กรุงเทพฯ 30 ม.ค.-รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีสั่งสำนักงานพระพุทธศาสนาตรวจสอบสำนักพระธรรมกายจัดเดินธุดงค์ในเมืองกระทบการสัญจรของประชาชน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาเรียกสำนักพระธรรมกายหารือกรณีจัดงานธุดงค์ธรรมชัย ระหว่างวันที่ 2-31 มกราคม เพื่อเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเรื่องจราจร เบื้องต้นทราบว่าสำนักพระธรรมกายได้แจ้งขอนุญาตกับกรุงเทพมหานครและตำรวจจราจรแล้ว แต่ตนยังไม่เห็นหนังสือ โดยให้ดูเรื่องการประพฤติปฏิบัติของสำนักพระธรรมกาย ด้านนายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า การเดินธุดงค์ในเมืองสามารถทำได้เช่นเดียวกับในป่า ไม่ว่าจะเป็นพระในเมืองหรือต่างจังหวัด โดยส่วนตัวมีความเห็นกรณีพระธรรมกายพันกว่ารูปออกมาธุดงค์ในเมือง อยากให้มองเป็นเรื่องของการมาบอกบุญกุศล มากกว่าปัญหาที่เกิดขึ้น คือจราจรติดขัด และทางทีมงานได้ประสานเจ้าหน้าที่และหน่วยงานเกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่แล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกแล้ว การร้องเรียนอาจเกิดความไม่เข้าใจเจตนารมณ์.-สำนักข่าวไทย
ออกมาวันที่ 30 มกราคม พรุ่งนี้ 31 มกราคม เดินพรุ่งนี้วันสุดท้าย 55555 ผมว่าแค่ออกมาแก้เกี้ยว คนเขาด่ากันมาหลายสิบวันแล้ว เทคแอคชั่นหน่อย
ด้านนายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า การเดินธุดงค์ในเมืองสามารถทำได้เช่นเดียวกับในป่า ไม่ว่าจะเป็นพระในเมืองหรือต่างจังหวัด โดยส่วนตัวมีความเห็นกรณีพระธรรมกายพันกว่ารูปออกมาธุดงค์ในเมือง อยากให้มองเป็นเรื่องของการมาบอกบุญกุศล มากกว่าปัญหาที่เกิดขึ้น คือจราจรติดขัด และทางทีมงานได้ประสานเจ้าหน้าที่และหน่วยงานเกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่แล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกแล้ว การร้องเรียนอาจเกิดความไม่เข้าใจเจตนารมณ์.-สำนักข่าวไทย ธุดงควัตร มี 13 อย่าง ไม่ใช่การเดินแคทวอล์ค
ธุดงควัตร 13 ประกอบด้วย 1. ถือการนุ่งห่มผ้าบังสุกุลเป็นวัตร 2. ถือการนุ่งห่มผ้าสามผืนเป็นวัตร 3. ถือการบิณฑบาตเป็นวัตร 4. ถือการบิณฑบาตไปโดยลำดับแถวเป็นวัตร 5. ถือการฉันจังหันมื้อเดียวเป็นวัตร 6. ถือการฉันในภาชนะเดียวคือฉันในบาตรเป็นวัตร 7. ถือการห้ามภัตตาหารที่เขานำมาถวายภายหลังเป็นวัตร 8. ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร 9. ถือการอยู่โคนต้นไม้เป็นวัตร 10. ถือการอยู่อัพโภกาสที่แจ้งเป็นวัตร 11. ถือการอยู่ป่าช้าเป็นวัตร 12. ถือการอยู่ในเสนาสนะตามมีตามได้เป็นวัตร 13. ถือเนสัชชิกังคธุดงค์ คือการไม่นอนเป็นวัตร การถือธุดงคบำเพ็ญได้ด้วยการสมาทานคือด้วยอฐิษฐานใจ หรือแม้นด้วยการเปล่งวาจา คุณประโยชน์ของธุดงควัตร คือ การยังชีพโดยบริสุทธิ์ มีผลเป็นสุข เป็นของไม่มีโทษ บำบัดความทุกข์ของผู้อื่นเสีย