ไม่มีสถานีศึกษาวิทยา บีทีเอสควรลดค่าโดยสารไหม

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย, 24 Mar 2017

  1. ดร.โสภณ พรโชคชัย

    ดร.โสภณ พรโชคชัย สมาชิกทั่วไป

    สมัคร:
    6 Dec 2016
    คะแนนถูกใจ:
    2
    ในแผนที่รถไฟฟ้า บีทีเอสระบุมีสถานีศึกษาวิทยา แต่ในความเป็นจริงไม่มีสถานีนี้ แต่บีทีเอสเก็บค่าโดยสารจากสถานีสุรศักดิ์-ช่องนนทรีย์ 22 บาท แทนที่จะเป็น 15 บาท บีทีเอสอาจได้กำไรเกินไป 234.6 ล้านบาทต่อปี บีทีเอสเปิดมาตั้งแต่ปี 2542 ถึงวันนี้คงรวมเงินเกินไปเป็นเงินนับพันล้านแล้ว จะทำอย่างไรดี
    ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ชี้ให้เห็นว่าในแผนที่รถไฟฟ้ามหานครหรือ "บีทีเอส" มีระบุสถานีศึกษาวิทยา แต่ในความเป็นจริงไม่มีสถานีนี้ และเคยระบุว่าจะมีการศึกษาเพื่อก่อสร้าง (http://bit.ly/2eFhCkU) แต่บีทีเอสเก็บค่าโดยสารจากสถานีสุรศักดิ์-ช่องนนทรีย์ 22 บาท แทนที่จะเป็น 15 บาท โดยให้เหตุผลว่า (จะ) มีสถานีรถไฟฟ้าศึกษาวิทยา ซึ่งยังไม่มีเพราะยังไม่ได้สร้าง กรณีอย่างนี้จะสมเหตุสมผลหรือไม่ เป็นสิ่งที่พึงพิจารณา อันที่จริงควรเพิ่มค่าโดยสาร ก็ต่อเมื่อมีสถานีรถไฟฟ้าแล้วเสร็จก่อนหรือไม่
    หากวัดระยะทางจากสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ ไปสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ก็มีระยะทางเพียง 1.2 กิโลเมตร อยากจะไกลกว่าระยะทางจากสถานีช่องนนทรีไปสถานีศาลาแดงที่มีระยะ 1.0 กิโลเมตรเพียงเล็กน้อย และเมื่อเทียบกับระยะทางจากสถานีศาลาแดงไปสถานีราชดำริ ซึ่งมีระยะ 1.4 กิโลเมตร ก็ยังสั้นกว่า ระยะทางจากสถานีราชดำริไปสถานีสยามสแควร์ก็ประมาณ 1.2 กิโลเมตรเช่นเดียวกัน ดังนั้น การจะอ้างว่าจะมีสถานีรถไฟฟ้าศึกษาวิทยา (แต่ยังไม่มี) เลยเก็บค่าโดยสาร 22 บาทจาก 15 บาท จึงอาจควรทบทวนความสมเหตุสมผลในกรณีนี้
    ในแต่ละวันมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้ามหานคร ดร.อาณัติ อาภาภิรม กรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) "ในวันศุกร์จำนวนกว่า 8 แสนเที่ยว/วัน ขณะที่วันธรรมดา (จันทร์-พฤหัสบดี) มีจำนวนผู้โดยสาร เฉลี่ย 7.5 แสนเที่ยว/วัน ส่วนวันเสาร์มีจำนวน 6.5 แสนเที่ยว/วัน และวันอาทิตย์มีผู้โดยสาร 5.5 แสนเที่ยว/วัน" (http://bit.ly/2mxRgVX) ก็แสดงว่ามีผู้ใช้บริการสูงถึง 260.7 เที่ยวต่อปี หากในจำนวนนี้ใช้บริการผ่านสถานีประมาณ 30% ก็จะเป็นประมาณ 78.2 ล้านเที่ยวต่อปี
    การระบุว่ามีสถานีศึกษาวิทยานี้ทำให้ผู้โดยสารแต่ละคนต้องจ่ายค่าบริการสูงขึ้นคนละ 3 บาทต่อเที่ยว หรือเป็นเงินเพิ่มขึ้น 234.6 ล้านบาทต่อปี รถไฟฟ้าสายนี้เปิดใช้บริการมาตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2542 หรือ 18 ปีมาแล้ว ก็คงถือได้ว่าผู้บริโภคได้จ่ายเงินเกินไปนับพันๆ ล้านแล้วหรือไม่ นี่ยังไม่คิดไปในรายละเอียดของผู้ที่โดยสารจากสถานีสุรศักดิ์ไปสถานีช่องนนทรี ที่ควรจะจ่าย 15 บาท แต่ต้องจ่ายสูงเป็น 22 บาทอีกส่วนหนึ่งด้วย
    กรณีอาจชี้ได้ว่าการทำสัญญาต่าง ๆ อาจไม่รัดกุมหรือไม่ หรืออาจมีเหตุผลอื่นที่ทำให้ต้องเก็บเพิ่มเช่นนี้ ทางบีทีเอสจึงควรชี้แจงให้กระจ่างโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาลของบริษัทมหาชน


    ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1889.htm
     

Share This Page