ข้อสังเกต 1. ช่วงนี้ราคาน้ำมันขาลง ราคาดีเซลที่โรงกลั่นลดลงต่อเนื่อง คสช.ยึดอำนาจ 22 พ.ค.57 ลิตรละ 26.29 บาท วันนี้ (9 ต.ค.57) ราคาโรงกลั่นลิตรละ 22.52 บาท (ราคาโรงกลั่นลดไป 3.77 บาท/ลิตร) แล้วรัฐบาลจะดันราคาน้ำมันดีเซลขึ้นไปให้ใคร? 2. ปัจจุบัน กองทุนน้ำมันฯ เก็บดีเซลลิตรละ 2.10 บาท ถามว่าเก็บไปให้ใครอีก ในเมื่อรัฐบาลขึ้นราคาแก๊สรถไปแล้วบอกว่าจะปิดหนี้กองทุนน้ำมันได้ภา่ยใน 1 ปี แล้วล่าสุดยังจะขึ้นแก๊สบ้านแก๊สรถอีก 5.22-5.85 บาท/กก. อีก จะเอาเงินเข้ากองทุนน้ำมันไปไว้อมกันตอนตายหรือ 3. ถ้ารัฐบาลอยากได้ภาษีมากขึ้น ก็ลดเก็บกองทุนน้ำมันแล้วเพิ่มในภาษีสรรพสามิตแทนสิ หากเพิ่มแค่ 1 บาท จากตอนนี้เก็บอยู่ 75 สต. ก็จะได้ 1.75 บาท/ลิตร รัฐบาลจะได้เงินเพิ่มจากวันละ 39 ล้านบาท เป็นวันละ 91 ล้านบาททันที นี่คิดจากฐานการใช้เดือนสิงหาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการใช้ไม่เยอะนะ ถ้าคิดตลอดทั้งปีรัฐบาลจะเก็บเงินจากภาษีสรรพสามิตที่เก็บจากน้ำมันดีเซลได้ถึง 33,000 ล้านบาท (สามหมื่นสามพันล้านบาท) เป็นอย่างน้อย 4. ค่าการตลาดขายดีเซล สูงถึงลิตรละ 2.33 บาท (วันละ 121 ล้านบาท) ดูแลและลดซะแล้วเพิ่มเป็นภาษีเข้ารัฐ เงินที่ง้างออกมาได้จากกองทุนน้ำมันและค่าการตลาดแบบแพงๆ แล้วเปลี่ยนใส่เป็นภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล น้ำมันดีเซลก็ยังไม่เกิน 30 บาท/ลิตรได้ เงินที่รัฐได้เพิ่มถ้าฉลาดไม่โกง ก็เอาไปทำรถไฟรางคู่ อุดหนุนรถสาธารณะ ไม่ต้องกู้เงินจะดีกว่ามั้ย ปัจจุบันปั๊มน้ำมัน ปตท. ครองตลาดมากกว่าใครร้อยละ 39 รองลงมา เอสโซ่ 10% บางจาก 10% เชลล์ 9% คาลเท็กซ์ 7% ที่เหลือไปรายเล็กๆ 36 ราย กินส่วนแบ่งตลาดเฉลี่ยต่อรายไม่ถึง 1% แล้วใครจะไปสู้พี่เขาได้ อย่างนี้ไม่น่าเรียกว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่แท้จริงได้ั เงินค่าตลาดที่ฟูขึ้นไหลไปที่ใครไม่ต้องคิดมาก เรื่องนี้ รมว.พลังงาน นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ออกมาบอกว่า "ค่าการตลาดที่สูงขึ้นมากทั้งดีเซลและเบนซิน อยู่กับภาคเอกชนตัดสินใจจะปรับลดราคาหรือไม่..." (ที่มาhttp://m.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1412595370) เจอคำพูดเทพๆ แบบนี้ ต้องบอกว่ากรรมของประชาชนที่ได้คนนี้มาเป็นเจ้ากระทรวง แถมยังปล่อยให้ข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพลังงานก็ไปนั่งเป็นกรรมการอยู่ในบริษัทน้ำมันรับเงินเดือนโบนัส เบี้ยประชุม คนละหลายล้านบาทกันเป็นแถว ไหนว่าจะมาเพื่อปฏิรูปไงล่ะ ผลประโยชน์ทับซ้อนมันคือต้นทางของการทุจริตคอรัปชั่น ไม่กระดิกเลย สุดท้าย...