เวทีวิชาการ “อีสานใหม่” ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉายภาพความทุกข์ระทมแสนสาหัสของชาวบ้าน ซึ่งถูกกดทับจากอำนาจปืนโดยไม่มีสิทธิบ่ายเบี่ยง-ต่อรอง หรือร้องขอใดๆ สามชาย ศรีสันต์ สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “ที่ผ่านมาคนอีสานถูกมองว่าใสซื่อ มีวัฒนธรรมที่เย้ายวน ในละครก็เป็นได้แค่คนรับใช้ เมื่อคนอีสานเริ่มแสดงบทบาททางการเมืองขึ้นเรื่อยๆ คนชั้นกลางก็เริ่มกระอักกระอ่วน ยิ่งคนอีสานเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นศัตรูเบอร์หนึ่งของคนชั้นนำในกรุงเทพฯ ด้วยแล้ว ยิ่งไม่อยากเปิดพื้นที่ทางการเมืองให้ จึงไม่ต้องแปลกใจที่หลังเกิดรัฐประหาร พื้นที่อีสานจึงถูกจัดการเป็นลำดับแรก” http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/รายงานพิเศษ/354874/กฎอัยการศึก-กดทับ-อีสาน-ชาวบ้านสุดระทม
อลงกรณ์ อรรคแสง วิทยาลัยการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม “การที่พวกคุณสนับสนุนรัฐบาลทหาร ผลที่ตามมามันกดทับพวกเรา” นักรัฐศาสตร์รายนี้ระบุ
ตอนที่ชาวนาทุกข์ระทม ไม่ได้เงินค่าข้าวจนฆ่าตัวตายไปหลายศพ ไอ้พวกจัญไรใน ทำ-มะ-สาด เหล่านี้เคยจัดเวที วิชาเกิน ถกถึงชีวิตชาวนาสักครั้งบ้างมั๊ย
เคยคิดไหมว่า พรรคการเมืองที่อยากมีอำนาจ ต้องอาศัยฐานเสียงจากภาคอีสาน เพื่อก้าวขึ้นสู่อำนาจ เป็นมาชั่วนาตาปี แต่ทำไมคนภาคนี้บางส่วนยังยากจน ใครกันแน่ที่เหยียบหัวคนอีสาน รัฐประหารหรือประชาธิปไตย
ไม่ใช่แค่บางส่วนหรอกครับ ผมว่าส่วนใหญ่เลยล่ะ ที่ยังยากจน ไม่งั้นคนอีสานคงไม่ออกจากบ้านเกิด ไปหางานทำที่ภาคอื่น
วาทกรรมคนชั้นนำอีกแล้ว ชนชั้นนำแปลว่าอะไร ร่านหรือแดงตัวไหนตอบได้บ้าง แต่ที่ตอบกันไม่ได้ไม่ใช่อะไรนะ ประเด็นคือยังหานิยามที่ไม่รวมเอาทักกี้กับพวกเข้าไปด้วยไม่ได้น่ะ
คนอีสานที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ก็ขยันครับ แต่ที่เขายังยากจนน่าจะมาจาก(ส่วนน้อยที่ขี้เกียจไม่เกี่ยว) ***เขาซื่อ เลยมักโดนนายทุนเอาเปรียบทั้งค่าแรง และราคาผลผลิต ***สภาพพื้นที่ไม่เอื้ออำนวย น้ำไม่มากเกินก็น้อยเกิน(โดนนายทุนโค่นป่าซะเป็นเขาหัวโล้นเต็มไปหมด) ***ให้ความสำคัญกับการอ่าน การศึกษาน้อย ทำให้ขาดโอกาสพัฒนาตัวเอง
บ้านเราไม่ได้บ้าชนชั้นแบบอินเดีย ชนชั้นล่างก็อัพตัวเองเป็นชนชั้นกลางได้ ชนชั้นอีลิทหลายตระกูลก็เริ่มต้นจากไม่มีอะไร ที่ผ่านมา นักวิชาการเลือกที่จะบ้าชนชั้นเพื่อเล่นการเมือง (??)
