ดงเผาศาลากลาง โทษหนัก ศาลฎีกาให้ประหาร โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 16 ธ.ค. 2558 07:14 7,350 ครั้ง ดีเจต้อย-จอมบงการ แต่ลดโทษตลอดชีวิต จำเลยร่วมโดนระนาว ศาลฎีกาตัดสินประหารชีวิต “ดีเจต้อย” แกนนำเสื้อแดงกลุ่มชักธงรบอุบลราชธานี คดีเผาศาลากลางจังหวัดเมื่อปี 53 แต่ยังปรานีลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต หลังเชื่อว่าเป็นผู้บงการ ขณะที่จำเลยร่วมอีก 12 คน ส่วนใหญ่ได้รับโทษเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีพยานหลักฐานร่วมกันกระทำผิด บางรายจากถูกยกฟ้องศาลฎีกากลับคำตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต ศาลฎีกาพิพากษาประหารชีวิตแกนนำเสื้อแดงเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 ธ.ค.ศาลจังหวัดอุบลราชธานีออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่อัยการจังหวัดอุบลราชธานียื่นฟ้องจำเลย คดีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตราย ซึ่งจำเลยร่วมกันก่อเหตุวางเพลิงเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 คดีดังกล่าวมีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีจำนวน 21 คน แต่มีการยกฟ้องและไม่ติดใจยื่นฎีกา 8 คน คงเหลือจำเลยที่มาฟังคำตัดสินของศาลฎีกา 13 คน ในจำนวนนี้มีนายพิเชษฐ์ ทาบุตดา หรือดีเจต้อย หรืออาจารย์ต้อย แกนนำคนเสื้อแดงกลุ่มชักธงรบอุบลราชธานี เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วย ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษา นายวัฒนา จันทศิลป์ ทนายจำเลย เปิดเผยว่า ศาลฎีกาได้พิพากษากลับคำพิพากษาลงโทษจำเลยเป็นรายบุคคล ประกอบด้วย 1.นายพิเชษฐ์ ทาบุตดา หรือดีเจต้อย หรืออาจารย์ต้อย จากเดิมจำคุก 1 ปี ศาลฎีกาพิพากษาเป็นประหารชีวิต แต่ลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต 2.นายชัชวาลย์ ศรีจันดา ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง แต่ศาลฎีกาพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต 3.นางอรอนงค์ บรรพชาติ จากจำคุก 2 ปี เป็นจำคุก 33 ปี 4 เดือน 4.นายลิขิต สุทธิพันธ์ จากจำคุก 2 ปี เป็นจำคุก 33 ปี 4 เดือน 5.นางสุมาลี ศรีจินดา 6.นายประดิษฐ์ บุญสุข 7.นายไชยา ดีแสง 8.นายพิสิษฐ์ บุตรอำคา ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์คือจำคุก 2 ปีเช่นเดิม 9. จ.ส.อ.สมจิตร สุทธิพันธ์ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษาเป็นจำคุก 1 ปี 10.นางสาวปัทมา มูลนิล 11.นายธีรวัฒน์ สัจสุวรรณ 12.นายสนอง เกตุสุวรรณ์ และ 13.นายสมศักดิ์ ประสานทรัพย์ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จำคุก 33 ปี 12 เดือน ศาลฎีกาพิพากษาลดให้เหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน โดยลดโทษให้คนละ 8 เดือน นายวัฒนากล่าวอีกว่า ในการอ่านคำพิพากษาลงโทษจำเลยในครั้งนี้ บางรายที่เคยถูกยกฟ้อง หรือได้รับโทษไม่มาก กลับมารับโทษเพิ่มขึ้น เนื่องจากศาลฎีกาเชื่อตามพยานหลักฐานและคำเบิกความของพยานว่า ทุกคนมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด โดยเฉพาะนายพิเชษฐ์ ทาบุตดา หรือดีเจต้อย ศาลเชื่อว่าเป็นผู้บงการให้มีการเผาศาลากลางจังหวัดตามที่อัยการยื่นฟ้องจริง ทั้งนี้ ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว ทางเรือนจำกลางอุบลราชธานีจะมารับตัวจำเลยทั้งหมดไปคุมขังตามคำพิพากษาต่อไป มีเพียง จ.ส.อ.สมจิตร สุทธิพันธ์ ที่จะได้รับการปล่อยตัว เพราะถูกคุมขังมาเกินกว่าโทษที่ศาลได้ตัดสินแล้ว
