“โพลมาร์ค” เผย ปชช.พอใจผลงานรัฐบาลด้านรักษาความสงบ-ปราบโกง แต่ไม่ปลื้มงานด้านเศรษฐกิจกับปฏิรูป "โปลิศวอตช์" โวย กก.ปฏิรูปตำรวจรวบรัดสรุป จี้รับฟังความเห็น ปชช.ก่อน สะพัด "ดร.ซุป-เจ้าสัว" ติดโผ กก.ยุทธศาสตร์ชาติ ขณะที่ กสม.ดิ้นสู้ยื่นสนช.ขอตั้ง กมธ.ร่วม "วัส" แฉกลับผู้มีอำนาจไม่พอใจกสม.บางคนจึงล้มกระดานสรรหาใหม่ มีคนรอเสียบอยู่ เมื่อวันอังคาร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20-21 ส.ค.นี้ ตนได้ทำแบบสำรวจแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และรัฐบาล บนแอปพลิเคชันไลน์ @Mark_Abhisit โดยตั้ง 2 หัวข้อหลัก คือ 1.ความพึงพอใจต่อผลงาน คสช.และรัฐบาล และ 2.ความไม่พอใจต่อผลงาน คสช.และรัฐบาล ผลปรากฏว่ามีประชาชนร่วมโหวตจำนวน 1,132 คน มีความพึงพอใจผลงานด้านความสงบเรียบร้อยและการปราบปรามการทุจริตเป็นหลัก "ขณะที่ผลงานด้านเศรษฐกิจและการปฏิรูปดูจะเป็นที่ไม่พอใจ และมีหลายคนที่สะท้อนความคิดเห็นเพิ่มเติมเข้ามา โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของระบบราชการและข้าราชการ โดยผมจะพยายามจะสะท้อนความคิดเห็นเหล่านี้ให้ผู้เกี่ยวข้องทราบต่อไป" นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับผลการสำรวจ พบว่า ประชาชนร้อยละ 60.7 พอใจในผลงานด้านความสงบเรียบร้อย, ร้อยละ 26.2 พอใจในผลงานด้านการปราบปรามการทุจริต, ร้อยละ 8.7 เห็นว่าไม่มีความเห็น, ร้อยละ 4.2 พอใจด้านการปฏิรูป และร้อยละ 0.2 พอใจในผลงานด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ความคิดเห็นไม่พอใจต่อผลงาน คสช.และรัฐบาล พบว่า ร้อยละ 37.3 ไม่พอใจผลงานด้านเศรษฐกิจมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 30.9 ไม่พอใจด้านการปฏิรูป, ร้อยละ 23.4 ไม่มีความคิดเห็น, ร้อยละ 7.2 ไม่พอใจด้านการปราบปรามการทุจริต และร้อยละ 1.2 ไม่พอใจด้านความสงบเรียบร้อย ขณะที่เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) หรือ Police Watch ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก่อนการสรุปแนวทางปฏิรูป และต้องปฏิรูปให้สอดคล้องกับหลักและมาตรฐานสากล หลังจากที่โฆษกคณะกรรมการได้แถลงผลการพิจารณาแต่ละด้านที่ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นการสรุปแนวทางปฏิรูปตำรวจที่จะดำเนินการ ได้สร้างความผิดหวังให้กับประชาชนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่ได้เป็นการปฏิรูปในเชิงโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ รวมทั้งแก้ปัญหางานสอบสวนที่แท้จริง ยังคงเป็นแนวทางที่วนเวียนอยู่ดังเดิม ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนที่คาดหวังเป็นการรวบรัดสรุปแนวทางการปฏิรูป อีกทั้งยังขัดกับคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ให้มีการรับฟังความเห็นทุกกลุ่มด้วย "ในการเปิดรับฟังความเห็นซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ และครั้งต่อไปขอให้คณะกรรมการฯ ได้รับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนอย่างรอบด้านก่อน แล้วค่อยนำมาสรุปเป็นแนวทางการดำเนินการในแต่ละด้าน และหากแนวทางการปฏิรูปตำรวจไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญและหลักสากล ตลอดจนเสียงเรียกร้องต้องการของประชาชนอย่างแท้จริงแล้ว ก็ต้องมีคำตอบหรือคำอธิบายที่สมเหตุผลให้สาธารณชนได้เข้าใจอย่างชัดแจ้งด้วย" แถลงการณ์ระบุ ดร.ซุปติดโผ กก.ยุทธศาสตร์ ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ตาม พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ ว่า ปลายเดือน ส.ค.ต้องได้รายชื่อแล้ว โดยกรรมการ 17 คนที่ต้องแต่งตั้งเพิ่มเติมจากที่เป็นกรรมการยุทธศาสตร์โดยตำแหน่ง โดยจะหยิบรายชื่อมาจากคณะกรรมการปฏิรูปประเทศบางส่วน เพราะการปฏิรูปต้องเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ และส่งรายชื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยังคงเป็นผู้รวบรวมรายชื่อเหมือนเดิม ซึ่งจะมีความหลากหลาย สำหรับตนในฐานะเลขานุการ ป.