เห็นด้วยหรือไม่? "ปัญหาต่างระดับ ‘ทักษิณ-ธรรมกาย’"

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย Redbuffalo010, 12 Mar 2015

  1. Redbuffalo010

    Redbuffalo010 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    3 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    6,457
    จากมติชนออนไลน์ ส่วนตัวก็คิดว่าผู้เขียน เขียนได้ชัดเจนดีครับ

    ปัญหาต่างระดับ ‘ทักษิณ-ธรรมกาย’
    วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 00:45:31 น.
    14260943291426094377.jpg
    สุรพศ ทวีศักดิ์ นักวิชาการ/คอลัมนิสต์ด้านศาสนา

    14260943291426094367l.jpg

    แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร หรือไม่เห็นด้วยกับการใช้วิธีรัฐประหารขจัดคุณทักษิณ ชินวัตรเพียงใด แต่ถ้าเรายืนยัน “หลักการประชาธิปไตย” เราก็ต้องวิจารณ์คุณทักษิณอย่างตรงไปตรงมาด้วย

    ดังที่อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ชี้ให้เห็น เช่น การที่คุณทักษิณไม่ได้แสดงบทบาทเป็นผู้นำประชาธิปไตยที่ชัดเจน ขณะที่อาศัยพลังคนเสื้อแดงจำนวนมากออกมาเสี่ยงตายต่อสู้ทางการเมืองสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล

    แต่เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วแทนที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมแก่นักโทษการเมืองระดับชาวบ้านธรรมดา ซึ่งมีความชอบธรรมที่สุดและมีความเป็นไปได้ในทางการเมืองมากกว่า แต่กลับพยายามจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม “เหมาเข่ง” และมีการเล่นการเมืองในสภาหลายอย่างที่เป็นการทำลาย “ความชอบธรรม” ของเสียงข้างมาก จนนำมาสู่ความขัดแย้งและรัฐประหาร 2557

    หลังเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าการเมืองในสภายังเป็นการเมืองที่ทำลายความชอบธรรมของเสียงข้างมาก นอกจากจะเป็นการเมืองที่ห่างไกลจาก “ความเป็นประชาธิปไตย” ที่เราต้องการ ยังเป็นการเมืองที่ทำลายเจตนารมณ์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชนอีกด้วย

    ขณะเดียวกันเมื่อเกิดกรณีเรียกร้องให้เอาผิดเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายขึ้นมาอีกก็มีการมองกันทำนองว่า การมุ่งขจัดเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายก็ไม่ต่างอะไรกับการมุ่งขจัดคุณทักษิณ

    แต่ที่จริงแล้ว ปัญหาคุณทักษิณกับเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายมีความซับซ้อนต่างระดับกัน ขณะที่คุณทักษิณถูกทำรัฐประหารโดยอำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไม่ได้ถูกกระทำในลักษณะเดียวกันหรือแม้แต่คล้ายกัน

    วัดพระธรรมกายก็คือวัดภายใต้ระบบการปกครองสงฆ์แบบทางการคือ “มหาเถรสมาคม” แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับระบบปกครองสงฆ์แบบทางการ เพราะขัดหลักการ “แยกศาสนาจากรัฐ” หรือขัดหลักการรัฐฆราวาส/เสรีประชาธิปไตย(ที่ยังไม่ใช่คุณสมบัติของ “รัฐไทย” ในเวลานี้) แต่โดยการยืนยันหลักการนี้ ก็หนีไม่พ้นที่เราจะตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์ธรรมกายด้วยเช่นกัน

    ตัวอย่างเช่น แม้ธรรมกายจะอยู่ภายใต้ระบบปกครองสงฆ์แบบทางการ แต่ก็มีแนวทางบริหารองค์กรแบบเอกชน และมีอิสระในการเผยแผ่เชิงรุกตามแนวทางของตนเอง สภาวะที่อยู่ใต้ปกครองขององค์กรสงฆ์แบบทางการ แต่บริหารจัดการอย่างอิสระแบบเอกชนดังกล่าว ทำให้ธรรมกายสามารถจะมี “สิทธิพิเศษ” บางอย่าง เช่น สามารถอาศัยอำนาจบารมีพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม กลไกการปกครองสงฆ์แบบทางการ อำนาจรัฐ กลไกราชการเพื่อขยายการเผยแผ่พุทธศาสนาเชิงรุกตามแนวทางของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือกว่าสำนัก วัดใดๆ หรือแม้แต่มหาเถรสมาคมเองจะทำได้

    ดังเห็นได้จากการจัดบวชพระทีละเป็นแสนรูปแล้วส่งไปอยู่ตามวัดต่างๆ(ทั้งที่วัดเหล่านั้นไม่ได้ขึ้นต่อวัดพระธรรมกาย) การจัดบิณฑบาตพระทีละเป็น 10,000 รูป โดยนิมนต์พระจากวัดต่างๆ และอาศัยหน่วยงานราชการ สถานศึกษา ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม การผลักดันโครงการปฏิบัติธรรมของตนเองให้เป็นโครงการของรัฐที่ใช้งบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท การจัดหลักสูตรวิชาพระพุทธศาสนาตามแนวทางของตัวเองในโรงเรียนของรัฐ อาศัยกลไกราชการเกณฑ์ครู นักเรียน นักศึกษาเข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรม ตอบปัญหาธรรมะ หรืองานสำคัญๆ ของวัดครั้งละหลายพัน หรือเรือนหมื่นเป็นต้น

    หากการดำเนินการทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องขององค์กรศาสนาเอกชนที่เข้าไปทำความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ นั่นก็เป็นเรื่องที่เราพอมองได้ว่าไม่แปลกอะไร จะถือว่าธรรมกายก็อยู่ใน “ตลาดเสรีทางจิตวิญญาณ” ในโลกสมัยใหม่ก็ย่อมได้ แต่ปัญหาคือในสังคมที่ยังไม่แยกศาสนาจากรัฐ ตลาดเสรีเช่นที่ว่ายังไม่เกิดขึ้นจริง

    ทว่าภายใต้ระบบที่ไม่มีตลาดเสรีทางจิตวิญญาณจริง ธรรมกายก็คือองค์กรสงฆ์แบบทางการที่ใช้วิธีบริหารจัดการแบบเอกชน พร้อมๆ กับใช้อำนาจ กลไกระบบปกครองสงฆ์และอำนาจรัฐ กลไกราชการเผยแผ่พุทธศาสนาตามแนวทางของตัวเองรุกเข้าไปในพื้นที่สาธารณะเช่นหน่วยงานราชการ โรงเรียนได้มากที่สุด