แกนนำ นปช.เยี่ยม ‘ดีเจต้อย’ และพวก ร่วมร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา โดย ไทยรัฐออนไลน์ 18 ธ.ค. 2558 13:10 7,501 ครั้ง แกนนำ นปช. ‘ณัฐวุฒิ-นพ.เหวง-ธิดา’ นั่งเครื่องบินจาก กทม.ไปเยี่ยมดีเจต้อย และพวกที่รับโทษคดีเผาศาลากลาง จ.อุบลฯ อยู่ในเรือนจำจังหวัด บอกเคารพคำตัดสินของศาล ร่วมร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา ยืนยันยังเป็นแสงดาวแห่งประชาธิปไตย... เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ธ.ค.58 ที่เรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มแกนนำ นปช. ประกอบด้วย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรี รมช.พาณิชย์ และอดีตรมช.เกษตรฯ นางสาวธิดา ถาวรเศรษฐ นายแพทย์เหวง โตจิราการ พร้อมด้วยนายสมบัติ รัตโน อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.อุบลราชธานี และนางผาสุข ทาบุตดา ภรรยานายพิเชษฐ์ ทาบุตดา เดินทางเข้าเยี่ยมผู้ต้องขัง คดีเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ภายในแดน 3 และแดนขังหญิง รวม 12 คน โดยมีนายไพรัช ดีบุปผา เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดอุบลราชธานี และนายวัฒนา จันทศิลป์ ทนายความ มาคอยอำนวยความสะดวก และจัดห้องทนายไว้ให้เยี่ยม ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงพากันออกมา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า พวกตนมาเยี่ยมพี่น้องที่ต้องขังในคดีเผาศาลากลางอุบลราชธานีด้วยความห่วงใย และมาให้กำลังใจหลังถูกพิพากษา ซึ่งก็ไม่เห็นบ่อยนัก ที่ศาลชั้นต้นตัดสินเบา แล้วศาลฎีกาพิพากษาหนัก แต่พวกตนก็เคารพคำพิพากษาของศาล และไม่คิดว่าคำพิพากษาครั้งนี้จะเป็นบรรทัดฐาน กับคดีเผาศาลากลางที่จังหวัดอื่นๆ เพราะเป็นกระบวนการยุติธรรม และเป็นกรณีไป สำหรับการพูดคุยกับทุกคน ยังมีกำลังใจดีอยู่ และยอมรับในคำตัดสินของศาล โดย นายพิเชษฐ์ ทาบุตดา หรืออาจารย์ต้อย กังวลกับธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ที่เพิ่งก่อตั้งในชื่อ ชักธงรบ เป็นผลิตภัณฑ์ประเภทสบู่ แชมพู เพิ่งเปิดตลาดได้ไม่นาน ก็มาต้องโทษ ทางพวกตนรับปากจะนำไปประชาสัมพันธ์สานต่อการตลาดให้ เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ไปเป็นทุนในการช่วยเหลือกันต่อไป นอกจากนี้นายพิเชษฐ์ ยังมีความกังวลในการที่จะต้องถูกส่งตัวไปที่เรือนจำคลองไผ่ ซึ่งได้หาแนวทางช่วยเหลือ และให้ทนายทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษเป็นกรณีๆ ไป "แนวทาง นปช.จะยึดหลักสันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรง จากนี้จะพยายามไปเยี่ยมพี่น้องที่ต้องขังทุกคน เพื่อแสดงออกว่าหัวใจเรายังอยู่ด้วยกัน เหมือนพี่เหมือนน้อง ชะตากรรมของพี่น้องต้องห่วงใยกัน และก่อนออกมาจากห้องเยี่ยมทุกคนได้ร่วมกันร้องเพลงแสงดาวแห่งศรัทธา เพื่อยืนยันว่าทุกคนยังเป็นแสงดาวแห่งประชาธิปไตย" นายณัฐวุฒิกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังให้สัมภาษณ์ นายณัฐวุฒิ และคณะได้ร่วมถ่ายภาพพูดคุยกับญาติ ผู้ต้องขัง และผู้มาต้อนรับ ก่อนเดินทางออกจากเรือนจำฯ รอขึ้นเครื่องบินกลับโดยสายการบินนกแอร์ เที่ยวบิน DD 9315 ออกจากสนามบินนานาชาติอุบลราชธานี เวลา 12.45 น. ถึงสนามบินดอนเมืองเวลา 13.45 น.
"ซึ่งก็ไม่เห็นบ่อยนัก ที่ศาลชั้นต้นตัดสินเบา แล้วศาลฎีกาพิพากษาหนัก" "มีไม่บ่อยนัก คนเผาติดคุก คนสั่งได้เป็นอำมาตย์"