ใครเข้าใจเรื่องขี้ของทัวร์จีน ช่วยอธิบายหน่อย

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย เผด็จการที่รัก, 25 Feb 2015

  1. เผด็จการที่รัก

    เผด็จการที่รัก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,076
    ลองดูคลิปนี้แล้วอธิบายหน่อยนะฮะ ว่าราดส้วมให้สะอาดๆทำไมทำกันไม่ได้?

    (ผมเป็นมิตรกับจีนนะ แต่ไม่เข้าใจวัฒนธรรมเรื่องเข้าส้วมจริงๆ)

     
  2. Octavarium

    Octavarium อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    831
    อ.เฉลิมชัยน่าจะมองว่ามันเป็นศิลปะแล้วไปขอบคุณนักท่องเที่ยวจีนนะครับที่อุตส่าห์มาสร้างสรรค์ให้ท่านได้ชมเป็นบุญตา
    ทีเรื่องโค่นไม้ใหญ่ให้ญี่ปุ่นมาเจาะรูเล่นท่านยังมองว่าเป็นสุดยอดงานศิลปะเลยแถมด่าคนอื่นว่าตาไม่ถึงเสียด้วย
     
  3. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
  4. Solid Snake

    Solid Snake อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    26 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,225
    พวกที่ขี้นอกส้วม ขี้ลงอ่างน้ำใช้ล้างส้วม ราดส้วมให้สะอาดคงไม่ได้ผลกระมังครับ เพราะมันดันขี้นอกส้วม
     
  5. อาวุโสโอเค

    อาวุโสโอเค อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,527
    ได้ยินมาว่าเมื่อตอนจีนในสมัยตอนท้าย ๆ เหมาเจ๋อตุง คนไทยเชื้อสายจีนไปเยี่ยมญาติที่เมืองจีน

    กลับมาจะบ่นเสมอว่าห้องน้ำเมืองจีนสกปรกมากเพราะช่วงนั้นคนจีนยากจนซึ่งช่วงนั้น

    วัฒนธรรมของคนจีนถูกทำลายไปส่วนใหญ่ถูกทำลายไป

    ทศวรรษแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรม 1966-1976[แก้]
    ต้นทศวรรษ 1960 ฐานะของเหมาในพรรคคอมมิวนิสต์ถูกลดบทบาทลง เขาจึงได้เริ่มรุกกลับในปี 1962 เพื่อ “ปกป้องพรรค” จากในสิ่งที่เขาเชื่อว่าการคืบคลานเข้ามาของทุนนิยม และการต่อต้านสังคมนิยมกำลังเป็นภัยต่อประเทศ ในฐานะนักปฏิวัติที่ผ่านร้อนผ่านหนาวจากสถานการณ์อันเลวร้าย เหมาเชื่อว่าระบบการให้รางวัลแก่ชาวนาตามแนวทางปรับปรุงและฟื้นฟูของเติ้ง เป็นวิธีการฉ้อราษฏร์บังหลวงและเป็นการต่อต้านการปฏิวัติ

    การต่อสู่ทางความคิดในพรรคนำไปสู่การกวาดล้างพวกที่ถูกเรียกว่า “ฝักใฝ่ทุนนิยม” หรือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับแนวความคิดสุดโด่งของเหมา ซึ่งมีตัวแทนคือ หลิวซ่าวฉี กับเติ้งเสี่ยวผิงเหมากล่าวว่า “ขณะนี้ เพียงมีเนื้อหมูสามกิโลกับบุหรี่ไม่กี่ซอง ก็สามารถทำให้คนขายอุดมการณ์ได้แล้ว จึงมีเพียงการศึกษาแนวทางลัทธิสังคมนิยมเท่านั้น ที่จะยับยั้งลัทธิแก้ได้”

    โดยต่อมาการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นไปอย่างแพร่หลาย ผู้นำสังคมในยุคนั้นปลูกฝังประชาชนให้ให้ยึดมั่นอย่างเคร่งครัด ใครไม่ปฏิบัติตามจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง โดยมีหน่วยงานสนับสนุนที่สำคัญ คือ พวกกองทัพพิทักษ์แดง (เรดการ์ด—Red Guard) หรือก็คือเยาวชนที่ผลิตโดยคอมมูนการเลี้ยงดูนั่นเอง
     
