https://www.facebook.com/Juristconsult/posts/10200686065949838:0 สรุปง่ายๆ คือ อันนึงมันคดีแพ่ง ที่คนซื้อที่จากกรมบังคับคดีจะฟ้องเอาเงินคืน แล้วศาลตัดสินว่า "เป็นความประมาทเลินเล่อของผู้ซื้อ ที่ไม่มีการตรวจสอบทรัพย์สินจากกรมบังคับคดีก่อนการประมูล " ส่วนอีกอัน คือ คีรีมายา นั้นซื้อที่ดินต่อมาจากกรมบังคับคดี โดยที่ที่ดินนั้น มีการบุกรุกมาก่อนแล้ว ซึ่งหมายความว่า ผู้ที่กระทำการบุกรุกไม่ใช่คีรีมายา แต่เป็นผู้ที่ถือครองที่ดินคนเก่า ดังนั้น คดีตำรวจฟ้องกรมบังคับคดี เป็นการฟ้องคดีแพ่งเพิกถอนสัญญาซื้อขายและเรียกเงินคืน แต่คดีคีรีมายา เสี่ยอ่างจะเอาศัตรูของตัวเองคิดคุกข้อหาบุกรุกที่ดินสาธารณะ ซึ่งมันเป็นคนละเหตุ คดีอาญาฐานบุกรุก มีประเด็นว่าจำเลยผิดจริงหรือไม่ ถ้าผิดจริง ศาลจะลงโทษอย่างไร คดีแพ่งเรื่องเพิกถอนนิติกรรม มีประเด็นว่า นิติกรรมในคดีจะต้องถูกเพิกถอนหรือไม่ และใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเสียหาย ปล 2 ๗,๐๐๐ กว่า like ๗๐๐ กว่าแชร์ และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเพียงเท่านี้ 555
ไม่น่าเชื่อว่าคนเป็นถึง สส มีหน้าที่ออกกฎหมายแต่ไม่รู้ความแตกต่างระหว่างคดีทางแพ่งกับคดีทางอาญา ถึงได้บอกว่าเหมือนกัน
คนแบบมัน ทำอาชีพใต้ดินใต้สะดือมาตลอด ผมว่า มันต้องหมั่นศึกษาข้อกฎหมายและเข้าใจข้อกฎหมาย ดีกว่าคนทั่วไป สรุปว่า...แกล้งโง่ แน่นอน
ขอแสดงความเห็นเรื่องคดีตำรวจ การที่หน่วยงานกรมบังคับคดีไม่ตรวจสอบเลย รวมถึงหน่วยงานก่อนหน้าที่ไม่ตรวจสอบหลักทรัพย์ที่ยึดมา แล้วเอามาให้กรมบังคับคดี กลายเป็นว่าเป็นความเสี่ยงผู้ประมูล ส่วนหน่วยงานราชการ (เน้นว่าราชการ) เอากระดาษโฉนดปลอมมาขายไม่ต้องผิดไม่ต้องไล่เบี้ย ส่วนตัวผมเคสนี้ราชการผิดก่อนเต็มๆไม่ตรวจสอบแล้วเอาของปลอมมาขาย ตำรวจที่มาประมูลก็ผิดส่วนนึงที่ไม่ตรวจสอบของที่จะซื้อ แต่ผลออกมาคนซื้อผิดคนเดียว ต้นเรื่องมาจากหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานของกระทรวงยุติธรรมหรือเปล่า เหมือนตัดสินไม่สมเหตุสมผล ไม่มีลอจิคที่จะทุเลาความเสียหาย กลายเป็นทุเลาหน่วยงานราชการที่เลินเล่อ เช้าชามเย็นชาม ความรู้สึกของผมออกแนวศรีธนนชัยในคดีคุณตำรวจคนนี้