ตามหัวข้อกระทู้ ผมว่าคนรุ่นใหม่ที่สนใจการเมือง สนใจสังคม มีน้อยกว่าพวกไม่สนใจ ทุกวันนี้ที่สนใจกันจริงๆก็มีแต่ เรื่องของตัวเอง เท่านั้น เข้าไปดูจำนวนกดไลค์ได้เลยครับ เพจอื่นไลค์เยอะกว่าเยอะ
คอมมอนเซนต์ตามรูปภาพ มันแตกตรงไหนว่า ตรงไหนหว่า ตรงไหนหว่า แท็กซี่เวย์อ่ะที่แตก ไม่ได้แตกตรงขอบไหนเล้ยยยยยยยย โอ้ย เถียงไม่ได้อย่าถ่อยนะป้า
บ้าไปแล้วตา JSN คนนี้ ไม่รู้ก็จับแพะ ชนแกะไปทั่ว น่ารำคาญจริงๆ ไปอ่านซะ หนู ไม่เข้าใจตรงใหนมาถาม อย่ามั่ว น่าเบื่อ เอา Keywords ไป subbase and base course, pavements, expansion joint, dynamic creep, water leaks, ระดับน้ำใต้ดิน (water table), บ่อน้ำตื้น (shallow well) http://maha-arai.blogspot.com/2009/06/blog-post_8691.html
บ้าไปแล้วป้า เถียงไม่ได้ถ่อยใส่ลูกเดียว ป้ากลับไปดูใหม่นะ แล้วไม่ต้องวนลูปข้อมูลเดิมๆแล้วนะ ผมเห็นป้าแถแบบนี้แล้วอนาถใจอ่ะ สงสาร อะคริ อะคริ
นี่คือพวกที่ร่านบูชา คนพวกนี้ไม่ได้เคารพประชาธิปไตยอะไร แต่ใช้การต่อสู้บังหน้าแบบมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้น อันไหนได้ประโยชน์ก็รับไว้ พวกนี้ตั้งใจทำผิดเพื่อจะได้หนีไปอยู่เมืองนอกแล้วกลับมาเสี้ยมพวกหนุ่มสาว ที่อยู่เมืองไทยให้ทำผิดแทน ตลกจริงเหมือนบอกให้ช่วยกันปล้นแล้วส่งเงินส่วนแบ่งไปให้มันด้วย ตลกยิ่งกว่ายังมีคนเชื่อพวกนี้ด้วย http://www.unilad.co.uk/news/man-faces-over-30-years-in-prison-for-liking-a-facebook-picture/ นี่คือตัวอย่าง พวกเพจล้มเจ้าแอดมินหรือพวกขาประจำใช้ชื่อปลอมทั้งนั้น แต่มีพวกชื่อจริงพาซื่อเข้าไปไลค์ไปแชร์พอมีเร่ื่องตำรวจตามพวกนี้เจอก่อน พอโดนจับก็ไอ้พวกแก๊งค์เดิมออกมาตีข่าวรัวๆตามฟอร์ม อำมหิตจริงๆล่อมาเชือดชัดๆ เด็กที่คิดว่าตัวเองฉลาดดูไว้นะครับ ดูให้เห็นธาตุแท้ของพวกนี้ด้วย
ร่านรุ่นแรกเรียกตัวเองว่านักวิชาการ แต่ดูที่มันเขียนสิสมกับเป็นนักวิชาการรึเปล่า ตัวนี้เคยพล่ามให้ยกเลิก112แล้วจะเล่าให้ฟัง เล่าอะไร?
