http://mobile.nytimes.com/2016/05/0...-kyi.html?_r=0&referer=http://m.facebook.com/ ใครรู้ตัวว่าเป็นพวกประชาธิปไตย ช่วยมาแถ-ลง หน่อยเร้ว ข่าอย่างนี้ มันใส่ร้ายอองซานซูจีกันชัดๆ เผลอๆอาจจะพาดพิง ไปถึงบุรุษประชาติ๊บตัยอย่างท่านแม้ว ณ ดูไบ ช่วยกันหน่อย นึกเสียว่าสงสารประชาชนที่รักประชาติ๊บตัยบางตัวในนี้ด้วยเถอะ
งานนี้ ไม่อองซานก็ฐาปนีย์ ต้องมีใครบาดเจ็บล้มตายกันไปข้าง ว่าแต่ว่า งานนี้ ใครเป็นต่อ ต่อกี่ลูก ควบครึ่ง มี ปป.หรือเปล่า อันนี้คงต้องไปถามไอ้ตัวนี้ดูกระมัง มันถนัดเข้ากระดูกดำเลยแหละ
อำนาจ แม้ว่าได้มาตามระบอบประชาธิปไตย แต่เมื่อมีแล้ว เกิดอาการหลงอำนาจ มันก็จะไม่ต่างอะไรจากระบบเผด็จการ ประเทศเราเคยเจอมาแล้ว ส่วนพม่า คงต้องรอดูสักระยะ
5555 ซูจี ขอให้มีความสุขกับสนธิสัญญาปางหลง บางที..... วิสัยทัศน์ของกองทัพพม่าเรื่องการเมืองการปกครองอาจจะถูกต้องเหมาะสมที่สุดกับประเทศพม่าแล้วก็เป็นได้
ตกลงพวกฝรั่งหัวแดงทั้งหลาย เขาหวังดีหรือประสงค์ร้ายกันแน่ เห็นมันชอบเอาปชต.ไปยัดเยียดให้ประเทศอื่นจัง แต่ถ้ามันแส่เข้าไปได้สำเร็จเมื่อไหร่ ประเทศเหล่านั้นพังพินาศทุกที แล้วมันก็ไม่เคยออกมาขอโทษ ที่เสือกเรื่องชาวบ้าน จนเขาต้องเดือดร้อนบ้านแตก สาแหรกขาด และมันก็ไม่เคยจำเป็นบทเรียน เพราะยังแส่ต่อไปเรื่อยๆ......ใจดำจริงๆ
ได้ดีแล้วลืมเพื่อน รางวัลที่ได้รับมามันลวงโลก สุดท้ายอองซานก็แค่พวกนักสร้างภาพเหมือนอิปปู อยากรู้เมื่อนางอองซานออกมาอยู่กับโลกภายนอกจะทน แรงเสียดทานจากคนรอบข้างได้แค่ใหน
เท่าที่ติดตามดู ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือ นางออง ซาน นโยบายเกี่ยวกับโรอิงญา ก็ยังคงเหมือนเดิม คือ พม่าไม่สนใจพวกโรอิงญา ทหารพม่าจะออกมามีเพี่ยง 2 ข้อ 1 ด้านความมั่งคง (รัฐยะไข่) 2 การทุจริต
แล้วถ้าเกิดงานนี้ จีน อินเดีย หรือรัสเซียเข้ามาร่วมวงเล่นด้วย อยากรู้จัง อะไรจะเกิดขึ้น หรือจะเกิดอะไรขึ้น ใครก็ได้ ช่วยบอกที
ต้องมีเงื่อนข้อ 3 คือ เมื่อคนเมียนมาร์เลิกเห่อประชาธิปไตย และพบว่าความจริงมันไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิด ประชาธิปไตยไม่ได้สามารถดลบันดาลอะไรต่อมีอะไรได้ตามที่หวัง มันเป็นเพียงแค่การย้ายอำนาจจากกลุ่มคนที่มีอำนาจอยู่ก่อน ไปสู่กลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง
ข้อนี้คงจะเกิดขึ้นอีกนานครับ เพราะดูผลจากการเลือกตั้งมันโน้มเอียงไปประชาธิปไตย ผมเคยดูข่าว (น่าจะเป็น รายการข่าว 3 มิติ) ขนาดคนมุสลิมยังอยากจะให้นางออง ซาน ชนะ เผื่อว่าจะมีการยอมรับคนมุสลิม ในพม่า มากขึ้น ตามสิทธิในพลเมือง ซึ่งผมมองเเล้วว่ายากs คนพม่าเองก็ยังเห่อ ประชาธิปไตยอยู่ ถ้ากลุ่มนาง ออง ซาน ไม่มีการทุจริต ก็ไม่มีเหตุใดมาทำร้ายรัฐบาลได้ ผมคิดว่า นาง ออง ซาน เองก็ดูบทเรียน ประเทศไทยเหมือนกัน ว่าการรัฐประหารทั้ง 2 ครั้งมาจากการโกง ทุจริต ประชาชนออกมา ขับไล่ เเล้วนำไปสู่การยึดอำนาจของทหาร
