วันนี้ได้เอาของไปส่งให้ลูกค้าคนหนึ่งชื่อเฮียต้า เฮียต้าเองเป็นคนข้างตัวใหญ่มีบารมี ลูกน้องค่อน ข้างเกรงกลัว เป็นคนพูดตรง ผม : ช่วงนี้ขายของเป็นยังไงมั่งเฮีย เฮียต้า : จะเป็นยังไงเล่าเงียบดิ ผม : งั้นของล็อตใหม่ตกลงไว้คราวหน้าเฮียโทรมาคอนเฟิร์มละกัน เฮียต้า : เออเดี๋ยวกรูโทรไป เฮ้อ..... เศรษฐกิจแบบนี้ กรูแม่งนึกถึงทักษิณว่ะ.....สมัยนั้นเศรษฐกิจดี_ิบหาย สักพักแกก็ร่ายยาวเรื่องการเมืองให้ผมฟัง (-_-!) เมิงรู้ไหม ขุนศึกที่เก่งต้องรู้จักใช้อาชา ไม่ว่าจะพยศแค่ไหนแต่เมื่อยามศึก ม้าทุกตัวย่อมมีความ สำคัญ ม้าดีย่อมต้องพยศ แกบอกว่าทักษิณเองก็เปรียบเสมือนม้า ม้าธรรมดาทั่วไป จะอยู่เฉย ๆ หรือไม่ก็เตลิด แต่ยามที่มีเหตุเภทภัย ม้าพยศมักจะวิ่งฝ่ากองเพลิง หรือกองร้อยข้าศึกนำหน้าม้าตัวอื่นเสมอ ทักษิณกับแจ๊คหม่า เหมือนกันอยู่อย่าง คือ เป็นม้าพยศเหมือนกัน สองคนนี้พยายามจะทำให้สินค้าในประเทศของตน เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่ตอนนี้เรามีผู้นำที่เป็นทหาร กรูเองก็ไม่เข้าใจว่ะ ไม่มีประเทศไหนเขาเอาทหารมาคุมประเทศ หรอก เศรษฐกิจมันจะแย่ เพราะส่วนมากทหารไม่ค่อยมีโมเดลเรื่องเศรษฐกิจเท่าไร ขนาดประเทศที่ส่งออกอาวุธสงครามอย่างสหรัฐกับรัสเซีย ก็ยังไม่ให้ทหารมาปกครองประเทศเลย เออโทษทีว่ะร่ายซะยาวแต่เมิงเห็นกรูพูดแบบนี้อ่ะกรูเลือกประชาธิปัตย์มาตลอดนะเว้ย... สุดท้ายผมก็ลาแกแล้วรีบขับรถกลับไปที่ทำงาน โดยภายในใจก็คิดไม่เห็นด้วยกับเฮียแกหลายเรื่อง ในสายตาผมทักษิณก็ยังคงเป็นแค่นักการเมืองคนหนึ่ง แต่ลองมาคิดดูอีกทีผมนึก ไปถึงสมัยปี 54 ตอนนั้นวิกฤตชาติ นักการเมืองทุกคนต่างร่วมกันแก้ปัญหาร่วมกับประชาชน
คนไทยอีกหลายล้านคนก็ถามครับ ว่าเมื่อไหร่จะกลับมาสู้คดีสักที สิ่งที่ทักษิณทำคือหนีความจริง ไม่ใช่ลักษณะของลูกผู้ชายเลย
คนกลางเอาอะไรไปส่งล่ะ กาวหรือยาบ้า? ผมไม่เห็นเดือดร้อนอะไรมากมายค้าขายยากขึ้นก็ต้องทบทวนการทำงานของตัวเอง เศรษฐกิจไม่ดีนี่แหละเป็นตัวชี้วัดว่าเราทำธุรกิจรอบคอบรัดกุมมีประสิทธิภาพหรือไม่ ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวคือการคัดกรองเอากิจการที่ด้อยเรื่องการบริหารจัดการออกไป ถ้าทำธุรกิจรอบคอบรัดกุม ไอ้เหลี่ยม อีกลมอะไรมาบริหารก็ไม่ได้แตกต่างอะไรหรอก เวลาที่จำเป็นต้องเข้าเมืองและผ่านสถานเริงรมย์ เห็นชัดว่าร้านอาหาร ร้านไวน์ทั้งหลายมีลูกค้าหรอมแหรม ถามว่าผมรู้สึกยังไง ผมรู้สึกดี มันจะบันเทิงอะไรกันนักหนา