ร้อง ผอ.โรงเรียนสตรีย่านวัดยานนาวา ส่อทุจริตจัดทำห้องมินิเธียเตอร์ – ใช้รถคนขับเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้านได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีโครงการจัดทำห้องมินิเธียเตอร์และห้องคณิตศาสตร์ โรงเรียนสตรีแห่งหนึ่งย่านวัดยานนาวา แขวงยานนาวา เขตสาทร ว่ามีความไม่โปร่งใสหลายประการ รวมทั้งผู้อำนวยการซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการ มักใช้รถและคนขับรถของโรงเรียนเพื่อธุรส่วนตัวและนอกเวลาราชการ จากการตรวจสอบพบว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนได้ทำโครงการจัดทำห้องมินิเธียเตอร์และห้องคณิตศาสตร์ โดยตั้งงบประมาณการไว้ที่ 3,500,000 บาท (สามล้านห้าแสนบาท) ต่อมาได้มีการกำหนดรายการประมาณการก่อสร้างในราคาที่สูงขึ้น กว่าเดิมอีก 300,000 บาท เป็นเงิน 3,800,000 บาท และรีบเร่งเปิดซองประกวดราคาในช่วงเดือนเมษายน 2557 การดำเนินโครงการด้วยวงเงินงบประมาณที่สูงครั้งนี้ ผู้อำนวยการเพียงแจ้งให้ที่ประชุมครูทราบโดยไม่ได้ให้รายละเอียด ต่างจากกรณีอื่นที่มักขอมติที่ประชุม เมื่อตรวจสอบรายละเอียดในเอกสารทีโออาร์พบว่ามีบางรายการราคาสูงเกินจริง ติดตั้งไม่ครบจำนวน เช่น - โซฟานั่ง ในรายการประมาณราคาลำดับที่ 24 รายการคุณลักษณะ TOR ระบุว่าเป็นเก้าอี้โอ่งไฟเบอร์บุที่นั่งด้วยฟองน้ำหุ้มหนังพีวีซี จำนวน16 ชุด ชุดละ 16,500 บาท รวมเป็นราคา 264,000 บาท จัดซื้อจริงเป็นเบาะนั่งเม็ดโฟม (Beanbag) ราคาตลาดอยู่ในช่วง 600 – 3,000 บาท ตามขนาดและคุณภาพ - เครื่องปรับอากาศ ในรายการระบุสั่งซื้อจำนวน 4 เครื่อง เครื่องละ 36,000 บาท รวม 144,000 บาท แต่แต่มีการติดตั้งในห้องมินิเธียร์เตอร์เพียง 2 เครื่อง ที่เหลือไม่ทราบสถานที่ติดตั้ง - เครื่องเสียงโฮมเธียร์เตอร์ DENON หนึ่งชุดตั้งราคาไว้สูงถึง 350,000 บาท เมื่อตรวจสอบข้อมูลการบรรยายคุณลักษณะเครื่องเสียงรุ่นนี้ราคาไม่เกิน 100,000 บาท นอกจากนี้จากการตรวจสอบข้อมูลบันทึกการใช้รถระหว่าง พ.ศ.2555-2556 พบว่าผู้อำนวยการนำรถโรงเรียนไปใช้เป็นการส่วนตัว ให้คนขับรถของโรงเรียนขับรถไปรับ-ส่งที่บ้าน ทำธุระส่วนตัว รวมถึงไปต่างจังหวัด และใช้นอกเวลาราชการ โดยจะสั่งให้คนขับรถของโรงเรียนลงบันทึกในตารางบันทึกการใช้รถโรงเรียนว่าไปราชการและให้ลงในเวลาราชการด้วย เนื่องจากการลงบันทึกจะมีผลต่อการเบิกจ่ายค่าน้ำมัน แต่คนขับรถลงบันทึกการใช้งานจิงและเวลาจริง #ผู้อำนวยการ #โรงเรียนสตรี #แขวงยานนาวา #ห้องมินิเธียเตอร์ #ใช้รถหลวงเพื่อส่วนตัว #หมาเฝ้าบ้าน watchdog@anticorruption.in.th o_O ... ไม่รู้จะบรรยายยังไง... เฮ้อออออออ
เห็นข่าวทุจริตในวงการศึกษาที่ จขกท.เอามาลง.....งัีนขอฝากอันนี้อีกอัน ดูแล้วไม่น่าจะยากอะไรมากมาย ว่าแต่จะตรวจสอบกันรึป่าวววววว..... http://www.manager.co.th/local/viewnews.aspx?NewsID=9570000120755
