อันนี้เป็น บทความสั้นๆ เขียนใน facebook ครับ เห็นน่าสนใจดีเลยเอามาแบ่งปันกันครับ เฮียขอพูดลอยๆว่า วันก่อนไปนั่งอ่านการวิจัยของนักวิชาการท่านหนึ่งมา นักวิชาการท่านนี้นำเสนอในเรื่องที่ว่า การซื๊อเสียงส่งผลต่อการออกเสียงลงคะแนนจริงหรือไม่? ซึ่งนักวิชาการท่านสรุปว่า "ไม่จริง" นักวิชาการท่านให้ข้อสรุปว่า ประชาชนรับเงินจริง แต่จะไม่เลือกคนๆนั้น อีสัส เฮียอ่านแล้วขำ ขำในมุมมองของนักวิชาการผู้ไม่เคยลงพื้นที่ไปดูสถานที่จริงๆหรือไปอยู่ในรูปแบบของสังคมต่างจังหวัด มองการซื๊อสิทธิ์ขายเสียงแค่เป็นการ ให้เงินแบบคนต่อคน เพื่อไปเลือกตั้ง โธ่ คุณคิดว่านักการเมืองโง่หรอครับ การซื๊อเสียงในรูปแบบจ่ายเงินต่อหัว แมร่งเป็นรูปแบบที่โคตรล้าสมัย และแทบไม่มีนักการเมืองคนไหนเค้าใช้กันแล้วครับคุณ มันเป็นการลงทุนที่แทบจะไม่ได้ผลที่เป็นชิ้นเป็นอัน และสุ่มเสียงต่อการโดนจับได้ เอาง่ายๆนะครับ นักการเมืองเค้าไม่มานั่งคุยกับตาสีตาสาให้มันยุ่งยากหรอก เพราะคนที่เค้าต้องเข้าหาคือ นักการเมืองท้องถิ่น หัวคะแนน ผู้มีอิทธิพล หรือนักธุรกิจประจำท้องถิ่น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นตัวแปรสำคัญในการได้มาซึ่งคะแนนเสียงขนาดใหญ่ทั้งสิ้น และตัวแปรเหล่านี้มีผลอย่างมากในพื้นที่ต่างจังหวัด ทำไม? เฮียถึงบอกว่ามีผลอย่างมากในพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะผลการเลือกตั้งหลายๆครั้งที่ผ่านมี มีการชี้วัดแล้วว่า เขตอิทธิพลของพรรคการเมืองมีผลต่อการได้มาซึ่ง สส. ในแต่ล่ะเขตในขณะเดียวกัน พื้นที่ในเขตกรุงเทพกลับมีการเปลี่ยนแปลงที่สูงกว่า และคะแนนมักไม่ห่างกันมาก มีสิทธิเปลี่ยนขั้วได้ตลอดเวลา ในขณะที่ต่างจังหวัดโอกาศเปลี่ยนแปลงกลับน้อยมาก สาเหตุหลักเลยก็คือ ระบบอุปถัมภ์ภายในชุมชุม โดยปกติแล้วชาวบ้านมักจะได้ความช่วยเหลือจากผู้มีอิทธิพลของชุมชุมเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในสังคมชนบทหรือแม้แต่สังคมเมืองในต่างจังหวัด นักการเมืองท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อบต. อบจ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่อยู่ในลักษณะผู้อุปถัมภ์ของชุมชนนั้นๆ มันจึงกลายเป็นตัวแปรที่ทำให้ชาวบ้าน เลือกพรรคใดพรรคหนึ่ง ตามที่ผู้อุปถัมภ์ต้องการ ในบางพื้นที่ พรรคการเมืองแทบจะส่งคนของตัวเองลงสมัครเพื่่อเป็นนักการเมืองท้องถิ่นเองเสียด้วยซ๊ำ เพราะง่ายต่อการควบคุมโดยพรรคการเมือง และง่ายต่อการสร้างระบบอุปถัมภ์ในชุมชน