คนอีสานเป็นได้แค่คนใช้ เอาส้นตีนอะไรคิด นางงาม นางสาวไทย นายแบบ มาจากอีสานเยอะแยะ เขาได้รับบทนางเอก พระเอก หรือบทคนใช้ มึงจะให้หน้าตาอย่างตุ๊กกี้เป็นนางเอกหนังหรือว่ะ หรือมีใครจ้าง ณเดช ไปรับบทคนใช้บ้าง ข้ออ้างเพื่อแบ่งแยก ให้คนอีสานดูตกต่ำ มันมีไว้ใช้หลอกคนที่คิดตื้นๆ ได้แค่นั้นแหละ
สุดระทม ... เพราะ ...ถูกใช้ชื่อเป็นเครื่องมือ เพราะ ... 15 ล้านเสียง เพราะ... เวรกรรม เยี่ยงกระพรวน ที่ผูกไว้แล้ว กับล้อเกวียน หรือเยี่ยง คันไถ ที่คล้องไว้ บน ค. ควาย สุดระทม ทุกครั้ง เมื่อ ควายเหลียวหลังย้อนดู ความเป็นทาส เป็นเครื่องมือ แม้แต่ชื่อ ยังตีตรา หลงผิด คิดจนตัวตาย ดังคำโบราณ ว่า ต่อให้อีก 200 ปี 15 ล้านเสียง ก็ยังตามมาหลอกหลอนท่าน ทุกค่ำคืน ถูกหยิบยกมาอ้างอยู่ร่ำไป
ส.ส. ที่นั่งในสภา ก็คนอีสานหลายคน ไม่ได้กีดกันภาคใดภาคหนึ่ง มีแต่พวกบ้าชนชั้นที่สร้างวาทกรรมเหยียดเพื่อแบ่งแยก
ผมสังเกตุดูพวกที่ชอบสร้างวาทกรรมแบ่งแยกคนไทยมีแค่ 2 พวกใหญ่ๆ ****นักการเมือง ****พวกแนวคิดสุดโต่ง ไม่ว่าพวกซ้ายจัดหรือขวาจัด คนธรรมดาทั่วไป ไม่มีใครอยากให้คนไทยเกลียดกันหรอกครับ
ทำไมฟระ คนพวกนี้ มันถึงจ้องจะ แบ่งคนอีสาน กับคนกรุงเทพฯ จริง ๆ เลย ผมว่า พวกทำให้แตกแยกตัวจริง ก็คนพวกนี้ล่ะ เอ้า พูดกันตามตรง มีคนไหน ในบอร์ดนี้บ้าง ที่ไม่มี ปฏิสัมพันธ์ กับคนอีสานเลย พี่แมสเซนเจอร์ ที่สนิทกัน ก็คนอีสาน (แต่เลือก ปชป) แม่บ้าน ที่ตึก ก็คนอีสาน ยาม ก็คนอีสาน เออ ถ้าเค้าเห็นเป็นศัตรูกัน เค้าไม่เป็นเพื่อนกันหรอก มีแต่พวกเองงง นั่นแหละ ยุแหย่ เค้าตลอด ๆ ทำตัวให้คนอื่นชื่นชม ว่ามีแต่พวกเองงง เท่านั้น ที่เข้าใจเค้า " ดัดจริต " ไม่อยากด่าคำนี้ แต่มันไม่มีคำไหน เหมาะกว่านี้แล้ว คนมีความรู้ เค้าใช้ความรู้ตัวเอง มาสร้าง กำแพง กั้นระหว่างคนอื่น กันเหรอฟระ แล้วอย่าพูด คำว่า คนกรุงเทพฯ ชั้นนำ ตรูนี่ ชั้นล่างสุด ชั้นใต้ดินเลย ไม่ใช่ ชั้นนำแน่ แต่ยืนยันฟร่ะ ว่าเกลียด เพื่อไทย ยิ่งกว่าอะไรเลย เพราะอะไร รู้เปล่า เพราะพรรคมันเหมือนพวกเองงง อะ เอาดีเข้าตัว เอาชั่วใส่ชาวบ้าน คนเค้ารักกันดี ๆ มาพูดชูตัวเอง ด่าคนอื่น ทำให้เค้ามองหน้ากันไม่ติด แล้วที่ตรู ด่าคนที่เลือก เพื่อไทย ว่าโง่ นั่นเพราะ เค้าไปหลงเชื่อ นโยบายขายฝัน ทำประเทศชาติวิบัติ อย่างตอนนี้ ตรูถามว่า ถ้าไม่โง่ จะไปเลือก พวกเองงง ไหม ตรูแค่พูดความจริง ไม่ได้เกลียด กันนะว้อยยยย ถ้าเค้าตาสว่าง เห็นว่า เพื่อไทย นี่น่ะ มันก็แค่ แหล่งทำเงิน ตระกูลชิน เมื่อไหร่ วันนั้น ตรู จะกราบงาม ๆ แล้วก็บอกว่า พวกคุณ ฉลาดที่สุด แล้วก็รักกันอย่างปกติ ยังไงคนไทยด้วยกัน ไม่รักกัน ให้ไปรักสุนัข ที่ไหนฟระ ถ้า นักวิชาการ อย่างพวกเองงง ยิ่งมีน้อยเท่าไหร่ ตรูว่า ความสุข ประเทศไทย มันก็มากขึ้นเท่านั้นล่ะ คิดเอาเองแล้วกัน ว่าคนอย่างพวกเองงง สมควรเกิดมาหรือเปล่า
แยกชนชั้นในสังคมไทยยังมีหรือ แยกรวยแยกจนยิ่งมโนมากไป เดียวนี้ระบบทุนนิยมมันฝั่งรากลงในทุกชนชั้นไปหมดแล้ว ทุกคนต่างถีบตัว อยากมี อยากได้ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าภาคไหน อีสาน ใต้ ออก ตก ภาครัฐมีหน้าที่แบ่งรายได้ ลงไปพัฒนาภาคส่วนที่ก่อประโยชน์สูงสุดตามลำดับ ไม่ควรมีแบ่งแยก เหมื่อนสมัยทักษิณที่ว่า จังหว้ดไหนไม่เลือกเรา จะไม่พัฒนา และนำมากระทำจริง กับการล้มการจัดงานของนายปอด http://www.thairath.co.th/content/349550 นี้ต่างหาก การกดทับ และแบ่งชนชั้น ชนชั้นที่เป็น พวกกูพวกมึง และนี้มันไม่เลวร้ายไปกว่าที่กล่าวอยู่เหรอ
พ่อนี่คงเป็นศิษย์เอกของท่านนิธิแห่งมหาวิทยาลัยหลังเขา ช่างสรรหาประดิษฐ์ถ้อยคำมาเป็นยาพิษหยอดสังคมไทย อ่านแล้วเหมือนอ่านบทวิเคราะห์สังคมไทยของท่านนิธิ คืออ่านแล้วกลับไพล่ไปคิดถึงสภาพสังคมของเกาะไหหลำ
บ้ารึเปล่าว สังคมที่สมบูณณ์ต้องประกอบด้วยคนหลายชนชั้น เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน แบ่งหน้าที่กัน เคลื่อนสังคม มีปัญหา ความอยุติธรรม เอาเปรียบกันต้องไปแก้ไขที่ระบบให้ยุติธรรม และอยู่ร่วมกันได้ ไม่ใช่มาแบ่งพวก กรูชนชั้นล่าง ไอ้นั่นชนชั้นกลาง ชนชั้นของกรูต้องได้เปรียบกว่าชนชั้นอื่น ชนชั้นอื่น ที่ไม่ใช่พวกต้องโดนเหยียบ ไอ้สังคมที่แบ่งแยกแบบนั้น คงวุ่นวายหาความสงบสุขไม่ได้แน่ อย่าพูดถึงความเจริญก้าวหน้าเลย ไม่มีทาง พวกร่านนี่มีปัญหาที่ระบบความคิดนะ เริ่มตั้งแต่พ่อ นิธิ เลย เด็กอย่างกรูมองปราดเดียวก็รู้ล่ะ ปัญหามันอยู่ไหน แต่พ่อศาสดาจารย์ ยังหมกหมุ่นอยู่กับทฤษฎีของตนเอง แล้วนั่งงง ทำไมไม่เป็นแบบนั้นแบบนี้ว่ะ