    ที่สำคัญธรรมกายไม่ได้ถูกขจัดโดยอำนาจอื่นเหมือนคุณทักษิณ แต่ธรรมกายอยู่ภายใต้การปกครองของมหาเถรสมาคม ได้เลื่อนสมณศักดิ์ ได้รับการสนับสนุนจากพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม ขณะเดียวกันธรรมกายก็ทำประโยชน์แก่คณะสงฆ์มาก เช่นให้ทุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแก่พระสงฆ์ จัดบิณฑบาตช่วยเหลือพระสงฆ์ใน 3 จังหวัดภาคใต้ เป็นต้น

    แน่นอนว่า ปัญหากรณีธรรมกาย อาจจะมีคนจำนวนหนึ่งที่ไม่ชอบแนวคำสอนและการเผยแผ่ของวัดพระธรรมกาย หรือเชื่อว่าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต้องอาบัติปาราชิกจริงและพยายามเรียกร้องให้เอาผิด

    แต่เราจะมองเห็นเฉพาะปัญหา “การจับผิด” ธรรมกายในด้านเดียวคงไม่ถูกนัก ยิ่งไปมองว่าธรรมกายก็คือฝ่ายที่ถูกมุ่งขจัดไม่ต่างจากคุณทักษิณ ยิ่งเป็นการมองข้ามรายละเอียดและความซับซ้อนของปัญหาที่ซ้อนทับกันอยู่ภายใต้โครงสร้างการปกครองสงฆ์อีกจำนวนมาก

    โดยเฉพาะในความเป็นธรรมกายเองซึ่งก็เป็นองค์กรสงฆ์ตามกฎหมายแต่เกี่ยวข้องกับทุนมหาศาลโดยไม่มีระบบการตรวจสอบความโปร่งใสตามกฎหมายที่ชัดเจนก็เป็นปัญหาให้ตั้งคำถามได้มากเช่นกัน (รวมทั้งวัดอื่นๆ ด้วย)


    ที่สำคัญ ประเด็นแนวความเชื่อทางศาสนาที่มีอิทธิพลต่อสังคม ถ้าเราตั้งคำถามกับแนวคิดคล้ายกัน เช่นแนวคิดเรื่อง “บุญ-เดช” (คำของ อ.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ) ซึ่งอิงอยู่กับจักรวาลวิทยาแบบไตรภูมิพระร่วง ที่สร้างความเชื่อว่าทำบุญมามากจึงทำให้มีอำนาจมาก หรือเกิดมาเป็นเจ้าขุนมูลนาย คือแนวคิดสนับสนุนความไม่เท่าเทียมทางชนชั้น ตามตรรกะของแนวคิดเช่นนี้ คนที่เกิดมาเป็นเจ้าขุนมูลนายนอกจากจะมีความชอบธรรมในการเป็นผู้อยู่ในสถานะชนชั้นสูงกว่าในชาตินี้แล้ว ยังผูกขาดการเป็นชนชั้นที่สูงกว่าทางสังคมในชาติต่อๆ ไปได้ด้วย เพราะถ้าการทำบุญมากหมายถึงการบริจาคทานมาก ก็มีแต่คนในชั้นบนเท่านั้นที่สามารถทำบุญได้มาก

    เช่นเดียวกันแนวความเชื่อเรื่อง “บริจาคมาก-รวยมาก” ที่อิงจักรวาลวิทยาแบบอายตนนิพพานของธรรมกาย ก็คือแนวคิดที่สนับสนุนความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจ ตามตรรกะของแนวคิดเช่นนี้ คนรวยย่อมสมควรเป็นคนรวยและผูกขาดความเป็นคนรวยได้ตลอดไป เพราะมีแต่คนรวยเท่านั้นที่สามารถบริจาคมากได้

    ฉะนั้น ไม่ว่าจะมองจากหลักการแยกศาสนาจากรัฐ หรือหลักการรัฐฆราวาส/เสรีประชาธิปไตย และหลักการของพุทธศาสนาเอง ธรรมกายก็ควรถูกตั้งคำถามวิพากษ์วิจารณ์ เช่นเดียวกับมหาเถรสมาคม รวมทั้งท่านพุทธทาส และพระภิกษุรูปอื่นๆ ที่เป็นองค์กรหรือบุคคลสาธารณะ ที่มีบทบาทและแนวคิดส่งผลกระทบต่อสังคม
     
    Words of the Buddha likes this.
  2. Novice

    Novice อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    6 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,238
    เห็นด้วยว่า ไอ้เจ้าของเรื่องนี้เป็น แดงแท้ ๆ เป็นแดงล้มเจ้า และเป็นเห็บเกาะไอ้แม้วไปสู่การสำเร็จความไคร่ทางวิชาการครับ แค่มันไม่ยอมจะเชื่อว่า ไอ้แม้วกับไอ้ชัยบูลย์ คือภัยแห่งความมั่นคงของประเทศไทยที่ต้องถูกกำจัดอย่างเร่งด่วนในระดับเท่าเทียมกันเท่านั้น

    และที่มันพล่ามมายาวยืดเนี่ยมันมาสู่บทสรุปที่ว่า "กูอยากด่าท่านพุทธทาส แต่กลัวโดนยำตีนเพราะกูมันไม่มีปัญญาอะไรจะไปวิจารณ์คำสอนท่านได้เลย"

    วิธีดูไอ้พวกนี้ไม่ยากหรอกครับ ขอแค่บทความมีคำว่า "เสียงข้างมาก" "คนจำนวนหนึ่ง" "ปีัญหาระดับซับซ้อน" หรือ "เท่าเทียมกัน" มั่นใจได้ 85% ว่าเป็นไอ้พวกนั้นแน่ ๆ
     
  3. Kop16

    Kop16 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    5 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,461
    เข้ามาอ่าน ....
     
