“ป.ป.ช.” สั่งอายัดทรัพย์หลาน “ธาริต”กว่า 27 ล้าน หลังพบพฤติการณ์ซุกซ่อนแทนเจ้าตัว ป.ป.ช.--30 ธ.ค. 58--สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้แถลงมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่าตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งลงวันที่ 30 ต.ค. 57แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยมีนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป.ป.ช.เป็นประธาน กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่ำรวยผิดปกติ และคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของนายธาริต เพ็งดิษฐ์และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส ไว้เป็นการชั่วคราว เมื่อวันที่12 มี.ค.58 จำนวน 40,954,720.58 บาทนั้น ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตรวจพบว่านายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ หลานชายของ นางวรรษมลมีพฤติการณ์ถือครองทรัพย์สินแทนนายธาริต และนางวรรษมลซึ่งถือว่าเป็นพฤติการณ์โอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินคณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ถือครองทรัพย์สินแทนได้แก่ เงินฝากและที่ดิน ดังต่อไปนี้ 1. บัญชีเงินฝากธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน) จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 643,572.05 บาท 2.ที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 9 แปลง มูลค่ารวม26,830,000 บาท รวมมูลค่า 27,473,572.05 บาท ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้บุคคลภายนอกได้รับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการโอนยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินรายการอื่นๆ ของนายธาริตที่อยู่ในชื่อของนายปิยฤกษ์คณะกรรมการ ป.ป.ช. http://www.nationtv.tv/main/content/social/378483384/
ถ้ามีกรณีแบบนี้เรื่อยๆ ***ยึดทรัพย์ เมื่อเห็นว่ารวยผิดปกติ ***รื้อฟื้นดำเนินคดี กับข้าราชการ ที่ยอมรับใช้นักการเมือง ทั้งๆที่รู้ว่าผิด ประเทศเราคงสูงขึ้นอีกเยอะ แต่ถ้าให้ดีกว่านี้ ออกกฎหมายเล่นงาน นักการเมืองผู้ได้ประโยชน์ด้วย(หรือมีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ใช้)
โดนหลายคดีเลยไอ้นี่ ถือกฎหมายในมือ เลยไม่กลัวกฎหมาย เพราะคิดว่า สามารถใช้กฎหมายล้างผิดความชั่วให้ตัวเองได้
5555 ปรากฏว่าเศษกระดูกไก่ที่เขาโยนให้เป็นกระดูกหน้าแข้งครับ น้ำย่อยพวกหน้าด้านย่อยได้ไม่หมด ผลคือกระดูกไก่ตำกระเพาะทะลุ
“ธาริต”หอบเอกสารแจง ป.ป.ช. กรณีร่ำรวยผิดปกติ ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ ระบุแค่มาตรวจหลักฐาน วันนี้ (5ม.ค.59) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เดินทางเข้าพบคณะอนุกรรมการไต่สวน ที่มีนายปรีชา เลิศกมลมาศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งเป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายธาริต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ร่ำรวยผิดปกติ และคณะกรรมการป.ป.ช.ได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของนายธาริต และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ไว้เป็นการชั่วคราว เมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2558 จำนวน 40,954,720.58 บาท ต่อมาคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ตรวจพบว่า นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ หลานชายของนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรสของนายธาริต มีพฤติการณ์ถือครองทรัพย์สินแทนนายธาริต และนางวรรษมล ซึ่งถือว่าเป็นพฤติการณ์โอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สิน คณะกรรมการป.ป.ช. จึงได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้องที่ถือครองทรัพย์สินแทนนายธาริต และนางวรรษมล ดังกล่าว ได้แก่ เงินฝากและที่ดิน รวมมูลค่า 27,473,572 บาท ดังนี้ 1.บัญชีเงินฝากธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 643,572 บาท และ 2.ที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 9 แปลง มูลค่ารวม 26,830,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการมิให้บุคคลภายนอกได้รับความเสีย หายที่จะเกิดขึ้นจากการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินรายการอื่นๆ ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ที่อยู่ในชื่อของนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติให้แถลงข่าวให้สาธารณชนทราบ อย่างไรก็ตาม ภายหลังเข้าชี้แจง นายธาริต ปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวเพียง ว่า มาตรวจหลักฐาน ยังไม่มีการนัดในเรื่องการไต่สวน และไม่มีการขอหลักฐานใดๆเพิ่ม พร้อมปฏิเสธที่จะเปิดเผยถึงความมั่นใจต่อหลักฐานในการสู้คดี
