ปัญหาการจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองของไทย ไม่ได้มีเฉพาะบริษัทโรลส์-รอยซ์เท่านั้น ล่าสุด สถานีข่าวสปริงนิวส์ได้ตรวจสอบพบว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ได้ดำเนินคดีกับบริษัทที่จ่ายสินบนให้กับข้าราชการและนักการเมืองไทยอีกอย่างน้อย 2 บริษัท พร้อมกับระบุชัดเจนว่า "บริษัทสุราระดับโลก" จ่ายสินบนให้ "ที่ปรึกษารองนายกฯ" รวมไปถึงการจ่ายสินบนในการติดตั้ง CCTV ในรัฐสภา และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เว็บไซต์กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เผยแพร่การดำเนินคดีกับ "บริษัท ดิอาจีโอ บีแอลซี " ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสุรารายใหญ่ของอังกฤษ แต่มีการจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ พบว่า บริษัท ดิอาจิโอ ได้ละเมิดกฎหมายเอฟพีซีเอของสหรัฐฯ ด้วยการติดสินบนหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย การติดสินบนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นในระหว่างปี 2547 ถึงกลางปี 2552 ผ่านตัวแทนจำหน่ายสุราในประเทศไทย ซึ่งในรายงานของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯบอกว่า "ดิอาจิโอ" ได้จ่ายสินบนเดือนละ 12,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากคำนวณที่ค่าเงินบาทในขณะนั้น ที่ประมาณ 40 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะคิดเป็นเงิน 480,000 บาท ให้กับเจ้าหน้าที่พรรคการเมืองหนึ่ง และเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย เป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 24 ล้านบาท โดยเป็นการจ่ายตรง 49 ครั้งให้กับบริษัทที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยคนนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการอยู่ โดยเงินสินบนดังกล่าวนั้นแลกกับการที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยผู้นั้น จะทำหน้าที่ล็อบบี้เจ้าหน้าที่ไทยในคดีความด้านภาษี และศุลกากรมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯให้กับดิอาจีโอ รายงานยังระบุชัดด้วยว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยคนนี้ เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เคยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และยังเป็นที่ปรึกษาให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งใน "คณะกรรมการพรรคใหญ่ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในสมัยนั้นอีกด้วย" นอกจากนี้ ในเว็บไซต์กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยังเผยแพร่กรณีการปรับและลงโทษบริษัท ไทโค อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทผู้ขายระบบรักษาความปลอดภัยอิเล็กโทรนิคส์ เป็นมูลค่ากว่า 26.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1,072 ล้านบาท จากข้อหาละเมิดกฎหมายเอฟซีพีเอว่าด้วยการทุจริตคอร์รัปชั่นในต่างประเทศ ซึ่งพบว่ามีการติดสินบนในประเทศไทยด้วย ในส่วนของประเทศไทยนั้น รายงานของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า เกิดขึ้นในระหว่างปี 2547-2548 โดยเป็นการติดสินบนผ่านบริษัทลูกในประเทศไทยซึ่ง "ไทโค " ถือหุ้นอยู่ 49% เเละระบุว่า ได้จ่ายเงินให้กับที่ปรึกษารายหนึ่ง มูลค่า 292,286 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยเกือบ 12 ล้านบาท ในโครงการหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจากการจ่ายเงินสินบนซึ่งคิดเป็นค่าที่ปรึกษาในครั้งนั้นได้ทำให้บริษัทลูกในประเทศไทยได้กำไรจากโครงการสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เป็นเงิน 879,258 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 35 ล้านบาท และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น บริษัทลูกของไทโคในไทย ยังจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับ "ที่ปรึกษาคนหนึ่ง" เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาการติดตั้งกล้องวิดิโอวงจรปิด (ซีซีทีวี) ในรัฐสภาไทยด้วย การจ่ายสินบนไทโค โดยบริษัทลูกของไทโคในไทย และที่ปรึกษาคนดังกล่าวได้ระบุในอินวอยซ์การจ่ายสินบนว่า เป็นค่า “รีโนเวท” หรือค่าปรับปรุง ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงไม่มีการปรับปรุงกล้องวิดีโอวงจรปิดในรัฐสภาไทยแต่อย่างใด นอกจากนั้น ในระยะเวลาเดียวกัน บริษัทลูกของไทโคในไทย ยังจ่ายสินบนอีก 3 ครั้ง ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดีไซน์และสำรวจเมืองพัทยา ซึ่งเป็นการจ่ายโดยไม่พบหลักฐานว่า "มีการสำรวจจริง" กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ บอกว่า จากการจ่ายสินบนเหล่านี้ ทำให้ "เอดีที ประเทศไทย" ได้รับกำไรจากโครงการต่าง ๆ เป็นมูลค่าราว 473,262 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 19 ล้านบาท http://www.springnews.co.th/th/2017/01/20176/ ผมมีความเห็นว่า ชนชั้นนำไทย ออกกฎหมาย ... การโกงกินสินบนฉ้อราษฎร์บังหลวง ... เป็นสิ่งถูกต้องถูกกฎหมายซะเลยสิ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เอากันให้เต็มที่ ชนชั้นล่างผู้ใช้แรงงาน หามาให้ท่านผลาญแล้ว
ใช่ๆ ทำผิดกฎหมายแล้วหนีไป หลอกใช้คนที่เชื่อในตัวเองทำผิดแทน แล้วติดคุกไปให้เป็นเหยื่อของคนที่รับจ้างโพสใช้แอบอ้างใส่ร้ายคนอื่นเพื่อเงิน 20 บาท โดยไม่สนใจใยดี
แหม่อะไรที่ทำให้ไทยดูแย่ รีบโพสเลยนะ แต่ท่านมือด้วนลืมอ่านประโยคพวกนี้ไปรึเปล่าว? -การติดสินบนที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นในระหว่างปี 2547 ถึงกลางปี 2552 -เจ้าหน้าที่พรรคการเมืองหนึ่ง และเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย -เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยคนนี้ เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เคยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และยังเป็นที่ปรึกษาให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อีกทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งใน "คณะกรรมการพรรคใหญ่ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในสมัยนั้นอีกด้วย" -กรณีการปรับและลงโทษบริษัท ไทโค อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งพบว่ามีการติดสินบนในประเทศไทยด้วย ในส่วนของประเทศไทยนั้น รายงานของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า เกิดขึ้นในระหว่างปี 2547-2548 -เกี่ยวข้องกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จริงแล้วท่านมือด้วนเป็นสายลับ ชิมิ
เป็นใคร ฝ่ายไหน ผมเอามาประจาน แฉ หมดครับ พวกที่กอบโกยผลประโยชน์จากสังคมรวม ผมคนไม่มีสี ผมไม่ใช่อย่างพวกคุณนิครับ พอฝ่ายเดียวกันทำหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องระยาม บัดสี แกล้งไม่รู้ไม่เห็น ไม่ใส่ใจ ไม่อยากพูดถึง
อ่อ หรอครับ ดีแล้วครับ ขอชื่นชมจากใจ ว่าแต่ชนชั้นสูงของท่ามือด้วน คือใคร? เค้ามาเกี่ยวอะไร? หมายถึงทักกี้ใช่มั๊ย?
ผมว่ากลับกันนะครับ มือดีฯถูกแม้วถีบหัวส่งมากกว่า ถึงได้เอาคืนด้วยการส่งแม้วมาให้ที่นี่ถลกหนังหัว อดีตลูกจ้างที่ถูกถีบหัวส่ง ก็มีออกมาประจานแม้วหลายคนนะครับ
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ ทำให้คนไทยเราพอจะมองเห็นกันได้บ้างไหมครับ ว่าบรรดากลุ่มบริษัทฝรั่งที่ยกย่องเชิดชูกันว่า มีประชาธิปไตยมั่นคง บริหารกันอย่างมีธรรมาภิบาล ที่แท้ใส้ใน พอสาวกันออกมาก็นักติดสินบนพอกับที่ชอบตราหน้ากลุ่มประเทศอื่น ว่ายังไม่เจริญยังไม่พัฒนาต้องอั๊วถึงจะทำอะไรก็เปิดข้อมูลให้ตรวจสอบกันได้ ไปๆมาๆข้อมูลที่ว่าตรวจสอบได้ กลายเป็นทำบัญชีสองเล่มเหมือนร้านอาเฮียดีๆนี่เอง เสียดายที่คุณมือดีฯ หยิบข่าวเรื่องนี้มาแล้ว แต่ไม่ได้ติดตามว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐนั้น ลงโทษอย่างไรกับบริษัทที่ว่า แต่กลับมุ่งไปที่ประเด็นในเมืองไทย ฝากด้วยละกันครับ