ไอ้นิถิ ชานวืด กะเสียดเสนียด นี่มันช่างแพร่เชื้อจัญไรไปสู่สาวกของมันจริง ๆ นอกจากประดิษฐ์วาทกรรมหลอกสาวกควาย ๆ ของพวกมันเองแล้ว ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้สังคมเลย พวกนี้มีหัวไว้กั้นหู หายใจให้เปลืองอากาศไปวัน ๆ เท่านั้น
ในเมื่อมหาลัยฯต่างๆ ยังชอบเลี้ยงอาจารย์ที่มีแนวคิดเพี้ยนๆ ชอบออกมาให้ความเห็นที่ไม่สร้างสรรค์ มีแต่แนวคิดทำลายชาติ มากกว่าสร้างชาติ โดยอ้างว่าเป็นเสรีภาพ ผมว่ามันเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะเวลาเขาพูด สถานะของอาจารย์มันติดตัวมาด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่อันตรายต่ออนาคตประเทศ ผมว่าน่าจะมีมาตรการสักอย่างที่ สามารถคัดเอาคนเหล่านี้ออกไป ถ้ามหาลัยฯไม่ทำก็ต้องมีหน่วยงานอื่น เข้าไปทำหน้าที่แทน เพื่อตัดปัญหา อิ...อิ....ผมเผด็จการมากไปไหมเนี๊ยะ แต่บอกตรงๆว่ารำคาญอาจารย์พวกนี้มากๆ
ผมไม่รู้ว่าในต่างประเทศ มีการยึดคุณวุฒิพวก ศจ. รศ. คืนในกรณีที่ ไอ้พวกวิชาเกินเหล่านี้ไปทำผิดกฏหมาย หรือบิดเบือนทางวิชาการ (ในฐานะเป็นผู้ประสิทธิประสาทวิชาคิดว่าเรื่องนี้ร้ายแรงนะ-เพราะถือเป็นจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ) แต่ประเทศไทยควรตั้ง สภาวิชาชีพ ที่ไม่ใช่สภาวิชาชีพปัญญาอ่อนแบบสภานักหนังสือพิมพ์ ที่พอแค่ มติชินลาออกก็ไม่มีปัญญาทำห่าไรได้แล้ว แต่ต้องเป็นสภาวิชาชีพแบบ สภาทนายความ คือ ถ้าอยากลาออกก็หมายถึงออกจากอาชีพนั้นไปเลย
ในประเทศทีมีเสรีภาพ ไม่มีการดำเนินการครับอะไรแบบนั้นครับ นักวิชาการที่ด่าอเมริกาเองก็เยอะแยะ แต่ก็เป็นธรรมดาของโลกนะครับ ด่ารัฐบาลมากๆ ขัดกับแนวคิดหลักที่ประชาชนนิยมชมชอบ ความเจริญก็จะไม่มี แม้สิ่งที่เค้าคิดอาจจะถูกต้องกว่าก็ได้ นักวิชาการพวกนี้มักไม่ได้รับการสนใจ ก็เหมือนพวก อ. นิติราษฎ์ หรือ ม. เที่ยงคืน ที่นักวิชาการไทยส่วนใหญ่ไม่ยอมรับนั่นล่ะ แต่พวกเค้าก็ไม่ยักจะพยายามให้คนต้องมาเชื่อ จนยอมรับเรื่องเหี้ยๆ ทุกอย่างแบบพวก อ. ร่านแดก ของไทย และไม่ได้มีอิทธิพลต่อแนวคิดโดยรวมของประชาชนอเมริกาเท่าไหร่ด้วย คือ มันไม่ได้มีลักษณะเป็นลัทธิแบบที่เกิดขึ้นในไทย ในไทยที่มันเป็นปัญหาแรง