โดยเฉพาะที่จบท้ายด้วยว่า... บทความเต็มๆ เขาว่า ว่า… ---------------------------------------------- --------------------------------------------- ใช้สมองหรืออำนาจ ชกไม่มีมุม วงค์ ตาวัน คนกลุ่มหนึ่งป่าวร้องว่า ถ้าลงเอยสนช.ไม่ถอดถอน ยิ่งลักษณ์ เท่ากับว่าการปฏิวัติของคสช.นั้นเสียของ และเท่ากับว่านโยบายปราบคอร์รัปชั่นไม่บรรลุเป้าหมาย ถ้าไปถามคนอีกฝ่าย เขาก็จะตอบว่า คนที่รักประชาธิปไตยจะไม่สนับสนุนการปฏิวัติ จึงไม่แคร์ว่าปฏิวัติแล้วเสียของหรือไม่เสียของ เป็นเรื่องของคนฝักใฝ่การรัฐประหารเท่านั้น ที่จะห่วงใยว่ายึดอำนาจจากประชาชนไปแล้ว จะเสียของหรือไม่เสียของ!? ประการต่อมา ถ้าไม่ถอดถอนยิ่งลักษณ์ เท่ากับการปราบคอร์รัปชั่นไม่บรรลุเป้าหมาย ก็ต้องถามคนพูดว่า แล้วการจำนำข้าวมันคอร์รัปชั่นตรงไหน ตอบอย่างเป็นหลักเป็นฐานหน่อยได้หรือไม่ จนป่านนี้ป.ป.ช.ยังไม่สามารถชี้ได้เลยว่า จำนำข้าวคอร์รัปชั่นอย่างไร ใครคือคนโกง แต่กำลังจะเอาผิดผู้รับผิดชอบนโยบายหาว่าปล่อยปละละเลยให้โกง!?? ทั้งปลายทั้งปวงจึงสะท้อนความกลัวของคนกลุ่มหนึ่งมากกว่า กลัวยิ่งลักษณ์ กลัวว่าถ้าไม่ใช่อำนาจพิเศษจัดการให้หมดอนาคตทางการเมืองแต่บัดนี้ ปล่อยให้ลงสนามเลือกตั้งใหม่ พวกตนจะสู้ไม่ได้ กลัวว่าจะสู้ในสนามเลือกตั้งไม่ได้ เลยต้องทำลายให้สิ้นซากไปเสียก่อน ความคิดตื้นๆ เช่นนี้ ทำมาแล้วกับทักษิณ ผลก็คือ พรรคเครือข่ายทักษิณยิ่งได้รับเสียงจากชาวบ้านถล่มทลาย นี่กำลังจะคิดจัดการกับยิ่งลักษณ์แบบไม่ฉลาดอีกครั้ง! ถ้าจะจัดการกับยิ่งลักษณ์อย่างฉลาด ถ้าจะล้มนโยบายจำนำข้าวอย่างใช้สมอง ต้องไม่ใช่อำนาจพิเศษมาจัดการ ต้องให้ประชาชนส่วนใหญ่มองเห็นว่า นโยบายจำนำข้าวไม่ถูกต้องเช่นไร หรือทำให้เสียหายต่อประเทศชาติอย่างไร ให้ประชาชนตัดสินใจให้ได้ว่านโยบายนี้ดีหรือไม่ดี หากคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยกับจำนำข้าว เขาจะฮือกันไปลงโทษนโยบายนี้และยิ่งลักษณ์ รวมทั้งพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป นั่นคือการจัดการกับเครือข่ายทักษิณและนโยบายที่โจมตีกันว่าเป็นประชานิยม อย่างฉลาดและอย่างถูกจุดมากกว่า! จัดการอย่างเคารพในกติกาที่โลกยอมรับ และจัดการด้วยการตัดสินใจของชาวบ้าน ในเมื่อยิ่งลักษณ์มาจากการเลือกตั้งและนโยบายจำนำข้าวยึดโยงกับคะแนนเลือกตั้ง ต้องทำลายให้ถูกจุดถูกช่องทาง ไม่ใช่ด้วยอำนาจพิเศษและสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน อันสะท้อนถึงความกลัวมากกว่า กลัวว่าจะสู้ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเท่านั้นเอง ใช้สมองจัดการกับยิ่งลักษณ์เถิด! ---------------------------------------------- --------------------------------------------- เงินมันบังตาอยู่มั๊งครับ ถึงไม่ได้รู้กับเขาว่า เฮ้อ…สมแล้วที่มีข่าวว่า สนพ.กำลังใกล้จะเจ๊ง... หรือเพื่อนๆ จะลองช่วยเคลียร์ดูโหน่ยมั๊ยครับ ...
