ยุบ อบจ. เหลือแต่ อบต. รอให้ประชาชนมีการศึกษาสูงขึ้น GDP ต่อตัวขยับไปสูงขึ้น จึงค่อยๆเพิ่มอำนาจท้องถิ่น ประชาธิปไตยที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ ประชาชนต้องท้องอิ่มก่อน ไอ้พวกที่มานั่งคุยเรื่องระบบการปกครองนู่น นี่นั่น มานั่งฝันว่าโยนตำรารัฐศาสตร์ให้ตาสีตาสาอ่านแล้วเขาจะเข้าใจ มันตลก
การศึกษาครับ เพิ่มเข้าไปให้เยอะๆครับ วิชาด้านคุณธรรมจริยธรรม สอนเด็กๆจนจบมหาวิทยาลัยเลย มีแค่นั้น เทียบง่ายๆ กระบวนการยุติธรรม แบบคณะลูกขุน ใช้กับเมืองไทยไม่ได้ เพราะ 10 คน รุมทำร้าย 1 คน เขาเรียกประชาธิปไตย ของดีๆ เอาของเขามาทำเสียหมดก็มี อยู่ที่คน ต้องพัฒนาคนรุ่นใหม่ เจเรเนชั่นใหม่ รุ่นเก่าต้องทำใจ รอเวลาสิ้นสภาพ ทำได้แค่นั้น
ในระหว่างนั้น เราต้องมีรัฐบาลประชานิยม และระบบการเมืองแบบเดิมอยู่ ถ้าเราช่วยกันตรวจสอบ และอดทนมากพอ ไม่ให้เกิดความขัดแย้งความรุนแรงและนำไปสู่รัฐประหารอีก คงจะเป็นเช่นที่ท่านว่าครับ ให้เวลาช่วยพัฒนาคน
มีนักเรียนอยู่ห้องหนึ่ง ให้ร่วมกันทำงานโดยเลือกหัวหน้าห้องกันเอง ครูต้องสอนให้นักเรียนเลือกคนดีคนเก่งมาเป็นหัวหน้าห้อง หรือครูจะแบ่งกลุ่มย่อยๆในห้อง เลือกหัวหน้ากลุ่มแล้วให้ทำงานแข่งกัน แต่ละกลุ่มเลือกหัวหน้ากลุ่มไม่เหมือนกัน แล้วเอาผลงานมาเปรียบเทียบว่ากลุ่มไหนผลงานดีที่สุด สองวิธีก็ต่างมีเจตนาให้มีผลงานที่ดีเหมือนกัน เพียงแต่นักเรียนส่วนใหญ่สามารถเลือกคนดีคนเก่งมาเป็นหัวหน้าห้องได้ วิธีแรกจะดีที่สุดครับ
เหมือนที่คนอื่นๆ พูดไปแล้ว การศึกษาคือสิ่งที่จะช่วยให้คนมีรู้ และต้องใช้หลักศาสนาช่วยในการนำความรู้ที่มีมาแยกแยะดีชั่วด้วยจะยิ่งดี
เด็กบางคนชอบกินอมยิ้ม ผู้ใหญ่บังคับไม่ให้กินเพราะกลัวฟันผุ ดึงอมยิ้มออกทิ้งไป เด็กบางคนเข้าใจเชื่อฟังเหตุผลของผู้ใหญ่ แต่เด็กบางคนไม่ยอมหาว่าผู้ใหญ่ใจร้าย ไม่ยอมเรียนรู้อะไรเลย พอปล่อยหลับหลังก็เอาอมยิ้มมาดูดใหม่ อีเด็กแบบหลังนี่ต้องปล่อยให้ฟันผุครับถึงจะสำนึก
ทุกวันนี้ ก็มีตัวอย่าง การครอบงำการศึกษา โดย รัฐบาลประชานิยม ที่เห็นเด่นชัด เช่น ดร.เจียม มันจะไม่เกิดการพัฒนา อะไรเลย มีแต่ ล้าหลังลงคลอง ก็เพราะเขาช่วยกันตรวจสอบ นั่นหละครับ ถึงได้มีการยึดอำนาจ สาเหตุก็มาจากประชานิยมนี่หละ ถ้าคนมีคุณภาพ เอาไข่เน่า รุมขว้าง คนโกง คนละฟอง พวกนี้ก็ตายหมดแล้ว
ครับ ผมก็คิดว่างั้น ฟันแท้พังยังมีฟันปลอม ประเทศพังขึ้นใหม่ยากครับ พังเป็นที่ๆ ดีกว่าพังทั้งประเทศทีเดียว
ผมไม่ได้ใส่อย่างเช่น ผู้สมัครหัวห้องสัญญาว่าจะเอาเงินที่มาทำงานห้อง มาเลี้ยงขนมคนที่เลือกตัวเองเป็นหัวหน้า โดยเลี้ยงแค่ 12 คนใน 20 คนก็พอ อย่างนี้ป่าวคับ ฮาา..