http://www.bangkokbiznews.com/home/...คุก26ปีปรับ3ล.!เอกชนฮั้วประมูลนมโรงเรียน.html การเมือง วันที่ 21 ตุลาคม 2557 18:18 คุก26ปีปรับ3ล.!เอกชนฮั้วประมูลนมโรงเรียน โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ศาลสั่งจำคุก13กระทงรวม26ปี ปรับ3.7ล้าน เอกชนฮั้วประมูลนมโรงเรียน กศน.เชียงใหม่ 9พื้นที่ 13สัญญา ที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3603/53 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายโสภณ ใจจันทร์ อายุ 49 ปี เจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัดเชียงใหม่โสภณพาณิชย์ , นายอินสม นาระต๊ะ อายุ 62 ปี พนักงานขับรถยนต์ หจก.เชียงใหม่ฯ และนายณัฐภูมิ หรืออ้ายมั่น ขันคำ อายุ 33 ปี ผู้จัดการแผนกนม หจก.เชียงใหม่ฯ เป็นจำเลยที่1 -3 ในความผิดฐาน ร่วมกันตกลงในการเสนอราคาเพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้ประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งมีสิทธิ์ทำสัญญากับหน่วยงานของราชการโดยเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 3-4 โดยคดีนี้โจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 53 ระบุว่า ระหว่างวันที่ 6 ต.ค. - 18 พ.ย. 51 จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันตกลงเสนอราคา เพื่อทำสัญญาจัดซื้อนมโรงเรียนพาสเจอร์ไรซ์ และนมยูเอชที ขนาด 200 มิลลิลิตร กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนระดับประถมศึกษา ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)จำนวน 9 พื้นที่ รวม 13 สัญญา ใน จ.เชียงใหม่ โดยใช้กลอุบายและการสมยอมเพื่อกีดกันไม่ไห้ผู้มีสิทธิเสนอราคาตามประกาศการประกวดราคา ที่ไม่เป็นธรรม โดยทุกครั้งที่มีการประกวดราคาจัดซื้อนมโรงเรียนจำเลยคนหนึ่งคนใดจะเสนอราคากลาง ขณะที่จำเลยคนอื่นจะเสนอราคาที่สูงกว่าราคากลางเสมอ เหตุเกิดที่ ต.บ้านหอย อ.จอมทอง ,ต.ท่าเดื่อ อ.ดอยเต่า ,ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีนายธานินทร์ เปรมปรีด์ พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เบิกความว่า จากการตรวจค้น หจก.เชียงใหม่ฯ ของจำเลยที่ 1 พบหนังสือมอบอำนาจ และตรายางของบริษัทห้างร้านอื่นที่ค้านม ซึ่งจำเลยทั้งสาม นำไปใช้ในการยื่นซองประกวดราคาต่อสถานศึกษาต่าง ๆ ซึ่งจำเลยทั้งสามไม่ได้ทำในฐานะส่วนตัว แต่เป็นการทำหน้าที่แทนในลักษณะสมรู้ร่วมคิดกับ บริษัท ห้างร้าน และ องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) และเทศบาลต่างๆ ที่สามารถกำหนดให้ใครเป็นผู้ชนะการประกวดราคาก็ได้ในท้องที่นั้น ๆ โดยจำเลยทราบเรื่องดี และตกลงรับหน้าที่เพื่อผู้ยื่นซองประกวดราคา และได้ประโยชน์ตอบแทนจากการว่าจ้างขนส่งนม และอื่นๆ จากผู้ชนะการประกวดราคา การกระทำของพวกจำเลยเป็นการฝ่าฝืนวัตถุประสงค์ของการประกวดราคา ย่อมทำให้หน่วยงานราชการได้รับความเสียหาย ข้อต่อสู้ของพวกจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษา จำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 13 กระทง ๆ ละ 2 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1-3 คนละ 26 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วตามกฎหมาย ให้จำคุกจำเลยไว้สูงสุดคนละ 10 ปี พร้อมสั่งปรับจำเลยที่ 1-3 คนละ 3,706,741 บาท ------------------------------------------------------------------------ อีกสักข่าว โกงนมโรงเรียน