สมศักดิ์เคยบอกว่าแม่ตัวเองเป็นกะหรี่ คนแบบไหนที่พูดแบบนี้ได้? วันนี้มาสร้างภาพรักแม่เป็นห่วงแม่(แต่ทิ้งแม่ไปอยู่เมืองนอก) สมศักดิ์ทิ้งเพื่อนหนีเอาตัวรอดมาตั้งแต่ตุลา19 เก็บตัวอยู่พักนึง ออกมาสร้างภาพใหม่เป็นผู้กล้าหาญลบภาพขี้ขลาดของตัวเอง เด็กรุ่นหลังไม่เคยรู้จักอ่านสิ่งที่สมศักดิ์เขียนแล้วขนลุกเรียกเสด็จพ่อเลย ไอ้สัสกรูขำ
ผมก็ขอบอกว่า ที่คิดว่ามันเยอะ เพราะไอ้พวกนี้มันมีนิสัยชอบแยกร่างไปอวยพวกตัวเอง แต่มักจะหัวหดเวลาต้องทำกิจกรรมการเมืองจริง ๆ และไอ้พวกร่านฯ ส่วนใหญ่ไร้ศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าให้หนักกว่านั้น เกือบทุกตัวคือไอ้พวก Loser จากสาขาอาชีพตัวเองแทบจะทั้งนั้น ไอ้พวกร่านฯที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจริง ๆ แทบจะนับหัวได้ แต่แทนที่ไอ้พวก Loser พวกนี้มันจะพัฒนาตัวเอง เสือกไปเชื่อคำพูดเห้ ๆ ของไอ้พวกคอมฯหลงยุคที่ไปโทษคนชั้นสูง ตัวไหนคลั่งมากก็จะกลายเป็นเหยื่อให้ไอ้พวกคลั่งน้อยกับคลั่งพอประมาณโหนอีกที คิดว่าสู้แบบนี้มันจะมีโอกาสชนะไหมล่ะ หลักฐานคือ ไอ้แม้วเอา Teen ลูบหน้าไอ้พวกร่านฯมาตั้งหลายครั้งแล้ว นอกจากมันจะทำเป็นไม่รู้ ยังจะโหนต่อแบบจริงจังหนักขึ้นอีก ความหวังของไอ้พวกนี้เหรอครับ ก็แค่อยากมีในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยพยายามว่าจะมีแค่นั้นเอง มันถึงอยากได้ทรัพย์ส่วนพระองค์ของกษัตริย์ไง ไม่เชื่อลองถามไอ้หงอกดูที่บอกว่ายึดให้หมดแล้วมาแบ่งกันน่ะ
15% เยอะหรือน้อย ก็แล้วแต่มุมมองครับ แต่ผมมองว่าเป็นจำนวน ที่สร้างความปั่นป่วน ให้แก่ประเทศได้อย่างแน่นอน คนไทยเล่นเน๊ตกันกี่คน มีคนกดไลท์เพจล้มเจ้าร่วมแสน คิดเป็นกี่% พวกที่ไม่แสดงตัวคูณอีกกี่เท่า งานวิจัยเชิงสถิติผมออกมาสอดคล้องกันหมด โพล จำนวนคนกดไลท์ในเพจล้มเจ้า เก็บข้อมูลตามเว็บเพจทั่วประเทศ เก็บข้อมูลจากการพูดคุย ชุดคิดที่ผมแยกประเภทให้เป็นร่านแดก ประมาณ 15% สอดคล้องกันแทบทุกแหล่งข้อมูล เพิ่มเติม โง่จนเจ็บ อีกประมาณ 30% กลางกลวงโลกสวย เลือกรักประชาธิปไตย อีกประมาณ 15% รวมทุกกลุ่ม 60% ของประชากรไทย สอดคล้อง 15 ล้านเสียงพรรคเพื่อทุยพอดี มีแรงเหวี่ยงไปมา จากกลุ่มโลกสวยและโง่จนเจ็บ ประมาณ 20% ที่น่ากลัวคือกลุ่ม โง่จนเจ็บ มีแรงเหวี่ยงค่อนข้างน้อย กว่ากลุ่มโลกสวย สะท้อนว่า เลือกตั้งคราวหน้า คนไทยอาจโลกสวยน้อยลง (แต่ก็ไม่แน่ แค่น้ำมันปาล์มยังพลิกได้) แต่รากหญ้ายังคงมั่นคงกับทักษิณ และพร้อมโดนหลอกซ้ำสอง