เป็นของไม่มีภัย เป็นของไม่เบียดเบียน มีแต่เจริญฝ่ายเดียว ไม่เป็นเหตุให้เสื่อม ไม่มีมารยาหลอกลวงไม่ขุ่นมัว เป็นเครื่องป้องกัน เป็นเหตุให้สำเร็จสิ่งที่ปรารถนา กำจัดเสียซึ่งศัสตราทั้งปวง มีประโยชน์ในทางสำรวมเป็นเครื่องสมควรแก่สมณะ ทำให้สงบยิ่ง เป็นเหตุให้หลุดพ้น เป็นเหตุให้สิ้นราคะ เป็นการระงับเสียซึ่งโทสะทำโมหะให้ พินาศไปเป็นการกำจัดเสีย ซึ่งมานะ เป็นการตัดเสีย ซึ่งวิตกชั่ว ทำให้ข้ามความสงสัยได้ กำจัดเสียซึ่งความเกียจคร้าน กำจัดเสีย ซึ่งความไม่ยินดีในธรรม เป็นเหตุให้มีความอดทน เป็นของชั่งไม่ได้เป็นของหาประมาณมิได้ และทำให้สิ้นทุกข์ทั้งปวง อานิสงส์ การปฏิบัติธุดงควัตร ทำให้พระป่าที่จาริกไป ตามป่าเขา พำนักตามโคนไม้ เพิงผาและ ตามถ้ำเป็นอยู่อย่างสมถะ เสียสละ ลดละอุปโภคบริโภค ทำให้จิตของท่าน เป็นอิสระพ้นจาก พันธนาการเครื่องร้อยรัดขัดขวาง สู่ความเบาสบาย สงบเอื้อต่อการเจริญสมาธิภาวนา บำเพ็ญความเพียร การท่องไป ในป่าที่ดารดาษ ไปด้วยสิงสาราสัตว์ ภัยอันตราย เป็นการฝึกจิต หลอมใจ ให้เข้มแข็ง มีสติระลึกรู้ มีบทบริกรรม พุทโธ อยู่กับสายลมหายใจ การเจริญสติ ก่อให้เกิดสมาธิ และจิตตานุภาพ พระธุดงคกรรมฐาน สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโตจะผ่านการประหารกิเลส ด้วยธุดงควัตร จิตของพระคุณเจ้า จึงมั่นคง เข้มแข็งด้วย ศีลสมาธิปัญญาศรัทธาความเพียร พระป่า สายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ผู้มอบกายถวายชีวิต ในพระพุทธศาสนา ดำเนิน เดินตามทางรอยธรรม พ่อแม่ครูอาจารย์ ธุดงคจาริกไป ตามวนาป่าเขา เพื่อผลานิสงส์ ในการเพิ่มพูน บารมีธรรมแห่งพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อมรรคผล นิพพาน เพื่อสงเคราะห์โลก แลสรรพสัตว์ เป็นเนื้อนาบุญของพระพุทธศาสนา เป็นขุนพลกล้า แห่งกองทัพธรรมพระกรรมฐาน ที่มีคุณูปการ อเนกอนันต์ ตราบนิรันดร์สมัย http://www.dhammajak.net/phrapa/13.html
เคยไปฟัง รองเจ้าอาวาสวัดนี้ บรรยายธรรม เค้าพูดเรื่อง การค้นพบหลักธรรมอะไรซักอย่างนึง บอกว่าบวชมา 40 ปี เพิ่งค้นพบ ซึ่งก็เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านนั่นแหละ ตัวเองโง่เอง บวชมา 40 ปี ตีความหมายคำสอนของพระพทธเจ้าไม่ออก
ทั้งหมดเป็นพระครับ(น่าจะ) เพียงแต่ไม่ได้ศึกษาให้ดี และไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ดังนั้นถ้าท่านเหล่านี้มีศีลบริสุทธิ์ ทำบุญกับท่านแล้วก็ยังได้บุญกว่าทำกับชาวบ้าวทั่วไป. หรือถ้าใจหมายว่าเป็นหมู่สงฆ์ ผลบุญที่ทำก็ได้มหาศาล แต่ผมก็ไม่สนับสนุนให้มาธุดงค์ในเมืองอยู่ดี