ผอ.สำนักนโยบายและแผนฯ สพฐ. เผยงบแปรญัตติปี 2555 ก่อสร้าง"สนามฟุตซอล" ส.ส.ดันเข้าสภายุค "วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล" รมว.ศธ. เดิมจัดสรรเพื่อปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน แต่ให้สิทธิร.ร.-เขตพื้นที่การศึกษาเปลี่ยนแปลงได้ ด้านฝ่ายนิติกร ลุยตรวจราคากลาง รายละเอียดสเปก จากกรณีปัญหาทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอลของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ถูกตั้งข้อสังเกตว่า มีจุดเริ่มต้นมาจากความพยายามของคนบางกลุ่มพยายามที่จะเข้ามาหาประโยชน์จากงบประมาณ โดยใช้วิธีการนำงบแปรญัตติ มาเปิดโอกาสให้โรงเรียนต่างๆ นำไปใช้ในการก่อสร้างสนามฟุตซอล และให้บริษัทเอกชนในเครือข่ายเข้าไปรับงานต่อนั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2557 นายอำนาจ วิชยานุวัติ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราwww.isranews.org ถึงการจัดสรรงบแปรญัตติดังกล่าวให้กับแต่ละโรงเรียนในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อนำไปสร้างสนามฟุตซอลว่า ในช่วงการจัดสรรงบแปรญัตติ ปี 2555 ยังไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่จากการตรวจสอบดูงบย้อนหลัง ก็พบว่า แนวทางของการจัดสรรงบแปรญัตติดังกล่าวเป็นงบที่จัดสรรมาในเรื่องของการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารเรียน "แล้ว สพฐ.ก็ให้แนวทางการบริหารงบประมาณไปว่าถ้าโรงเรียนหรือเขตพื้นที่การศึกษามีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงงบประมาณก็สามารถทำได้ตามระเบียบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องเป็นไปตามระเบียบความต้องการของโรงเรียนแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งตามวงเงินที่เราให้ไปบางโรงเรียนก็นำไปใช้ในเรื่องเดิมที่กำหนดไว้ตามงบเดิม คือปรับปรุง ซ่อมแซมอาคารเรียน บางโรงเรียน ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงโดยเอาไปทำสนามฟุตซอล ซึ่งในรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลง สพฐ.ให้การบริหารงานเป็นไปตามความต้องการของโรงเรียน” นายอำนาจระบุ นายอำนาจกล่าวต่อว่า ส่วนสเปกของสนามฟุตซอล โดยปกติมีสเปกที่ได้มาจากกรมพลศึกษา ซึ่งกระบวนการดำเนินการตามปกติก็ต้องทำไปตามสเปก แต่ก็อยู่ที่ขั้นตอนจากนั้นว่าโรงเรียนแต่ละแห่งดำเนินการไปอย่างไรจะใช้แบบของกรมพลศึกษาหรือไม่ แต่ สพฐ.