แต่ในขณะที่บางพื้นที่ พรรคการเมืองก็ไม่อาจเข้าไปยุ่มย่ามได้ เพราะมันเป็นพื้นที่ของตระกูลบางตระกูลที่มีอิทธิพลสูงในเขตพื้นที่นั้นๆ ดังนั้นการตกลงผลประโยชน์กับผู้มีอิทธิพล หรือ ผู้อุปถัมภ์ชุมชน จึงง่ายต่อการได้มาซึ่งคะแนนเสียง มากกว่าการเอาเงินไปให้ตาสีตาสาต่อหัว ทั้งๆที่ก็ไม่รู้คนเหล่านั้นรับเงินไปแล้วจะเลือกหรือเปล่าเสียอีก และอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้ระบบอุปถัมภ์กลายเป็นตัวแปรที่สำคัญได้ก็คือ การขาดความรู้ความเข้าใจในระบบการเมือง และการมองการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว การที่ผู้คนคิดอย่างนี้เฮียเองก็มองว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะไม่ว่าพรรคการเมืองไหนจะก้าวเข้ามาเป็นรัฐบาล พวกเค้าก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร หนำซ๊ำ ยังได้มาซึ่งสิ่งต่างๆที่ระบบอุปถัมภ์มอบให้ ไม่ว่าจะเป็นเส้นสาย หรือ ผลประโยชน์ ในฐานะคนที่เคยทำงานในพื้นเหล่านั้นมาก่อน เฮียขอพูดเลยว่าคำว่า ประชาธิปไตย สำหรับพวกเค้าเป็นอะไรที่ไกลตัวและไม่ค่อยสำคัญ ในขณะทีคำว่า "ได้อะไร" กลับกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนนึกถึงเสียมากกว่าด้วยซ๊ำ เฮียเกา https://www.facebook.com/pages/โคตรเกรียน/283948228476367?fref=ts ต่อด้วยบทความของคุณ Boworn Yasintorn หมายเหตุ ถ้าบทความนี้มีปัญหาบอกนะครับจะลบให้ สะใจไหมครับ คสช. และ สปช.ที่รัก ข่าวจาก นสพ.ไทยรัฐเช้าวันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกุลให้สัมภาษณ์หลายประเด็นการเมืองแบบตรงไปตรงมา ขอนำเพียงบางส่วนมาลงไว้ ณ ที่นี้ "... ไม่ห่วงพรรคทหารที่จะตั้งเพื่อต่อรองอำนาจเพราะที่ผ่านมาพรรคทหารไม่เคยไปรอด และไม่เชื่อว่าคุณสุดารัตน์จะกล้าทิ้งทักษิณมาช่วย ส่วนเนวินคงไม่เล่นการเมืองระดับชาติแล้ว อยู่เป็นเทพเจ้าของวงการกีฬาและของชาวบุรีรัมย์ ส่วนการเลือกตั้งคราวหน้า จะอยู่ราว มิ.ย. ๒๕๕๙ แต่รัฐบาลหลังเลือกตั้งจะอยู่ไม่นาน โดยนักการเมืองส่วนใหญ่ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญต้องมีแก้ไขกันใหม่ ข้าราชการเวลานี้จะเกียร์ว่างรอเวลาเพราะไม่นานรัฐบาลนี้ก็ไป ... การเมืองวันนี้ไม่ต้องไปดูอะไรมาก อย่างตนมาจากนักธุรกิจทำพรรคการเมืองแบบ”ทุนนิยม” ไม่ต้องอะไรมาก ไม่เคยกลัวเลยว่าจะเลือกตั้งแบบไหนทั้งแบบแบ่งเขต รวมเขต จะเรียงเบอร์ไม่เรียงเบอร์ หรือให้เลือกนายกฯโดยตรงได้ทั้งนั้น เพราะ ”ปัจจัยสำคัญอยู่ที่หัวคะแนน” ไม่ใช่ “ผู้สมัคร” ฉะนั้นการเขียนรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการปฏิรูปการเมืองเป็นการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อกัน พ.