ล่าสุดรู้สึกมีการออกกฎหมายห้ามชุมนุมแล้วนะ ภายใต้การนำของพรรค NLD เสื้อแดงลองออกความคิดเห็นหน่อยซิ เห็นบูชานักหนา
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/698027 วิจารณ์หนัก 'ซูจี' จำกัดสิทธิ โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 13 พฤษภาคม 2559, 14:02 ซูจี" ถูกกลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักศึกษาวิจารณ์หนัก หลังมีแผนออกกฎหมายควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ นางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา ถูกกลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักศึกษาวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากพรรคของเธอมีแผนออกกฎหมายควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งยังคงจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเหมือนในสมัยรัฐบาลทหาร ร่างกฎหมายใหม่นี้จะลงโทษผู้ประท้วงที่กระจายข้อมูลที่บิดเบือน และกำหนดโทษอาญาสำหรับกลุ่มที่ก่อความไม่สงบหรือสร้างความรำคาญในสังคม รวมทั้งห้ามบุคคลที่ไม่ใช่พลเมืองเมียนมาทำการประท้วงด้วย นักวิจัยอาวุโสขององค์กรฮิวแมนไรท์ วอทช์ในนครย่างกุ้ง นายเดวิด มาธีสัน กล่าวว่า รู้สึกกังวลที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดีของนางซูจี เร่งออกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งรัฐบาลควรต้องออกกฎหมายที่รับประกันสิทธิในการประท้วง และไม่มีเหตุผลที่จะออกกฎหมายลงโทษผู้ประท้วง ด้านพรรคเอ็นแอลดีระบุว่า ร่างกฎหมายใหม่นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองผู้ประท้วงโดยสันติมากกว่ามุ่งลงโทษ
พอมีอำนาจอยู่ในมือ คงเห็นสัจธรรมของการปกครองคนหมู่มากแล้วมั้ง ส่วนพวกที่ชอบโวยวายเรื่องสิทธิเสรีภาพ พวกนี้เองก็ไม่เคยมีโอกาสเป็นผู้นำประเทศ บางเรื่องเลยเหมือนพูดกันคนละภาษา อธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใจ (แต่บางกลุ่มแกล้งไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ตัวเองเคยเป็นระดับบริหาร และเคยพบปัญหานี้มาแล้ว)
ฝ่ายทหารคุมฝ่ายมั่นคงและมีอำนาจอีกหลายส่วน ไม่มีหน้าที่ออกกฎหมายพวกนี้ จึงกดดันให้ฝ่ายบริหารออกกฎหมายนี้ เกิดงัดข้อกันไปมา เดี๋ยวพี่ปฎิวัติแบบพี่ไทยไม่ซวยกันอีกหรือ พี่หริ่มของผม ก็งับหางกันต่อๆมา มองอะไรแค่ หางอึ่ง คือคุณสมบัติของพี่หริ่มไทย
พม่าแม้นจะเรียกว่าประเทศ แต่การควบคุมรัฐแคว้นปกครองแยกเขตแบ่งกลุ่มมากไม่ขึ้นต่อกัน แต่ละส่วนมีความต้องการใหญ่พอกัน ต้องปกครองครึ่งทหารดีที่สุด ปชต.ครึ่งใบ ยึดกษัตรย์เป็นศูนย์รวม ปชช.ยึดเหนี่ยวรวมเป็นหนึ่งเดียว แต่ก้อจบไปนานแล้ว