เพิ่งเริ่มทำงานหาเงินได้กลับริดื่มไวน์กินหรู พอเศรษฐกิจชะลอตัวพวกนี้แหละที่ไปก่อน ผมไปกินอาหารญี่ปุ่นที่ฟูจิกับเมีย เราก็สั่งแค่พอกินเพราะราคาไม่ถูก แต่โต๊ะนักศึกษาและคนหนุ่มคนสาวรอบๆเราสั่งอาหารกันเต็มโต๊ะ เราก็สงสัยกันว่าเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ถ้าเอาเงินพ่อแม่มาจ่ายก็ได้แต่สงสารพ่อแม่เด็กๆเหล่านี้ ถ้าไม่รู้จักกินอยู่อย่างพอเพียง ลำบากขึ้นมาอย่าบ่นเลย อายเขาเปล่าๆนะคนกลาง
น่าเบื่อออออออออออออออออออ บอกตรงๆ ถ้าผมเป็น บก. ผมโยนต้นฉบับทิ้งเลยครับ พล็อตเรื่องซ้ำซาก ชวนง่วงนอน - เริ่มเรื่องมาเจอคนรู้จักประจำ - ทักคนอื่นหรือแอบฟัง บังเอิญพูดแต่เรื่องการเมืองตลอด - ตัวละครพูดเป็นไม่กี่เรื่อง แค่ทหารกับเศรษฐกิจ - ตัวโกงบ่นตอนจบประจำ - แล้วก็วนลูปเดิมกลับไปในเรื่องหน้า คำวิจารณ์ เหตุผล ตรรกะ ของเนื้อเรื่องไม่สมเหตุสมผล ซ้ำซาก ขาดความตื่นเต้นน่าติดตาม ตัวโกงประจำเรื่อง(คนกลาง)ไม่มีการพัฒนาอะไรเลย ย้ำอยู่กับที่ ดีแต่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน หนีประจำ ไม่แสดงความกล้าหรือความสามารถอะไรเลย
คนที่จะคบกันนิยมชมชอบกันยอมรับกันและกันนิสัยและกมลสันดานย่อมเหมือนกัน คนดีย่อมเลือกคบหาแต่คนดี พวกคนชั่วย่อมคบหากันแต่ในหมู่คนชั่ว
ส่วนมากพวกเรียกร้องให้ทักษิณกลับมาเป็นพวกทำมาหากินไม่เป็น ถ้าไม่มีใครคอยดันตูด ตัวเองก็ทำอะไรไม่เป็น ยุคนั้นรวยกันแปลก ๆ นอกจากรวยหวยโปแล้ว ยังมีอาชีพแปลกๆ ที่ไม่ได้มีอะไรมากกว่าหลอกลวงกันเลย แต่ละวัดทำพระขายกันโครม ๆ พวกนักธุรกิจก็โจนมาทำ บทจะร่วงก็อยู่ดี ๆ เซียนเลิกซื้อไปดื้อๆ คนทำมาหากินไม่ใช่ไม่รู้ แต่เงินที่ไปกองมันไปตกกับผู้ไม่สามารถ ต่อยอดทางธุรกิจได้ ขอโทษทีคนที่ประกอบสัมมาอาชีพกลับถูกถีบไว้ข้างหลัง วันนี้โครงสร้างขยับเปลี่ยนแล้ว ปัญหาคือคุณสามารถมองเห็นได้ไหม ในวันที่โหดร้ายแบบนี้บาง sector ขยับไปได้อย่างดีมีกำไรเชื่อไหม
ทักษิณเก่งจังเลย ว่าแต่ทำไมต้องโกหกด้วย ดังนั้น ทั้งสองประเด็นที่ “กิตติรัตน์” ให้เหตุผลนั้น แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า เป็น “โกหกคำโต” เพราะความจริงรู้อยู่แล้วว่าทำไม่ได้ แต่ก็ดึงดันเสนอ ครม. และ กกต. นับเป็นการ white lie อีกครั้งของ “กิตติรัตน์” หลังจากที่เคยยอมรับว่า white lie เรื่องเป้าการส่งออกในปี 2555 กิตติรัตน์ รับพูดเท็จเรื่องเป้าส่งออกของไทยโต 15% อ้างโกหกเพื่อชาติ หวังสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ขณะที่ภาคเอกชน