  4. Novice

    Novice อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    6 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,238
    นี่ขนาดผมไม่ต้องค้นกูเกิลข้างบนเลยนะ พอค้นนี่มีแต่โยงไป ประชาไท กับ มติชิน
     
    temp และ เช Neverdie ถูกใจ.
  5. Redbuffalo010

    Redbuffalo010 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    3 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    6,457
    เข้าใจแล้วครับ:eek::eek::eek:
    มิน่าล่ะ ท่านพุทธทาสก็ละสังขารไปนานแล้ว และก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวาย มันก็ยังลากเข้ามาเกี่ยวกับธรรมกายและแม้วได้อีก
     
  6. JSN

    JSN อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,746
    ไม่กล้าวิจารณ์ท่านพุทธทาสแน่นอนครับเพราะกลัวพูดไปแล้วโดนตอกกลับเอง
     
  7. sugit

    sugit อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 Mar 2015
    คะแนนถูกใจ:
    1,111
    ชื่นชมนะ อย่างน้อย ผมว่า เค้าคล้าย สมศักดิ์ เจียม

    ที่ยังไม่ใช่ คนที่เออ_ออ ห่อหมก กับ " ข้างของตัวเอง "

    ไปเสียทุกเรื่อง ก็ยังยึดหลักการ ไว้ได้


    ผมว่า เค้าเป็นคนที่ เป็นเพื่อนผมได้เลยล่ะ

    คือ เปิดทางไว้ ให้คนได้คิด ว่า สิ่งที่ธรรมกาย ทำ ถูกหรือผิด

    แน่นอนล่ะ เพื่อนเราส่วนใหญ่ ในสภากาแฟ รวมทั้งผม ก็คิดว่า

    ธรรมกายผิด แต่ผมเชื่อว่า หลายคน เค้าก็จะมีเหตุผล สนับสนุน ธรรมกาย


    อย่างเช่นนะ ผมยกตัวอย่าง

    เรื่องหนึ่งที่แน่ ๆ เลยคือ ธรรมกาย เป็น การเผยแผ่ธรรม เชิงรุก

    มีพระหลายองค์ สอนธรรม ด้วยวิธีการ น่าสนใจ เช่น ตลก หรือ มีภาพประกอบ

    ธรรมกาย จะใช้วิธี รุกเข้าไปในจิตใจ ของผู้มาปฏิบัติ แล้วให้การบ้าน แต่ละคน

    ไปเผยแผ่ ธรรมกาย ซึ่งส่วนหนึ่ง แน่นอน เค้าก็สอนธรรม ด้วย ไม่ใช่ บอกให้คน

    ทำบุญ เพียงอย่างเดียว


    แล้ววิธีเค้าชาญฉลาด มาก ๆ นะ เพราะ กัลยาณมิตร จะไปทำด้วยใจเลย

    คือ มุ่งมั่นมาก เพราะคิดว่า สิ่งที่ตนทำนั้น " ประเสริฐสุดแล้ว "


    บางครั้ง การแยก คำว่าสร้างอาณาจักร ธรรมกาย กับ การเข้าถึง การดับทุกข์

    การถึงนิพพาน สำหรับ กัลยาณมิตร มันก็แยกไม่ออก

    มันยากจริง ๆ เลยล่ะ ถ้าคนที่ไม่เคยเข้าไปนั่งฟัง ธรรมกาย สัก 30-40 รอบ อย่างผม

    จะไม่เข้าใจ ว่ามันแยกยากยังไง (คือ สติ กับ เหตุผล นี่ต้องใช้มาก ๆ เลยล่ะ

    หลายครั้ง ผมถึงกับกลัวว่า การใช้เหตุผล ของตนเองมาขัดแย้ง กับธรรมกาย

    คือการตั้งตนเป็น " มาร " หรือเปล่า )


    เอาง่าย ๆ นะ ถ้ามีคนกลุ่มหนึ่ง บอกว่า ถ้าเราไม่ยึดถือปฏิบัติ ตามนี้

    นั่นเพราะ กิเลส มาร หรือ กรรมเก่า เรา ทำให้เราไม่เข้าใจ หรือ แม้แต่

    กล่อมว่า เราอาจจะหลงผิดอยู่ เป็นคุณ จะหวั่นไหว กับคำพูด พวกนั้นไหม


    ผมเอง ต้องถึงขนาดบอกตัวเองว่า

    ผมเป็นคนไม่มีอะไร (ผมจน แล้วก็ไม่ฉลาด เท่าไหร่) แล้วถึงผม จะต้องลงไปนรก อีกสักที (ผมอาจเคยอยู่ในนั้น)

    เพียงเพราะ ผมไม่อยาก กลัว กับคำขู่ หรือ การกล่อม แบบนัั้น

    ผมอยากใช้เหตุผล ของตัวเองมากกว่า

    มันก็คงไม่ได้เสีย มากกว่า ที่เป็นอยู่


    ก็นั่นล่ะ เป็นเหตุผล ที่ว่า ทำไม

    ผมถึงไม่เคย บริจาค สร้างอาณาจักรธรรมกาย แม้แต่บาทเดียว


    แต่คนอีกมาก จะไม่คิดแบบผม

    แล้วก็อาจยังคิดว่า ผมเป็น คนหลงผิด อยู่ก็ได้


    เพื่อน ๆ เอง จำเป็น ต้องเปิดทางให้เค้าเหล่านั้นคิดเองนะครับ

    อย่าไปตำหนิเค้า เพราะมันจะเป็นการกระทำ ที่เลียนจากวิธี

    สร้างให้คนกลัว ของธรรมกาย
     
  8. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
  9. chackrapbong

    chackrapbong อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,297
    "ถ้าเราติดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมเม็ดต่อๆไปก็ผิดหมด”

    เรามาติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้องก่อน ด้วยการทำความเข้าใจว่าศาสนาพุทธ คือ อะไร
    หากไม่รู้ตรงนี้อย่างชัดเจนแล้ว ทั้งหมดที่ร่ายกันยาวหลายสิบบรรทัด
    ก็เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด

    ศาสนาพุทธคือคำสอนของพระพุทธเจ้าและแหล่งที่จะตรวจสอบได้เท่าที่มีทุกวันนี้คือ
    พระไตรปิฎกและอรรถกถา เท่านั้น โดยเฉพาะ ศาสนาพุทธเถรวาท
    ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็น อาจริยวาท คือ อาจารย์คนใหนพูดอย่างไรก็นับถือไปตามนั้น

    เมื่อประกาศตนเป็นพุทธมามกะแล้วก็แสดงว่า เราเป็นชาวพุทธที่เคารพและนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย
    การประพฤติปฏิบัติ ต้องสอดคล้องกับ พระไตรปิฎกและอรรถกถา (เป็นส่วนอธิบายเพิ่ม)
    หากเราไม่เลื่อมใส เราก็มีสิทธิที่จะนับถือศาสนาอื่น หรือ ไม่นับถือศาสนาก็ได้ เป็นสิทธิของเรา แต่เมื่อเป็นชาวพุทธแล้วจะมาอยู่เหนือพระพุทธพจน์โดยอ้างเสรีภาพก็ย่อมไม่ใช่ พุทธศาสนิกชนอย่างแน่นอน

