http://www.dailynews.co.th/politics/371419 "เชาวรินธร์" ขอคืนยศ "ร.ต.ท." หลังพ้นคุกแล้วเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.58 ชี้ไม่ต้องรอ "สตช." ถอดให้ เชื่อ "คสช." อยู่อีกยาว เตรียมออกหนังสือแฉจุดดำกระบวนการยุติธรรมไทย เมื่อวันที่ 6 ม.ค. ที่รัฐสภา ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักย์ศิริ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคเพื่อไทย ผู้ต้องโทษความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนจากกรณีเมื่อระหว่างวันที่ 1 พ.ค.-30 มิ.ย.50 ได้นำข้อความลงประกาศในหนังสือพิมพ์หลายฉบับเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไป สั่งจองและซื้อวัตถุมงคล จตุคามรามเทพ รุ่น “ทรัพย์สินเนืองนองเงินทองไหลมา” โดยจำเลยเป็นประธานกรรมการในการจัดสร้าง พร้อมกับปลุกเสกที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) และศาลหลักเมือง แต่ไม่เป็นความจริง เพราะไม่มีการนำวัตถุมงคลดังกล่าวไปปลุกเสกตามสถานที่กล่าวอ้าง และถูกจำคุกเป็นเวลา 10 เดือน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ และพ้นโทษออกมาแล้วตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.58 ที่ผ่านมา โดย ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ได้เดินทางมายังรัฐสภา พร้อมกล่าวกับสื่อมวลชนว่า ตนมาเพื่อประกาศขอถอดยศตำรวจ “ ร.ต.ท.” โดยอาศัยอำนาจตามในมาตรา 11(4) มาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 เพื่อเป็นการรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และไม่ต้องรอให้ สตช.ทำเรื่องถอดยศตัวเอง ส่วนอนาคตทางการเมืองขณะนี้ยังไม่ได้คิด เพราะเชื่อว่ารัฐบาล คสช.จะอยู่อีกยาว อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะออกหนังสือส่วนตัวชื่อ “โชคดีที่ติดคุก” ที่ขณะนี้ได้เขียนต้นฉบับเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยนำเสนอเรื่องราวประวัติของตัวเองที่ผ่านมา และเรื่องที่เกิดในคุกตลอดเวลาที่ถูกคุมขัง อาทิ เหตุการณ์เด็กอายุประมาณ 14-15 ปีชาวพม่า กัมพูชา ที่ถูกผู้ประกอบการแรงงานของไทยไม่จ่ายค่าจ้าง โดยสั่งให้ตำรวจจับตัวเข้าคุกไปเพื่อล้างหนี้ จึงเรียกร้องให้ทูตพม่า และกัมพูชา เข้ามาดูแลพลเมืองของตัวเองด้วยขณะที่ทางการรัฐบาลก็ต้องดูแลเรื่องนี้ เพราะเข้าสู่เออีซีแล้ว ร.ต.ท.เชาวรินธร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบปัญหาเรื่องที่รัฐบาลบอกเรื่องคนล้นคุก แต่ปรากฎว่าเป็นการกล่าวอ้างที่สวนทางกับความเป็นจริง เพราะไม่ยอมช่วยเหลือนักโทษที่อายุตั้งแต่อายุ 65 ปีที่รับโทษ 1 ใน 3 และเหลือโทษไม่ถึง 2 ปีและอายุต่ำกว่า 65 ปี รับโทษมาแล้ว 1 ใน 2 เหลือโทษไม่ถึง 2 ปี โดยระเบียบจะต้องทำเรื่องพักโทษให้ออกไปอยู่ข้างนอก และปฏิบัติตัวตามเงื่อนไข แต่ปี 2558 กระทรวงยุติธรรมกลับไม่ดำเนินการ ผู้สื่อข่าวถามว่า การถอดยศของตัวเองต้องการประชดไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ กล่าวว่า “ไม่เกี่ยวกัน” ส่วนเรื่องคดีของนายทักษิณช่วงที่ถูกดำเนินคดีที่ดินรัชดา ตนเคยให้คำปรึกษาทางกฎหมายไปแล้ว แต่อดีตนายกฯ ไม่เชื่อ และหลังจากนั้นก็ไม่กล้าให้คำปรึกษาและติดต่อกันอีกเลย และตนมั่นใจว่าหากวันนั้นนายทักษิณเชื่อก็ไม่ต้องรับโทษและอยู่ต่างประเทศอย่างนี้ หลังจากติดตามเรื่องการถอดยศของนายทักษิณ ผมคิดว่า สตช. และ คสช.ทำไม่ถูกต้อง และก้าวล่วงพระราชอำนาจ เพราะในมาตรา 28 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติพ.ศ. 2547 ระบุว่าสามารถกระทำได้โดยพระราชโองการเท่านั้น”อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคเพื่อไทย ระบุ --------------------------------------------------------------------------------------------------- เอาที่สบายใจเลยครับ เจ้าของหนังสือ ฅนบ้าของแผ่นดิน แต่บ้าแบบล้ำเส้นไปเยอะ
ข้อ เเรกต้องดูก่อนเลยนะว่า เป็นเหตุการณ์ปกติหรือเปล่า เช่น ไม่มีรัฐประหาร กรณีของทักษิณ มีมาตรา 44 ระบุการใช้อำนาจอย่างชัดเจน ซึ่งถือเป็นความชอบธรรมในการใช้อำนาจนั้น กฏหมายอะไรก็ตามที่ออกมาในช่วงรัฐประหารในความคิดของผมถือว่าไม่มีความผิดครับ
อย่างไรก็ตาม หมอนี่เคยพูดความจริงอยู่ครั้งหนึ่ง จำพ.ศ.ไม่ได้ แต่แกให้สัมภาษณ์หลังแพ้เลือกตั้งที่ราชบุรี แกบอกว่าแกแพ้เด็กหนุ่มพ่อแม่รวย เด็กหนุ่มคนนั้นเดินในเมืองราชบุรียังหลง แต่ก็ได้รับเลือกตั้งเป็นสส. คงพอเดาออกว่าเด็กหนุ่มคนนั้นชนะเลือกตั้งด้วยวิธีใด นี่เป็นเหตุที่ผมไม่เกลียดคสช.เลย เลือกตั้งน่ะดี แต่คนไทยต้องพร้อมกว่านี้
เรื่องถอดยศทักษิณด้วยมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว นั่นก็เป็นเหตุผลเรื่อง ไม่ต้องการให้ระคายเคืองเบื้องสูง ทีอย่างนี้จะห่วงเบื้องสูง ตอนเบื้องสูงถูกจาบจ้วงไม่ยักกะห่วง