สัพเพ สัตตา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนิ กัมมะพันธุ กัมมะปะฏิสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งสิ้น เป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน เป็นผู้รับผลของกรรม เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด เป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ใครจักทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่ว จักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น สัตว์ทั้งหลายคบกันโดยธาตุ พญาช้างฉัททันต์ถูกลูกศรของนายพราน พอเห็นผ้าเหลืองพันกายนายพรานเท่านั้น ความโกรธก็หายไป ด้วยตระหนักว่า "ผ้าเหลืองคือธงชัยแห่งพระอรหันต์ บัณฑิตไม่ควรทำลาย ควรสักการะเคารพอย่างเดียวโดยแท้" จึงกล่าวเป็นคาถาว่า "ผู้ใดยังไม่หมดกิเลส ปราศจากทมะ และสัจจะ ผู้นั้น ไม่ควรจะนุ่งห่มผ้าเหลือง ส่วนผู้ใดคลายกิเลสได้แล้วตั้งมั่นอยู่ในศีลประกอบด้วยทมะและสัจจะ ผู้นั้นแล ควรนุ่งห่มผ้าเหลือง"
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประกาศแล้วนะครับว่า ปีหน้าจะตื่นขึ้นมาจัดระเบียบ...(ถ้าหลับเพลินอย่าลืมปลุกด้วยก็แล้วกัน) ยังไงอีก 11 เดือนที่เหลือของปีนี้ ถ้าวัดจานบินจะจัด ดันทุรัง เอ้ย เดินทุดดง อีก ก็ทน ๆ ไปก่อนนะจ๊ะ นะจ๊ะ
ป่าเมืองไทย มีตั้งมากมาย ไปปฏิบัติธรรมในป่าสัก 15 วันก็ได้ แต่ก็คงจะไปเดือดร้อนญาติโยมเรื่องเสบียงอาหารอีก
อยากทราบว่าที่ห่มผ้าเหลืองมาเดินอยู่นั่น ใครบวชให้อะครับ และถ้าคนบวชให้ ขาดจากความเป็นพระแล้ว(เพียงแต่ยังไม่มีใครจัดการให้เป็นจริง) คนห่มผ้าเหลืองพวกนั้น ถือว่าเป็นพระหรือปล่าว?
นี่แหละ ประเด็นสำคัญ กุ๊กไก่ เพียงแต่ว่า ที่มาเดินนั้น ไม่ได้บวชที่วัดนั้นทุกคน มีเกณฑ์ไปจากที่อื่นด้วย ถ้าที่วัดนั้นใครเป็นอุปัชฌาย์
เข้าไปในพันทิป เจอแบบนี้ เอาใมาให้ดูกัน(มู้แนะนำทั้งนั้น) http://pantip.com/topic/33177275 http://pantip.com/topic/33175829 http://pantip.com/topic/33164732 http://pantip.com/topic/33172650 http://pantip.com/topic/33179751 http://pantip.com/topic/33173927 http://pantip.com/topic/33168724 http://pantip.com/topic/33176204 มีแต่เสียงสรรเสริญกันทั้งนั้น ตามแบบฉบับของบอร์ดเสื้อแดง
กรุงเทพฯ 31 ม.ค.-ขบวนพระธุดงค์ 1,130 รูป เดินธรรมยาตราวันสุดท้าย มุ่งหน้าวัดพระธรรมกาย ทำจราจรวิกฤติหนัก รถติดเกือบตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ช่วงเช้าพระธุดงค์ 1,130 รูปจากทั่วประเทศ ในโครงการธุดงค์ธรรมชัยครั้งที่ 4 เพื่อฟื้นฟูศีลธรรมโลก เดินธรรมยาตราออกจากมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต มาตามเส้นทางถนนรังสิต-นครนายก เข้าถนนเลียบคลองสาม ธัญบุรี-คลองหลวง มุ่งหน้าถนนคลองหลวง เข้าสู่วัดพระธรรมกาย ทำให้ตลอดเส้นทางการจราจรติดขัด ระยะทางหลายกิโลเมตรนานหลายชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีรถบัส รถตู้ และรถส่วนตัวขับมาจอดริมถนน เพื่อส่งประชาชนให้ลงมานั่งรอโปรยดอกไม้ขณะพระธุดงค์เดินผ่าน ทำให้รถที่จะใช้เส้นทางจราจรออกมาจากหมู่บ้านเป็นไปด้วยความลำบาก