  6. อาวุโสโอเค

    อาวุโสโอเค อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,527
    กลียุคแห่งการปฏิวัติ[แก้]
    ปี 1966 คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ได้ตัดสินใจแนวทางการปฏิวัติวัฒนธรรม หลังจากที่เหมาเข้าควบคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จในพรรคได้อีกครั้ง โดยมีผู้สนับสนุนสำคัญคือ หลินเปียว เจียงชิง (ภรรยาคนที่สี่ของเหมา) และเฉินป๋อต๋า การปฏิวัติมีจุดมุ่งหมายเพื่อ “โค่นล้มพวกลัทธิทุนนิยม และวิพากษ์ศิลปวัฒนธรรมที่แบ่งแยกชนชั้น” โดยการปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปศิลปวัฒนธรรม และปฏิรูปทุกอย่างที่ขัดกับแนวทางลัทธิสังคมนิยม

    ผลของการปฏิวัติวัฒนธรรม คือ สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่แสดงถึงวัฒนธรรมของจีนต้องถูกทำลาย เช่น หนังสือ วัดวาอาราม รูปปั้น งานศิลปะต่าง ๆ และทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจกันระหว่างครอบครัว เพื่อนบ้าน เพราะไม่สามารถรู้ได้ว่าใครจะเป็นผู้แจ้งให้ทางการรู้เกี่ยวกับละเมิดกฎ

    วันที่ 18 สิงหาคม 1966 เหมาเจ๋อตงกับหลิวเปียวได้ปรากฏตัวที่ จตุรัสเทียนอันเหมิน พบกับพวกหงเว่ยปิงหรือเรดการ์ด ที่ทยอยมาจากทั่วประเทศจำนวนรวมสิบกว่าล้านคน หลังจากนั้น ทั่วประเทศจีนก็เข้าสู่กลียุค เมื่อพวกเรดการ์ดกระจายไปทั่วสารทิศแจกใบปลิว ติดโปสเตอร์ ป้ายคำขวัญ ตั้งเวทีอภิปราย บางส่วนก็บุกเข้าไปในวัดโบสถ์ พิพิธภัณฑ์สถาน ทำลายวัตถุโบราณ เผางานศิลปะ งานประพันธ์ ตอนหลังก็มีการบุกค้นบ้าน โดยเฉพาะพวกผู้ดีเก่า ปัญญาชน ศิลปินหัวอนุรักษนิยม จะถูกจับแห่ประจาน ทรมาน ตอนหลังแม้แต่พระสงฆ์ แม่ชีและนักบวชก็ไม่เว้น พวกที่มีญาติอยู่ต่างประเทศก็โดนข้อหา “มีความสัมพันธ์กับต่างประเทศ” หลายคนทนรับเหตุการณ์ไม่ได้ก็ฆ่าตัวตาย

    ในส่วนของผู้นำในพรรคคอมมิวนิสต์เองก็ใช่ว่าจะได้รับการยกเว้น เติ้งเสี่ยวผิง กับหลิวซ่าวฉี (ตอนหลังตายในที่คุมขัง) ถูกปลด เผิงเต๋อหวาย กับเฮ่อหลง ถูกทรมานจนเสียชีวิต วันที่ 22 สิงหาคม เหมาประกาศ “ห้ามตำรวจขัดขวางความเคลื่อนไหวของนักศึกษาปฏิวัติ” ในช่วงเวลาดังกล่าวเรียกว่า “แดงสยอง” เฉพาะในปักกิ่ง มีคนถูกฆ่าตายถึง 1700 คน และทั่วประเทศมีคนฆ่าตัวตายถึง 2 แสนคน วันที่ 5 กันยายน ทางพรรคคอมมิวนิสต์ประกาศสนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับนักศึกษาและอาจารย์ที่จะเข้ามาเคลื่อนไหวในปักกิ่ง วันที่ 9 ตุลาคม หลินเปียวกล่าวหาเติ้งเสี่ยวผิงกับหลิวซ่าวฉีเป็นตัวแทนของทุนนิยม