    เหมือนเด็ก อ้างว่า season แปลว่า ลูกทะเล เมื่อเพื่อนโต้แย้งว่าไม่ใช่ เขาก็พยายามหาทางอธิบายว่า ใช่แน่นอนเพราะ มาจากคำว่า sea + son แถมยังอธิบายต่อไปได้อีกว่า season เป็นคำคู่กับ seaman และ season คือลูกของ seaman

    ติดกระดุมผิดหมดทั้งแถวแล้วครับ
     
    conservative, dek-harte, แสงธูป และอีก 2 คน ถูกใจ
  10. sugit

    sugit อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 Mar 2015
    คะแนนถูกใจ:
    1,111
    ขอเรียน กับท่าน chackapbong ด้วยนะครับ

    คือแบบนี้ ผมทราบแล้วล่ะ ว่าท่านคิดว่า ผมเอง

    ยังเข้าใจหลักธรรมคำสอนของ พุทธ ไม่ครบถ้วน


    แน่นอน ถ้าพูดถึงหลักคำสอน ผมก็ตอบได้แบบ ไม่ลังเลว่า

    ผม ไม่ได้เรียนลึกซึ้ง สาเหตุเพราะ ผม ไม่ได้ สนใจว่า คำสอน

    นั้น สอนว่าอย่างไร


    แต่ที่ผมเข้าไปร่วมกิจกรรม กับธรรมกาย เพราะผมต้องการทราบว่า

    การเข้าไปปฏิบัติธรรมแล้ว ช่วยเรา ในด้าน การดำเนินชีวิตประจำวัน อย่างไร

    มีเหตุผล สมควร ที่เราจะนำมันมายึดถือ ปฏิบัติ แค่ไหน


    นานมาแล้ว ที่ผมเคยต่อว่า เพื่อนคนหนึ่งในบอร์ด ที่ไม่ได้นับถือ ศาสนา

    แล้วก็ระบุไปว่า ศาสนา มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ของเรา

    เพราะคำสอน จะช่วยให้เรา ปฏิบัติ ได้อย่างถูกต้อง


    แต่มา ณ วันนี้ ผมต้องยอมรับว่า ผมเอง ก็เริ่มเป็นเหมือนเค้า

    คือ ไม่คิดว่า ศาสนา หรือ คำสอน จะมีความหมาย

    หากเรา ยึดแต่ตัวหนังสือ หรือ ความหมายของมันมากเกินไปกว่า

    จะใช้มัน ในการดำเนินชีวิต อย่างไร


    เหมือนคนที่เข้าใจลึกซึ้ง กับ คำสอน

    แต่ไม่สามารถ นำมันเข้าไปสู่จิตใจ ของอีกคน

    เพียงเพราะ ความหมายนั้น มันลึกซึ้ง เกินไป

    ที่คนธรรมดา จะเข้าใจได้ง่าย ๆ


    ก็เปรียบเหมือน ครู อาจารย์ ระดับมหาวิทยาลัย

    ที่ไม่สามารถ ทำให้ ชาวบ้าน ตาดำ ๆ เข้าใจ ความหมาย

    ที่เค้าต้องการจะสื่อ ได้ง่าย ๆ


    ผมอยากบอกว่า แม้เราจะเข้าใจ ศาสนา หรือไม่ ก็ไม่สำคัญหรอกครับ

    ตราบใด ที่เรา ยังไม่หลงผิด หรือ กระทำกับผู้อื่น อย่างผิด ๆ

    เหมือนกับ เพื่อนผม ที่ไม่นับถือศาสนา ที่ผมเคยต่อว่า

    มาวันนี้ ผมกลับคิดว่า เค้าเป็นคนธรรมดา ที่ผมเอง สามารถคบได้

    อย่างสบายใจ แล้วก็ ไม่รู้สึกเป็นพิษภัยอะไร เข้าใจกันง่าย ๆ

    ด้วยคำพูดธรรมดา


    ตราบใด ที่เรายังใช้เหตุผล ที่ คนรอบข้าง ยังยอมรับได้

    ความลึกซึ้ง ในคำสอน ต่าง ๆ ผมเชื่อ ว่าไม่สำคัญเท่า

    การพยายามยอมรับ สิ่งที่เข้ามาในชีวิต อย่างสงบ แล้วก็

    รับในทุกผล ที่จะกระทบกับการดำเนินชีวิต ของเราให้ได้
     
    Redbuffalo010 likes this.
  11. chackrapbong

    chackrapbong อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,297
    ผิดประเด็นครับ

    ไม่ใช่ความลึกซึ้งอะไรทั้งสิ้น
    แต่หาก จะนับถือศาสนาพุทธแล้ว ไม่ยึดถือ พระธรรมวินัย เราจะเรียกว่าเป็นชาวพุทธได้อย่างไร

    ส่วนประเด็น เรื่อง คนดี หรือไม่ดี ผมมองว่า ทุกศาสนาก็สอนให้คนเป็นคนดีทั้งนั้น
    แต่การจะอ้าง การปฎิบัติ อย่างธรรมกายเพื่อที่จะปฎิบัติผิดไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า
    นั้นเป็นการสมควรหรือไม่
     
    dek-harte, อู๋ คาลบี้, แสงธูป และอีก 2 คน ถูกใจ
  12. ทองเค

    ทองเค อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    25 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,875
    ธรรมกาย เมื่อสอนผิดหลัก ของพุทธศาสนา ตีตนเสมอ พระพุทธศาสดา
    วิธีแก้ ก็มีแต่ไม่ทำ ง่ายๆ ตั้งศาสนาเองใหม่ แค่นั้น จะประกาศตัวเป็น GOD เป็นอะไรก็ว่าไป
    คนที่นับถือ พระพุทธศาสนา เขาไม่ไปยุ่งด้วย

    ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้น ก็ว่ากันไป ตามกฏหมายบ้านเมือง

    เทียบให้ดูง่ายๆ มาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ แต่จะอ้างว่าเป็นเจ้าของบ้าน ประกาศจนทั่ว
    คิดอยาก จะทำอะไร ต่อเติม เทพื้น มันทำไม่ได้ครับ
    ง่ายๆไปซื้อบ้านเอง ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ จะทำให้มันพิสดาร ยังไงก็ไม่มีใครว่า
     
    temp, stormtrooper, bookmarks และอีก 3 คน ถูกใจ
  13. chackrapbong

    chackrapbong อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,297
    อาศัยศาสนาพุทธทำมาหากิน ได้กำไรเป็นหมื่นล้าน
    ทางการค้าเราเรียกว่า กำไรเกินควรครับ