โดยขบวนพระธุดงค์เริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เป็นวันสุดท้าย ผ่าน 7 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี นนทบุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร ถึงวัดพระธรรมกายในช่วงบ่าย ด้านโฆษกประจำสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้หารือกับพระพรหมโมลี เลขานุการผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชแล้ว โดยปีหน้าจะขอให้ทางธรรมกายจัดโครงการ “ธุดงค์ธรรมชัย” ในเส้นทางอื่นที่ไม่กระทบการจราจรในกรุงเทพฯ หลังมีประชาชนร้องเรียนปัญหาจราจรเข้ามาจำนวนมาก พร้อมย้ำงานดังกล่าวถือเป็นเรื่องบุญกุศล แต่ต้องไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน.-สำนักข่าวไทย
555 ดูเหมือนธรรมกายจะเป็นรัฐอิสระน่ะ! แต่ก็เอาเถอะใครงมงายแล้วมีความสุขก็เชิญตามสบาย เคยบอกกับญาติคนนึงว่าจ่ายเงินซื้อสวรรค์ชาติหน้า แต่เซลเมนขายบุญเค้าขึ้นสวรรค์ชาตินี้ ถ้ามีความสุขที่จะหาเงินให้คนอื่นใช้ก็ตามสบาย แต่ถ้าทำจนครอบครัวเดือดร้อนจะตกนรกชาตินี้แน่นอน
นายสมชาย สุรชาตรี ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกรณีที่นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ พศ.ตรวจสอบกรณีการจัดงานธุดงค์ธรรมชัย ระหว่างวันที่ 2-31 ม.ค.58เนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก เพราะประสบปัญหาจราจร ว่าทางพศ.ได้หารือกับทางพระผู้ใหญ่ คือพระพรหมโมลี เลขานุการผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชแล้ว ว่าหากการจัดงานของธรรมกายกีดขวางการจราจร การจัดงานในปีหน้า ซึ่งเป็นปีที่ 5 ต้องขอให้ทางมูลนิธิธุดงค์ธรรมชัยไปจัดในเส้นทางใหม่ที่ไม่กระทบต่อปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ และให้ประสานเจ้าของพื้นที่ดูแลการจราจรให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากมีพระเป็นจำนวนพันรูปเข้ามาโปรดญาติโยม แต่ต้องขอร้องให้ไปที่จราจรไม่ติดขัด.
สมัยผมบวช ไปเดินเที่ยว แล้วมีเรื่องเล่าจากป่าทุ่งใหญ่...ฝั่งตะวันตก มี ฮ.ลำหนึ่ง ตกแถว อ.ด่านช้าง เป็นข่าวเล็กๆ ไม่น่าสนใจ แต่ที่ฮือฮากัน เพราะมีพระป่ารูปหนึ่ง ไปถ่ายรูป ฮ.ที่ตก ไว้ได้ ในรูปถ่ายมีสัตว์สงวนมากมาย ตกอยู่ใกล้ๆฮ. แล้วเรื่องก้อเงียบไป แล้วก้อมีกฎหมาย ห้ามพระเดินจารึกในป่าสงวน ออกมาแต่บัดนั้น เพราะอ้างว่า ไฟใหม้ป่าเพราะพระจุดไฟ บ้างก้ออ้างสัตว์ป่าตกใจ
ลัทธิงมงายสอนให้บริจาคหมดตัวเพราะเอาไปเชื่อมโยงกับการที่พระพุทธเจ้าได้สร้างมหากุศลบริจาคทุกอย่างในชาติที่พระองค์เป็นพระมหาเวสสันดร แต่ลัทธินี้ลืมไปว่าการบริจาคนั้นแม้ถึงจะเป็นพระมหาโพธิสัตว์ก็ตามทีแต่ก็ยังไม่สามารถบริจาคแล้วไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นได้ จนเทวดายังต้องจำแลงกายมาเพื่อขอรับสิ่งบริจาคนั้นแทนเพื่อไม่ให้เกิดกรรมตกแต่พระมหาโพธิสัตว์นั้น กรรมทั้งหลายจะตกแก่เจ้าลัทธิและผู้เกี่ยวข้องรวมไปถึงผู้บริจาคด้วย อีกอย่างเมื่อคนรับบริจาคคือคนของลัทธินี้ที่ไม่ใช่พระด้วยซ้ำ บุญที่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับทำกับคนทุศีล จะไปสวรรค์ได้อย่างไร