ผมก็คิดเหมือนกัน อย่างผมเป็นคนรุ่นใหม่ เพื่อนในเฟสก็จะเป็นคนรุ่นใหม่ เท่าที่สังเกตเห็นมีดังนี้ คนรุ่นใหม่ชอบตามเทรนด์ จึงมักจะโน้มเอียงไปตามกระแสในโซเชียลกันง่ายเหลือเกิน ถ้ากระหน่ำแชร์ กระหน่ำโพสต์ คนรุ่นใหม่มักโน้มเอียงได้ง่าย คนรุ่นใหม่มักพยายามทำตัวให้เป็นคนทันสมัยจึงมักอ่านข่าวตามโซเซียล (ซึ่งส่วนใหญ่ข่าวที่มักแชร์กันในเฟสจะมีอยู่หัวเดียว คือ เครือมติชน-ข่าวสด โดยจะแชร์ผ่านเครือข่ายแดงแอ็บกลางที่เป็นวัยรุ่น) แต่ขาดการค้นหาข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลก่อนเชื่อ (เพราะถ้ามัวแต่ตรวจมันก็จะแชร์ช้า ไม่โชว์ความทันสมัยนะสิ) และการที่รีบอ่านจึงมักทำให้อ่านข่าวไม่ครบ ไม่วิเคราะห์ให้ดี จึงมักเป็นเหยื่อให้สื่อบางหัว คนรุ่นใหม่มักชอบความฮิป คำคม ทำให้ไม่ปลื้มกับข้อมูลยาวๆ ให้สังเกตเพจที่คนรุ่นใหม่ติดตามมักจะเป็นเพจพวกนี้แหละ เช่น เพจวิวาทะ หรือมักทำพาดหัวข่าวแบบกำกวมชี้นำ หรือมักเกิดอีเวนต์ที่แสดงแค่สัญลักษณ์ แต่ไม่มีข้อมูลความรู้ให้และไม่มีประโยชน์เชิงการใช้งานบ่อยๆ เช่น อีเวนท์จุดเทียนเป็นรูปตราเบนซ์ เอ้ย สัญลักษณ์สันติภาพ แสดงเป็นเสื้อแดงตายตรงแยกราชประสงค์ หรือไฟฉายส่องโกง (โดยเฉพาะไฟฉายส่องโกงเห็นพูดกันมาก แถมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการกระทำของเสื้อแดง แต่ที่สำนักข่าวอิศราวิ่งไปหาข้อมูล คนรุ่นใหม่ดันไม่รู้แถมไม่สนใจอีก ผมไม่เข้าใจ) คนรุ่นใหม่มักชอบความแตกต่าง ดังนั้นยิ่งดูมีความขัดแย้งมากเท่าไร โดยเฉพาะถ้าขัดแย้งกับสิ่งที่เชื่อว่าเป็นกระแสที่คนรุ่นเก่าชื่นชอบ หรือกระแสที่มาจากรัฐ (เพราะคนรุ่นใหม่เชื่อว่า รัฐ คือกระแสหลัก อันนี้มาจากแนวคิดนักคิดยุคสมัยนิยม) และยิ่งคนรุ่นใหม่ไม่ชอบความขัดแย้ง และบ้าสันติภาพ (โดยเฉพาะแนวคิดแบบตะวันตก) แล้วรัฐบาลประยุทธ์ ก็ชอบจับไปอบรมทุกครั้ง มันเลยยิ่งเข้าทางฝ่ายตรงข้ามมากขึ้น (สังเกตมั้ยว่าหลังๆ พวกเสื้อแดงถึงมักพยายามหาเรื่องให้รัฐบาลจับบ่อยๆ เพราะรู้ว่าจับไปก็ไม่กล้าทำอะไร เดี๋ยวก็ปล่อย แถมเอาไปปั่นกระแสว่ารัฐรังแกได้อีก) คนรุ่นใหม่เชื่อว่าตนต้องพัฒนาแบบตะวันตกซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่เจริญแล้ว ทำให้มีแนวโน้มที่จะเชื่อฝรั่งหัวแดงได้ง่าย จึงมักเห็นฝรั่งหัวแดงมาโม่แป้ง ปั่นกระแสเข้าข้างทางเสื้อแดงบ่อยๆ เช่น ทูดอเมริกา (ประเทศผู้แอบหาผลประโยชน์จากประเทศอื่น) สส.กากๆของยุโรป บีบีซี สำนักข่าวแห่งอังกฤษ ฯลฯ (แต่ไม่เคยพัฒนาตนให้เป็นแบบคนตะวันตก เช่น การเคารพกฎหมาย เคารพกฎระเบียบ เคารพสิทธิเสรีภาพผู้อื่น ฯลฯ) อ้อ ผมเคยถามคนรู้จักที่ไปเรียนอังกฤษมา เค้าบอกว่า สื่อที่เค้าอังกฤษสามารถสนับสนุนข้างการเมืองใดข้างหนึ่งได้อย่างเปิดเผย ดังนั้นคนอังกฤษฟังข่าวการเมืองหรือที่เกี่ยวข้องกับรัฐ มักฟังหูไว้หูเสมอ (นอกจากพวกสาวกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งนะ) ผมว่าเมืองไทยก็ดีนะ สำนักข่าวไหนสนับสนุนพรรคไหน ประกาศชัดเจนจะได้รู้ว่าควรวิเคราะห์ข่าวยังไง ไม่ใช่เป็นอีแอบคอยปั่นข่าวอย่างทุกวันนี้