    ซ้ำยังละเมิดลิขสิทธิ์ อีกต่างหาก

    หรือไม่จริง
     
    dek-harte, แสงธูป และ ทองเค ถูกใจ
  14. ทองเค

    ทองเค อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    25 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,875
    เส้นทางที่ราบเรียบ สะดวกสะบาย ที่พระพุทธเจ้า สร้างไว้ให้แก่พระสงฆ์
    เมื่อธรรมกายเห็นว่า มันไม่เหมาะ ก็ต้องไปบุกป่าฝ่าดง สร้างใหม่สิครับ

    คุณจะมาเทคโอเวอร์ เอาแบบ บริษัท ใช้ความคิดแบบนักธุรกิจ มันจะได้หรือ
     
    อู๋ คาลบี้ และ chackrapbong ถูกใจ.
  15. hey guys

    hey guys อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,066
    อาจจะเป็นระดับเพดานบิน
    ระดับบางคน บินได้ และบินไปแล้ว
    ระดับบางคนบินไม่ได้ บินไม่ทัน

    961736_801836419909746_50061475_n.jpg
     
    JSN และ Redbuffalo010 ถูกใจ.
  16. ถึงจะบิ่นแต่ยังคม

    ถึงจะบิ่นแต่ยังคม อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    22 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    842
    นักบินหญิงของไทยเก่งทางเครื่องร่อนครับ ร่อนไปร่อนมา
     
  17. tonythebest

    tonythebest อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,730
    เอ คุณ sugit ใช่คุณทรงธรรมป่าวครับเนี่ย

    ผมขออนุญาต ยกคำพูดมาคำนึงของคุณ sugit ครับ

    “แล้ววิธีเค้าชาญฉลาด มาก ๆ นะ เพราะ กัลยาณมิตร จะไปทำด้วยใจเลย
    คือ มุ่งมั่นมาก เพราะคิดว่า สิ่งที่ตนทำนั้น " ประเสริฐสุดแล้ว "”

    ผมเคยตีความหมายของคำว่า “สวรรค์ในอก นรกในใจ” แบบคนมีความคิดน้อยๆ
    เป็นความหมายที่ว่า
    การทำดีหรือทำเลวนั้น เราจะรู้อยู่ในใจ รับรู้ทั้งการกระทำ และความรู้สึก
    ดังนั้น เมื่อเราไปตีหัวเพื่อน เราจะเห็นและรับรู้ได้ ว่าเพื่อนเจ็บ เป็นความทุกข์
    เราไม่สบายใจ อาจจะทั้งสงสารเพื่อน หรือกลัวเพื่อนจะมาเอาคืน
    นั่นคือความหมายว่า “นรกในใจ”
    ส่วนการทำดี ทำบุญ บริจาค อะไรก็แล้วแต่ ที่เรารู้สึกว่า เป็นการทำดี
    คือ “สวรรค์ในอก”

    แต่ทีนี้ มันคงมีรายละเอียดต่างๆ เพิ่มเติมไปได้อีกมากมาย
    เช่น เราให้เงินคนน่าสงสารมากๆ คนนึงไป
    เราคิดว่าเราได้บุญ แต่คนน่าสงสารคนนั้น กลับเอาเงินไปเสพยา
    ก็มีการตั้งคำถามเกิดขึ้นว่า แบบนั้น เราจะได้บุญจริงๆ หรือปล่าว

    ผมหาคำตอบให้ตัวเองไปครับว่า เราได้บุญไปแล้ว ตอนที่เราให้
    ส่วนคนๆ นั้น เอาเงินที่เราให้ด้วยเวทนาไปเสพยา จะเป็นบาปหรืออะไรก็แล้วแต่เขาไป

    เฉกเช่นเดียวกับสาวกธรรมกาย (ผมขอพูดในมุมของคนที่ไม่ชอบวิธีการของธรรมกายนะครับ)

    ผมเชื่อว่า คนที่ทำบุญไปกับวัด ทำหมื่น ทำแสน ทำล้าน
    แม้ว่าธัมชโยจะเอาเงินนั้นไปทำอะไรอื่นก็ตามที
    แต่พคนพวกนั้นก็ได้บุญ
    เพระาขณะเขาบริจาค จิตใจเขาให้ด้วยความรู้สึกต้องการบริจาค ต้องการให้

    ดังนั้น การจะจัดการกับกรณีธรรมกาย
    ผมคิดว่า เราต้องแยกวัด กับสาวก ออกเป็น 2 ก้อน
    เราอาจจะเล่นงานวัดได้ด้วยกฏหมาย และพระธรรมวินัยอะไรต่างๆ
    แต่ต้องรับรู้และเข้าใจความคิดของผู้สนับสนุนด้วย
    เพราะคนพวกนี้ ไม่ได้รู้สึกว่า ตนทำผิดวิธีการที่จะได้บุญ
    (และในความหมายของสวรรค์ในอก นรกในใจ ผมก็เชื่อว่าเค้าได้บุญไปแล้ว)

    เฉกเช่นเดียวกับคนเสื้อแดงจำนวนมาก ที่เห็นงามกับทักษิณ เชียร์ สนุบสนุน และรักทักษิณ
    เพราะคนพวกนี้ “ได้” จากทักษิณจริงๆ มากกว่า ได้ จากนักการเมืองคนอื่นๆ
    (ไม่นับเหล่าโจรที่ทำผิดกฏหมายนะครับ)

    การจะสู้กับความเชื่อของคน
    ยากกว่าต่อสู้กันทางกฏหมายหรือทางการใช้แรงมากมายนัก

    ผมจึงขอแย้งว่า มันเป็นปัญหารูปแบบเดียวกัน ระหว่างระบอบทักษิณ กับระบอบธรรมกาย
     
    temp, dek-harte, อู๋ คาลบี้ และอีก 1 คน ถูกใจ.
  18. Words of the Buddha

    Words of the Buddha อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,860
    :rolleyes: อ่านแล้วงง... บอกไม่มีศรัทธา... แต่ชื่นชม อยากรู้ อยากศึกษา... บอกไม่มีศาสนา แต่ก็ยังมีความนับถือในสิ่งนั้น สิ่งนี้...