คนที่น่าจะมีหน้าที่ในการดูแลค่าการตลาดขายปลีกน้ำมันที่หน้าปั๊มอย่าง รมว.พาณิชย์ล่ะ เงียบเหมือนกัน เสียดายอุตส่าห์เป็นชายชาติทหาร จะใจจืดใจดำปล่อยให้ชาวบ้านถูกเอารัดเอาเปรียบแบบนี้ต่อไปหรือ? หมายเหตุ - ข้อมูลจากกรมธุรกิจพลังงานที่อัพเดตที่สุดแจ้งว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2557 ที่ผ่านมาประเทศไทยใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ววันละ 52 ล้านลิตร (ปี 2556 เฉลี่ยทั้งปีตกวันละ 56 ล้านลิตร) — with Gunthorn Sangsakul ST Mephistopheles. Goosoogong o_O ตกลงแม่เมิงยังไงกันแน่... อ้างรอดูปฏิรูป... เหียกแม่มก็ปฏิลูบ... จับแม่มคนให้สินบน แต่แม่มขูดรีด ข่มขู่ ข่มขืน กลั่นแกล้ง อุ้ม ปล้น ฆ่า ฯลฯ แม่เมิงไม่พูดสักแอะ... มาอิหรอบเดียวกัน... เรื่องเหียกๆ พวกเมิงก็รับกันไปแล้วกัน... เจื่อกเป็นแค่ ปชช. เมิงอย่าไปให้มันเด่ะ... น้ำมันเมิงไม่ใช้ก็ไม่มีใครว่า เดินเอาเด่ะ ไฟฟ้าแพงก็ไม่ต้องมี จุดเทียนเอาเด่ะ น้ำไม่สะอาด ก็ไม่ต้องอาบน้ำเด่ะ... ...พ่องเด่ะ... !!! เบื่อแม่เมิงโคตรๆ... แม่เมิงมันยุคเสื่อม เสื่อมเรื่อยๆแล้วจิงๆ... ไปนั่งมาทิกันเห๊อะ...
ไม่แน่ใจนะ แต่เข้าใจว่าที่ยังเก็บกันแบบไม่ยั้ง ช่วงราคาน้ำมันลง เป็นเพราะกองทุนน้ำมันยังติดลบอยู่ ใครมีตัวเลขกองทุนน้ำมันมั้ยครับว่า บวก หรือ ลบ
9000ล้านมั้ง http://bit.ly/1o2VV6g คนทำรูปข้างบนเขาแกล้งลืมว่ากองทุนน้ำมันติดลบอยู่ เพราะเอาไปชดเชยราคาแก๊ส ถ้าจะยกเลิกกองทุนน้ำมัน ก็ต้องยกเลิกการอุดหนุนราคาแก๊สและพลังงานทางเลือกพวกe80 ก็ไม่รู้สินะ ขนาดรัฐบาลปูยังไม่รอดเลย ต้องขึ้นราคาแก๊สลูกเดียว อิอิ ผมเสนอให้ขายน้ำมันราคาหน้าโรงกลั่นแล้วกัน ส่วนแอลกอฮอลเลิกเอามาผสมน้ำมันซะ เอามาผสมโซดาดีกว่า
อยากทราบว่าข้อมูลที่ทำนี่เป็นพวกไหนทำ พวกทวงคืนหรือเปล่าถ้าใช่ พวกนี้ก็ Half Truth ประจำ เบื่อละ ยึดแต่ข้อมูลด้านเดียว แถมยังไม่ถูกต้องทั้งหมดด้วย เพลีย 55
https://www.facebook.com/antiamnesty/posts/892164960812764 ลุงคนนี้เสนอให้รัฐบาลออกคำสั่งให้เอากำไรปตท. ไปจ่ายหนี้กองทุนน้ำมัน ผมว่าเจ๋งดีนะ คิดได้ไง สุดยอดจริงๆ