ต.ท. ทักษิณมากกว่า ..." สะใจไหมครับ นักปฏิรูปทั้งหลายใน สปช. ตราบใดที่ท่านยังหวังแก้ไขการเมืองโดยบูชาคำว่า “การเลือกตั้ง” ท่านก็จะได้นักเลือกตั้งมาเป็นผู้แทน โจทย์ของท่านจึงอยู่ที่การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเสียใหม่ว่า การได้มาซึ่งผู้แทนราษฎรในทางสากล มิใช่มีแต่การเลือกตั้ง (election) อย่างเดียว แต่สามารถใช้การคัดเลือก (selection or chosen) จากทุกอาชีพในสังคมในลักษณะย่อส่วนสังคม ซึ่งคำว่า Freely Chosen Representatives ถูกใช้ในปฏิญญาสากลสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๔๙๑ ข้อ ๒๑ (๑) ระบอบการเมืองแบบรัฐสภาเขาจึงเน้นว่าเป็นการ Chosen แต่ระบอบสาธารณรัฐเขาเน้นที่ Election อยากให้ท่านได้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้กันบ้างครับ อย่าตามก้นการเมืองอเมริกันและประเทศที่เคยล้มล้างระบอบกษัตริย์กันเลย ครับ ... บวร ยสินทร ๔ ม.ค.๒๕๕๘ ปล แล้วทุกท่านมองปัญหาเหล่านี้อย่างไรบ้างครับ
เห็นด้วย อันนี้จริงมากๆ แถวบ้าน มีการพาชาวบ้านไปเที่ยว บ้างก็จัดเลี้ยง ซื้อเสียงแบบแอบแฝง พอเลือกตั้งเขาก็รับเงินพรรคนึง แต่ลงคะแนนให้พรรคที่นักการเมืองท้องถิ่นสนับสนุน
ก็ไม่รู้เค้าซื้อเสียงกันยังไงน่ะ แต่ที่เคยเจอคือ คนมาทำงานต่างจังหวัดยังต้องกลับไปเลือกตั้ง ถามว่าทำไมต้องขนาดนั้น คำตอบคือเดี๋ยวอยู่กับเขาไม่ได้ สรุปเอาเองว่าถ้าส่วนใหญ่ว่าไงต้องว่าตาม หรือไม่ก็มีอิทธิพลบางอย่างคุมชาวบ้านไว้ ใครนอกแถวก็อยู่กันไม่ได้ ประชาธิปไตย?
กระพ๊มยืนยัน นอนยัน ยองๆยันมาแส๊นนานแล้ว... ถ้าไม่แก้ให้คนเข้าใจ ปชต. ไปในทางเดียวกันเสียก่อน ก็เตะหมูเข้าปากหมาปากเหี้ยกเหมือนเดิม ตราบใดคนส่วนใหญ่ยังไม่เห็น ปชต. ไทยคือช้างทั้งตัวเหมือนกัน แต่เห็นแบบตาบอดคลำไปเรื่อย คลำไปเจอหำก็ว่ายาวๆนิ่มๆ ไปเจองาก็ว่าเรียวๆแข็งๆ ฯลฯ ... ... มันก็จะวนเข้ารูปแบบเดิมที่นักแดร๊กเมืองถนัดกัน... ชูความหมายด้านเดียวของ ปชต. ที่ไม่ใช่สาระสำคัญของระบอบเสียด้วย... ทุกวันนี้ถึงร้อง, เห่า, หอน, โหยหวน, คร่ำครวญ, ร่ำร้อง, แหกปากกันเอาแต่สิทธิๆๆ ยังกะที่บ้านเลี้ยงแบบล่ามโซ่ ให้ข้าววันละมื้อ ยังไงยังงั้น... หนักเข้าไปอีก เจื่อกลามปามไปถึงสถาบันด้วยนี่สิ...