    :banghead: สงสัยกระพ๊มคงต้องไปเรียนอนุบาลใหม่ซะแว๊ว... ฮึ๊ยๆๆๆ
     
  19. chackrapbong

    chackrapbong อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,297
    คุณ sugit หรือ คุณ ทรงธรรม(เดิม)

    ผมต้องขอบอกอย่างนี้นะครับว่า
    ทั้งหมดนั้นเป็น ความเห็น และการชี้แจง ไม่เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย

    ผมยังคงเห็นคุณเหมือนเดิม แม้กระทั่งวันเก่าเก่า ที่เราเคย
    ได้เล่น ทายปัญหา กัน ความรู้สึกสนุกและเป็นกันเอง ยังไม่ได้หายไป
    ผมเชื่อว่า คุณ เป็นคนดี และคอยแต่จะประนีประนอมตลอดมา
    เวลาที่เรา มีข้อถกเถียงกัน จะเอาชนะถึงเป็นถึงตาย คุณก็เข้ามาให้สติตลอด

    ทั้งหมดนี้ก็ขอได้เข้าใจว่า เป็นการแลกเปลี่ยนความเห็น เพื่อพิจารณาเท่านั้น....
     
    conservative, แสงธูป และ Redbuffalo010 ถูกใจ
  20. Surawong

    Surawong อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    22 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,544
    ผมเห็นด้วยนะว่า มันตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์กันได้ แม้แต่ท่านพุทธทาสเองก็เคยถูกตั้งคำถามวิพากษ์วิจารณ์จากคนที่ไม่เข้าใจมาเยอะ เพราะท่านเป็นพระที่เปิดกว้าง รับเอาคำสอนจากลัทธิ นิกายต่าง ๆ มาใช้สอนอยู่เหมือนกัน แต่ท่านไม่ได้รับมาทั้งหมด ท่านเลือกรับเฉพาะที่เห็นว่ามันถูกต้องเท่านั้น และที่สำคัญคือท่านมั่นคงในคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งต่างจากธรรมกาย

    แต่ที่สงสัยคือ ที่ใช้คำว่า เพราะขัดหลักการ "แยกรัฐจากศาสนา" มันหมายถึงอะไร เป็นหลักการของใคร จะให้ศาสนาเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อรัฐหรืออย่างไร

    อีกคำหนึ่งคือ จะถือว่าธรรมกายก็อยู่ใน "ตลาดเสรีทางจิตวิญญาณ" อันนี้ผมว่าไม่น่าจะใช่นะ เพราะตลาดเสรีทางจิตวิญญาณมันควรจะเป็น "ผู้ที่นับถือธรรมกาย" มากกว่า เขามีเสรีที่จะเลือกนับถือได้ แต่ธรรมกายเสรีไม่ได้นะครับต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ทั้งทางโลก และทางธรรม คือต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย และศีลธรรมอันดีนะครับ เพราะถ้าธรรมกาย หรือ วัด หรือลัทธิใด ๆ มีเสรีทางจิตวิญญาณอย่างที่ว่า นี่ยุ่งตายเลย ใครนึกจะเผยแพร่อะไรก็ได้มันจะอยู่กันไม่ได้นะครับ
     
  21. bookmarks

    bookmarks อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    23 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,447
    ธรรมโกย ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลด้วยครับ อ้างว่าเพื่อบำรุงศาสนา ธรรมโกยคงไม่ยอมออกจากพุทธศาสนาแน่ๆ รวมทั้งนักการเมืองก็ใช้ธรรมโกย ปั่นหัวชาวบ้านด้วย
     
    ทองเค และ dek-harte ถูกใจ.
  22. dek-harte

    dek-harte อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    296
    อ่านแล้วผมขอสรุปว่าเป็นบทความของคนไม่ดี ที่มีความเสื่อมเป็นที่พึ่ง ที่พยายามบิดเบือนความจริง บิดเบือนความถูกต้องออกไปตามใจของตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ของตนเท่านั้นครับ
    อย่าให้ไล่ด่าทีละข้อเลยครับ เพราะด่าย้อนได้ทุกบรรทัด คนแบบนี้จะทำให้โลกแปดเปื้อน ทำให้สังคมเสื่อมโทรมลง เพราะผสมปนดี-ชั่วให้มันแยกกันไม่ออก ปนถูก-ผิดให้มันวกวนยอกย้อน เพื่อประโยชน์ตนและพวกพ้อง...ที่แย่กว่าคือ พวกที่ใช้คนเหล่านี้ทำงาน ชื่อ "มติชั่ว" ไม่ได้มาง่ายๆจริงๆ

    การบิดเบือนคำสอนทางพุทธศาสนา เป็นการกระทำที่เสื่อมทรามของเหล่าผู้หน้าด้าน (อลัชชี) ที่เอาคำว่า "ศาสนาพุทธ" มาหากิน ส่วนการจัดการทางสงฆ์ แท้จริงแล้วมีพุทธบัญญัติให้หลักไว้ หลายแหล่ง หลายเรื่อง ชัดเจน รอบคอบ แต่พวกนี้ไม่ยินยอมทำตาม แล้วพวกคนทรามเหล่านี้(ผู้เขียนบทความ)ก็มาช่วย อลัชชีผู้หน้าด้านอย่างธรรมกาย แถไถเรื่อง "ความเป็นธรรมกาย" อีกโดยอ้างเรื่องการจัดการอะไรไปโน่น ทั้งๆที่ "วัด" ไม่ใช่ที่แบบนั้น

    จึงเป็นการบิดเบือน ปนทั้ง ขาว-ดำ ทั้งเรื่องการปกครองสงฆ์ การปกครองมหาเถรสมาคม กฎหมายไทย คำสอนทางศาสนาพุทธ เรื่องธรรมกาย เรื่องไชยบูลย์ เรื่องทักษิณและการรัฐประหาร มั่วๆๆๆๆ ไปหมด และลามปามไปถึงพระภิกษุผู้ประพฤติดีประพฤติชอบแต่ขัดกับความชอบใจของคนบางกลุ่มบางพวก ดึงท่านลงมาพัวพันระดับเดียวกับอลัชชีเหล่านี้อีก

    บทความนี้ทำทีเหมือนตั้งคำถาม แต่แท้จริงแล้ว "แก้ตัวให้" พร้อมทั้งย้อนแย้งเหตุผลผสมเรื่องทั้งโลกและธรรมให้คนที่ขาดความเข้าใจในส่วนต่างๆของเรื่อง...เข้าใจเรื่องทั้งหมดผิดๆอีก