    อวสานของหลินเปียว 1969-1971[แก้]
    ปี 1969 ในที่ประชุมสมัชชาพรรคครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 1 เมษายน หลิวเปียว ถือว่าเป็นผู้ที่อยู่ในอำนาจสูงสุดต่อจากเหมา ในขณะที่หลิวซ่าวฉีถูกโค่น และโจวเอินไหลถูกลดบทบาทลง ในที่ประชุมสมัชชา หลินเปียวกล่าวสดุดีเหมาด้วยคติพจน์เหมา และสนับสนุนการใช้กองกำลังอาวุธ ประณามหลิวซ่าวฉีเป็นพวกต่อต้านการปฏิวัต แก้ไขธรรมนูญพรรค ให้ตนเองเป็นผู้สืบทอดอำนาจของเหมาในอนาคต หลังจากนั้น ชื่อของหลิวเปียวกับเหมาเจ๋อตงมักจะปรากฏคู่กันเสมอในที่ต่าง ๆ ในการคัดเลือกผู้นำพรรคใหม่ในครั้งได้ ได้คัดเลือกเหมาเจ๋อตง หลิวเปียว เฉินป๋อต๋า โจวเอินไหล คังเซิน เป็นสมาชิกถาวรคณะกรรมการกลางพรรค สี่ในห้าเป็นการได้ตำแหน่งด้วยผลพวงของการปฏิวัติวัฒนธรรม ขณะที่โจวเอินไหลเป็นเพียงคงสถานะตนเอง

    หลังจากได้รับการยืนยันที่จะได้รับเป็นผู้สืบทอดของเหมา หลิวเปียวจึงขอฟื้นฟูตำแหน่งประธานประเทศขึ้นมาใหม่ หลังจากที่เหมาได้ยกเลิกไป โดยหลินเปียวมุ่งหวังที่จะเข้ารับรองประธาน โดยมีเหมาเจ๋อตงเป็นประธาน

    วันที่ 23 สิงหาคม 1970 การประชุมเต็มคณะครั้งที่สองของสมัชชาพรรคครั้งที่ 9 ได้จัดขึ้นที่หลูซานอีกครั้งหนึ่ง เฉินป๋อต๋า เป็นคนแรกที่ขึ้นกล่าวในที่ประชุม เขาได้กล่าวยกย่องสดุดีเหมาเสียเลิศเลอและตามด้วยการขอฟื้นตำแหน่งประธานประเทศขึ้นมาใหม่ เหมารู้ถึงเบื้องลึกของเฉิน จากนั้นไม่นานเฉินก็ถูกปลดออกจากคณะกรรมการกลางของพรรค และเรื่องนี้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ทั่วประเทศ และเฉินก็กลายเป็นพวกตัวแทนของหลิวซ่าวฉี ซึ่งเป็นมาร์กซิสจอมปลอมและพวกปลิ้นปล้อนทางการเมือง

    การปลดเฉินออกถือเป็นสัญญาณเตือนหลินเปียว แต่หลิวเปียวก็ไม่หยุดที่เรียกร้องให้แต่งตั้งตำแหน่งประธานประเทศ ทางรัฐบาลกลางได้ชี้ให้เหมาเห็นถึงความทะเยอทะยานของหลิวเปียวที่จะขจัดเหมาออกจากอำนาจ การขอเป็นรองประธานก็เพื่อให้เขามีความชอบธรรมที่จะได้ขึ้นเป็นประธานเมื่อเหมาถึงแก่อสัญกรรม

    เมื่อแผนการล้มเหลว หลินเปียวจึงคิดจะยึดอำนาจด้วยการใช้กำลัง เนื่องจากอำนาจในพรรคของเขานับว่ายิ่งน้อยลง ๆ หลินเปียวได้ร่วมกับลูกชาย หลินลิกั่ว และคนสนิทใกล้ชิดก่อการในเซี่ยงไฮ้ โดยวางแผนใช้กองทัพอากาศทิ้งระเบิดปูพรม เมื่อยึดอำนาจสำเร็จก็จัดการจับกุมพวกฝ่ายตรงข้ามและเขาก็ก้าวสู่อำนาจสูงสุด ดังที่เขาได้กล่าวในเอกสารชื่อ “อู่ชิยี่กงเฉินจี้ย่าว” ไว้ว่า “การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจครั้งใหม่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเราไม่สามารถยึดอำนาจการนำปฏิวัติสำเร็จ อำนาจก็จะตกไปอยู่ในมือของคนอื่น”

    เมื่อการยึดอำนาจไม่สำเร็จ ข่าวลือเกี่ยวกับการลอบสังหารเหมาเกิดขึ้นมาไม่ขาดระยะ ลือกันตั้งแต่เหมาถูกฆ่าบนขบวนรถไฟในปักกิ่ง การบุกเข้าไปลอบสังหารถึงที่พัก โดยคนใกล้ชิดของหลินเปียว หลังวันที่ 11 กันยายน หลินเปียวก็ไม่เคยปรากฏให้เห็นในที่สาธารณะอีก ในขณะที่ผู้ใกล้ชิดของหลินเปียวที่หนีไปทางฮ่องกงถูกจับกุมทั้งหมด วันที่ 13 หลินเปียวขึ้นเครื่องบินเตรียมหนีไปโซเวียต แต่เครื่องบินไปตกในมองโกเลียใน ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ในวันเดียวกันทางปักกิ่งเรียกประชุมด่วนเกี่ยวกับเรื่องของหลินเปียว จนถึงวันที่ 14 กันยายน ข่าวหลินเปียวเสียชีวิตจากเครื่องบินตกจึงทราบถึงทางปักกิ่ง ในวันที่ 1 ตุลาคม ทางการจีนประกาศงดจัดฉลองวันชาติที่จตุรัสเทียนอันเหมิน

    แก๊งสี่คน 1971-1976[แก้]
    หลังการเสียชีวิตของหลินเปียว เหมายังมองไม่เห็นผู้สืบทอดอำนาจ จึงได้ย้ายหวางหงเหวิน จากเซี่ยงไฮ้มาปักกิ่งในเดือนกันยายน 1972 และได้เป็นคณะกรรมการกลางของพรรคในอันดับสองรองจากโจวเอินไหล เหมือนหมายมั่นจะให้เป็นผู้สืบทอด ในขณะเดียวกันเติ้งเสี่ยวผิง ก็ได้กลับคืนสู่อำนาจอีกครั้งภายในความช่วยเหลือของโจวเอินไหล จากผลกระทบในการแย่งชิงอำนาจของหลินเปียว ทำให้เหมาไม่อาจที่จะไม่พึ่งพาโจวเอินไหลกับเติ้งเสี่ยวผิง แต่เหมาก็ไม่คิดจะถ่ายโอนอำนาจให้เติ้ง แต่ถ้าเทียบกำลังอำนาจ “ฝ่ายซ้ายจัด” ของฝ่ายตนแล้ว เหมาก็ยังไม่ค่อยชอบ “ฝ่ายขวา” ของเติ้งนัก

    กรกฎาคม 1973 เหมาวิพากษ์ว่าทั้งกั๊วหมิงต่างกับหลินเปียวล้วนแต่เป็นพวกฝักใฝ่ลัทธิขงจื้อ มกราคม 1974 เจียงชิงพร้อมพวกซึ่งเป็นพวกฝักใฝ่เหมาเจ๋อตงที่แท้จริง ก็เริ่มเคลื่อนไหว “วิพากษ์หลินวิจารณ์ข่ง” โดยมีเป้าหมายอยู่ที่โจวเอินไหล เนื่องจากโจวเป็นคู่แข่งคนสำคัญทางการเมืองหลังจากหลินเปียวเสียชีวิต แต่ความเคลื่อนไหวนี้ก็ไม่ได้รับความสนใจมากนัก

    ตุลาคม 1974 โจวเอินไหลป่วยหนักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ภารกิจทั้งหมดจึงมอบหมายให้เติ้ง ในฐานะรองนายกฯเป็นคนรับผิดชอบแทน เติ้งดำเนินตามนโยบาย “สี่ทันสมัย” ของโจวเอินไหล (สี่ทันสมัยคือ ความทันสมัยด้านเกษตร ด้านอุตสาหกรรม ด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ และด้านการทหาร) กันยายน 1975 เหมาล้มป่วยเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอีกคน

    สิ้นสุดการปฏิวัติวัฒนธรรม ปี 1976[แก้]
    เป็นปีที่สำคัญสำหรับการปฏิวัติวัฒนธรรม วันที่ 8 มกราคม โจวเอินไหลเสียชีวิตด้วยโรงมะเร็ง ในวันต่อมาประชาชนต่างหลั่งไหลในที่อนุเสาวรีย์วีรชนเพื่อไว้อาลัยแก่โจวเอินไหล วันที่ 15 เป็นวันจัดงานศพของโจวเอินไหล เติ้งเสี่ยวผิงเป็นผู้กล่าวไว้อาลัยอย่างเป็นทางการ

    กุมภาพันธ์ กลุ่มแก๊งสี่คนออกมาโจมตีเติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งเป็นคู่แข่งที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวอีกครั้ง โดยได้รับไฟเขียวจากเหมา เติ้งถูกลดอำนาจอีกครั้ง แต่เหมาก็ไม่ได้แต่งตั้งใครจากกลุ่มสี่คนเข้ารับตำแหน่งแทน แต่หันไปแต่งตั้งหัวกั๊วเฟิงแทน วันที่ 4 เมษายน วันชิงเม้ง ตามประเพณีจีน ประชาชนประมาณสองล้านคนรวมตัวกันที่จตุรัสเทียนอันเหมินเพื่อรำลึกโจวเอินไหล ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มสนับสนุนเติ้งเสี่ยวผิง และโจมตีแก๊งสี่คนปรากฏภายในจตุรัส เอกสารต่อต้านกลุ่มสี่กลุ่มเผยแพร่ออกมาจำนวนมาก กลุ่มแก๊งสี่คนจึงสั่งให้ตำรวจเข้าไปสลายการชุมนุม แก๊งสี่คนโจมตีเติ้งเสี่ยวผิงเป็นผู้วางแผนอยู่เบื้องหลังสำหรับการชุมนุมครั้งนี้ เติ้งถูกปลดออกจากทุกตำแหน่งทางการเมือง และแต่งตั้งหัวกั๊วเฟิงเป็นรองนายกฯ อันดับหนึ่งแทน

    กันยายน 1976 เหมาถึงแก่อสัญกรรม แก๊งสี่คนเห็นหัวกั๊วเฟิงไม่ยอมเชื่อฟังพวกเขาจึงเตรียมที่จะล้มหัว แต่วันที่ 6 ตุลาคม หัวกั๊วเฟิงภายใต้การสนับสนุนของกองทัพก็ชิงลงมือก่อน โดยส่งตำรวจเข้าจับกุมสมาชิกแก๊งสี่คนทั้งหมด การปฏิวัติวัฒนธรรมจึงปิดฉากลงอย่างสมบูรณ์

    การสิ้นสุดของการปฏิวัติทางวัฒนธรรม[แก้]
    การเสียชีวิตของ เหมาเจ๋อตง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ในขณะนั้น มีผลต่อการล่มสลายของการปฏิวัติทางวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก ผู้สืบอำนาจต่อมา คือ เติ้งเสี่ยวผิง นั้นได้ผ่อนคลายกฎลง ทำให้สภาวการณ์คลี่คลาย โดยเฉพาะเมื่อมีการจับกุมกลุ่มผู้นำการปฏิวัติ ทำให้การปฏิวัติทางวัฒนธรรมสิ้นสุดลง

    ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/การปฏิวัติทางวัฒนธรรม
     
  7. hillton(ปาล์มาลี)

    hillton(ปาล์มาลี) อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    19 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    7,195
    มันอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่า ทำไมก่อนหน้านี้ ห้องน้ำในเมืองจีนถึงไม่มีประตู เพื่อไว้จะได้ดูได้ว่าใครขี้อย่างไง
     
  8. Gop

    Gop อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    24 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    361
    ผมก็งงกับพฤติกรรมแบบนี้เหมือนกัน เท่าที่ทราบ การขับถ่ายเรี่ยราดมักพบตามชนบท ผมสันนิษฐานว่า คนพวกนี้ขับถ่ายกันแบบไม่ใช้ห้องน้ำเป็นหลัก คือตามป่า ตามพุ่มไม้ พอเจอห้องน้ำ ก็ทำแบบเดิมๆ ตามความเคยชิน
     
  9. อาวุโสโอเค

    อาวุโสโอเค อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,527
    ตอนนี้ทัวร์จีนได้รับการประสานงานจากผู้เกี่ยวข้องแล้วครับ ได้ข่าวว่าสถานการณ์ดีขึ้น
    นทท.จีนยังแน่นวัดร่องขุ่นหลังโดนแบน ออกกฎเหล็กถ้าลูกทัวร์ทำห้องน้ำเลอะ ไกด์ต้องทำความสะอาด
    วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 08:00:00 น.

    เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวที่วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย ยังคงมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าเที่ยวชมกันอย่างคับคั่ง ภายหลังจากที่อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้ก่อสร้างวัดร่องขุ่นได้สั่งแบนนักท่องเที่ยวจีน ในช่วงเช้าวันที่ 3 ก.พ.58 ที่ผ่านมาเป็นเวลาครึ่งวัน หลังจากเมื่อวันที่ 2 ก.พ. มีนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนรายหนึ่งได้ทิ้งกระดาษชำระที่ใช้แล้วลงไปในถังน้ำสำหรับชักโครกอย่างจงใจ ทั้งนี้นักท่องเที่ยวหญิงจีนคนดังกล่าวยังคงปฎิเสธที่จะทำความสะอาด ถึงแม้จะได้รับการขอร้องจากทางเจ้าหน้าที่วัด นอกจากนี้ยังมีการขับถ่ายไว้โดยรอบโถสุขภัณฑ์ ทำให้ทางวัดร่องขุ่นได้ขึ้นป้ายงดรับนักท่องเที่ยวจากจีนในวันรุ่งขึ้นทันที และก็ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวจากจีนเข้าชมได้ในเวลาเที่ยงวันต่อมา หลังจากนั้น ทางวัดร่องขุ่นออกกฎใหม่ โดยเรียกหัวหน้าทัวร์คณะจากจีนมาเข้าพบ และแจ้งว่า หากลูกทัวร์ใช้ห้องน้ำของทางวัดอย่างไม่เหมาะสม ไกด์ต้องรับผิดชอบโดยการทำความสะอาดห้องน้ำให้แทน

    14234956121423495782l.jpg
    ทางลูกศิษย์ของอาจารย์เฉลิมชัยระบุว่า ในวันที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นช่วงเย็นของวันที่ 2 ซึ่งวัดใกล้จะปิดแล้วแต่ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ยังคงเดินเที่ยวชมอยู่ภายในวัด ซึ่งอาจารย์เฉลิมชัย ก็ได้เป็นห่วงนักท่องเที่ยวว่าจะไม่มีห้องน้ำใช้ จึงได้สั่งให้เปิดห้องน้ำเอาไว้ก่อนอย่าเพิ่งปิด

    จากนั้นก็ได้มีนักท่องเที่ยวจีนรายหนึ่งเข้าไปใช้ห้องน้ำ แล้วออกมา ซึ่งขณะนั้นเองก็ได้มีหญิงอีกรายเดินเข้าไปใช้ต่อและพบว่ามีการถ่ายเอาไว้รอบโถสุขภัณฑ์ และทิ้งกระดาษชำระลงไปที่บริเวณถังน้ำสำหรับชักโครก หญิงดังกล่าวจึงได้มาแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ และอาจารย์เฉลิมชัยก็ได้เข้ามาดูเอง จึงเกิดอาการหงุดหงิดมาก พร้อมกับจะเข้าไปล้างทำความสะอาดเองแต่ทางลูกศิษย์ได้ห้ามเอาไว้และทำความสะอาดเอง

    ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่ใช่การกระทำครั้งแรกของนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยอาจารย์เฉลิมชัยได้สั่งให้ทำป้ายงดรับนักท่องเที่ยวจากจีนทันที โดยให้ตั้งไว้ที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าวัด ในวันรุ่งขึ้น ก็มีนักท่องเที่ยวจากจีนเป็นจำนวนมากเดินทางมาแต่ก็ไม่สามารถเข้าชมได้

    แต่ในเวลาต่อมาทางอาจารย์เฉลิมชัย รู้สึกเห็นใจนักท่องเที่ยวที่อยากจะมาชมวัดร่องขุ่น จึงได้สั่งให้นำป้ายดังกล่าวออก โดยได้เชิญไกด์ที่ดูแลนักท่องเที่ยวชาวจีนมาพูดคุยถึงกฏระเบียบต่างๆ ในการเข้าชมภายในวัด รวมถึงการรักษาความสะอาด