ย.ป.ช่วยรวบรวมในระดับหนึ่ง โดยมาจากคณะกรรมการ ป.ย.ป.หลายคน รวมถึงคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ป.ย.ป. ผู้สื่อข่าวถามถึงที่มีการวิพากษ์วิจารณ์คณะกรรมการปฏิรูประเทศทั้ง 11 ด้าน ไม่มีความหลากหลาย เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ และไม่มีตัวแทนพรรคการเมือง นายสุวิทย์กล่าวว่า ยังสามารถแต่งตั้งเพิ่มเติมได้อีก เป็นการแต่งตั้งตามเดดไลน์ไปก่อน ยังมีคนมีคุณภาพอีกเยอะ และอย่าลืมว่านายกฯ ต้องการให้การปฏิรูปขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้ รวมถึงการปฏิรูปอาจจะมีการขยายไปด้านอื่นๆ ได้อีก อย่างเรื่องของการปฏิรูปอาจจะมีเศรษฐกิจมหภาค เศรษฐกิจไมโคร แต่ตอนนี้ถือเป็นการเติมเชื้อก่อน เราไม่เริ่มจากศูนย์ โดยจะมาจากอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ (สปท.) และอดีตสมาชิกปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) อยู่แล้ว ไม่ใช่เริ่มโดยมาจาก ก.หรือ ข.ใหม่หมด และสามารถเติมเต็มได้อยู่อีกเรื่อยๆ อย่าลืมว่ายังสามารถขยายเรื่องการปฏิรูปได้อีกเรื่อยๆ อยู่ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ตนยังไม่ได้ส่งให้นายกรัฐมนตรีไปพิจารณา มีรายงานว่า ในส่วนของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ อาทิ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO), นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย, นายกานต์ ตระกูลฮุน อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี, นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ และกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) นายวัส ติงสมิตร ประธาน กสม. แถลงมติ กสม. กรณี สนช.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กสม.ว่า ตนได้รับร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อช่วงเช้าวันนี้ และมีการนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม กสม. โดยยังไม่สามารถพิจารณาเนื้อหาของร่างกฎหมายทั้งหมดได้ เพราะยังมีเวลาอยู่ตามกฎหมายที่กำหนดให้ทำความเห็นแย้งภายใน 10 วัน แต่ในเบื้องต้น กสม.ได้ข้อยุติอย่างน้อย 1 มาตรา โดยเป็นมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 2 เห็นว่ามาตรา 60 ของร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งกำหนดให้กรรมการชุดที่ 3 พ้นจากตำแหน่งทันทีที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ หลังจากนั้นก็ให้อยู่รักษาการนั้น ไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 2560 เนื่องจากไม่สอดคล้องมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดว่า การตรากฎหมายที่มีผลเป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แฉผู้มีอำนาจล้ม กสม. "ในกรณีที่รัฐธรรมนูญมิบัญญัติเงื่อนไขไว้ กฎหมายดังกล่าวต้องไม่ขัดต่อหลักนิติธรรม ไม่เพิ่มภาระหรือจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรแก่เหตุ และจะกระทบต่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยชนของบุคคลมิได้ รวมทั้งต้องระบุเหตุผลความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพไว้ด้วย ประกอบมาตรา 3 มาตรา 4 ตามรัฐธรรมนูญด้วย ดังนั้น กสม.จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 วรรค 5 ต่อไป เพื่อให้มีการตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายต่อไป เชื่อว่าในการพิจารณาของกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ยังสามารถแก้ไขเนื้อหาของร่างกฎหมายได้ แต่หากในชั้นกรรมาธิการ 3 ฝ่ายยังมีปัญหาอยู่ ก็คงจะต้องดำเนินการต่อที่ศาลรัฐธรรมนูญ" ประธาน กสม.