    สำหรับผมแล้ว ผมว่าเป็นอีกหนึ่งบทความที่จงใจบิดเบือน จงใจทำให้เข้าใจผิด ทำให้คล้อยตามในทางที่ไม่ตรง และผมเชื่อเลยว่าตั้งใจทำไม่ใช่ทำโดยไม่รู้ครับ...อ่านแล้วรู้สึกแย่จริงๆ ที่จริงด่าลั่นเลยครับ แต่ผมไม่ได้อยากให้สมาชิกท่านอื่นได้ยิน

    ขอบคุณครับ
     
    chackrapbong, temp และ Redbuffalo010 ถูกใจ
  23. dek-harte

    dek-harte อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    296
    เรียนคุณ sugit ครับ
    ผมไม่แน่ใจว่าเราเคยสนทนากันในบอร์ดเก่ามั้ย จำได้ว่าผมตอบคำถามทางพุทธศาสนา ของสมาชิกท่านหนึ่งไว้ หนึ่งวันก่อนบอร์ดเก่าจะโดนปิดไปครับ ไม่แน่ใจว่าสมาชิกท่านนั้นได้อ่านหรือไม่ (โดยส่วนตัวผมเสียดายและค้างใจไว้นิดหน่อยเพราะตั้งใจตอบมาก) ถ้าใช่ เราก็เคยสนทนากัน ถ้าไม่ ก็ขออนุญาตเริ่มสนทนาสภากาแฟนะครับ

    ผมจะพยายามอธิบายสิ่งที่อยู่ในใจผมให้ชัดเจนที่สุดนะครับ โดยถือว่าสนทนาธรรมกันเล็กน้อย
    - ประเด็นแรกเรื่อง ศาสนาพุทธครับ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่ผมทราบ ที่มีการปฏิบัติที่แน่นอน เป็นวิธีการที่เที่ยงตรงแล้ว "สามารถ" แปรสภาพปุถุชนขึ้นเป็นอริยบุคคลได้เพื่อพ้นไปจากทุกข์ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้ปฏิบัติ จำเป็นต้องศึกษาวิธีการเหล่านี้ให้ถูกต้อง จึงจะเดินไปถูกทาง...
    ธรรมกายไม่ได้ทำอย่างนั้น ธรรมกายบิดเบือนวิธีการนี้

    - ประเด็นที่สองครับ เป้าหมายสูงสุดของศาสนาพุทธ คือนิพพาน ซึ่งมีลักษณะเฉพาะเจาะจง เป็นเรื่องลึกซึ้งเป็นเรื่องเข้าใจยาก ต้องปฏิบัติธรรมจึงเข้าใจ ไม่ปฏิบัติไม่ทราบ
    ธรรมกาย บิดเบือนเรื่อง "นิพพาน"

    เพียงแค่สองประเด็นหลักนี้ธรรมกายจึงไม่ใช่ ศาสนาพุทธ ไปแล้วนะครับ เพราะทั้ง "เป้าหมายและวิธีการ" ถูกบิดเบือนไปแล้ว

    เป้าหมายและวิธีการ "ของอะไร" ครับที่ถูกบิดเบือนไป...
    เป้าหมายและวิธีการของการ พ้นไปจากทุกข์ ครับ

    คนนับถือศาสนาเพื่อช่วยจิตใจให้พ้นไปจากความทุกข์บ้าง เพื่อแสวงหาสิ่งยึดเหนี่ยวบ้าง เพื่อหาคำตอบบ้าง เพื่อสังคมบ้าง เพื่อต่างๆนานาครับ แต่ การพ้นไปจากทุกข์เป็นเป้าหมายสูงสุดของทุกชีวิต (ค่อยๆลองพิจารณานะครับ) เมื่อธรรมกายอ้างว่าตัวเองเป็นพุทธ แต่กลับเอาเรื่องที่สำคัญที่สุดออกไป ธรรมกายจึงกำลังโกหกผู้เลื่อมใสศรัทธาอยู่ครับ และพรากเขาเหล่านั้นไปจากธรรมที่สมควรได้

    แยกกันนะครับ เรื่องตัวธรรมกายเอง แยกจากศาสนาพุทธเพราะแบบนี้ มาตู่ว่าตัวเองเป็นพุทธ แต่จริงๆแล้วหลอก สอนธรรมครึ่งเดียวแถมบิดเบี้ยวอีกต่างหาก

    เรื่องผู้เลื่อมใสศรัทธาครับ
    บรรดาผู้เลื่อมใสศรัทธาทำบุญก็ย่อมได้บุญครับ บุญหรือ merit ไม่ว่าเราจะเรียกอะไรในศาสนาไหน มันเป็นอย่างเดียวกันครับ บุญในศาสนาคริสต์ก็มี การบริจาคถือเป็นบุญพื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งก็คือการละ ผู้ศรัทธาในธรรมกาย เมื่อมี การละ (สละให้) ย่อมได้บุญครับ แต่บุญที่ได้นั้นไม่เท่ากับที่ธรรมกายอวดอ้างไว้ เพราะการบริจาคเป็นบุญหยาบธรรมดาๆ ที่ควรทำเพื่อให้จิตใจเติบโต ละเอียดมากขึ้น และปฏิบัติธรรมอย่างอื่นควบคู่กันไป

    เรื่องการทำสมาธิ วิธีปฏิบัติแบบธรรมกาย
    1 ธรรมกายสอนเรื่องเดียวครับ คือ สะกดจิต หากไปนั่งปฏิบัติรวมที่วัด ฟังบรรยายกล่อมไปด้วยจะเห็นอะไรต่อมิอะไรง่ายดาย เพราะเขาบรรยายกล่อมตลอด ซึ่งผิดหลักการอย่างยิ่ง มันไม่ใช่การโน้มน้าวจิต แต่เลยเถิดเป็นสะกดจิตครับ เรื่องนี้พิสูจน์ง่ายนิดเดียว กลับมาลองทำสมาธิเอง ทำที่บ้านแบบไม่เปิดเทป จะทำไม่ได้ครับ จะไม่มีลูกแก้วเกิดขึ้น เพราะจิตจะเคยชินที่จะให้มีการกล่อม จิตจึงจะเชื่อแบบนั้น ซึ่งวิธีการทำสมาธิทางพุทธศาสนาไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นเลยครับ

    2 ธรรมกาย สอนให้คิดถึง "นิมิต" (ภาพลวง) ให้เห็นลูกแก้ว เห็นพระพุทธ เห็นสวรรค์อะไรว่าไป แล้ว ให้ยึดว่าสิ่งนั้นเป็นของเรา
    ลองพิจารณาเรื่องนี้ดีๆ นะครับ เราสร้างภาพขึ้นมาในใจเราเอง เมื่อเราเห็นภาพนั้นแล้วยึดว่ามันเป็นของสำคัญ ของวิเศษ ลองคิดดูสิครับว่า มันจะวิเศษจริงๆได้ยังไงครับ ก็เราคิดขึ้น ถ้าเราติดอยู่กับของที่เราคิดขึ้น เราจะไปไหนต่อละครับ ก็ตามความคิดฝันวู่วี่ของเราไป แล้วมันเป็นหลักธรรมตรงไหนครับ ทำให้ พ้นไปจากทุกข์ ได้ยังไง