เห็นการสนับสนุนแล้วก็รู้ว่าเป็นกลุ่มเดียวกันกับขบวนการล้มสถาบันหลัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ... ....ที่ผ่านมา พวก ทำชาติวุ่นวาย ทำศาสนาเสื่อม คัดค้าน ม.๑๑๒ ก็เป็นกลุ่มเดียวกัน
ประเด็นนั้นคดีมันไปจบที่อัยการสั่งไม่ฟ้องครับ ก็เลยกลายเป็นว่าไม่มีความผิด ปัจจุบันก็ได้รับสมณศักดิ์กลับคืนมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
ผมนับถือ พระพุทธศาสนา ตามความเชื่อของผม ซึ่งในสมัยเด็ก เคยเห็นปรากฎการณ์ ที่ผิด หรือฝืนธรรมชาติ หรือ ผิดปรกติธรรมชาติ ที่ควรจะเป็น หรือควรจะเชื่อ เงิน ทรัพย์ รถ พาหนะ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ปราสาท ข้าทาส คนรับใช้ ชื่อเสียงเกียรติยศ เมื่อมีพอแล้ว แต่ยังแสวงหาเพิ่ม เป็นจุดจูงใจ ของพญามาร คือ กิเลส ในรูปแบบต่างๆ เขาเหล่านั้น ไม่รู้ ว่าตน เป็นตัวเร่ง หรือจุดเร่ง หรือ ชะนวน ให้เกิด อาเพศต่างๆ แก่โลกนี้ ภัยธรรมชาติ เป็นต้น ดังนี้ จะสังเกตุเห็น ไม่เมื่อนี้ ก็เมื่อหน้า
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ http://www.naewna.com/politic/142618 'ท่านใหม่' ชี้ 'ธรรมกาย' ไม่ใช่พุทธ ปลุก 'สาวก' อย่าเชื่อหลงงมงาย วันจันทร์ ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558, 17.24 น. 2 ก.พ.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือพระนามลำลองว่า "ท่านใหม่" พระโอรสลำดับพระองค์ที่ 4 ในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊คส่วนตัว "Chulcherm Yugala" โดยระบุว่า วัดพระธรรมกายจัดเดินธรรมยาตราธุดงค์ธรรมชัย แล้วใช้ดอกดาวเรืองปูลาด ให้พวกอลัชชี จำนวน 1,130 รูป ธุดงค์ธรรมชัย เดินเหยียบย่ำดอกดาวเรือง ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการเหยียบย่ำองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พวกเรารักเคารพเทอดทูนไว้เหนือเกล้าฯ เราชาวพุทธชาวไทยทั้งหลาย ท่านทราบไหมครับว่า "ดอกดาวเรือง" คือดอกไม้ประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่ดอกพุทธรักษา และสมควรแล้วหรือที่จะให้พวกอลัชชี ที่โกนหัวแล้วไปซื้อผ้าเหลืองและเครื่องอัฐบริขารจากร้านขายของวัดธรรมกายมาแต่งกาย แล้วมาเดินเหยียบย่ำดอกดาวเรือง ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังนิยมนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยบูชาพระ การทำธุดงค์ธรรมชัยของธรรมกาย นอกจากสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนแล้ว ยังให้พวกอลัชชีมาทำการเหยียบยำหัวใจของพสกนิกรของพระองค์ทั้งประเทศ และในความเป็นจริงแล้ว แค่พระภิกษุสงฆ์เหยียบดอกไม้ก็ผิดแล้ว