ขอเสริมเรื่องการศึกษา ผมว่าสักแต่ว่าให้เด็กจบมหาวิทยาลัยมันไม่พอ ทุกวันนี้ก็จบแบบล้นทะลัก แต่บางคนจบมาได้ไงก็ไม่รู้ การศึกษาต้องปรับ โดยเฉพาะคนสอน หลักสูตร เนื้อหา ผมว่าเราสอนเรื่องทางวิทยาศาสตร์กันน้อยมาก เน้นสังคมศาสตร์ ส่วนวิทยาศาสตร์ก็สอนแบบท่องจำสูตร แต่ไม่เคยพัฒนาสร้างลอจิคในสมองเด็ก สังคมศาสตร์ก็สอนแต่อะไรก็ไม่รู้ท่องๆๆ ละเลยเรื่องหน้าที่พลเมือง คุณธรรมจริยธรรม ควบคู่กับลอจิคในการอยู่ร่วมในสังคมอย่างเป็นสุข รู้จักผิดชอบชั่วดี ให้ทำงานกลุ่มสักแต่ว่าทำเพื่อเอาคะแนน แทนที่จะให้เด็กสามารถเรียนรู้กระบวนการทำงานเป็นทีม การรู้จักรับฟังและแสดงความเห็นแบบมีเหตุผล รู้จักปฏิเสธต่อสิ่งไม่ถูกต้อง การรู้จักค้นคว้าหาข้อมูล หรือนำข้อมูลมาต่อยอดองค์ความรู้ สนใจแต่ยัดความรู้ให้จำเข้าไปในสมอง มันไม่พอ
ผมว่าถ้าจะทำมันก็ทำได้ทั้งนั้นแหละครับ แต่ทำแล้วมันจะตอบโจทย์เรื่องการกระจายอำนาจหรือเปล่ามันอีกเรื่องหนึ่ง ผมมองว่า ระบบสหพันธรัฐ มันไม่ได้มีขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เรื่องการกระจายอำนาจโดยตรง แต่มันตอบโจทย์การอยู่ร่วมกันเป็นประเทศโดยไม่มีความขัดแย้งภายในเกิดขึ้นมากกว่า มันเป็นลักษณะแบ่งอำนาจการปกครองไปให้กับกลุ่มต่าง ๆ ที่เคยมีอำนาจอยู่และต่างคนต่างไม่ยอมกันถ้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะมีอำนาจปกครองประเทศกลุ่มเดียว เพราะฉะนั้นระบบนี้ มักจะใช้กับประเทศที่เคยเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก คือชาติตะวันตกจะเป็นคนจัดระเบียบให้เมื่อคืนอิสระภาพให้ประเทศนั้นแล้ว อย่างมาเลเซียเพื่อนบ้านเรานี่ เขาเป็นสหพันธรัฐเพราะอะไร ตอนเขาเป็นสหพันธรัฐนั้น เขาคิดเรื่องกระจายอำนาจ หรือคิดเรื่องการแบ่งอำนาจการปกครองเพื่อไม่ให้มันเกิดความขัดแย้งภายใน เราเองไม่ได้ใช้ระบบนี้มาแต่ต้น ถ้ามาคิดทำตอนนี้ ผมว่ามันเหมือน ขี่ช้างจับตั๊กกะแตน มากกว่า เพราะมันยุ่งยากมาก ยุ่งยากตั้งแต่ การยอมรับระบบแล้ว ถ้าคิดทำตอนนี้ไม่รู้ว่าอีก 10 จะสำเร็จหรือเปล่า ผมว่าคงเถียงกันไปตลอด 10 ปีนั่นแหละ ผมยกตัวอย่าง อบต เพราะเห็นว่าจริง ๆ แล้วมันก็ไม่ต่างกันกับระบบสหพันธรัฐ ในเรื่องการปกครองตนเองมากขึ้น เพียงแต่ อบต มันเป็นจุดที่เล็กที่สุด แต่ สหพันธรัฐ มันเป็นจุดที่ใหญ่ที่สุดเท่านั้น การมองของ จขกท จึงอาจคิดว่า อบต ไม่ตอบโจทย์การกระจายอำนาจ ก็ถ้า อบต ไม่ตอบโจทย์แล้ว สหพันธรัฐ มันก็คงตอบโจทย์ได้ยากเหมือนกันแหละครับ มันอยู่ที่ว่าเราจะมองอย่างไร แต่ไม่ว่าจะเป็น อบต หรือ สหพันธรัฐ จะตอบโจทย์การกระจายอำนาจได้หรือไม่นั้น ผมว่ามันอยู่ที่ภาครัฐละครับว่าจะให้มันตอบโจทย์แค่ไหน เรามี อบต มานาน แต่ยังไม่ตอบโจทย์ ก็ต้องถามรัฐบาลที่ผ่าน ๆ มาว่าคุณบริหารประเทศภาษาอะไรกัน จนป่านนี้มันยังไม่ตอบโจทย์การกระจายอำนาจ ถ้าเราจำกันได้ ตอนมี อบต ใหม่ ๆ มันดูตลกพิลึก จนคณะตลกเอาไปแสดงล้อเลียนกัน ใส่ชุดซาฟารีท่าทางเปิ่น ๆ แต่เดี๋ยวนี้หลายแห่งเปลี่ยนเป็นผูกไท้แล้ว พัฒนาการแต่งตัวไปแล้วครับ แต่การกระจายอำนาจยังป้อแป้เหมือนเดิม ทำให้มันดี ทำให้มันจริงจัง ผมว่าทำได้ครับ แต่พอหันไปมองนักการเมืองของไทยแล้ว ผมว่ามันยากพอ ๆ กับตั้งสหพันธรัฐนั่นแหละ