น่าจะเป็นความอึดอัดคับค้องใจที่สะสมมานาน จากปัญหาสังคมที่หมักหมม รวมกับความความไม่พอใจและขัดแย้งทางความคิดเป็นวงกว้าง จากกรณีทักษิณ ทำให้แนวคิดของพวกร่าน ได้รับความสนใจขึ้นมา ต่อยอดด้วยนักการเมืองเอาผลประโยชน์เข้ามาจับ และทำการสนับสนุน โฆษณาชวนเชื่อด้วยเงินทุนมหาศาลจากพวกชั่วทั้งในและนอกประเทศ คนไทยหลอกง่ายด้วย เพราะปัญหาระบบการศึกษาที่หมักหมมมานาน และกรอบความคิดแบบอนุรักษ์นิบมโลกสวยที่เราเป็นกันมานานนับ ทศวรรษ (ย้อนแย้งดี เพราะอนุรักษ์นิยมโลกสวยเลยต้องเชื่อมั่นในประชาธิปไตยเพราะมันก้าวหน้า) ส่วนประเทศแนวๆ อย่างจีน รัสเซีย หรือกลุ่มประเทศอิสลาม อาจารย์มหาลัยดูเหมือนจะถูกควบคุมครับ มีเสรีภาพมากบ้างน้อยบ้างตามแต่ล่ะประเทศ อย่าง จีน สอนเรื่องประชาธิปไตยได้ แต่ต้องแนวๆ ไม่มีทางดีกว่าของจีน ทุนนิยมดีมีประโยชน์แต่ต้องมีการควบคุมตามหลักสังคมนิยมฯลฯ หากออกนอกแนวหรือสนับสนุน แนวคิดตะวันตกแบบออกนอกหน้า เชิญออกสถานเดียว หรือเพื่อนบ้านเรา มาเลย์ ก็ออกแนว 112 ของไทยล่ะครับ วิจารณ์อิสลามได้ แต่ถ้าลบหลู่ ดูหมิ่นหรือพยายามต่อต้านล้มล้างเรื่องแนวคิดศาสนา โดนเชิญออกเหมือนกัน ดีไม่ดีโดนลงโทษด้วย ของไทยนี่ใจดีโครตๆ เลยครับหากเทียบกับพวกนั้น แซะเจ้า ยังนั่งกันหน้าสลอน สอนหนังสือกันได้ตามปกติ
http://www.prachatai.com/journal/2015/03/58493 ปํญหาที่พวกคุณๆเอามาพูดกัน เป็นปัญหามาจากรัฐบาลเลือกตั้งทั้งนั้น ทำไมตอนนั้นไม่ใช้ประชาธิปไตยแก้กันละพ่อ มัวเอาแต่ประชานิยมกันอยู่หรือไง พอช่วงนี้เขาต้องการความสงบเพื่อการปฏิรูป ดันเอามาตีฆ้องร้องป่าวเจ็บปวดรวดร้าว
ส่วนเรื่องนักวิชาการ ที่เป็นอาจารย์ พวกนี้ไม่ใช่จุดหมาย นะครับ ที่ว่า ออกมาต่อสู้ด้วย ตนเอง ให้ความเห็น สุดกู่ เราจะมองว่าเขาต่อสู้ ไม่ใช่เลยครับ จุดมุ่งหมายที่แท้จริง ของคนเหล่านี้ คือการแพร่ความเชื่อ และที่ร้ายกว่านั้น คือการปลูกฝังแนวความคิดครับ อันตรายมาก เช่น บอกสอน ทุกวัน วันละ 1-2 ช.ม ให้นักศึกษา รักษาสิทธิ และเสรีภาพของตนเอง แต่ไม่เคนสอน ว่าตนเองใช้สิทธิ เสรีภาพ นั้นแล้ว มันจะไปกระทบ กับสิทธิ เสรีภาพของผู้อื่น หรือไม่ ก็มีข่าวหลายข่าว ที่ถ่ายรูปประท้วง เอามือ ปิดหน้า ปิดปาก ตัวเอง ก็มี ที่บางอย่างเขาไม่ให้ใช้ สิทธิ เพราะมันไปกระทบ บุคคลอื่น เช่น แก้ผ้า กลางถนน พวกนี้ ก็จะต่อสู้ว่า สิทธิ และเสรีภาพ ร่างกายของตน แต่ไม่คำนึงถึง กฏหมาย หรือ คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ ของบุคคลอื่น ที่กำลังทานข้าวอยู่ก็มี หรือคนเป็นโรคหัวใจ เป็นต้น