ขนาดเหยียบหญ้าก็ยังผิดเลย เหล่าภิกษุสงฆ์วัดธรรมกายทั้งหลาย พวกท่านเคยอ่านปุพสิกขาวรรณา หนังสือที่อธิบายพระวินัย 227 ข้อ ของพระไว้อย่างละเอียดมาก ถ้าภิกษุธรรมกายทั้งหลายไม่ได้อ่านปุพสิกขาวรรณาเล่มนี้ ก็เท่ากับเป็นพระภิกษุที่งี่เง่าและโง่มาก ถึงได้ละเมิดพระวินัยกัน ตื่นเถิดภิกษุ ภิกษุณี และหมู่ศิษยานุศิษย์จำนวนมหาศาล ที่ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีเจตนาบริสุทธิ์ ที่ต้องการเข้าถึงพุทธธรรม และมีที่พึ่งทางใจ ของวัดธรรมกาย ตลอดจนชาวพุทธทั้งหลาย จงมีสติสมาธิ ให้เกิดปัญญาของตัวเอง โปรดจงได้ไตร่ตรองในสิ่งที่พวกท่านกระทำอยู่ อย่าเชื่อแบบหลงงมงาย มิใช่ทางหลุดพ้น มิใช่เที่ยวหาสิ่งที่มาเป็นห่วงบรรณาการตัวเองตลอดเวลา ให้วกวนอยู่ในกิเลสตนเองมากขึ้นๆ สำหรัพระภิกษุ ภิกษุณี และชาวพุทธทั้งหลาย ผู้ถือศีลแบบผิดไม่ต่างอะไรกับการโกนหัวแล้วไปซื้อผ้าเหลืองกับเครื่องบริขารจากทางวัดธรรมกาย หรือจากร้านขายเครื่องอัฐบริขารมาแต่งกายก็เท่านั้น บุญไม่สามารถซื้อได้ไม่มีขาย แต่อยู่ที่ตัวกระทำเอง ถ้าจะนับถือลัทธิธรรมกาย ก็จงปราวณาตัวเองออกจากศาสนาพุทธเสียเถิดครับ เพราะธรรมกายไม่ใช่พุทธ
ปัญหามันอยู่ที่ว่า สังคมไทยมองพระมองนักบวช เป็นแบบไหนด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะมองพระมองนักบวชว่า เป็นสื่อกลางระหว่าง คนกับเทพเจ้าบ้าง มองพระมองนักบวชว่า เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ บ้าง มองพระมองนักบวชว่า เป็นผู้วิเศษบ้าง การมองแบบนี้ ทำให้สังคมไทยมีแต่คนที่คิด หวังพึ่ง และทำให้ พระ นักบวช ที่ให้ที่พึ่ง ให้ความหวัง ดำรงอยู่อย่างมั่นคง จนคำสอนทางพุทธศาสนาที่สอนให้พึ่งตนเองถูกลืมไปหมด เพราะมีที่พึ่งอย่าง เณรคำ ธรรมกาย และที่อื่น ๆ อีกมากมาย ที่พร้อมจำนำพาชีวิตให้ไปสู่สวรรค์เมื่อตายไป หรือนำพาชีวิตให้เจริญรุ่งเรื่อง ร่ำรวยได้ ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องเหล่านี้เสียทีเดียว เพราะเรื่องเหล่านี้มันมีมาก่อนจะมีศาสนาพุทธเสียอีก แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ส่งเสริม เพราะมันไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ มันแค่ช่วยได้ชั่วครั้งชั่วคราว เหมือนเวลาปวดฟันพอกินยาแก้ปวดมันก็หายปวด แต่พอหมดฤทธิ์ยามันก็กลับมาปวดอีก เพราะมันไม่ได้กำจัดที่เหตุ สังคมไทยมันเป็นสังคมของความ เชื่อ ไม่ใช่สังคมของ เหตุผล ไม่ว่าจะเป็นขอทานหรือเศรษฐี จบ ป 1 หรือปริญญาเอก ส่วนใหญ่จะเอาความเชื่อนำหน้าทั้งนั้น ขนาดบอกว่าตัวเองเป็นคนรุ่นใหม่ มีอิสระ คิดนอกกรอบ ไม่เชื่ออะไรที่ไร้สาระ ยังเห็นเดินตามก้นฝรั่งตาน้ำข้าวเฉยเลย ฝรั่งบอกยังไง ก็ยังงั้น มันน่าแปลกตรงที่ คนไทยชอบเชื่อคนอื่น แต่ไม่เชื่อตัวเอง