เอา อบต. ปัจจุบัน การกระจายอำนาจแบบปลอมๆแบบปัจจุบันมาเทียบ ผมว่ามันเหมือน บอกว่ารถเมล์สาย8 ขับแย่บริการแย่ แล้วสรุปว่าขนส่งมวลชนไม่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหารถติด เพราะรถเมล์นี่แหละตัวทำรถติดเลยชอบปาดซ้ายปาดขวา เราสรุปแบบนั้นพาลให้เราไม่อยากมีขนส่งมวลชนแบบอื่นๆหรือเปล่า เห็นด้วยครับ นักการเมืองไม่ยอมคายอำนาจแน่นอน ผมเลยหวังที่จะเห็นการกระจายอำนาจจากรัฐบาลทหารนี่แหละครับ
การตั้งสหพันธรัฐ ไม่ยากครับ เลือกตัั้งผู้ว่าทุกจังหวัดโดยตรง แก้กฏหมายจากจังหวัดเป็นสหพันธรัฐปกครองตัวเอง เราก็จะได้ 77 สหพันธรัฐ อีกสักพักสามสหพันธรัฐทางภาคใต้จะขอประกาศตัวเป็นเอกราช ตามมาด้วย สหพันธรัฐหลายรัฐทางภาคเหนือรวมตัวขอประกาศตัวเป็นเอกราช ตั้งประเทศล้านนา สหพันธรัฐทางภาคอีสานรวมตัวขอประกาศตัวขอแยกไปรวมกับกัมพูชา เพราะฝักใฝ่สมเด็จฮุนเซ็นผู้รักประชาธิปไตย
อบต มันเหมือน สามล้อถีบ หรือสามล้อเครื่องมากกว่าครับ เล็กกว่ารถเมล์ การจะให้สามล้อถีบ หรือสามล้อเครื่องมันวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้สะดวกปลอดภัย มันก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้จัดการระบบจราจรครับ คงไม่ใช่บริษัทที่ให้เช่า สามล้อ
ไม่ใช่ครับ ผมแค่ตั้งข้้อสังเกตุ ถ้าถามว่าเห็นด้วยหรือไม่ ในหลักการดี เหมือนมีหน่วยย่อยในภาพใหญ่ แต่คนไทยไม่พร้อมครับ ไม่พร้อมแม้แต่แค่เริ่มทดลอง ไม่ใช่ดูถูกคนไทยด้วยกันนะครับ แต่ค่อนชีวิตผม เห็นแต่ประเทศเดินถอยหลังมาเรื่อยๆ เพราะคุณภาพคนไทย ซึ่งก็รวมตัวผมด้วย
ตัวอย่างอีกที่หนึ่งคืออินโดนีเซีย ผมก็ไม่เชื่อว่าคุณภาพเราจะด้อยกว่าเขานะครับ แต่ตอนวิกฤตที่เขายืนบนปากเหว รัฐบาลทหารเขายอมกระจายอำนาจจนสำเร็จมาถึงปัจจุบันได้เหมือนกันครับ
อย่าขี้ตู่ เหมือนกันตรงไหน สิ่งแวดล้อมทางการเมือง สังคมต่างกับไทยมาก ที่สำคัญอินโดไม่ใช้ระบบสหพันธรัฐ แล้วคุณไปอ่านดีๆ ไม่ใช้ทหารยอม อย่ามโน http://www.academia.edu/8437760/ประวัติศาสตร_ของการกระจายอํานาจในอินโดนีเซีย
รู้สึกเหมือนจะออกทะเลแต่เรามาพูดถึงลักษณะกายภาพของอินโดนีเซียก่อนนะ ประเทศนี้เป็นหมู่เกาะ ประชาชนก็มีหลายเผ่า มีความแตกต่างกันสูง บางเผ่าเป็นมนุษย์กินคนก็มี แต่ประเทศไทยมีความแตกต่างขนาดนั้นเหรอ แผ่นดินเราก็เป็นแผ่นเดียวกัน การแบ่งแยกมันไม่ง่าย ในโลกแห่งความเป็นจริงมันมีอุปสรรคเยอะแยะไปหมดแหล่ะ ปิดตำราแล้วออกมาดูความเป็นจริงดีกว่า ผึ้งอาจจะคิดไปเอง แต่คุณเหมือนพวกที่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง มองลงมาอย่างจองหองแล้วก็คิดเอาเองว่าคนข้างล่างต้องการความช่วยเหลือ มันต้องเปลี่ยนโน่นนี่อย่างโน้นอย่างนี้แล้วโลกมันจะดีอย่างที่จินตนาการ เข้าใจว่าหวังดี แต่หวังดีไม่ดูสถานการณ์ก็กลายเป็นประสงค์ร้ายได้เหมือนกัน