เห็นด้วยหลายอย่างครับ 1. โธ่ คุณคิดว่านักการเมืองโง่หรือครับ 2. นักการเมืองเขาไม่มานั่งคุยกับตาสีตาสาให้ยุ่งยากหรอก 3. เขาจะเข้าหาพวก นักการเมืองท้องถิ่น หัวคะแนน ผู้มีอิทธิพลหรือนักธุรกิจ 4. เขตอิทธิพลของพรรคการเมืองมีผลต่อการได้มาซึ่ง สส 5. ระบบอุปถัมภ์ภายในชุมชน 6. ที่สำคัญ การขาดความรู้ความเข้าใจในระบบการเมือง 7. ประชาธิปไตยสำหรับพวกเค้าเป็นอะไรที่ไกลตัวและไม่ค่อยสำคัญ สรุปแล้วยังเป็นเรื่องยาก ที่ระบบการเมืองไทยจะเดินไปข้างหน้า ตราบใดที่คนส่วนมากยังขาดความรู้และความเข้าใจ โดยเฉพาะนิสัยความเป็นไทยๆของเรา
โจทย์ยากนะคะ ทำยังไงจะไม่วนลูป ชาวบ้านขายเสียงเพราะระบบอุปถัมภ์ เพราะซื่อ เพราะไม่รู้ เพราะใครมาปกครองก็เหมือนเดิมงั้นก็รับๆเฉพาะเทศกาลดีกว่า ไม่มีตัวเลือก นักการเมือง ผู้อุปถัมภ์ จ่ายไปเยอะแล้ว ขอถอนทุนคืน หาคนที่จะตั้งใจทำงานการเมืองเพื่อบ้านเมืองจริงๆน้อยมาก ตราบใดที่กฏหมายเอาผิดการทุจริตคอรัปชั่นอ่อนยวบขนาดนี้ ก็คงหมดหวังค่ะ บ้านเมืองทุกวันนี้ คงต้องปฏิรูปกันทุกด้าน โดยเฉพาะการศึกษาเลยค่ะ แล้วก็คงต้องใช้เวลากันซักระยะ ซึ่งช่วงที่ว่าต้องใช้เวลานี่แหละ ที่ตั้งไข่ล้มจนไข่จะแตกอยู่ละ
........ กะจะใช้เงินฟาดหัวซื้อเสียงประชาชน บทสรุปผลออกมา หมดตูดไปกันทั้งพรรค แจกเยอะๆนะ ตูรชอบจังตังส์ แต่ตูรไม่กา กร๊ากกกกกกกกก
ไอ้ขี้เหร่ แปะรูป ปลุกระดมแบบนี้ เค้าใช้หลอกควายแดง ที่ โว้ยทีวี กับ ปลักควายราชดำเนินน๊ะโว้ย ใช้ผิดที่ป่าว
โธ่เฮีย...ทักษิณก็รู้ อภิสิทธิ์ก็รู้ ประยุทธก็รู้ ตี่เตี่ยง ตี่เตี้ยง ก็โอยจ๋าย.... ไม่งั้น มันจะมีคืนหมาหอนเหรอ แต่กฎระเบียบมันตราขึ้นมาให้มีกติกาที่ยุติธรรม และแฟร์เพลย์ สิ่งที่เป็นอยู่ มันจะต้องเปลี่ยนไปในทางทื่ดีขึ้น ถึงจะต้องผ่านความเจ็บปวดจากนักธุรกิจการเมือง ที่หวังผลประโยชน์ในรูปแบบของเงินทอง หรืออำนาจมากกว่าคุณงามความดี บนความมืดมิดทางการเมือง ที่เฮียชอบวิธีนี้ เพราะสามารถใช้หัวคะแนนได้ เฮียก็อย่าลืมกฎของธรรมชาติที่ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า รวยเท่านี้ย่อมแพ้คนรวยกว่า หัวคะแนนไม่แข็งเท่าหัวลูกปืน เพราะนี้คือสิ่งที่เฮียก็ต้องพร้อมจะรับ เหล่าเอี๊ย ปอห่อ...เฮียก่อน ปอเต๊กตึ้ง แล้วกัน บาย
ผมเห็นด้วยว่า สิ่งที่คสช.ควรทำเร่งด่วน ขณะที่ยังมีอำนาจเต็มที่คือ ***ยกเครื่องระบอบยุติธรรม ***ยกเครื่องระบบการศึกษา ***ยกเครื่องเรื่องการเกษตร (เรียงตามความเร่งด่วนนะครับ) ทำได้แค่ 3 อย่างนี้ ประเทศไทยก็พอมองเห็นแสงสว่างแล้วอะครับ ที่เหลือปล่อยให้รัฐบาลที่เข้ามาทีหลังค่อยๆทำไปก็ได้