ไม่แปลกใจที่เป็นหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ที่ยอดขายน้อยกว่าหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เขียนแบบนี้สงสัยต้องจารลงใบหญ้าแล้วโปรยให้ควายกิน
สรุปแล้ว มึงโกง มึงทำชาติเจ๊ง ล่มจม ก็ให้ประชาชนตัดสินหรือ อีกหน่อยมึงขายหมดทั้งประเทศ ก็บอกให้ประชาชนไปตัดสินอีกดิ จะมีกฎหมายไว้ทำหอกอะไรว่ะ แบบนี้ยกเลิกไปเถอะ กฎหมายเอาผิดรัฐบาลคอรัปชั่นน่ะ มันใช้สมองก่อนเขียนหรือเปล่า
ขอฝากเรื่องนี้ด้วยครับ มันสรุปหน้าด้านๆแบบไม่ต้องอายใครเลย http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1420802380 อีปู น่าจะรู้ดีกว่าใคร ผมไม่มีความรู้เรื่องเศรษฐกิจ แต่อยากเขียนถึงประเด็นนี้สักหน่อย เพราะไม่อยากเห็นการ จับแพะชนแกะ เอาการเมืองมาเล่นโจมตีฝ่ายตรงข้าม กรณีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อ้างเหตุการณ์ทางการเมืองและความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์จากการถูกตัดสิทธิ GSP ในปี 2558 และยังอาจส่งผลให้บรรษัทข้ามชาติย้ายฐานการผลิต 1.การระงับสิทธิ GSP สินค้าไทย 3 หมวดสินค้า อียูออกระเบียบ Commission Implementing Regulation (EU) No 1213/2012 มาตั้งแต่ 18 ธ.ค. 2555 โน่น มีผลใช้บังคับ ม.ค. 2557- ธ.ค. 2559 ก่อนหน้าการชุมนุมของ กปปส.เสียอีกแน่ะ 2.ตอนไปทัวร์ยุโรปหลายครั้ง ก็ไม่เคยมีข่าวมาก่อนว่าตัวคุณยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี เคยเป็นหัวหน้าคณะนำทีมไปถกแถลงหรือเจรจาเรื่อง GSP กับอียูแต่ประการใด 3.การเจรจาความตกลงทางการค้าเสรี FTA นั้นไม่ใช่เรื่องหมูในอวย เป็นการต่อรองที่ยากเย็นแสนเข็ญ ปกติใช้เวลานานมาก ไม่มีทางเลยที่ฝ่ายไทยจะนำประโยชน์ตรงนี้มาชดเชยหรือทดแทนการถูกตัด GSP ได้ทันในปี 2557 เช่น ความตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย หรือ Thailand-Australia Free Trade Agreement (TAFTA) ใช้เวลาเจรจากัน 3 ปีกว่าจะมีผลบงคับใช้ ดังนั้น การที่คุณยิ่งลักษณ์บอกว่า สถานการณ์ทางการเมืองทำให้การเจรจา FTA ไทย-อียู ล่าช้าจนไทยเสียเปรียบในการแข่งขัน น่าจะเป็นเรื่องตรงข้ามกับความจริง ให้คนไม่เก่งประเด็นเศรษฐกิจจับได้ ถือว่าแต่งเรื่องกันไม่เนียนนะครับ !