ตามอ่านซะตั้งนาน น่าสนใจครับ ผมว่าประเด็นคือโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทยมันไม่เอื้ออำนวยต่อการกระจายอำนาจครับ เจ้าของกระทู้ลองพิจารณาตัวเลขที่คุณเผด็จการที่รักนำมาแสดงอีกทีสิครับ ประเทศไทยนั้นรายได้หลักแทบทั้งหมดอยู่ที่ภาคกลางและกรุงเทพฯ แบบนี้การกระจายอำนาจมันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะครับ?? เอาง่ายๆครับ ถ้าให้ภาคอีสานทั้งภาคแยกไปปกครองกันเอง แล้วคุณเจ้าของกระทู้ตอบหน่อยได้มั้ยครับว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะเอามาจากไหน 1 เงินเดือนข้าราชการ เช่น หมอ พยาบาล ครู ตำรวจ ฯลฯ 2 ค่าบำรุงรักษาหน่วยงานราชการต่างๆ เช่นน้ำ ไฟ ค่าก่อสร้าง ซ่อมแซมต่างๆ 3 ค่าใช้จ่ายในการสร้างและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ท่อประปา คลองชลประทาน สายส่งไฟฟ้า ฯลฯ ผมว่าแค่หาเงินเลี้ยงตัวเอง เอาให้รอดยังไม่มีปัญญาเลยครับ มันถึงกระจายอำนาจไม่ได้ เพราะถ้าทำแบบนั้น มันก็จะพัง คนจะยิ่งอพยพเข้ากรุงเทพกันมากขึ้นๆ ซึ่งทุกวันนี้มันก็เยอะจนจะล้นอยู่แล้ว ผมมองยังไง ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่รูปแบบการปกครองหรอกครับ มันอยู่ที่โครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่มันรวมศูนย์มานาน ด้วยเหตุะปัจจัยต่างๆในอดีต และไม่ว่าจะมองยังไง ทางแก้มันก็ต้องมาจากส่วนกลางอยู่ดีครับ เพราะท้องถิ่นนั้นไม่มีอำนาจทางเศรษกิจ ส่วนกลางต้องกระจายความเจริญทางเศรษฐกิจไปยังภูมิภาคต่างๆให้มากกว่านี้ ท้องถิ่นถึงจะเข้มแข็งพอที่จะปกครองตนเองได้ ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที พูดตอนนี้ ผมมองว่าเปล่าประโยชน์ครับ
ในอดีตที่ผ่านมามันพลาดตั่วแต่สร้าง กทม ให้เป็นเมืองโตเดี่ยวแล้วละ ใน กทม มีคนที่มันเป็น คน กทม แท้ๆกี่คนเชียว วันสงกรานต์ เหลือกี่คน ก็ลองไปนับดูได้ ถ้าตามภูมิภาคต่างๆมันมีเมืองแห่งโอกาสที่ทัดเทียมกับ กทม ได้ ก็คงไม่ใครอยากถ่อสังขารมาไกล มาเบียดเสียดยัดเยียดกัน ใน กทม เมืองเดียว หรอก
ไปไม่เป็นแล้วครับ จากเรื่อง รัฐเดี่ยวไทย เปลี่ยนเป็นสหพันธรัฐ ตอบโต้กันไปมา กลายเป็นเรื่องกระจายอำนาจการปกครอง
ครับ ผมผิดสิครับดี ผมจะได้เปิดความรู้ใหม่ๆจากท่านอื่น ซึ่งถ้าทำเป็นรัฐท้องถิ่นไม่ได้ด้วยข้อเสียต่างๆที่หลายๆท่านว่ามา ผมก็ว่าถ้าเรามาทำเป็นกระจายอำนาจท้องถิ่นอย่างมากจะดีไหม แล้วถ้ากระจายอำนาจไม่ตอบคำถามของประเทศ แล้ววิธีการไหนหละที่เราควรเดินไป....