บอกไม่ได้กังวลในเรื่องดังกล่าว เพราะเชื่อว่ารัฐฯ ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามเป้า แต่การโกหกครั้งนี้ จะสร้างความไม่เชื่อใจให้กับรัฐบาลในอนาคต วานนี้ (23 สิงหาคม) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา "1 ปี ยิ่งลักษณ์กับอนาคตเศรษฐกิจไทย" ว่า เป้าการส่งออกในปีนี้เติบโตไม่ถึง 15% อย่างที่ตนเคยพูดกับนักลงทุนต่างชาติอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เพราะตนพูดในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และ รมว.คลัง ซึ่งจะได้รับอนุญาตให้พูดเรื่องไม่จริงในบางเรื่องก็ได้ ทั้งนี้ ที่ตนพูดไปก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศ หากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ตนพูดความจริงออกไปว่าตัวเลขส่งออกของไทยเติบโตขึ้นไม่ถึง 15% ก็จะทำให้ความมั่นใจของนักลงทุนมีปัญหา ดังนั้น ตนจึงขอไม่พูดจริงในบางเรื่อง หากเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ดี เหมือนภาษาอังกฤษ เขาเรียกว่า "White lie ที่แปลว่า โกหกสีขาว"
เห็นด้วย 120% ครับ ช่วงเวลาแบบนี้ ธุรกิจที่ไปก่อนคือธุรกิจสีเทาที่มีรายได้จากเศรษฐกิจบังเงาและเศรษฐกิจใต้ดิน ยกตัวอย่าง เมื่อเก็บส่วยได้น้อยลงก็ต้องล้างรถเอง จะแต่งรถแบบแปะและห้อยก็ต้องรอ ลูกชายขอตังค์ไปแต่งมอไซค์ก็ต้องไล่มันไปไกลๆก่อน ลูกสาวขอเงินไปทำเล็บใส่เลนซ์บิ๊กอายอัพเกรดมือถือก็ต้องเซย์โน ไถตังค์เขามาได้เลิกงานเคยแวะร้านเบียร์ก็ต้องทำใจตรงกลับบ้าน เคยแอบให้เบี้ยเลี้ยงค่าขนมเด็กสาวๆก็ต้องหยุด ชอบเช่าพระแทงหวยก็ต้องเพลาๆลง เคยกินข้าวนอกบ้านอยู่บ่อยๆก็ต้องบากหน้าหาคดข้าวกินในครัว ธุรกิจการค้าที่เกี่ยวข้องกับตัวอย่างข้างต้นต้องกระทบแน่นอน แต่นี่ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไป ในหลวงท่านทรงสอนมานานเรื่องการกินอยู่อย่างพอเพียง ตอนนี้คงจะเข้าใจท่านกันมากขึ้นแล้ว
บางคนก็เป็นแค่ตัวตลกตกงานในสภาโจ๊ก กลับมีเงินมีทองมีบริษัท รับจ้างเผาทั่วประเทศซะรวย บางคนเคยเป็นพระเอก แก่ตัวลงก็เล่นหนังอาร์ จนไม่มีใครจ้างก็มาเดินแจกซองไปทั่ว หาเงินกะไอ้แมว บางคนเขียนนิยายแต่งนิยาย เหมือนจะเก่ง แต่เสรือกไม่รู้ว่าแม้วอยู่ไหน where are you ? อาชีพแปลกๆทั้งนั้น แต่หลอกหาแดรกไอ้แมวได้ แต่ที่รวยแน่นอนในยุคไอ้แม้วคือ ทนาย เพราะหากินกับคดีมันจนรวย ไม่รู้ใครหลอกแดรกใคร