    14234956121423495791l.jpg
    ด้านนายสุเมธ แซ่หย่าง ไกด์จากบริษัทอาเหลียงทัวร์ ซึ่งนำนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวชมที่วัดร่องขุ่นกล่าวว่า หลังจากที่ได้ทราบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนได้ก่อเหตุขึ้นภายในวัดร่องขุ่น ก็ได้แนะนำลูกทัวร์ถึงการปฏิบัติตนภายในวัด พร้อมกับการรักษาความสะอาดของการใช้ห้องน้ำ นอกจากนี้ก็ต้องคอยดูแลลูกทัวร์ตลอดเวลาที่เที่ยวชมภายในวัด ซึ่งทางลูกทัวร์จากจีนก็เข้าใจถึงสาเหตุที่ต้องมีการควบคุมดูแลดังกล่าว เพราะทางประเทศจีนเองก็ได้มีการประณามการกระทำที่เกิดขึ้นด้วย
     
    Familie และ -3- ถูกใจ.
  10. หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม

    หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    24 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,645
    ก็เหมือนเวลาเราไปเที่ยวบ้านเค้า ก็มีบ้าง ที่เราก็ลืมตัว ทำอย่างที่เคยทำที่บ้านเรา เค้าก็จะรู้สึกไม่ยินดี
    เราจึงต้องมีสำนวนสุภาษิตมาสอนเตือนใจเราเสมอว่า "เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม"
    สงสัยว่า ลูกทัวร์ชาวจีน คงไม่มีสุภาษิตเหมือนบ้านเรา หรืออย่างไร
     
    แสงธูป, อู๋ คาลบี้, -3- และอีก 1 คน ถูกใจ.
  11. Surawong

    Surawong อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    22 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,544
    ฟังที่ อ เฉลิมชัย แกพูดแล้ว มันน่าจะเป็น เจตนา นะ คือเจตนาที่จะทำอย่างนั้นแหละ คงไม่ใช่ความเคยชินหรอก เพราะถ้าเป็นความเคยชินอย่างนั้น ประเทศที่มีประชากรเป็นพันล้าน จะอยู่กันยังไง

    เคยฟังมัคคุเทศน์ไทยให้สัมภาษณ์เรื่องทัวร์จีน รู้สึกว่ามันจะมีการหลอกลวงกันเยอะจากบริษัททัวร์ เขาใช้คำว่า ทัวร์ 0 เหรียญ หรืออะไรเนี่ยะ พฤติกรรมคือเก็บค่าทัวร์ถูกมาก แต่พอมาถึงไทยแล้วปล่อยลอยแพ หรือให้ไกด์ทางประเทศไทยเรียกเก็บเงินเพิ่มไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าที่พัก พฤติกรรมแบบนี้อาจทำให้นักท่องเที่ยวบางคนไม่พอใจแล้วไปปล่อยไว้ในส้วม เจตนาจะให้มันเสื่อมเสีย หรือระบายความไม่พอใจนั่นแหละ แต่ส้วมนี่มันเป็นส้วมที่ใช้ร่วมกัน ถ้าคนแรกไปทำสกปรกเลอะเทอะไว้ คนต่อ ๆ มาคงไม่มีใครไปล้างทำความสะอาดหรอก มีแต่จะไปเพิ่มความเลอะเทอะหนักเข้าไปอีก เหตุมันน่าจะเกิดจากคนไม่กี่คน คนหลัง ๆ อาจไม่มีเจตนา แต่มันอั้นไม่อยู่ ส้วมมันก็เลยกลายเป็นแค่ที่บังตาคนเท่านั้น จะปล่อยตรงไหนก็เลือกเอาที่ว่าง ๆ ในส้วมนั่นแหละเพราะมันไม่ใช่ส้วมบ้านเรา มันก็เลยเลอะเทอะกันไปใหญ่

    การเก็บค่าทัวร์ราคาถูกมากก็อาจเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกทัวร์เป็นคนมากหน้าหลายตา มีทั้งนิสัยดีและนิสัยไม่ดี เมื่อมาเจอบริษัททัวร์เบี้ยวอีก พวกนิสัยไม่ดีก็แสดงนิสัยออกมา จนคนดี ๆ พลอยเหม็นไปด้วยนั่นแหละ
     