    วิธีการทางพุทธศาสนา มีการสร้าง "นิมิต" เช่นกันครับ แต่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น
    - หากต้องการมีฤทธิ์ ก็สร้างนิมิตจนนิมิตกลายเป็น "ของจริง" เช่น กสิณไฟ มองไฟจนจุดไฟได้ด้วยการมอง (พระครูผมท่านว่าไม่ยากครับ ปัญญาดีๆแบบผม (ท่านว่า) น่าจะสัก 20 ปีก็ฝึกได้...สำหรับผม ผมว่าไฟแช็กดีกว่าครับ (กราบ))
    - หากต้องการบรรลุธรรม เพื่อปฏิบัติให้พ้นไปจากทุกข์ นิมิต สร้างขึ้นมาเพื่อ "ฝึก" กำลังของสมาธิครับ เมื่อได้นิมิตแล้ว ให้ออกจากนิมิต เพื่อยกระดับสู่สมาธิที่สูงขึ้นอีก เป็นสมาธิที่ปราศจากนิมิต เข้าออกสมาธิจนเกิดเป็นความชำนาญ(วสี) แล้วยกจิตพิจารณาการเกิดดับนั้น หรือพิจารณาการเกิดดับของธรรมอื่น ที่เกิดกับจิต และผู้บรรลุธรรมในทางพุทธศาสนา จะบรรลุใน 3 อาการเท่านั้น คือบรรลุธรรม ผ่าน อนิจจัง (หรือความไม่เที่ยง) บรรลุธรรม ผ่าน ทุกขัง (หรือตัวทุกข์) และบรรลุธรรมผ่าน อนัตตา (หรือความไม่ใช่ตน)ครับ

    ที่ยกมาเป็นวิธีคร่าวมากๆ นะครับเพื่อให้เห็นความแตกต่าง อย่างที่ผมกล่าวแต่แรกว่า ศาสนาพุทธเป็นศาสนาเดียวที่ผมรู้ที่มีวิธีการจริงๆที่ถูกตรงแล้วยกระดับปุถุชนขึ้นเป็นอริยชนได้* จากตัวอย่างจะพบว่าการปฏิบัติของธรรมกายนั้น ยังไม่ได้เข้าประตูใหญ่ของพุทธศาสนาเลยครับ นี่จึงเป็นเหตุที่ ทำไมธรรมกายจึงผิดอย่างยิ่งต่อ "ผู้ศรัทธาในพุทธศาสนา" ครับ

    ด้วยความเคารพครับ วิธีการปฏิบัติมีอยู่แล้ว คำสอนมีอยู่แล้ว ที่ดีงามอย่างยิ่ง สมบูรณ์ครบถ้วนอย่างยิ่ง ก็ของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จสังฆราชของเราเองครับ ลองหาฟังได้ทั่วไปตามเนตนะครับ วิธีฟังคือ ค่อยๆ ตามฟัง ครับ อย่าคิดล่วงหน้า อย่าคิดเรื่องอื่น มีตรงไหนไม่เข้าใจหรือลึกซึ้งเกินไป ก็หยุดเทป หาข้อมูลเพิ่ม หรือข้ามไปก่อน เมื่อจิตมีความอ่อนตัวมากขึ้น มีความเข้าใจมากขึ้นก็จะเข้าใจธรรมะของพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นเองครับ และฟังอย่างเดียวไม่พอ ต้องปฏิบัติดูด้วยนะครับ ทำกรรมฐานง่ายๆที่บ้าน มีสติ มีสัมปัชชัญญะ ตลอดสักช่วงหนึ่งๆที่ตั้งไว้ พระครูผม กล่าวหลักสั้นๆง่ายๆว่า "กายกับจิตติดกันตลอดเวลาโดยมีสติคุม"

    ลองพิจารณาดูนะครับ ที่ผมรู้จักธรรมกายเพราะภรรยาผมก็เคยเป็นผู้เลื่อมใส แล้วผมก็ค่อยๆ แจกแจงให้เห็นนะครับ ของที่มัว ต้องค่อยๆเช็ด ของที่ผสมกันอยู่ก็ค่อยๆแยกแยะ แล้วของจริงของแท้เราจะต้องแยกให้ออก จะแยกออกเราก็ต้องศึกษานะครับ หากอยากปฏิบัติธรรมในทางพุทธศาสนาแต่ไม่ศึกษาเลย ก็จะพลาดของสำคัญไปอย่างน่าเสียดายครับ

    ยาวมากแล้วครับ
    ขอบคุณครับ

    * เพื่อป้องกันว่าเป็นการอวดคุณวิเศษที่ผมไม่มีนะครับ ข้อความนั้นไม่ได้หมายความผมบรรลุธรรมแล้วและมายืนยันแต่ประการใดนะครับ แต่ที่กล่าวอย่างมั่นใจก็เพราะความเชื่อ ศรัทธาและปัญญาที่ได้จากการปฏิบัติขั้นต้น ตามที่ครูบาอาจารย์สอนมาและจากการศึกษาด้วยตัวเอง ทำให้น้อมจิตพิจารณาตัวเองไปได้ว่า ได้เดินมาตามทางที่พระพุทธเจ้าสอนเอาไว้ครับ

    ขอบคุณอีกทีครับ
     
    chackrapbong, temp และ Redbuffalo010 ถูกใจ
  24. ประสงค์ ไม่ออกนาม

    ประสงค์ ไม่ออกนาม อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,210
    เข้าใจแค่ว่าคนโง่คือเหยื่อของคนฉลาด อย่างนั้นจริงๆหรือ
    เขามองเราว่าโง่กว่าเขาใช่ไหม ขายน้ำชา หรือขายศาสนา ต้องมีการแจกทองหรือของแถมชั้น7
    คนที่ชอบอย่างนั้นก็ไม่ว่ากัน ผมขอฉลาดอย่างโง่ๆของผมต่อไป ไม่ได้แดกเงินผมหรอก
    ส่วนเรื่องไอ้แม้ว LET IT BE ทั้งโครต
     
    Redbuffalo010 likes this.

Share This Page