http://www.dmc.tv/tudong/article-ชาวกรุงปลื้มธุดงค์ธรรมชัย.html ปลื้มใจอยู่แล้วครับเพราะว่าเป็นกิจกรรมที่ดี เราเป็นเมืองพุทธเป็นกิจกรรมที่ทำให้เห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนาซึ่งพระ สงฆ์ก็เป็นส่วนที่สำคัญมากๆในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทั้งการที่ท่านออกมา ธุดงค์เป็นการกระตุ้นจิตเราให้นึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและศาสนาพุทธด้วย ครับ
สำนักพุทธก็คือฆราวาสที่ทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ คนของสำนักพุทธตามวัดดัง ๆ เงินเยอะ ๆ จะไปเกาะเป็นปลิงอยู่ ลาภสักการะมันเยอะ เวลามีปัญหาหรือระแคะระคายเหตุจะมาถึงบ่อเงินของตัวเองก็เลยต้องทำการปัดปัญหาทำรายงานเท็จส่งสำนักพุทธว่าตัวเองดูแลตรวจสอบแล้วไม่มีปัญหา ถามว่าใครร่วมมือ ก็เจ้าสำนักแต่ละแห่งที่ปลิงไปเกาะอยู่ แต่ถ้าวันใดผลประโยชน์มันไม่ลงตัวหารแล้วมันมีเศษ วันนั้นแหละสำนักนั้นจะโดน เห็นกันบ่อยไป
กหาปณะ มีปรากฏอยู่ในพระวินัยว่าด้วยเรื่องการลักทรัพย์ คือภิกษุจงใจลักทรัพย์ที่มีราคา 5 มาสก หรือ 1 บาทขึ้นไปต้องอาบัติสูงสุดคือปาราชิกหากมีราคาต่ำกว่านั้นก็มีความผิดลดหลั่นลงมาตามราคาทรัพย์ ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/กหาปณะ
ที่เคยเห็น ก็มีอีกพวกต่างแบบสุดขั้ว พวกเห็นแก่ตัวหรือขี้เกียจ อ้างว่าตัวเองไร้ศาสนาแต่ยังเป็นคนดีมั้ง วัฒนธรรมและศาสนาไม่มีความจำเป็นมั้ง อ้างวิทยาศาสตร์ว่าศาสนางมงายมั้ง อ้างศาสนาเสื่อมมั้ง อ้างเอาเงินไปเลี้ยงเด็กกำพร้าคนพิการมั้ง จะทำความดีต่อเมื่อโอกาสวิ่งชนเท่านั้น เท่าที่เห็นมาพวกนี้ก็เรียกได้ว่าถ้าไม่เลวก็ดีไม่สุด หรือไม่ค่อยทำชั่วแต่ก็ไม่ค่อยทำความดีเช่นกัน ประมาณดี 40 เลว 60
ถ้าจะมีอะไรที่ ทำลายล้างพวกวัดจานบินได้อย่างราบคาบ ก็คงมีแต่พวกที่คล้ายลัทธิจารวากแบบนี้ละ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2009/09/Y8341716/Y8341716.html แต่นั้นหมายถึง พวกมันจะต้องทำลายล้างทุกศาสนาให้ดับสูญไปจากประเทศนี้จนหมดสิ้น
บ้านเรามีพวกอศาสนิกอยู่ ที่เปิดเผยตัวใน FB ก็มี คุยเรื่องแนวนี้กันเป็นจริงเป็นจัง แม้กระทั่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ผมได้รู้จักพูดคุยก็เป็นคนแบบนั้น ก็สรรหาเหตุผลกันไปว่าที่เป็นอศาสนิกก็เพราะเป็นแบบนั้นแบบนี้นะ ผมไม่ได้สนับสนุนแต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน แล้วการไม่เลือกมันก็คือการเลือกอย่างหนึ่งนั่นแหละ หนังสือเก่าๆ ที่มีเนื้อหาสอนเด็กจะบอกว่า คนไม่มีศาสนาคือคนไม่ดี แต่ยุคนี้สมัยนี้ จะมีพวกอ้างศาสนาไปเบียดเบียนคนอื่น ส่วนคนไม่มีศาสนาก็คงคิดว่าตนมีวุฒิภาวะ รู้ผิดชอบชั่วดีแล้ว เลยไม่ต้องสนใจอะไรมั้ง โตแล้ว คิดเองได้ ก็ว่ากันไป แต่อย่าระรานศาสนิกก็แล้วกัน ใครเขาคิดว่าศาสนาคือยาฝิ่น โดยเฉพาะคนที่สนใจการเมือง สังคม รวมถึงคนที่คิดว่าตัวเองเป็นลิเบอรัลด้วย แต่อย่าให้ลัทธิการเมืองที่ชื่นชอบและเชิดชูเป็นยาไอซ์ก็แล้วกัน เดี๋ยวกู่ไม่กลับ