  12. Redbuffalo010

    Redbuffalo010 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    3 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    6,457
    น่าจะยังงั้นครับ เพราะเดี๋ยวนี้บริษัททัวร์เค้าแข่งเรื่องราคากัน ถูกมากแบบไม่น่าเชื่อ
    แต่มาถึงไทย ก็พาไปเดินซื้อของตามห้าง ร้านเพชร ฟาร์มงู จระเข้ เสือ โปรแกรมเที่ยวแทบไม่มี
     
  13. Tad

    Tad อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    16 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,773
    มันหลายเรื่องครับสำหรับ นทท จีน หลายครั้งที่ผมต้องมีเหตุให้ได้พักโรงแรมเดียวกันกับ นทท จีน ทั้งเรื่องกิน ทั้งเสียงดังโครมครามในห้อง ไม่เกรงใจใครเลย ตรงข้ามกับ ญี่ปุ่นแบบคนละทางเลย แล้วเดี๋ยวนี้ นทท จีน เขาพัก โรงแรมระดับดีๆด้วยนะ อย่าคิดว่าท่านจะหนีพ้น
     
    Apichai likes this.
  14. Gop

    Gop อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    24 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    361
    ผมรู้จักคนที่เคยอยู่ในพื้นที่ชนบทของเมืองจีน ที่เค้าเจอห้องน้ำในห้องน้ำสาธารณะก็คล้ายๆแบบนี้เลยครับ น่าแปลกมากๆ พื้นเรี่ยราดไปด้วยของเสีย คนล้างห้องน้ำใช้วิธีฉีดน้ำลัางพื้นเอา คิดแล้วหยะแหยง
     
    หนูอ้อย likes this.
  15. Apichai

    Apichai อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    13 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,042
    ผมเข้าใจว่า ที่เมืองจีน ห้องส้วม จะไม่มีชักโครก
    เป็นแค่ห้องยาว แล้วกั้นเป็นช่อง ๆ
    ด้านใน มี คู รับของเสีย ไหลลงไปในถัง ที่อยู่ด้านนอก
    ถ้าราดทำความสะอาด ของเสียก็จะไหลผ่านห้องอื่น ก่อนจะไปถึงถัง
    เนื่องจากน้ำมีจำกัด จึงไม่ได้ราดทุกครั้ง
    คนใช้ห้องน้ำ จึง ต้องหาพื้นที่วาง ที่พอจะนั่่งได้ เพื่อขับถ่าย
    คนจีน เลยติดนิสัย การถ่ายลงบนพื้น
     
  16. หนูอ้อย

    หนูอ้อย อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    23 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    12,778
    เรื่องอึไม่ทราบ เวลาไปเที่ยวปักกิ่งเมื่อปีที่แล้วห้องน้ำที่แวะปล่อยทุกข์ก็สะอาดเสียส่วนใหญ่ (เฉพาะปักกิ่งนะ ชนบทอาจยังไม่สะอาด?) จริงๆเรื่องห้องน้ำมันบริหารจัดการได้ถ้าคิดว่าจะแก้โจทย์ตรงนั้น ก็แค่วางตัวแม่บ้านแล้วล้างให้สะอาดทั้งวัน ที่ผ่านมาลือเลื่องว่าห้องน้ำจีนสกปรกเพราะไม่ concern มากกว่า

    แต่เรื่องรับประทาน ครูสอนภาษาจีนเล่าว่าวัฒนธรรมพวกเค้าต้องเคี้ยวดังๆให้เกิดเสียงแจ๊บๆแสดงว่าอาหารอร่อย
    แล้วเวลาเดินสวนกันต้องทักเสียงดังๆเพื่อแสดงว่าเป็นกันเอง เรียกว่าเสียงชาวจีนต้องนำไปก่อนเห็นตัว เกินชาติใดๆ ไม่มีการเหนียม ถ้าขรึมๆเดี๋ยวหาว่าหยิ่ง ไรแบบนั้น
     
    แสงธูป, อู๋ คาลบี้, Familie และอีก 1 คน ถูกใจ.

Share This Page