายมันเส้นด้วยการเผา อย่างไรก็ตามวันนี้เวลา 14.00 น.พลตำรวจตรี ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า จะเข้าหารือกับนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหาทางออกเรื่องดังกล่าว และเสนอต่อคณะกรรมการระบายมันเส้นว่าจะดำเนินการมันปี 51/52 อย่างไร พลตำรวจตรี ไกรบุญ ทรวดทรง ประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า หรือ อคส. เปิดเผยว่า จากการหารือกับ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอความเห็นชอบในการทำลายมันเส้น และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เสื่อมสภาพในสต๊อกของรัฐบาล รวมกว่า 400,000 ตัน โดยจะนำร่องทำลายมันเส้นในโครงการแทรกแซงราคามันสำปะหลัง ปี 2551-2552 ปริมาณกว่า 30,000 ตัน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยืนยันให้เดินหน้าได้ แต่ให้กลับไปจัดทำรายละเอียดการดำเนินการใหม่ โดยระบุวิธีการทำลายมันเส้นเสื่อมสภาพ และปริมาณให้ชัดเจน รวมทั้งเปิดรับฟังความเห็นจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อรัฐ เบื้องต้น อคส.เสนอ 2 แนวทาง ได้แก่ เปิดประมูลขายให้แก่ภาคอุตสาหกรรมเพื่อนำไปทำเชื้อเพลิง และอีกแนวทางหนึ่งคือเผาทำลายทิ้ง
ข้าราชการถ้าใส่เกียร์ว่างเกินไปก็เดือดร้อนถึงเกษตรกร ิยากให้ลุงตู่เช็คสต็อกของข้าว,มันฯ,ข้าวโพด,ว่ายังมีตกค้างอยู่ในโกดังหรือเปล่า ปีนี้เห็นมีข่าวที่ราคามันฯตกตํ่าเพราะโกดังเต็มผลจากมันฯเก่าตกค้างลานใหญ่เลยระบายมันไม่ออก อีกประเด็นปีนี้มีมันฯจากเขมรทะลักเข้ามาพ่อค้าหันไปรับมันฯเขมรเพราะมีกำไร30,000ต่อเที่ยวรถพ่วง ราคาข้าวเปลือกอยู่เกวียนละ5-6,000 ราคาข้าวโพดอยู่ที่5-6,000 ฤดูการใหม่กำลังจะมาหวังกระทรวงที่เกี่ยวข้องต้องมีมาตราการเตรียมรับผลผลิตที่กำลังจะออกมาอีก4-5เดือนข้างหน้าอย่าใส่เกียร์ว่างเอาแต่นั่ั่งมองเฉยๆมันจะกลายเป็นนํ้าผึ้งหยดเดียว ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือราคาของพืชผลทางการเกษตรที่ตกตํ่าอย่ามัวไปหมกหมุ่่นกับการเขียนรัฐธรรมนูญจนลืมปากท้องของประชาชน ส่วนตัวผมเชื่อว่าชาวบ้านจริงๆแล้วเขาไม่สนหรอกประชาธิปไตยเพราะมันใส่กระเป๋าให้ลูกไปกินที่โรงเรียนไม่ได้ อยากให้ลุงตู่หันกลับมาหมกหมุ่นกับเกษตรมากกว่ารัฐธรรมนูญเขียนไม่เสร็จจบไม่ลงก็ช่างทุกวันนี้ชาวบ้านไม่เดือดร้อนหรอกว่าจะมีหรือไม่มีรััฐธรรมนูญของแค่ราคาของพีชผลดีเขาก็พอใจแล้ว ถ้าลุงมัวหลงประเด็นเชื่อเหอะไอ้พวกหางแดงมันจะกลับมาเอาเรื่องนี้กลับมาสร้างประเด็นเป็นกระแสอีกแน่นอนเพราะมันรอจังหวะอยู่ เตือนลุงด้วยความหวังดี
ค้นโกดังมันเส้น พบยัดไส้แกลบ ความเสียหาย 77 ล้าน ข่าว 3 มิติ ยังติดตามกรณีมันเส้น และแป้งมันสำปะหลังขององค์การคลังสินค้า หรือ อคส.สูญหายหรือเสื่อมหรือเปลี่ยนสภาพไป ทั้งที่ถูกเก็บไว้ในโกดัง ซึ่งบริษัทเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับ อคส.เป็นผู้ดูแล ซึ่ง อคส.พยายามยื่นฟ้องให้เป็นคดีพิเศษ แต่ยังไม่เป็นผล ล่าสุดพบมันเส้นในโกดังของบริษัทเอกชนที่จังหวัดอุบลราชธานี มีแกลบปลอมปน จนเหลือมันสำปะหลังจริงประมาณ 263 ตัน จากสัญญาฝากเก็บ 10,700 ตัน พลตำรวจตรีไกรบุญ ทรวดทรง ประธานองค์การคลังสินค้า หรืออคส. นำตำรวจกองปราบปราม ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบคลังสินค้าเก็บมันสำปะหลัง ที่เป็นมันเส้น ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ข้าวหอมอุบล พื้นที่ตำบลแก้งกอก อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งบริษัทดังกล่าว เป็นคู่สัญญากับองค์การคลังสินค้า ฝากเก็บรักษามันเส้น ในโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2554/2555 ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่พบเบาะแสว่า มันเส้นในโครงการอาจหายหรือเสื่อมสภาพไป จึงเข้าตรวจสอบและพบว่า ภายในกองมันเส้นดังกล่าว มีการนำแกลบบรรจุถุงบิ๊กแบ็ค ยัดไว้ด้านใน และนำถุงมันเส้นมาปิดทับอำพรางไว้ เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังตรวจสอบทั้งหมด ข้อมูลขององค์การคลังสินค้าระบุว่า คลังสินค้านี้รับมอบมันเส้นตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2555 ทั้งหมด 16,721 ตัน และได้จ่ายสินค้าให้กรมการค้าต่างประเทศ ไป 5,978 ตัน ซึ่งตามตามบัญชีต้องเหลือแป้งมันสำปะหลัง ทั้งหมด 10,743 ตัน แต่ในสภาพที่เป็นจริงขณะนี้ เหลือมันสำปะหลังอยู่ประมาณ 263 ตัน หายไปประมาณ 8,811 ตัน ทั้งที่ตามสัญญาแล้ว เจ้าของคลังจะต้องดูแลมันสำปะหลังให้มีปริมาณคงเดิม จนครบสัญญา เพราะได้รับเงินค่าจ้างในการดูแลฝากเก็บเดือนละ 2 แสนบาทอยู่แล้ว ประะธานองค์การคลังสินค้า ระบุว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงดูว่าใครเกี่ยวข้อง กับการที่มันเส้นของโครงการสูญหาย หรือถูกเปลี่ยนสภาพกลายเป็นแกลบแทน และต้องดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเอกชน หรือเจ้าหน้าที่รัฐที่รู้เห็นด้วย สำหรับความเสียหายเบื้องต้นจากมันเส้นที่หายไปดังกล่าว เจ้าหน้าที่ระบุว่าประมาณ 77 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ข่าว 3 มิติ นำเสนอปัญหา มันเส้นและแป้งมันสำปะหลัง ในโครงการแทรกแซงราคามันสำปะหลัง ที่เก็บรักษาไว้ในคลังสินค้าเอกชน ที่ได้สัญญาจาก อคส.สูญหายไปหลายพื้นที่ เช่นที่จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี ชลบุรี รวมถึงโกดังที่เป็นคลังเก็บมันเส้นที่นครราชสีมา ถูกไฟไหม้ จนต้องเคลื่อนย้ายไปเก็บรักษาที่คลังอื่น ซึ่งหลายพื้นที่มีลักษณะคล้ายกันอย่างมีพิรุธ เช่นมีแกลบปลอมปน มีไฟไหม้ และบางแห่งมีวัสดุอื่นที่ไม่ใช่แป้งมันมาปะปนอยู่ด้วย สร้างความเสียหายไม่น้อยกว่า 4 พันล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ อคส.พยายามยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ รับคดีดังกล่าวไปตรวจสอบ เนื่องจากมีความเสียหายกระจายกันอยู่หลายพื้นที่ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน
รับจำนำมันแต่ได้แกลบ เงินแผ่นดินที่ประชาชนเป๊นเจ้าของ แต่พวกนักการเมืองชั่วเอาไปผลาญเล่นเพื่อซื้อเสียงเข้ามาเป็นรัฐบาล ตกลงมีนักการเมืองมันดีหรือไม่ดี เท่าที่มีประวัติผ่านมาไม่เคยมีประชาชนเอาเงินแผ่นดิน มาละลายนํ้าเล่นนอกจากนักการเมืองกับพวกข้าราชการขี้ฉ้อ สมุนรับใช้นักการเมือง
หมายข่าวเจาะ// สันติสุข มะโรงศรี ลากไส้ขบวนการทุจริตมันสำปะหลังจีทูจีเก๊ เสียหายไปกว่าสามหมื่นล้านบาท คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. พร้อมเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตรวจสอบโกดังเก็บมันสำปะหลังแห่งหนึ่ง ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้สัญญารับฝากมันสำปะหลัง ในโครงการรับจำนำปี 2555/2556 และโกดังนี้ เป็นหนึ่งใน 10 คลัง ที่ถูกส่งชื่อให้ประมูลมันสำปะหลังประเภททั่วไป เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยแจ้งตัวเลขว่ามีมันสำปะหลังในโกดัง 89,640 ตัน แต่พบพิรุธว่ามันสำปะหลังในโกดังนี้ อาจมีอยู่ไม่ถึงครึ่งของจำนวนที่แจ้ง ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ทำการแกะรอยตามข้อร้องเรียนเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กระทั่งพบข้อเท็จจริงว่าตัวเลขมันสำปะหลังที่แจ้งไว้ 89,640 ตัน เหลืออยู่ในคลังเพียงหลักหมื่นตันเท่านั้น