อันนี้เป็นผลงานวิจัย ของอาจารย์ จุฬาท่านหนึ่ง(สำรวจ 1000 กว่าคนจากคนไทย 60 ล้านคน)เห็นใช้หลายรอบเเล้ว ปล ใช้คนน้อยกว่าพวกโพลตอน เลือกตั้ง ผู้ว่าอีก 555 ปล 2 ไอเงินที่ใช้นั่นคือเฉพาะป้ายหาเสียง presentation ต่างๆไม่ใช่หรอ ไม่เคยมีใครบอกว่าเงินตรงนั้นเอาไปใช้ซื้อเสียงหนิ
เรื้อนหน้าทราม ผู้ใหญ่ที่บ้านไม่ได้สั่งได้สอนหรือไงว่า ... เวลาจะอ้างอิงอะไรต้องอ้างอิงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ในกรณีนี้ก็เช่น หลักฐานข้อมูลจาก กกต. องค์กรกลาง เพราะถ้าไปอ้างหลักฐานจากแหล่งจัญไรข้าง ๆ คู ๆ คนอื่นเค้าจะดูถูกในสติปัญญาและด่าว่าครอบครัวไม่ได้อบรมสั่งสอนเลี้ยงดูมาดีพอ
คนมันจะแถไปเรื่องเเหล่งอ้างอิง เรื่องไม่เป็นเรื่อง มันก็จะเเถไปอย่างนี้อ่ะนะ มันไม่คิดพยายามจะหัดใช้สมองลองค้นหาแหล่งอ้างอิงเอง แล้วมาคิด ที่นำมาแปะจริงหรือเท็จ ไอ้เรื่องสาระสำมะคัญ เเก่นแท้ คือมันไม่คิดพยายามจะหัดใช้สมองลองค้นหาคำตอบ ทำไมพรรควิบัติจังไรใช้เงินมากมายกว่าเค้าตั้งเท่าตัว มันก็ยังแพ้ ที่ไม่อ้างอิง เพราะมันรู้ๆกัน ใครๆก็รู้ข้อมูลที่แปะ มันเรื่องจริง
ถึงว่าพรรคเผาไทยมันถึงโดนยุบพรรคไป 2 ครั้งเพราะทุจริตการเลือกตั้งกรรมการโดนตัดสิทธิ์ไป 5 ปี คุณหน้าเหียกคงแสดงความฉลาดได้เฉพาะแก๊งค์แดงเท่านั้นหละ
การซื้อเสียง มันเป็นเรื่องของ สส แต่ละคน ไม่น่าจะเกิดจากนโยบายของพรรค พรรคเพียงแค่ช่วยสนับสนุนเงินในการหาเสียง แต่ สส บางคนอาจนำไปใช้ในการซื้อเสียงได้ถ้าเขตที่ตนเองลงสมัครคะแนนฐานเสียงที่มีอยู่มันไม่ขาด ก็เลยใช้วิธีซื้อเสียงเข้ามาช่วยเพิ่ม บางคนชนะได้ 100000 คะแนน ไม่ได้หมายถึงว่าซื้อมาทั้ง 100000 คะแนน อาจซื้อแค่ 20000 30000 คะแนนเท่านั้น ซื้อแค่นี้ก็ หืดขึ้นคอแล้ว เพราะการซื้อเสียงมันไม่ใช่ไป ซี้ซั้ว ซื้อได้ ซื้อแล้วต้องชัวร์ว่า เขาเลือกแน่ ซื้อแล้วต้องชัวร์ว่าไม่ได้ไปซื้อเอาคนของฝ่ายตรงข้าม เพราะฉะนั้นที่บอกว่า รับเงินแต่ไม่เลือกนั้น มีน้อยมาก น่าจะเป็นการตอบที่โกหกเสียส่วนใหญ่ หรือไม่ก็พวกที่รับเงินจากผู้สมัครหน้าใหม่กระจอกงอกง่อยประเภทซื้อเสียงส่งเดช หรือซื้อเพื่อตัดคะแนนฝ่ายตรงข้ามให้กับพรรคหลักมากกว่า การที่บางพรรคถูกยุบพรรคเพราะซื้อเสียงนั้น มันเกิดจากตัวบุคคลซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคแล้วเข้าไปมีส่วนช่วยผู้สมัคร ไม่น่าจะเป็นนโยบายของพรรค แต่เป็นเพราะอาจไม่เชื่อว่ากฎหมายจะทำอะไรได้ และต้องการจะปั้น สส ที่ตนเองสนับสนุนให้ได้รับเลือกตั้งนั่นแหละ เลยทำให้พรรค ซวย ไปด้วย จึงไม่น่าแปลกใจหรอกที่ บรรหาร โวยวายมาตลอดว่า การยุบพรรคมันไม่ยุติธรรมและพยายามขอแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้มาตลอด การซื้อเสียง กับ การใช้อิทธิพล น่าจะเป็นคนละเรื่องกัน เพราะปัจจุบันการซื้อเสียงมันมีเหตุมาจากเรื่องหลัก ๆ อยู่สองประการคือ คะแนนฐานเสียงมันสูสี ทำให้จำเป็นต้องซื้อเสียงช่วย และอีกประการหนึ่งก็คือ เป็นพื้นที่ที่ซื้อจนชาวบ้าน เคยตัวแล้ว ก็จำเป็นต้องซื้อเหมือนเดิม ถ้าไม่ซื้อเดี๋ยวมีปัญหากับชาวบ้าน ส่วนอิทธิพลนั้น มันทำได้ทั้งปีโดยการช่วยเหลือชาวบ้านทั้งในเรื่องถูกกฎหมายเช่น งานศพ งานบวช งานแต่ง งานขึ้นบ้านใหม่ งานบุญงานกุศล รวมทั้งเรื่องผิดกฎหมายเช่น เคลียร์กับตำรวจเวลาถูกจับเรื่อง หวย บ่อน ยา ใบขับชี่ หมวกกันน็อค เมาตีหัวชาวบ้าน ขับรถชนคน และอีกสารพัดความเลวทั้งหลาย ถ้าอิทธิพลถึง ๆ คือ คุมตำรวจได้ คุมฝ่ายปกครองได้ ก็ผูกปีชนะ เลือกกี่ครั้ง กี่ครั้งก็ชนะ เรื่องซื้อเสียงดูกระจอกไปเลย เพราะฝ่ายตรงข้ามแค่จะหาผู้สมัครลงแข่งในเขตอิทธิพลยังหาไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงว่าสมัครแล้วจะออกหาเสียงได้หรือไม่ แล้วมันจะไปชนะได้ยังไง ถ้าจะปฏิรูปการเมืองให้ใสสะอาดไม่ต้องไปคิดค้นวิธีเลือกตั้งให้มันยุ่งยากหรอก แต่หาวิธีกำจัดอิทธิพล ไม่ให้การเมืองเข้าไปแทรกแซง คุมตำรวจ คุมฝ่ายปกครองได้ มันก็สามารถแข่งกันได้อย่างยุติธรรมแล้ว เรื่องซื้อเสียงมันเรื่องกระจอก ถ้าตำรวจทำงาน ฝ่ายปกครองทำงาน ไม่มีใครกล้าซื้อหรอก
นี่แหละน้า ที่บอกว่าเรื้อนขึ้นหัวจนสมองร่อยหรอไปหมดแล้ว ตรรกะวิบัติจัญไร เพราะถูกเลี้ยงดูอบรมมาไม่ดีพอถึงไม่รู้จักจดจำเหตุการณ์เรื่องราวที่ผ่านมาซะบ้างเลย หลับหูหลับตากินหญ้าจนไม่ดูข้อเท็จจริง เอาแค่ตอนเลือกตั้งน่ะ แถวบ้านเรื้อนมีป้ายหาเสียงของพรรคไหนมากกว่า แขวนติดถี่ ๆ กว่ากัน ทำป้ายเยอะกว่า หาเสียงหนักกว่า แต่ทะลึ่งแจ้งค่าใช้จ่ายนิดเดียว ..... มันจะเป็นไปได้อย่างไร ชนะจนโดนร้องเรียน โดนใบเหลืองใบแดงมากที่สุดในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พรรคประเภทนี้คงถูกจริตของเรื้อนหน้าทรามสมองฝ่อตรรกะจัญไร มากเลยล่ะซิท่า ถ้าเรื้อนเชื่อว่า มันใช้เงินแค่นั้นจริง ๆ ช่วยสาบานต่อหน้าหลุมบรรพบุรุษว่าถ้าพรรคเพื่อนควายใช้เงินแอบแฝงมากกว่าที่แจ้งบัญชีไว้ ขอให้เรื้อนจงประสบกับความฉิบหาย บ้านแตกสาแหรกขาดไร้ลูกหลานสืบสกุล ผู้ชายต้องไปเป็นทาสผู้หญิงต้องไปเป็นโสเภณี ตายด้วยคมหอกคมดาบ (นี่เอาคำแช่งโบราณเก่าแก่มาเพื่อความขลัง)