ผมเดาว่ามันก็ต้องอาศัยการสนับสนุนจากส่วนกลาง มาจากท้องถิ่นที่เก็บภาษีได้มาและส่งคืนส่วนกลางได้มาก กรณีที่รายได้ท้องถิ่นไม่พอ แต่อย่างน้อยท้องถิ่นจะได้กำหนดนโยบายการพัฒนาและกำหนดการใช้งบประมาณด้วยตนเอง (กรณีนี้ผมหวังให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างมาก ในการตรวจสอบและกำหนดทิศทางของการเมืองท้องถิ่นของตนเอง ไม่เหมือนปัจจุบันจะเอาไปทำอะไรก็มาจากส่วนกลางหมด ประชาชนท้องถิ่นขาดการมีส่วนร่วม) หากใช้การกระจายงบประมาณตามหัวประชากรแล้ว เมืองท่องเที่ยวที่ต้องจัดการผู้คนมากมายรองรับนักท่องเที่ยวเยอะ แต่หัวประชาชนมีอยู่น้อย ก็น่าจะต้องได้รับงบประมาณมากกว่า ท้องถิ่นที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแต่มีจำนวนประชากรเท่ากันนะครับ เพราะต้องใช้งบประมาณในการจัดการแหล่งท่องเที่ยวหรือเรื่องคนมากกว่า
ผมเคยอ่าน เรื่องกระจายอำนาจที่อยู่ในรายงานของกลุ่มที่ทำการศึกษาเรื่องการปฏิรูปประเทศ สังเกตุว่าหลายๆการศึกษาตรงกันคือการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ไม่ได้มาจากจินตนาการของผมแต่อย่างใดครับ มีคนที่ศึกษาลงพื้นที่ เข้าสอบถามความต้องการของคนในท้องถิ่นต่างๆมาเรียบร้อยแล้ว
เพื่อให้สนทนาได้เจาะเข้าประเด็นหัวกระทู้สักทีว่าเป็นแบบรัฐเดี่ยว หรือมีรัฐย่อย แบบไหนมันจะเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน อยากให้เจ้าของกระทู้ยกตัวอย่าง "รัฐย่อย" ขึ้นมาสักหลายๆตัวอย่าง หรือ 2-3 ตัวอย่าง เช่น ( ขณะที่ "รัฐเดี่ยว" ในความเห็นเจ้าของกระทู้ คือ รัฐไทยแบบเช่นทุกวันนี้ )
ให้เข้าประเด็นจริงๆ ให้เริ่มตรง ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ มันยังๆไงเหรอ นี่ก็สถานการณ์หรือเปล่า คำสารภาพของ มหาหิน ขุนทอง ผู้ต้องหาคดีระเบิดหน้าศาลอาญา ต่อหน้าสื่อมวลชนว่า ตนเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย สมาชิกภายในกลุ่มได้มีการติดต่อกันผ่านสื่อโซเชียล และเตรียมจัดตั้งองค์กรภาคีภาคประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งมีแนวคิดที่จะให้มีการปกครองประเทศแบบ "สหพันธรัฐ" - See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/638393#sthash.e0FajBG2.dpuf เอาเต็มๆไปแล้ว มีสาระกันหน่อยสิหว๊า ผู้ที่ไม่ได้ติดตามการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนเสื้อแดงมาตั้งแต่แรก อาจไม่ให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือกับคำพูดของมหาหิน เกี่ยวกับชุดความคิดเรื่องสหพันธรัฐ จะว่าไปแล้ว แนวความคิดเปลี่ยนรัฐไทยจากรัฐเดี่ยว (unitary state) ไปสู่การเป็นสหพันธรัฐ (federal state) ได้ปรากฏร่องรอยภายในกลุ่มภาคประชาชนเสื้อแดง ที่เรียกตัวเองว่า "แดงอิสระ" มานานแล้ว ล่าสุด เมื่อต้นปีนี้ ผู้ใช้นามแฝงว่า "ศิวา มหายุทธ์" ได้เขียนบทความเรื่อง "สหพันธรัฐสยาม ทางเลือกรัฐสยามหลังเผด็จการ ข้อเสนอเพื่อประชาธิปไตยที่ยั่งยืน" ออกเผยแพร่ในเว็บไซต์ขบวนการประชาธิปไตยในสแกนดิเนเวีย (แดงสแกนดิเนเวีย) และกลางเดือนกุมภาพันธ์ เขาได้เขียนเรื่อง "สหพันธรัฐสยาม คืนจารีตและประวัติศาสตร์ให้ท้องถิ่น" อีกครั้ง "ศิวา มหายุทธ์" ได้เสนอโมเดล "โครงสร้างรัฐแบบสหพันธรัฐร่วมสมัยของรัฐสยาม" เพื่อการสู้กับอำนาจเผด็จการทหาร และปูทางสู่การสร้างประชาธิปไตยประชาชน โดยเบื้องต้นสามารถแบ่งกลุ่มอย่างหยาบๆ ได้ 6 กลุ่มดังนี้ 1) ภาคเหนือตอนบน 2) ภาคเหนือตอนล่าง 3) ภาคอีสานเหนือ 