"พุทธะอิสระ" แจงปมครหา รับผลประโยชน์ เข้าข้างปตท. ทรยศประชาชน ลั่นไม่ถอดใจไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร เฟซบุ๊คของหลวงปู่พุทธะอิสระได้โพสต์ข้อความวันนี้ (9ต.ค.) ระบุถึงความมุ่งมั่นที่จะหาทางออกเรื่องการปฏิรูปพลังงานต่อไป แม้ว่าจะถูกต่อว่าในหลายประเด็นก็ตาม... พุทธะอิสระ ระบุว่าหรือว่าคนจะตายเพราะน้ำลายชาวบ้านวันเสาร์ที่ ๔ ต.ค. ๕๗ หลังจากบรรดาแกนนำแต่ละจังหวัดมาร่วมงานวันเกิดแม่ ตอนบ่ายฉันเชิญประชุมเพื่อเตรียมหัวข้อเสวนาพลังงานรอบ ๔ ที่ศาลาวัดอ้อน้อย ซึ่งทางฟากผลประโยชน์พลังงานขอเลื่อนออกไป ฉันเปิดโอกาสให้ทุกคนพูดถึงมุมมองของแต่ละคน ผลปรากฏว่า แต่ละคนได้อธิบายถึงสิ่งที่ตนคิด และได้รับผลกระทบจากการที่ฉันทำหน้าที่ผู้ดำเนินรายการเสวนาพลังงานที่หอประชุมสโมสรกองทัพบก ซึ่งโดนกล่าวหาว่า รับผลประโยชน์ เข้าข้าง ปตท. ทรยศประชาชน และด้วยข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงเช่นนี้ ผลกระทบจึงเกิดขึ้นแก่แกนนำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งโดนด่า โดนตำหนิ โดนโจมตี ดูถูกเหยียดหยาม ที่พรั่งพรูเข้ามาหาฉัน แล้วพวกแกนนำเป็นเดือดเป็นแค้นออกไปรับแทน อีกทั้งแต่ละจังหวัดกลัวว่าจะเสียมวลชน จึงได้ขอร้องให้ฉันวางมือจากการต่อสู้เรื่องพลังงาน เพราะภาคที่เวทีแจ้งวัฒนะของพวกเราที่เป็นยอมรับ แต่พอฉันมาจัดเสวนาเรื่องพลังงาน กลับมีผลสะท้อนกลับมาเป็นลบ ทำให้บรรดาแกนนำบางคนจึงรู้สึกกังวลว่า หากขืนทำต่อไปจะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย ฉันตอบพวกเขาว่า ชั่วชีวิตฉันไม่เคยคิดจะรักษาภาพลักษณ์ แต่ฉันจะให้ความสำคัญต่อการรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่า หากเป็นเพราะน้ำลายลมปากของชาวบ้านที่ไม่เข้าใจเรา แล้วทำให้เราหยุดเดินหน้าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่คนทั้งชาติ เช่นนั้น สู้ให้ฉันตายเสียดีกว่า ฉันยังจะสมควรเรียกขานตนเองว่าพญาราชสีห์อีกกระนั้นหรือ ถ้าแค่ฟองน้ำลายและลมปากชาวบ้านเป็นเหตุให้ฉันต้องหยุดสู้ และฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร หากเราเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด โดยไม่คำนึงถึงความทุกข์ยากเดือดร้อนของผู้คนที่ร่วมต่อสู้กันมา ว่าพวกเขามุ่งหวังอะไรในตัวเรา แล้วฉันจะกล้าทำให้พวกเขาผิดหวังได้กระนั้นหรือ หากพวกแกนนำมาขอร้องให้ฉันหยุดเพราะเป็นห่วงฉัน ฉันขอบอกว่าขอบคุณ ไม่ต้องห่วงฉันหรอก ยังไงฉันยังเชื่อในคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงสอนว่า “สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ รู้ได้เฉพาะตน ไม่ใช่ด้วยลมปากชาวบ้าน” “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” ใครจะว่าฉันละเลยสมบัติของชาติ ปล่อยให้กลุ่มผลประโยชน์พลังงานสวาปามกัน กินกันอ้วนพลี ฉันก็อยากถามว่า สิบกว่าปีที่พวกคุณสู้มา ทำอะไรกันอยู่ แล้วสิ่งที่พวกคุณทำมันสามารถทวงคืนสมบัติชาติกลับคืนมาให้คนไทยได้หรือเปล่าล่ะ ทำไมไม่ทบทวนวิธีการให้เหมาะสมเข้ากับสถานการณ์ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนเอาไว้ว่า สัตบุรุษ คนมีปัญญา ควรจะต้องรู้เหตุ รู้ผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักสถานที่ รู้จักบุคคล และรู้จักชุมชน ฉันโดนบรรพบุรุษสั่งสอนมาเช่นนี้ ฉันจึงรู้ว่าเวลา สถานที่ ชุมชน บุคคล เหตุและผล ควรจะทำอะไรก่อนหลัง นั่นเป็นเพราะฉันรู้จักประมาณตนเอง เอาประโยชน์ของชาติ ประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาความสะใจ ถูกใจ แต่ไม่ถูกกาลเทศะ ไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธีต่อสู้เรื่องพลังงานฟอสซิลตามสไตล์ของฉัน หากอยากรู้ พวกคุณต้องตามดูกันต่อไป แต่ถ้าไม่อยากรู้แล้วใช้บรรทัดฐานของตนเองมาด่วนสรุป เช่นนั้น ฉันคงช่วยอะไรคุณไม่ได้ คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวรตามกรรม ที่จริงยังไม่ควรต้องมาอธิบายความว่า การที่ฉันมุ่งหวังไปที่พลังงานทางเลือก แล้วเลียบเคียงให้กลุ่มผลประโยชน์พลังงานเสียสละผลกำไรของตนที่ไม่เกี่ยวกับภาษีค่าภาคหลวง และเงินส่วนแบ่งที่รัฐพึงได้ ขอให้ทุกบริษัทที่ได้รับผลประโยชน์จากสมบัติของคนไทย นำกำไรส่วนหนึ่งมาอุดหนุนค้นคว้าวิจัย สร้างพลังงานทางเลือก ทดแทนพลังงานฟอสซิลที่พวกเราใช้ไปในรูปแบบของการให้เปล่าแก่ทุกจังหวัดของประเทศไทย เพื่อป้องกันไม่ให้พลังงานในประเทศขาดแคลนเหมือนดังประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ที่ต้องสลับกันเปิดปิดไฟในแต่ละจังหวัด การสู้เรื่องพลังงานของฉันครั้งนี้ ฉันต้องมั่นใจว่า อนาคตลูกหลายไทยต้องมีพลังงานใช้อย่างยั่งยืน ส่วนนักสู้กลุ่มใดคิดว่าตนมีวิธีอื่นๆที่ดีกว่า ขอให้ช่วยๆกัน เพราะคุณไม่ได้ทำเพื่อฉัน ฉันก็ไม่ได้ทำเพื่อคุณ วิธีไหนก็ได้หากจะทำให้บ้านเมืองมีพลังงานใช้ได้โดยไม่ขาดแคลน อย่างยั่งยืน ถือว่าดีทั้งนั้น และสุดท้าย ท้ายสุด ต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้ ฉันรับรอง รับปากกับพวกคุณว่าจะไม่ทำให้ผิดหวัง ฉันไม่ถอดใจไม่ว่าจะเกิดเหตุอะไร ยกเว้นฉันจะตายหรือไม่มีใครร่วมมืออีกแล้ว พุทธะอิสระ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ http://www.bangkokbiznews.com/home/...9/610176/¾ط¸ÐÍÔÊÃÐᨧ»ÁÃѺ¼ŻÃÐ⪹컵·.·ÃÂȻªª..html
o_O อ่านแต่ละท่านกระพ๊มจับใจความได้ถึงมุมมองที่ทุกคนเห็นถึงความฉ้อฉล ปลิ้นปล้อน... แต่ทำไมไม่พูดให้ตรงประเด็นกัน แล้วจับมือหาทางออกด้วยกัน... ... ไหนบอกทำเพื่อส่วนรวมเหมือนกันมิใช่หรือ? หรือมันมีอันใด ยังไงกันแน่...???