อีกหนึ่งไอดอลของพวกร่าน ดูเนื้อหากับยอดไลค์สิครับ ไอดอลว่ากลวงแล้ว แสดงว่าสาวกนี่ยิ่งกลวงโบ๋ไม่มีอะไรเลย
ของเก๊ มันก็คือของเก๊ครับ ยอดไลค์ ยอดแชร์ จำนวนคนติดตาม ไม่ได้สะท้อนสภาพอะไรเลย ไอ้พวกล้มเจ้ามันได้ใจช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็มาจากยอดไลค์ ยอดแชร์ข้อความหมิ่นสถาบันมันเยอะแบบนี้แหละครับ คนอย่างไอ้หงอก ไอ้แก่สอ ไอ้แก่เกษียร มันถึงได้แก้ผ้าล่อนจ้อนให้สังคมเห็นตัวจริงมันไงครับ เพราะมันคงเข้าใจว่ากระแสล้มเจ้าจุดติดแล้ว กระบวนการล้มเจ้าจะเริ่มแล้ว และรัฐบาลขี้ข้าไอ้แม้วจะช่วยมันจนสำเร็จ แต่ของจริง ๆ เป็นยังไงก็เห็น ๆ กันอยู่ คนทั่ว ๆ ไปที่ทำงานทำการกันน่ะ เขาไม่กดไลค์ กดแชร์อะไรพร่ำเพรื่อ ไม่ตามไปคอมเมนท์มันทุกบทความ หรอกครับ เขาทำเลย และเขาทำจริง ๆ ด้วย หน้ากากขาวออกมาก่อนใครก็อยู่ได้ตั้งนานทั้ง ๆ ที่คนพวกนี้ก็ไม่ได้มีคนติดตามเพจมากเท่าเพจพวกลิเบอร่าน แต่เพราะเขาตั้งใจจริง และทำจริง ๆ ครับ ถ้ายอดไลค์ มันเปลี่ยนโลกได้จริง ไอ้กันมันคงถอนทหารกลับประเทศมันหมดแล้วครับ
เข้าใจครับเรื่องยอดไลค์แต่ที่อยากบอกจริงๆคือ พวกนี้มีโอกาสแล้วที่จะพูดถึงสถาบัน แต่เอาเข้าจริงทำได้แค่เสียดสีใส่ร้ายไปวันๆ แสดงว่าทั้งไอดอลทั้งสาวกไม่เข้าใจอะไรจริงเกี่ยวกับสถาบันเลย มโนเอาเองทั้งนั้น
ล่อเป้า? http://pantip.com/topic/34801068 เกริ่นถึงกรณีดราม่าในโลกโซเชียลเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ พอดีได้มีโอกาสอ่านความคิดเห็นของเพื่อนร่วมสถาบัน(มหาวิทยาลัยเราไม่มี รุ่นพี่-รุ่นน้อง มีแต่ "เพื่อน") พออ่านจบ เออมันใช่.... นี่แหละคือสิ่งที่พวกเราผ่านกันมาในชีวิตมหาวิทยาลัย เพราะมันคือสิ่งที่หล่อหลอม พวกเราให้ประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นตัวเราในสิ่งที่พวกเราเป็น เพราะพวกเรา มีเสรีภาพทุกตารางนิ้วในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง สถานที่ๆทุกคนยอม รับฟังความคิดเห็นของคนอื่น และพร้อมจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของตัวเอง อย่างมีเหตุและผล แต่!!! เสรีภาพนั้นย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบ และศีลธรรมอันดี และนี่คือสิ่งที่ผมอยากแชร์ต่อให้ทุกคนได้อ่านกัน