พวกนักวิชาการอันตรายเหล่านี้ น่าจับไปอยู่สิงคโปร์ (ผมเอาความเห็นจากข่าวที่นายกพูดถึงฐาปนีย์ มาลงทดแทนนะครับ เพราะกรณีคล้ายๆกัน)
ความผิดปกติของสังคมไทยคือ ให้ไอ้พวกนักวิชาเกินพวกนี้มีพื้นที่สื่ออยู่เรื่อย ๆ เพราะเหตุผลเดียวครับ นักวิชาการดี ๆ ทั้งหมด (ย้ำว่าทั้งหมด) เขาไม่เอากับไอ้แม้วทั้งนั้น เวลาสื่อของไอ้แม้วอยากจะโหนคำพูดวิชาการอะไร เลยต้องโหนของไอ้พวกนี้แทนไงครับ ไอ้พวกนักวิชาเกินพวกนี้ก็เป็นประเภท ด๊อกจบนอกโลกลืม ชนิดที่ว่านอกจากยี่ห้อจบนอกมาแล้ว ก็ไม่เคยสร้างผลงานอะไรทางวิชาการแม้แต่เรื่องเดียว สอนหนังสือก็เท่านั้น จบไปนักเรียนก็ลืม อยากจะดังมันก็เลยต้องโหนไอ้แม้วในการโชว์วิชาเกินของมันนี่แหละ ภาวะของไอ้แม้วในตอนนี้มันเลยโดนไอ้พวกเกาะเป็นปลิงควาย สลัดยังไงก็ไม่หลุด ขนาดไล่แล้วก็ยังไม่ไปแบบนี้ไงครับ บอกไปแล้วว่ามันเป็นกรรมของไอ้แม้ว อยากชนะจนไม่เลือกวิธีการ ไปโหนทฤษฎีหลุดโลกของไอ้พวกนี้ จนป่านนี้มันเลยกลับบ้านไม่ได้ซักที
นักวิชาการพวกนี้ พวกร่านๆ ที่จริงมีแค่ไม่กี่คนล่ะฮะ ส่วนมากมักอยู่สำนักท่าพระจันทร์ จุดร่วมคือ บูชาปรีดี แซะเจ้าเป็นอาจิณ วันใดไม่ได้แซะ นอนไม่ได้ ชอบใช้วาทกรรมชนชั้น บอกว่า นี่นะ นี่เป็นศึกระหว่างคนรุ่นเก่า(หมายถึงชาว กปปส) กับคนรุ่นใหม่(ชาวร่าน) เสียบบัตรแทนกัน โกงข้าว ออกนโยบายบ้าๆเช่นรถคันแรก ค่าแรงสามร้อย เงียบกริบ สิทธิมนุษยชนรัวๆ พิซซ่า เก้าอี้ นอกจากนี้ยังผลิตศิษย์รุ่นใหม่ออกมาซึ่งพวกนี้นั้นมักร้อนวิชา ก็ไปเป็นไอดอลในเฟส ในทวิต แก่คนที่ไม่เคยรู้เรื่องการเมืองอะไรเลย พอเห็นมันแหวกแนว ท้าทาย นี่มันท้าทายเจ้า ก็พากันเป็นพวกด้วย นี่แหละน่ากลัวมากสำหรับสังคมไทยในอนาคต... วันที่หลักฐานเชิงประจักษ์เกี่ยวกับสถาบันฯ จะล้มหายตายจากกันไป และคนรุ่นใหม่ที่ถูกเสี้ยมและไม่เคยเห็นของจริง ก็จะบอกว่าสิ่งที่ตัวเองเชื่อนั้นจริง สิ่งที่เป็นมาจริงๆนั้นลวง การอั