ก็แบบนี้ไงที่เค้าเรียกไม่ใช้สมอง มันเป็นไปได้หรือ ใช้เงิน 93 ล้าน ในการเลือกตั้ง ถึงได้บอกไง ว่า ตัดต่อรูปแบบนี้ เอาไว้หลอกควายที่โว้ยทีวี กับ คอกกระบือ ราชดำเนิน มีแต่คนสมองควายเท่านั้นแหละที่เชื่อ 5555
ปากหนอปาก ปากดีๆอย่างนี้ จะดูว่าปัญญาที่มี มันจะมีดีอย่างปากบ้างไหม จะไล่ตบเกรียนต้อนเหมือนวัวควายให้ปากหายเหม็นไปไม่เป็นเลยทีเดียวเชียว….. บอกไว้ก่อนนะ ทั้งหมดที่พล่ามพ่นส่งเดชมา มันมีหลายประเด็น หลายเรื่องที่จะทำให้ถูกตบกระบาลหน้าหงายง่ายๆ เอาไปทีละประเด็นนะ เอาจิ๊บๆเบาๆก่อน… ชนะจนโดนร้องเรียน โดนใบเหลืองใบแดงมากที่สุดในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งพรรคประเภทนี้คงถูกจริตของเรื้อนหน้าทรามสมองฝ่อตรรกะจัญไร มากเลยล่ะซิท่า พอดีเป็นคนเชื่อคนยากอ่ะครับ ต้องคิดและวิเคราะห์หาข้อมูลก่อน ก่อนจะตัดสินใจจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เลยได้ข้อมูลมาว่า ที่ผ่านมา เลือกตั้งเสร็จ กกต.สามารถรับรองส.ส.ครบทั้ง 500 คน ให้เปิดสภาได้เลย ที่ผ่านมา เป็นการเลือกตั้งที่ไม่มีการแจก "ใบแดง" ให้กับว่าที่ส.ส.เลยแม้แต่ใบเดียว ที่ผ่านมา มีเพียงการแจกใบเหลืองให้ว่าที่ส.ส.เพียงแค่ไม่กี่ใบพรรคจัญไร ปชป.ก็มีเอี่ยว และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่เท่านั้น แล้วที่พ่นออกมานั้น คุณคาบข้อมูลมาจากไหนครับ?? หรือมักง่ายตอแหลอย่างศาสดาเขียนส่งๆ มโนโดยไร้สติปัญญาเอาเอง เหลือเชื่อ!เป็นครั้งแรกที่กกต.ลืมแจก "ใบแดง" http://www.thairath.co.th/content/pol/191023 กกต.แจก 3 ใบเหลือง สส.กทม.ปชป. - ภท.โดน 2 http://hilight.kapook.com/view/72451
บอกได้คำเดียวว่า "เหนื่อย" ครับ เพราะใครมันจะอยากไปทำอะไรที่พวกตัวเองไม่ได้ประโยชน์ หละครับ เอาง่ายๆเรื่องการศึกษายังไม่ค่อยจะทำกันเลย ปล ผมว่า "กฏหมาย" ไม่น่ามีปัญหาหรอก แต่คนบางคนพอมีอำนาจมันไม่ยอมรับนี่สิ
5555 แบบนี้ เค้าเรียกใช้สมองแล้วอะดิ มิน่า พวกที่คอกกระบือราชดำเนินมันถึงโง่เป็นควายกันหมด โดนยุบ มา 2 พรรค ไม่ใช่เพราะโกงเลือกตั้งดอกหรือ ดีแต่จะไปอ้างว่า ศาลเอียง แต่ไม่พูดถึงถุงขนม 2 ล้าน
ใครชนะเลือกตั้งผมก็รับได้ทั้งนั้นแหละ แต่ที่สำคัญคือ ระบบตรวจสอบสามารถทำงานได้ก็พอแล้ว โดยคำว่าทำงานได้ก็หมายความรวมถึง อย่างรวดเร็วด้วยนะ
ตกลงเรื้อนหน้าทราม เชื่อหรือไม่เชื่อว่า พรรคนั้นใช้เงินแค่ 93 ล้านจริง ๆ เพราะไม่ยักจะกล้าสาบานเลยแฮะ ถ้าเชื่อด้วยความใสซื้อ(บื้อ)บริสุทธิ์ สาบานมาได้เลยนะ