ว่าพวกเราคิดเห็นอย่างไรกับ ประเด็นในสังคม ณ ปัจจุบัน และเรื่องดราม่าที่เกิดจากเพจบางเพจ ที่เอาข้อความ ที่ไม่ครบถ้วนไปจุดประเด็นทางสังคมเพื่อมาโจมตีพวกเรา ความเห็นต่างเป็นสิ่ง ที่ดี แต่การตีความหมายที่ผิด และการปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกเป็นสิ่งที่คน ในชาติของเราเจอมาหลายครั้ง แต่!! ไม่เคยเรียนรู้จากสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วเลย ถ้าอยากรู้จักพวกเราก็ลองมาดูชีวิตพวกเราในมหาวิทยาลัย อย่าเอาแต่วิจารย์ ทั้งที่ไม่รู้จักพวกเราเลยซักนิดเดียว แต่ถ้าหากไม่สะดวกอย่างไร ก็ลองเปิดใจ อ่านสิ่งที่พวกเรากำลังแชร์กันอยู่ในตอนนี้ดูละกัน... [Spoil] คลิกเพื่อซ่อนข้อความ@Phongsathon ช่วงนี้เสพดราม่าผลสำเร็จจากล้อการเมืองสนุกมาก ประเด็นคำถามที่ป้าๆ ถามบ่อยมากเหมือนกันคือ "ธรรมศาสตร์สอนบ้าอะไรทำไมนักศึกษาถึงได้ เลวตำบอนไม่รักชาติขนาดนี้" หรือคำตัดสินที่ใช้มาตราหน้าธรรมศาสตร์ บ่อยมากคือ "นักศึกษาโดนล้างสมอง" "ธรรมศาสตร์ล้มเจ้า" วันนี้เราเลยมีเรื่อง มาแฉธรรมศาสตร์ให้ฟัง รู้มั้ยว่าเมื่อทุกคนได้มาเรียนที่นี่ทุกคนจะต้องเรียนวิชาบังคับมหาลัยพวก TU ทั้งหลาย สมัยเราเรียน เราจะได้เรียนพวกวิชาปรัชญาและศาสนา เกี่ยวกับแนวคิดต่างๆ ทางด้านสังคมศาสตร์ มันเป็นครั้งแรกที่เด็กที่เพิ่งจบมัธยมได้ยินเรื่องเล่าต่างๆ ที่แตกต่างจากที่เราเคยได้ยิน อาจารย์ที่นี่โยนคำถาม ที่เราไม่เคยถูกใครถาม หรือ ไม่มีใครกล้าถามมาก่อนให้กับเรา เราตกใจ และสั่นคลอนมาก เราช็อค บอกตรง! เราเรียนเพื่อทำความรู้จักกับนักปรัชญาและนักคิดในประวัติศาสตร์ต่างๆ ว่าเขาคิดเห็นอย่างไร ต่อชีวิต ค่านิยม ความเชื่อทางสังคมการเมืองในยุคนั้นๆ โดยไม่มีอาจารย์หรือหนังสือบอกเราว่า แนวคิดใครดีสุด อ. แค่บอกว่า ใครคิดยังไง และนักคิดกันเองโต้แย้งความคิดกันยังไง ช่วงแรกเราเรียนไม่รู้เรื่อง เรางง เพราะเราถูกสอนมาด้วยการที่มีคนบอกเราตลอดว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ทุกอย่างมันค้างเติ่ง!!! สำหรับสายสังคมบางคณะก็จะมีวิชาบังคับนอกคณะที่เราจะต้องเรียนอีก เช่น รัฐศาสตร์ สังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เศรษฐศาสตร์ เป็นต้น เราได้เรียนเรื่องอุดมการณ์ทางการ เมืองแบบต่างๆ ว่ามีกี่แบบ กี่ฝ่าย แต่ละฝ่ายคิดยังไง โดยไม่มีใครบอกอีกเหมือนกันว่า ฝ่ายไหน ถูกผิด เรางงอีก เอ้าแล้วอันไหนมันถึงจะถูกว่ะ? เราค้างเติ่ง!!! อาจารย์ธรรมศาสตร์หลายคนท้าทายพวกเราด้วยการถามว่า ทำไมคุณคิดแบบนั้น? คุณเชื่อแบบนั้นจริงเหรอ? คุณคิดว่าอะไรคือความจริง? คุณคิดว่ามันคือความจริงจริงเหรอ? ทำไมคุณถึงคิดว่ามันคือความจริง? มิหนำซ้ำพวกนางยังเหิมเกริมถามว่า