สิทธิส่วนบุคคลกับสิทธิทางสังคมมันคนละเรื่องกัน แต่พวกมนุษย์สิทธิพยายามเอามารวมกัน เพื่อง่ายที่กล่าวอ้างเอาสิทธินั้นมาเป็นของพรรคพวกตนเอง ใครไม่ใช่พวกไม่มีสิทธิ์
เรื่องนี้ ประเด็นหลักสำคํญอยู่ที่คุณธรรมของผู้ปกครองประเทศ ทุกๆท่านในที่นี้ คงรู้ดีว่า คุณธรรมของผู้ปกครองของพม่าที่ผ่านมา เป็นยังไง มีพรหมวิหารธรรมต่อประชาชนที่มีความแตกต่างทางความคิด แตกต่างกันด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรม ภาษา แตกต่างกันในด้านศาสนา ที่นับถือแค่ไหน สิ่งเหล่านั้นต่างหากที่คือคำตอบ หากวันนั้นทหารพม่า ไม่กดขี่ข่มเหงไทยใหญ่ คะฉิ่น มอญ กระเหรี่ยง หรือชนเผ่าอื่นๆ คงจะ ไม่มีการต่อต้านและสู้รบระหว่างกันจนบานปลาย ประเทศไม่เดินไปไหน หากผู้ปกครองประเทศในยุคนายพลอองซานพ่อนางซูจี ไม่ตระบัดสัตย์ ต่อสนธิสัญญาปางโหลงก็คงไม่มีการต่อต้านจากชนเผ่าต่างๆ พวกเขา เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นไทยใหญ่ คะฉิ่น มอญ กระเหรี่ยงหรือชนเผ่าอื่นๆ ไม่ต้องการประชาธิปไตย แต่หากต้องการความเป็นเอกราชของชนเผ่าตน หากผู้ปกครองพม่ามีใจเป็นธรรมแล้ว ปัญหาที่ผ่านมาก็จะไม่เกิด ถึงเกิด ก็จะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้โดยง่าย ดังคำประกาศอิสรภาพของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่ทรงทำพิธีหลั่งน้ำทักษิโณทกเมื่อ พ.ศ. 2126 คราวที่พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ยกทัพไปตีเมืองอังวะ และเกณฑ์ทัพไทย ขึ้นไปด้วยสมเด็จพระมหาธรรมราชาโปรดเกล้าให้สมเด็จพระนเรศวรคุมทัพ ขึ้นไปช่วย แต่ยกไปไม่ทันตามกำหนดเป็นเหตุให้พระเจ้านันทบุเรงเกิดความระแวง จึงรับสั่งให้พระมหาอุปราชาหาทางกำจัดสมเด็จพระนเรศวร เมื่อสมเด็จพระนเรศวรเสด็จถึงเมืองแครง ทรงพักทัพอยู่ใกล้วัดของ พระมหาเถรคันฉ่องสมเด็จพระนเรศวรได้เสด็จไปนมัสการพระมหาเถรคันฉ่อง พระมหาเถรคันฉ่องจึงได้ทูลเรื่องความลับที่พระมหาอุปราชาให้พระยาเกียรติ พระยาราม หาทางกำจัดพระองค์เมื่อสมเด็จพระนเรศวรทรงทราบก็ทรงพิโรธมาก ที่พระเจ้านันทบุเรงคิดทำแบบนี้ สมเด็จพระนเรศวรจึงโปรดให้แม่ทัพนายกองมาประชุม และให้นิมนต์พระมหาเถรคันฉ่องพร้อมคณะสงฆ์ มานั่งเป็นสักขีพยานที่พลับพลา จากนั้นพระองค์ได้ทรงหลั่งน้ำลงสู่แผ่นดินด้วยสุวรรณภิงคาร (พระน้ำเต้าทองคำ) ประกาศแก่เทพยดาฟ้าดิน ประกาศอิสรภาพไม่ยอมขึ้นกับหงสาวดีอีกต่อไป ทรงตรัสว่า "ขออัญเชิญเทพยดา อันมีมหิทธิฤทธิ์ ทิพยจักขุ ทิพยโสต จงลงมาเป็นทิพย์พยาน ด้วยพระเจ้าหงสาวดีคิดไม่ซื่อ ประพฤติพาลทุจริต เสียสามัคคีรสธรรม นับแต่บัดนี้ กรุงพระมหานครศรีอโยธยาและหงสาวดีหาได้เป็นสุวรรณปฐพีเดียวกันเฉกเช่นกาลก่อน ขาดกันแต่นี้ไป ตราบชั่วกัลปาวสาน"