ก็วางกรอบไว้ว่าต้องทำให้เกิดความโปร่งใส เป็นประโยชน์กับส่วนราชการ แนวปฏิบัติเหล่านี้ก็มีเขียนไว้แล้ว ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหา ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่อิศรา ลงพื้นที่ตรวจสอบสนามฟุตซอลโรงเรียนบางแห่ง พบว่าผู้บริหารโรงเรียนบางแห่งได้งบประมาณในการสร้างสนามฟุตซอลไปถึง 4 ล้านกว่าบาท ราคาดังกล่าวเหมาะสมกับสภาพสนามหรือไม่ และ สพฐ.จะดำเนินการตรวจสอบอย่างไร นายอำนาจกล่าวว่า ขณะนี้ สพฐ. ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงลงพื้นที่ไปแล้ว ส่วนนิติกรก็อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ตรวจสอบสเปกและราคากลาง ส่วนตนดูเพียงในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณเท่านั้น ผู้สื่อข่าวถามว่าในการขอรับการจัดสรรงบแปรญัตติดังกล่าว เมื่อโรงเรียนแต่ละแห่งในเขตพื้นที่การศึกษาต้องการงบประมาณ สพฐ.มีเกณฑ์การอนุมัติงบอย่างไร และในการสร้างสนามฟุตซอล ต้องขอดูแบบสนามจากกรมพละศึกษาหรือไม่ นายอำนาจกล่าวว่า เมื่อมีการของบประมาณมาจากโรงเรียน ทาง สพฐ.ก็ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไปจัดสรร โดยให้สิทธิใช้งบสำหรับการปรับโครงสร้างอาคารเรียนตามที่มีการดำเนินขอ แต่ถ้าโรงเรียนมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการเรื่องสเปกและสิ่งปลูกสร้างที่เกี่ยวข้อง ก็มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยดูแล ซึ่งเดิมสเปกที่มีอยู่นั้นก็มีสเปกกลางที่มีราคากลางอยู่แล้ว “แต่ถ้ากรณีที่มีราคาที่สูงขึ้น ผมไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร รายละเอียดในส่วนนี้ต้องให้หน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบอธิบายลงลึกในรายละเอียด” นายอำนาจระบุ ผู้สื่อข่าวถามว่า จำได้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้เสนองบแปรญัตติดังกล่าว นายอำนาจกล่าวว่าการเสนองบแปรญัตติเป็นการเสนอผ่านสภาผู้แทนราษฎร เสนอโดย ส.ส. แล้วงบประมาณก็ถูกจัดสรรมายัง สพฐ.ในสมัยที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในขณะนั้น (อ่านประกอบ : เลขาฯสพฐ.ยันส่งจนท.ลุยสอบทุจริตฟุตซอล-ตั้ง3ประเด็น ชูราคาแพงเกินจริง ) (พื้นหัก หญ้าโผล่!สนามฟุตซอล พิษณุโลก “อิศรา”สำรวจ-ป.ป.ท.ลุยสอบ ) ("อิศรา"ลุยพิสูจน์ส.ฟุตซอล 2แห่งโคราช ชำรุดหนัก-ครูปัดไม่รู้บ.โยงนักการเมือง ) ภาพนายอำนาจ จาก : www1.obec.go.th http://www.isranews.org/isranews-news/item/33808-fs01.html#.VEekb5oit_Z.facebook
การอวยยศอวยตำแหน่งให้คนที่พฤฒิภาวะต่ำในสมัยรฐบาลแม้วเพียงแค่หาคนมาสนับสนุน เป็นสิ่งที่กระทำมานานแล้วเพียงเพื่อหวังผลให้คนพวกนี้มีความจงรักภักดี ส่งผลให้ระบบราชการมีวามอ่อนแอ ไม่ยึดถือนิติรัฐนิติธรรม ผลจึงได้ดังนี้เพราะข้าราชการขี้ฉ้อเหล่านั้นมั่นใจว่าไม่มีใครเอาผิดได้ และทุกวันนี้ซากเดนเหล่านี้ยังมีอยู่ หากไม่ปรับตัวก็ควรจะหาจุดลงตัวที่เหมาะกับพวกนี้
เพิ่งจะได้ดูรูปแล้วเทียบกับพาดหัวข่าวแล้วแอบขำเล็กๆว่า จะเซนเซอร์ชื่อโรงเรียนทั้งทีแต่ในรูปมันโชว์ซะหราขนาดนั้น