แล้วคุณคิดเหรอว่า ที่ผมเล่าเป็นความจริง? คุณเชื่อว่ามันจริงเพราะแค่ผมบอกเหรอ? คุณคิดว่าอะไรคือความดี แล้วความดีใครสร้าง? ความดีของคุณแล้วมันเป็นความดีในการรับรู้ของคนอื่นด้วยมั้ย? งงมั้ย? กูงงสิ เราถูกชวนให้ตั้งคำถามกับความดี ความเลว ความงาม ความต่างๆ นางชวนถามชวนคุยหมด 555555 ตอนนั้นนะรู้สึกว่า โอ๊ยยยย ทำไมไม่บอกกูอะไรดีไม่ดี จริงไม่จริง ความจริงมันก็ต้องมีสิ่งเดียว เค้าบอกว่าถูกก็ต้องถูกสิ ไม่ใช่เหรอ? ค้างเติ่งอีกแล้ว เราได้ยินข่าวว่ามีอ. ล้มเจ้าสอนศิลปศาสตร์ ทุกคนบอกว่าแกเลวมาก เราเลยลองทำความรู้จัก ผ่านการทักทาย และรับฟังการบรรยายสรรพคุณแกผ่านเพื่อนๆ น้องๆ ที่มีโอกาสไป sit in อ. ที่เราได้ยินว่าเลวมาโดยตลอด กลับเป็นคุณลุงผมขาวที่นั่งสูบบุหรี่และรับไหว้เราด้วยความเขิลอาย เป็นอ. ที่เล่าเรื่องเล่าใหม่ๆ ที่เราไม่เคยได้ยิน แต่เป็นเรื่องเล่าที่ไม่ได้ตัดสิน ชี้ขาด หรือยุยง ด่าว่าใครถูกผิด แต่เป็นการนำข้อมูลทางวิชาการ มาแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ และนั่นมันก็ทำให้เรางง อ.เค้าเลวยังไงวะ? เราได้ยินชื่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาเรียนคณะเรา รุ่นเดียวกัน เขาบอกว่าอีเด็กคนนี้เลวมาก เราเลยพลอยเกลียดไปด้วย เราเคยนินทา และด่านางลับหลังสารพัด เราและกลุ่มเพื่อนเคยแสดง ความรักต่อสิ่งที่เรามีภายในห้องเรียนเพื่อกดดันนาง แต่ในขณะเดียวกับที่นางให้สัมภาษณ์สื่อว่า "หนูสามารถอยู่กับทุกคนได้ แต่คนอื่นนั่นแหละ จะอยู่กับหนูได้รึปล่าว" บอกตามตรง เราจุก ทำไมเด็กผู้หญิงที่ทุกคนพูดว่าเลว กลับทำให้หนึ่งประโยคที่เขาให้สัมภาษณ์ ทำให้เรารู้สึกเลวได้ขนาดนี้ ที่นี่รวบรวมมหาโคตรเหง้าแห่งความหลากหลาย ทุกอุดมการณ์ทางการเมือง ทุกความเชื่อทางศาสนา เกือบหาได้ทั้งหมดจากที่นี่ คนบ้า คนบอ อยู่ที่นี่หมด ทั้งครูอาจารย์รวมกระทั่งแม่บ้าน คนสวน 55555 ที่นี่มีพื้นที่และโอกาสให้พวกเรา ได้แสดงความคิดเห็น เรามักจะเห็นอะไรเด็ดๆ ได้ตามบอร์ดที่ sc ใครอยากพูดไร ก็พูด ใครอยากเข้าฟังก็ฟัง เรามีพื้นที่แลกเปลี่ยนทางความคิดตั้งแต่กลุ่มเพื่อนเล็กๆ ในกลุ่มกิจกรรมชุมนุม ห้องเรียน จนเวทีเสวนา หรือใครไม่พอใจใครก็ลากลำโพงไปจัดเสวนา และด่ากันได้ถึงที่ด้วยเหตุผล เช่นกรณีอั้มเนโกะ และพวกลากลำโพงมาเอ็ดงิ้วที่ใต้ตึกคณะ 555555 ที่นี่เราอยู่กันแบบนี้แหละ ตั้งแต่วิชาที่พวกเราเรียน และสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ เราอยู่มันชักชวนเราให้คิดและตั้งคำถาม เราแตกต่างกันมาก