ปปช แค่ชี้ว่ามีความผิด ศาลเป็นผู้ตัดสิน จะอ้างว่าศาลเอียงอีกมั๊ยเพราะทรงแต่งตั้งมาเหมือนกัน และท่านทรงแต่งตั้งพวกเมรึงมา แต่พวกเมรึงดันมาทุจริต ทำผิดต่อหน้าที่ที่ทรงมอบหมาย พวกเมรึงสมควรตาย
พูดอย่างนี้ แปลว่า บุคคลที่ทรงแต่งตั้งมา จะทำความผิด ความชั่ว ความเลวอย่างไรก็ได้ ไม่มีใครสามารถทำอะไรได้เลยงั้นหรือ จะโยนเผือกร้อนทุกสิ่งอย่างให้พระองค์ท่านเลยหรือไง จะเอาอะไรให้ได้ดั่งใจก็ดึงพระองค์ท่านลงมา บอกว่าต้องทรงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต้องลงพระนามแต่งตั้งบุคคลตามที่พวกคุณเสนอมา แล้วพอบุคคลที่พวกคุณเสนอให้พระองค์ลงพระนามแต่งตั้ง กระทำความผิด กระทำความชั่วความเลว กระทำความพินาศแก่แผ่นดิน ก็มาบอกว่าถอดถอนไม่ได้เพราะพระองค์ทรงแต่งตั้ง พวกคุณมรึงไม่คิดจะรับผิดชอบอะไรเลยใช่มั้ย (ขออภัยค่ะ มันปรี๊ดดดดด ถ้าไม่เหมาะสมก็ลบได้นะคะ)
ตอนเข้ารับตำแหน่งได้ถวายสัตย์ปฎิณานตนไว้ว่าอย่างไร ทีแบบนี้ทำไม่รู้ไม่ชี้ ทำเป็นมาอ้างพระบรมราชโองการ ตอนที่ตัวเองจนตรอก เหมือนกันไม่มีผิดตั้งแต่หัวยันหาง
ยิ่งทำให้ผมเห็นชัดเจนขึ้นว่าพระองค์ก็อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ การแอบอ้างพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้ง มาล้างความผิดให้กับคนที่มีความผิด ผมว่ามันคนละเรื่องกันนะครับ คุณคณิน ถูกต้อง หรือ ไม่ถูกต้อง มันขึ้นอยู่กับหลักฐาน พยาน และความผิดที่สำเร็จแล้ว อย่าโหนครับ อย่าโหน พระองค์อยู่เหนือความขัดแย้ง และ อยู่ในบัญญัติรัฐธรรมนูญ พระองค์มิได้มีพระบรมราชโองการให้บุคคลที่โปรดเกล้าแต่งตั้ง เป็นผู้พ้นผิด ในความผิดที่บุคคลนั้นกระทำ
4.ในแง่ ‘ความเป็นนักประชาธิปไตย’ นายคณิณชี้ว่า เป็นรัฐบาลที่พยายามใช้เล่ห์กลและความได้เปรียบทางการเมืองเป็นเครื่องมือในการแปลงรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ประเทศไทยปกครองแบบระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสถา ให้กลายเป็นรัฐธรรมนูญในระบบประธานาธิบดี (หมายถึง คนคนเดียวเป็นใหญ่ เป็นผู้กำหนดทิศทางของประเทศ เป็นผู้ตัดสินใจ โดยปราศจากการมีส่วนร่วมของแท้จริงของรัฐสภา ซึ่งเป็น ‘ตัวแทน’ ของประชาชน และปิดกั้นการตรวจสอบถ่วงดุลด้วย) “เพราะเหตุที่รัฐบาลมีเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎรเกิน 300 เสียง ซึ่งหมายความว่า ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่เป้นรัฐบาลบริหารประเทศ ส.ส. ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีไม่ได้เลย นอกจากนั้น ตลอดเวลาที่เป็นรัฐบาล ก็พยายามรวบรวมเสียงให้ได้เกิน 250 เสียง ไม่ว่าจะเป็นการยุบนวมพรรคเสรีธรรมกับพรรคความหวังใหม่ เพื่อเอ่ ส.ส. มารวมกับพรรคไทยรักไทย รวมทั้งความพยายามครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ ที่ดึงเอากลุ่มบุรีรัมย์และกลุ่มชลบุรีจากพรรคชาติไทยมาเข้าพรรค จำนวนรวมกันกว่า 20 คน บวกกับ ส.ส. ชาติพัฒนาอีกเกือบ 30 คน ที่จะยุบรวมพรรคเข้ากับไทยรักไทย โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่มีเสียง 400 เสียง ในการเลือกครั้งคราวหน้า แสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนักการเมืองที่เกลียดกลัวการตรวจสอบทางรัฐสภา และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อชิงความได้เปรียบเหนือคู่ต่อสู้ โดยไม่คำนึงถคงจริยธรรม หรือใส่ใจที่จะเป็นนักการเมืองรัฐบุรุษ หรือสุภาพบุรุษประชาธิปไตยแต่ประการใด”
6.นายคณินระบุด้วยว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ในส่วนที่เนตัวแทนพรรคการเมือง ฝ่ายรัฐบาลก็จะฉวยโอกาส ‘ฮั้ว’ กัน เลือกแต่เฉพาะตัวแทนพรรคการเมืองฝ่ายที่เป็นรัฐบาล “โดยที่ตัวแทนของพรรคฝ่ายค้านซึ่งเป็นถึงพรรคการเมืองที่มี ส.ส. มากเป็นอันดับสองของสภาผู้แทนราษฎร ไม่เคยได้รับเลือกเป็นกรรมการสรรหาองค์กรอิสระเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งเท่ากับว่า ฝ่ายรัฐบาลเข้ามาครอบงำและผูกขาดการสรรหากรรมการและตุลาการในองค์กรอิสระไว้ในมือแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เหมือนกับเป็นการยึดอำนาจรัฐธรรมนูญอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว”
มีนักวิชาการหลายคนแจกแจงลักษณะของ “ทักษิโณมิกส์” หรือ “ระบอบทักษิณ” ได้ลุ่มลึกชัดเจน แต่ขออ้างคำอธิบายของนายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร.ผู้ทำคลอดรัฐธรรมนูญ 2540 ผู้ซึ่งปัจจุบันไม่พูดเรื่องนี้แล้วเพราะเป็น 1 ใน 125 ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย มีข้อสรุปง่ายๆ ถูกๆ แค่เนี้ยะ
ตอนออกหนังสือ รัฐธรรมนูญตายแล้ว ลูกสาวกำลังทำงานอยู่ กระทรวงการต่างประเทศ กลัวลูกสาวไม่ก้าวหน้าในหน้าที่ กลัวไม่ได้เลื่อนขั้น ถึงกับระงับหนังสือ ไม่ยอมออกขาย หลังๆ เปลี่ยนเป็นควายแดง เพราะลูกสาวคงได้ตำแหน่งพรวดๆ พร้อมเงินค่าจ้างเป็นขี้ข้า ไม่ต้องมาขายหนังสืออีก คนแบบนี้เงินซื้อได้แม้ศักดิ์ศรีความเป็นคน