4) ภาคอีสานใต้ 5) ภาคตะวันออก 6) สามจังหวัดภาคใต้ การแบ่งกลุ่มเช่นนี้ ก็เพื่อการจัดรูปขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย โดยให้เกิดความยืดหยุ่นในยุทธศาสตร์และยุทธวิธี ในระหว่างที่กลุ่มผู้ร่วมขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ยังมีความแตกต่างหรือขัดแย้งในเชิงอุดมการณ์และทฤษฎีที่เหลื่อมซ้อนกันอยู่ จนกระทั่งยากที่จะก่อรูปขึ้นมาเป็นองค์กรนำขนาดใหญ่ที่มีเอกภาพได้ จำเป็นต้องใช้ยุทธศาสตร์ "เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ" ให้มีการจัดตั้งเป็นอิสระและพึ่งตนเองของหน่วยการต่อสู้ในทุกเวที ภายใต้สภาพที่เป็นจริงของแต่ละพื้นที่ ด้วยเหตุนี้ ภาคประชาชนเสื้อแดง ที่ไม่ได้สังกัดกลุ่ม นปช. จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เปิดการศึกษาชุดความคิด "ประชาธิปไตยประชาชน" และกำหนดยุทธวิธีทางการเมืองหรือการทหารอย่างเป็นอิสระและพึ่งตัวเองในแต่ละพื้นที่ ตอนท้ายของบทความ "ศิวา มหายุทธ์" สรุปเชิงตั้งคำถามว่าทิ้งท้าย "ภายใต้สหพันธรัฐ จะทำให้ผู้รักประชาธิปไตยสยาม สามารถก้าวข้ามคำถามที่วนเวียนแบบวงจรอุบาทว์ทั้งในระหว่าง และหลังการต่อสู้ เหลืออย่างเดียวเท่านั้นคือ ข้อเสนอนี้ จะกลายเป็นที่ยอมรับของผู้ร่วมขบวนแถวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยสยามอย่างทั่วถึงหรือไม่" ความไม่เป็นเอกภาพของขบวนการคนเสื้อแดงนั้น ดำรงอยู่จริง โดยเฉพาะกลุ่มแดงอิสระจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมรับการนำของ นปช. นอกจากนี้ ขบวนการ "แดงอิสระ" ภายในประเทศนั้น มีการเชื่อมร้อยกับขบวนการ "แดงนอก" ที่กระจัดกระจายอยู่ในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, นิวซีแลนด์ ,ออสเตรเลีย และกลุ่มประเทศในยุโรป แม้ว่าแกนนำกลุ่ม นปช. จะติดกับดัก "หน้าจอทีวี" ใต้การกำกับของอำนาจ คสช. จนมิอาจขยับออกสู่ท้องถนนได้ในช่วงนี้ แต่ "แดงอิสระ" ได้สร้างเครือข่ายผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างต่อเนื่อง - See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/638393#sthash.e0FajBG2.dpuf ผมตัดข้อคิดของ ศักดิ์ เจียม ออก เพราะจะเอาสาระที่เกี่ยวข้องกับ กระทู้
ผมเห็นด้วยกับการกระจายอำนาจครับ และเห็นว่าเป็นทางแก้ปัญหาการเมืองรูปแบบหนึ่งด้วย ผมจึงสนับสนุน กปปส. ที่มีแนวคิดเรื่อง กระจายอำนาจ จัดตั้งจังหวัดจัดการตนเอง แต่ตอนนี้เจ้าของกระทู้ กำลังพูดถึง สหพันธรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่ยิ่งกว่า จังหวัดจัดการตนเองไปไกลมาก การกระจายอำนาจนั้นนอกจากจังหวัดจัดการตนเองแล้ว ยังมีอีกหลายวิธี วิธีเดิมปัจจุบันเอามาปรับใหม่ก็ได้ เช่นเปลี่ยนระบบแจกจ่ายงบประมาณ เช่นเปลี่ยนจากการอิงภาษี เป็นอิงจำนวนประชากร หรืออยากให้ยุติธรรมก็ถัวเฉลี่ยเท่ากันให้หมด เปลี่ยนโครงสร้าง ขั้นตอนทางราชการ ให้เงินงบประมาณกระจายไม่กระจุกตัว เช่น การปรับโครงสร้างให้กรมกอง มีหน่วยย่อยในพื้นที่ภูมิภาคมากขึ้น มอบงบประมาณมอบอำนาจให้ เพื่อให้ อบต. อบจ. สามารถใช้ได้ง่ายขึ้น ฯลฯ สิ่งที่ผมสงสัย คือ ทำไมเจ้าของกระทู้ต้องปักใจในรูปแบบ สหพันธรัฐ ด้วยครับ ทั้งที่หลายท่านบอกแล้วว่ามีความเสี่ยง ด้านความมั่นคง มากกว่ารูปแบบอื่นๆ ส่วนบางคนไม่เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจ เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมามันโกงครับ แต่สุดท้ายคนก็เลือกกลับเข้ามาโกงเรื่อยๆ หากกระจายอำนาจ ชีวิตเค้าคงลำบากมาก เลยชอบแบบเดิมที่มีส่วนกลางคอยคุมมากกว่า อันนี้ก็เข้าใจได้ฮะ แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เพราะผมเห็นว่าการเน้นแก้เรื่องคน มันยากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาซะอีก หรือเน้นเรื่องระบบตรวจสอบ ก็ยิ่งทำให้ระบบล่าช้าลงไปอีกแถมประสบการณ์ที่ผ่านมา แมร่งก็หาทางเจาะกันจนได้นั่นล่ะ แต่ระบบสหพันธรัฐ แบบออกกฎหมายใช้กันเอง ตรวจสอบกันเอง เพื่อร่วมประเทศรัฐอื่นห้ามยุ่ง อันนี้ผมก็รู้สึกมันจะเกินไปหน่อยนะ
นั่นสิคะ ถึงอยากให้ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมว่า "รัฐย่อย" มันคือรัฐอะไรกันแน่ ไปเข้าทางแนวคิดของใครหรือเปล่า เดวสนทนากันแทบตาย อ้าวไปหนุนให้มีรัฐอิสระแบบรัฐศรีจนาศะแล้วมันจะยุ่งตายหะ 555+
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ และอย่ามากล่าวหาว่าไม่กระจายความเจริญ ที่ไม่เจริญเท่าภาคกลางมันเพราะลักษณะทางภูมิศาสตร์ สรุปว่าถ้าจะแยก แต่ยังต้องการงบจากภาคกลางก็หยุดเถอะ เพราะมันจะยุ่งกว่าเดิมมาก เช่น ถ้ารัฐภาคกลางเห็นว่าไม่ควรส่งเงินภาษีให้รัฐเหนือ-อิสาน ความวุ่นวายคงตามมา
โดยส่วนตัวผมนะ ผมมองว่าโมเดลที่ไทยควรเดินตามคือญี่ปุ่น ซึ่งรูปแบบคือรัฐเดี่ยว แต่ว่ามีองค์กรณ์ท้องถิ่นที่คอยดูแลเรื่องหลักๆกันเองอย่างที่เจ้าของกระทู้ได้ยกมากให้ดู ที่เค้าทำได้ก็เพราะท้องส่วนภูมิภาคของญี่ปุ่นนั้นมีรายได้สูงพอจะเลี้ยงตัวเองได้ แค่นี้ก็น่าจะเห็นแล้วว่าไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบสหพันธรัฐให้วุ่นวาย ผมเดาว่าไปฟังมาแล้วดูเหมือนจะดี แต่ไม่ได้ศึกษาให้ดีก่อนว่าจริงๆแล้วสหพันธรัฐมันคืออะไร? ย้ำอีกทีนะครับ ถ้าอยากปกครองตนเองให้ได้ ก็ต้องเลี้ยงตัวเองให้ได้ก่อน ดังนั้นถ้าจะเรียกร้อง ก็ต้องเรียกร้องการส่งเสริมการกระจายความเจริญจากภาครัฐ ให้เปิดพื้นที่และโอกาสใหม่ๆ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรม การต่อยอดเพิ่มมูลค่าผลผลิตต่างๆ ฯลฯ เอาตรงนี้ให้ได้ก่อน ให้รายได้ของส่วนภูมิภาคมันไม่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอย่างทุกวันนี้ แล้วค่อยมาว่ากันเรื่องการปกครองตัวเอง
ที่ขีดเส้นใต้เอาไว้คือประเด็นสำคัญที่ควรจะเรียกร้อง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับสหพันธรัฐทั้งสิ้นเลยครับ ผมสงสัยว่าบทความที่คุณอ่าน น่าจะมาจากคนที่อยากโชว์ศัพท์แสงเท่ๆ อ่านแล้วดูเหมือนจะดี แต่แท้จริงแล้ว เนื้อหานั้นคือการกระจายอำนาจ และความเจริญทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาค ให้ท้องถิ่นได้พึ่งตนเอง ประเด็นมีแค่นี้ครับ
กรั่ก กรั่ก กรั่ก......ไล่อ่านมาตั้งสี่ห้าหน้า.....จะระบบไหนหรือวิธีไหนมันก้อดีพอๆกันนั่นแหล่ะ......ขอเพียงอย่างเดียวให้ไอ้คนที่เอาไปปฎิบัติ(นักการเมือง)......มันทำตามโดยสุจริตใจไม่ยักยอกก้อโอเค.....อย่าไปเทียบประเทศนั้นประเทศนี้เลย.....คนของเค้าหรือนักการเมืองของเค้า จิตสำนึกรับผิดชอบมันต่างกับนักการเมืองไทยอยู่หลายขุม........... . . .จัดระเบียบนักการเมืองให้มีจริยธรรมให้ได้ก่อน แล้วค่อยมาว่ากันในเรื่องระบบที่กล่าวข้างต้น
แบ่งรัฐตามประวัติศาสตร์ ไม่เอาแผนที่มั่วแบบคนบางกลุ่มนี่ รัฐไทยสยามมันไล่ตั้งแต่อุตรดิตถ์ กาญจนบุรี สงขลา ตราด นครราชสีมา แล้วเก็บภาษีบริหารกันเองในแต่ละรัฐนี่ มีบางรัฐได้อดตายกันบ้างล่ะ