แต่เราอยู่กันได้ เพราะเราเคารพกัน เราคิดว่าความแตกต่างทางความคิดคือสิ่งธรรมดาในโลกมนุษย์ เรายินดีและเปิดโอกาส ให้คนที่คิดต่างได้มีเวทีได้บอกเหตุผลของตนเอง เพราะเราเชื่อว่ามันเป็นโอกาสในการเรียนรู้ ของพวกเรา เพื่อที่เราจะได้ปรับเข้าหากัน และเข้าใจกัน เข้าใจกันในที่นี้หมายถึง เข้าใจในความคิดของพวกเขา โดยที่เราไม่ต้องคิดและเชื่อแบบนั้น แต่เราต้องเคารพ เพราะเราต้องอยู่ด้วยกัน เราไม่ไล่ให้ใครออกไปอยู่นอกบ้านธรรมศาสตร์ของเรา เพราะที่นี่ทุกคนคือคนสำคัญ และมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะอยู่ที่นี่ เพราะทุกคนต่างเข้ามาด้วย วิธีการที่ถูกต้องและเหน็ดเหนื่อย ที่นี่ทำให้พวกเราเรียนรู้ว่า คนหนึ่งคนมีหลายมิติชีวิต การเอาแค่ความคิด และอุดมการณ์ของเขาที่ต่างจากเรามาตัดสินและสร้างความเกลียดชังต่อกัน มันโง่สิ้นดี บรรยากาศของที่นี่ แม้เราจะอยู่คนละฝั่งทางการเมือง แต่เราสามารถ นั่งกินเหล้า และอยู่ด้วยกันด้วยการชวนคุยและทำเรื่องอื่นได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะการเกลียดใครจากแค่ความคิดที่ต่างจากเรา "มันโง่สิ้นดี" สิ่งเหล่านี้นี่แหละเป็นเบ้าหลอมพวกเรา เป็นกระบวนการที่มันเกิดขึ้นในธรรมศาสตร์ และออกมาเป็นผลลัพธ์ทางความคิดที่ทุกคนได้เห็นและด่าทุกปีผ่านแสตนเชียร์ ผ่านล้อการเมืองในงานฟุตบอลประเพณี และผ่านงิ้วล้อการเมืองในโอกาสต่างๆ พวกเราคือนักศึกษาจากที่เดียวกัน กับที่ไปต่อต้านพรบ. นิรโทษกรรม ต้านคนโกงจำนำข้าว ที่พวกท่านชื่นชมในวันนั้น นักศึกษาที่ทำขบวนล้อการเมืองด่าทักษิณ ยิ่งลักษณ์ จิกฮุนเซ็น ที่ท่าน ต่างให้พรและเยินยอว่าเราคือความหวังของประเทศ และก็เป็นนักศึกษา จากมหาวิทยาลัยเดียวกันที่ไม่เห็นด้วยกับเผด็จการที่จำกัดแม้กระทั่งการแสดงออก ทางความคิดอย่างเสรี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการปฏิรูปและสร้างความปรองดอง เป็นนักศึกษาที่ออกมาต่อต้านการโกงที่เกิดขึ้นในรัฐบาลทหารและให้ตรวจสอบกรณีราชภักดิ์ ที่พวกท่านกำลังด่าว่าพวกเราอย่างสาดเสียเทเสียว่า "โง่" "คิดได้แค่นี้" "ที่สุมหัวพวกเลว" เราทั้งหมดมาจากธรรมศาสตร์ ตกลงจะเอายังไงกับเรา เรางงมาก บอกตรง เราตลกด้วย 55555 สรุปใครกลับกลอก? แต่สุดท้ายทั้งหมดสิ่งที่เราค้างเติ่งมันเริ่มตกตะกอน เราขอขอบคุณที่ทำให้เรารู้ว่าเรา กำลังอยู่ในสภาพสังคมแบบไหน และขอบคุณที่ย้ำให้เราเห็นว่า พวกเราคืออนาคตของชาติจริงๆ เพราะคนรุ่นคุณใจนั้นแคบ และมืดบอดด้วยฐิติที่เกิดจากความรักชอบส่วนตัว จนลืมหลักการและถูยน้ำลายรดหน้าตัวเองได้อย่างน่าละอาย "คนอื่นผิดหมด นอกจากพวกที่เรารักและเชียร์" ยังงี้ก็ได้เหรอ แต่สำหรับพวกเรา มันไม่ได้ไง รักธรรมศาสตร์มาก และรักพวกคุณมากด้วย เราจะไม่ไล่คุณไปที่อื่น เพราะเราเชื่อว่า เราจะอยู่ด้วยกันได้ แค่เราต้องได้พูด และได้ฟัง กันและกันอย่างเสรีในทุกๆ เรื่อง และต้องเคารพกัน จุ๊ฟ