ศาลฎีกานักการเมืองสั่งจำคุก 1 ปีเกษม นิมมลรัตน์ อดีตสส.พรรคเพื่อไทยไม่รอลงอาญา คดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ วันนี้ (16 มี.ค. 60) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีมติเอกฉันท์ ตัดสินจำคุกนายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมให้ยึดทรัพย์ ฐานร่ำรวยผิดปกติ อีกกว่า 168 ล้านบาท ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และคดีร่ำรวยผิดปกติ คดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายเกษม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และฐานร่ำรวยผิดปกติ จากการตรวจสอบทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่งเป็นเวลา 1 ปี ในตำแหน่ง ส.ส.และตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายเกษม จงใจ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ได้แก่ แจ้งเงินกู้ยืมของนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่สมรส ที่กู้ยืมจาก นางบุญทอง สุภารังสี มารดาของนายเกษม 72 ล้านบาท อันเป็นเท็จ ปกปิดเงินที่ได้จากการขายหุ้น บริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด ในตลาดหลักทรัพย์มูลค่า 26,193,205 บาท และปกปิดเงินลงทุนในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด หรือ ASCON มูลค่า 74,205,972 ของนางดวงสุดาที่ให้นางบุญทองถือครองแทน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สั่งจำคุก 1 ปีโดยไม่รอลงอาญากับ นายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย คนสนิท นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ “เจ๊แดง” น้องสาวอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และสั่งยึดทรัพย์ 168 ล้านบาทตกเป็นของแผ่นดิน ฐานร่ำรวยผิดปกติ คดีนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเกษม อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย สมัยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และ ส.ส.เชียงใหม่ กรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และคดีร่ำรวยผิดปกติ โดยศาลมีมติเป็นเอกฉันท์ 9:0 ให้ทรัพย์สินจำนวน 7 รายการ พร้อมดอกเบี้ยมูลค่ากว่า 168 ล้านบาทตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนคดีอาญาจากการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ศาลสั่งจำคุก 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา กปปส.เตรียมเสนอ 5 ประเด็นปฏิรูป-ลดเหลื่อมล้ำ คดีที่เกี่ยวกับนักการเมืองและกลุ่มการเมืองทะยอยมีคำพิพากษาจากศาล ท่ามกลางการพยายามสร้างความปรองดองโดยคณะกรรมการเตรียมการเพื่อความสามัคคีปรองดองที่รัฐบาลตั้งขึ้น โดยในวันศุกร์ที่ 17 มีนาคม กลุ่ม กปปส. หรือคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ฯ จะเข้าแสดงความเห็นต่อคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ที่มี พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ทั้งนี้ ประเด็นที่กลุ่ม กปปส.เตรียมเสนอมี 5 ด้าน คือ 1.ปฏิรูปการเมือง ทำให้พรรคการเมืองเป้นของประชาชน และทำให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม 2.ปฏิรูปกระบวนการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รวมทั้งปฏิรูปตำรวจ 3.กระจายอำนาจการปกครองสู่ท้องถิ่น แต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดจากการสรรหา 4.ปฏิรูปเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม และ 5.ส่งเสริมอาชีพ ยกระดับรายได้ประชาชน นปช.ชงเลิกประกาศ-คำสั่งจากการรัฐประหารทุกฉบับ ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพุธที่ 15 มีนาคม กลุ่ม นปช.หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้เข้าแสดงความเห็นต่อคณะอนุกรรมการชุดเดียวกัน โดยมีข้อเสนอทั้งสิ้น 11 ประเด็น ที่สำคัญคือ ให้ยกเลิกการใช้มาตรา 44 เนื่องจากเป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน และให้ยกเลิกประกาศ คำสั่ง และระเบียบจากการรัฐประหารทุกฉบับ รวมทั้งให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งรับผิดชอบปฏิรูปประเทศ นายจตุพร กล่าวว่า ข้อเสนอของ นปช.ไม่มีเรื่องของการนิรโทษกรรมหรืออภัยโทษ และมั่นใจว่าการปรองดองของรัฐบาลจะประสบความสำเร็จ ยอมรับว่า สิ่งที่กลุ่ม นปช.ทำในอดีตไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด หรือแม้แต่กองทัพ รัฐบาล และกลุ่มอื่นๆ ก็เช่นกัน เพียงแต่ นปช.สูญเสียมากที่สุด จึงต้องเรียกร้องความยุติธรรม ตัวเลขจากผู้ช่วยโฆษกกระทรวงกลาโหมที่ทำกระบวนการปรองดอง ระบุว่า นับถึงเมื่อวันพุธที่ 15 มีนาคม มีพรรคการเมืองเข้าพูดคุยเสนอประเด็นปรองดองแล้ว 46 พรรค กับอีก 1 กลุ่มการเมือง