ข้อมูล มหาศาล คงต้องอัญเชิญ เพลโต้ จนถึง แมคเคียวรี่ มาคุยด้วย ผมเห็นเหมือน คุณ ครับ ในทางวิศวกรรมแล้ว เรามีข้อสรุปอันหนึ่งที่เชื่อกันแล้วว่า ความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้น 99 % เป็นเพราะ human errorไม่ใช่ ระบบ
การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเลือกผู้นำเอง มันก็จะทำให้ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนั้นๆติดปีกมากกว่านะ แค่นี้ประชาชนตาดำๆก็ไม่สามารถแย้งอะไรได้แล้ว เอาง่ายๆนะที่ชลบุรีบริษัทของบ้านใหญ่ประมูลก่อสร้างได้ทุกโครงการ ไม่เห็นมีใครกล้าไปตรวจสอบเลย กลัวไข้โป้ง
คนละเรื่องเลย ระหว่างกรีซกับเยอรมัน ที่ดิฉันยกมา หมายถึง อียูโดยรวม ไม่ใช่เอาประเทศที่มีความต่างกันสุดขั้วสองประเทศมารวมกัน ถ้างั้นก็ยกตัวอย่างจีนแดงเลยเป็นไงคะ ในสมัยปฏิวัติเป็นระบบคอมมูน ยึดทรัพย์ทั้งประเทศ แล้วค่อยแบ่งไปให้จนเท่ากันเอ้ยย มีเท่ากัน แน่ใจเหรอคะ ว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของอเมริกายังอยู่ได้ปกติ ไอ้ที่ยังอยู่ได้นี่ เพราะกระบอกปืนหรือปล่าวคะ
คุณควรจะเรียบเรียงความคิด ตรรกะ เหตุผลให้เป็นรูปร่าง เป็นระเบียบหน่อยนะคะ รู้สึกว่าคุณจะสับสนอะไรมากๆ จับแพะมาชนแกะมั่วไปหมด คุณพูดเรื่องสมาพันธรัฐ ดิฉันก็ยกตัวอย่างอียู ที่รวมกันหลวม เหมือนสมาพันธรัฐแบบหลวมๆ แต่คุณกลับเข้าใจเพียงเรื่องที่คุณต้องการเข้าใจ คือ การรวมศูนย์ แถมยังยกตัวอย่างมาแค่ กรีซกับเยอรมัน แล้วยังจับเอามารวมศูนย์อีก คุณสับสนงงงันอะไรกับชีวิตหรือเปล่า คุณต้องการถกเรื่องสมาพันธรัฐ แต่กลับยกเอาแต่เรื่องรวมศูนย์มาพูดทั้งที่มันไม่ใช่
ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ กรณีระเบิดล่าสุด หลังจับคนร้ายได้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ออกมาประกาศกร้าว ไม่ยอมแพ้คนเลว กฎหมายคือกฎหมาย และสวนเปรี้ยงไปด้วยว่า “คนว่าจ้างให้ทำ โง่กว่าคนทำ”!!! อีกนัยหนึ่ง ก็คือการประกาศว่า ราชอาณาจักรไทยจะไม่มีวันพ่ายแพ้แก่ฝ่ายที่ต้องการล้มล้าง! สารส้ม คอลัมน์การเมืองแนวหน้า สถานการณ์เด๋วนี้ คือเป็นรัฐเดี่ยวโดยอำนาจคสช อนาคต เลือกตั้งหากพรรคเพื่อไทยชนะ ก็ยังคงเป็นรัฐเดี่ยว หากปฏิวัติอีก ปชป ชนะ ก็ยังคงเป็นรัฐเดี่ยว ไม่เห็นสถานการณ์ไหนจะมีวี่แววสหพันธรัฐ ได้ยินแต่พวกเสื้อแดงส่อว่าอ้างถึงสหพันธรัฐ แต่ไม่มีวี่แววว่าเสื้อแดงจะได้อำนาจอะดิ อย่างดีที่สุดก็เดินตามแม้วไปต้อยเตี้ย ใครคิดอย่างนั้นก็เดินตามเสื้อแดงต่อท้ายไปละกัน คงต้องการเยอะๆๆๆๆมากจริงๆๆอะเฮ่ย
http://www.prachatai.com/category/สหพันธรัฐ http://www.prachatai.com/journal/2014/03/52068 http://www.prachatai.com/journal/2013/02/45254 http://www.prachatai.com/journal/2014/03/52188 มีการจุดพลุ ถกกันเยอะที่ประชาไท ตั้งแต่ปีที่แล้ว ศัพท์แสงอย่างว่า.. เช่น การดูถูก ชนชายขอบ ดูดทรัพยากร ความเท่าเทียม ศักดิ์ศรี เปลี่ยนโครงสร้าง เล่นกันถึงขนาดนั้น บลา บลา บลา ไปอ่านมาแล้ว ลองทำความเข้าใจใหม่กับ "สหพันธรัฐ" และ "สมาพันธรัฐ" อีกครั้ง แล้วจะยังเข้ามาถกกันใหม่ตามหัวกระทู้มั้ย ค่อยว่ากัน ..
สถานการณ์ปัจจุบัน 15มีค. ยังมีข่าว ไม่รู้สินะ อยู่บ้านดีกว่า 1. อโศก 2. แยกราชประสงค์ 3. สยาม 4. สีลม 5. อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 6.อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย 7. สวนจตุจักร 8. ห้าแยกลาดพร้าว 9. แจ้งวัฒนะ 10. สถานทูตอเมริกา