เรากล้าตั้งคำถามกับมุมมองและท่าทีของคนอื่นได้ ก็ต้องกล้ารับฟีดแบคและการตั้งคำถามถึงตัวเองได้ด้วย เช่นกัน ความคิดมุมมองบางอย่างของหนุ่มสาวยุคใหม่ที่ผมเคยได้ยินมา บางทีก็ลืมหลักการที่เชิดชู และถ่มน้ำลายรดตัวเองเหมือนกัน
นักศึกษาคนนี้คงไม่เห็นอ.หงอกแกออกมาเสียดสีสถาบันอย่างหยาบคายกลางสื่อ ซึ่งสิ่งที่เล่ามาอาจจะจริงหรือไม่ก็ไม่รู้ การที่คนด่าสถาบันธรรมศาสตร์ก็เพราะพวกน้องปล่อยคนกลุ่มเล็กๆมาทำลายชื่อเสียงโดยไม่ออกมาปกป้องเลยสักนิด สิ่งที่น้องควรเข้าใจคือ ฟรีสปีชไม่ใช่เฮทสปีช การกล่าวร้ายใส่กันไม่ใช่วิถีของผู้เจริญ การที่น้องมาต่อว่าคนอื่นเขาใยคับแคบ น้องถามตัวน้องก่อนมั้ยว่า น้องใจกว้างที่จะรับฟังคนอื่น
ไปเจอน้องที่มหาลัยคนหนึ่งได้คุยกัน บอกประมาณว่า "ถ้านิยามคำว่า ร่าน หมายความว่า คือการไม่งมงายหรือยึดติดกับสิ่งที่เป็น สิ่งที่สืบทอดกันมาอย่างไร้หลักของเหตุผล ไม่ยึดติดกับข้อมูลและขอบเขตในสิ่งที่เคยเป็นมาหรือเคยได้รับมา ถ้าอย่างนั้นหนูขอเป็นร่านดีกว่าค่ะ" อืมม...เด็กสมัยนี้นะ
บอกน้องคนนั้นอย่าไปบอกใครว่า "หนูร่านค่ะ" นะฮะ ประชากรไร้คุณภาพประเทศนี้มีเยอะเกินไปแล้ว เราต้องคุมกำเนิดให้ดี
หู้ย ในมธ. น่ะ คนทั่ว ๆ ไปที่เขาร่ำเรียนหนังสือกันดี ๆ น่ะ เขาไม่บ้าเสรีพาบไรกันมากมายหรอกคับ มีแต่ไอ้พวกแนวร่วมตัวกินฟรีเท่านั้นแหละฮะ ที่เลือกตั้งกรรมการนักศึกษาแพ้ทุกปี พวกมันเลยตั้งตัวเองเป็นสภาหน้าโดมซะเลย ยกหางตัวเองนี่ฟินดี
เข้าใจความหมายผิดนะหนู ผิดแบบตรงกันข้ามเลย ร่านนี่ก็งมงายกับชุดความเชื่อและมุมมองแบบหนึ่งเหมือนกันแหละ
อาา กลิ่นร่านแรงมาก เขียนให้ตัวเองดูดีถึงขนาดไอ้เด็กเห่อหมอยต้องรีบเข้ามาชักว่าวกันเลย อันนี้พูดแบบบ้านๆนะ ถ้าผมส่งลูกๆไปเรียนหนังสือ แต่บางคนกลับมาแล้วเอาแต่ติด่าคนในบ้าน แถมยังชมคนนอกบ้านที่คอยยุแหย่ว่าดีอย่างโน้นอย่างนี้ ผมว่ามันจัญไรนะ โง่โคดโง่โคดๆเลยโง่ยิ่งกว่าควายอีก
คือความหมายของน้องคนนี้กลับกันอ่ะครับ ร่านคือการงมงายในเสรีภาพ ที่ไม่มีอยู่จริงบนโลก และไม่เคยเห็นการใช้เหตุผล ยึดติดแต่กับเก้าอี้ฟาดแม่ม ไม่ใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชอบบิดเบือน ตอแหลสร้างตัวละครนุ่นนี่นั่น อับอายในฐานะควายแดง ชอบแสดงตัวเป็น คนกลาง คุณสมบัติพิเศษ ร่านเวลาเถียงไม่ได้ชอบแสดงอาการนี้ครับ