กล่าวอีกว่า เหตุผลการเซตซีโรไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังได้ เพราะข้ออ้างของการเซตซีโรมีการเปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆ ทำให้เข้าใจได้ว่าการเซตซีโรไม่ได้เป็นไปโดยสุจริต ไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ กลับยิ่งจะทำให้สังคมโลกเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ทั้งที่ กสม.ชุดนี้ทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำ เพื่อทำให้สถานะบีกลับมาเป็นเอ ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญมากมาย ใครที่มองว่า กสม.ออกมาต่อสู้เรื่องนี้เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หากมองเฉยๆ อาจจะเห็นอย่างนั้นได้ แต่หากมองการทำงานของ กสม.ชุดนี้ว่ามีผลงานมากมายขนาดไหน ก็จะรู้ว่างานของ กสม.ไม่ใช่งานที่สบายจนต้องมาต่อสู้เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป "ก็อยากรู้ว่าเหตุผลจริงๆ ของการเซตซีโรคืออะไร แต่มีข้อมูลว่ามีข้อต่อรองจากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองที่ไม่พึงปรารถนาต่อการทำงานของ กสม.บางคน ก็ไม่เข้าใจว่าเหตุผลเพียงแค่นี้จะล้มกระดานทั้งหมดเลยหรือ แล้วให้มีการสรรหาใหม่ ซึ่งก็มีคนรอเสียบ ที่จะเข้ามาเป็น กสม. ซึ่งบางคนอาจจะรอไม่ได้ เพราะมีอายุ 60, 67, 68 ปีแล้ว อาจจะมีอายุเกินเพดานที่กฎหมายกำหนด เขาคงรอไม่ไหว ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมตำแหน่งนี้ถึงปรารถนากันมากมาย" ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำงานแบบไหนที่ทำให้ผู้มีอำนาจไม่พอใจ กสม.นั้นมีกี่คน นายวัสกล่าวว่า ตนก็ไม่แน่ใจ ไม่ยืนยันว่าเป็นเหตุผลที่แท้จริงหรือไม่ สำหรับบางท่านก็อาจใช่ แต่บางท่านก็อาจไม่ใช่เหตุผลนี้ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้กำลังพิจารณากำหนดวันที่เหมาะสมอยู่ เบื้องต้นคาดว่าจะเดินทางเยือนไม่เกิน 5 วัน ขึ้นอยู่กับภารกิจที่จะพูดคุย โดยก่อนไปสหรัฐ นายกฯ จะต้องเดินทางไปร่วมประชุมความร่วมมือกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (บริกส์) ที่ประกอบด้วยประเทศบราซิล รัสเซีย อินเดีย แอฟริกาใต้ และจีน ในระหว่างวันที่ 4-5 ก.ย.นี้ ที่มณฑลเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน จึงขอให้ความสำคัญกับการประชุมนี้ก่อน มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกำหนดการเดินทางเยือนประเทศสหรัฐอเมริกาของนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เบื้องต้นฝ่ายไทยกำหนดวันเดินทางคือช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ต.ค. หรือประมาณวันที่ 4-8 ต.ค. แต่กำหนดการอย่างเป็นทางการไทยจะมีการหารือถึงรายละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังต้องรอหารือร่วมกันกับสหรัฐ คาดว่ากำหนดการอย่างเป็นทางการจะเปิดเผยก่อนเดินทางจริง 10 วัน. http://www.thaipost.net/?q=node/34363
ครับ ว่าแต่กระทู้อันที่แล้วที่มือดีตั้งไว้จะไม่กลับไปตอบซักหน่อยเหรอครับ หรือว่ารู้สึกตัวเองน่ารังเกียจ ขยะแขยง ทุเรศ สมเพชสิ้นดีที่ตั้งกระทู้ไป เลยละอายใจไม่กลับไปตอบแล้ว
ก็ไม่ได้อ่านที่ตัวเองเอามาลงเหมือนเดิมซินะหรือตั้งใจ บรรทัดแรกเลยด้วยซ้ำ ปชช.พอใจผลงานรัฐบาลด้านรักษาความสงบ-ปราบโกง มือด้วนเอามาลงคือหวังอ้างคำว่าประชาชนคือเสียงส่วนใหญ่ ถูกต้อง แต่มันกลับหน้าแหก เพราะถ้าอ้างอิงตามข่าวก็คือ รัฐบาลนายกตู่สวบสวนโกงจำนำข้าวของปู นั้นก็แปลว่าประชาชนเห็นด้วยกับเรื่องคำตัดสินจำนำข้าวของปู มือด้วนเดียวนี้เป็นอะไรครับ อะไรทำให้เกลียดปูได้ขนาดนั้นเลยเหรอ 15000 นี้ไม่ใช่บุญคุณใช่ไหม ก็เข้าใจนะครับว่ามือด้วนมีอาการทางจิต แต่คิดจะฆ่าคนที่ตัวเองว่ารักเหมือนแม่นี้คิดอะไรอยู่ครับ