แปลกนะ ผมเฉยๆ กับทักกี้ คือ - เศรษฐกิจขาขึ้น ทำไงมันก็ขึ้นนะ เศรษฐกิจแบบนี้ ผมคิดถึง กรณ์ มากกว่า ตอนกรณ์ มาคุมคลัง โลก เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ .... ธนาคารข้ามชาติที่ผมทำงาน lay off คนไป 1/2 ทันที ทั้งในไทย และทั้งโลก . . . . ตอนกรณ์ กับ มาร์ค ออกจากตำแหน่ง ไทยมีดเงินทุนสำรองสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ที่ทำงานผมให้โบนัส ---> 12เดือน ......... ทำปีหยุดปีได้เลย ยาง / ข้าว / มัน / ปาล์ม / อ้อย ราคาไป สูงลิปๆ โดยไม่ต้องจำนำสักแอะ ข้าวมีม๊อปทุกปีนะนั่น. . . . ใน 10ปีที่ผ่านมา ยังไม่เห็นใครเก่งกว่ากรณ์ สักคน พลิก จากเจ๊ง เป็นเจ๋ง // จาก - เป็น ++ คนนี้เก่งจริง
ไอ้เรื่องเศรษฐกิจกำลังจะล่มผมก็ได้ยินจากพวกเสื้อแดงตั้งแต่สมัยนายกตู่มาเป็นรัฐบาลใหม่ ๆ แล้ว นี่ก็ผ่านมา 2 ปีแล้วก็ยังไม่ล่มสักที แต่เอาเถอะ เอางี้นะครับ ถ้าใครเชื่อแน่ ๆ ว่าเศรษฐกิจจะล่มชัวร์ แน่ ๆ แน่นอน ผมแนะนำนะครับ เอาบ้านเอารถไปจำนองครับ มีสมบัติอะไรที่แปลงเป็นเงินได้ก็ทำเลย แล้วเอาเงินมา short หุ้นเลยครับ เศรษฐกิจจะล่มหุ้นต้องตกแน่นอนครับ นี่ชี้ช่องรวยให้นะครับเนี่ย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนโกหล ตอเเหล ยังไง มันก็โกหล ตอเเหลอยู่วันยังคํ่า คนโงยังไง มันก็โง่อยู่วันยังคํ่า คนมันจะคิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองยังไง มันก็คิดไม่ดีต่อชาติบ้านเมืองอยู่วันยังคํ่า คนมันจะเป็นขี้ข้ายังไง มันก็เป็นขี้ข้าอยู่วันยังคํ่า
-ข้ามชาติขายชาติชาติไรกัน เพ้อเจ้อ ไพร่เค้าหมายถึงเศรษฐกิจปิ้งไก่ นี่มันวรรณกรรมเพื่อชีวิตเพื่อประชาชน ปิ้งไก่ก็งามไส้พอแล้ว ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็ตายชายป่า เมื่อนี่ก็ติดคุก หรือเป็นมะเร็งตาย ยามเย็น ควันเหม็นรถเข็นไก่ ฟ้าหมองไม่ผ่องอำไพ ขี้ข้าคนไกลคิดถึงเจ้านาย เห็นควันอวลชวนใจหาย ไม่เห็นหน้าทั้งตูดนาย ดูดแต่ตูดไก่แกล้มเหล้าที่เคยเมา กองไฟ ควายแดงบ้านนอก เผาบ้านเผาเมืองเต้นบอก ควายเอยเขาหลอกติดคุกเหมือนเก่า สุมไฟไหม้เป็นเถ้า ชาติชั่วขี้ขลาดตาขาว นายพี่น้องเขานอนหลับอุ่นสบาย
ไอ้แม้วมันไม่ใช่ม้าพยศ แต่มันเป็นตะกวดสารเลว ไม่ได้ดังใจ ก็ทำลายชาติตัวเอง แจ๊คหม่า มันเก่งที่ทำบาบา จนร่ำรวยด้วยตัวมันเอง ไม่ต้องเกาะชายกางเกงทหาร
เฮียต้า ฝากมาบอก กรูแม่งโคตรเกลียดหน้าตัวเมียทักษิณต่างหาก ไอ้พวกกลางหว่างขาหน้าตัวเมียทักษิณแม่งเพ้อเจ้อ
อุ๊ย ดีใจจัง ขอบคุณครับ เด๋วเอาอีก คุณคนกลางแต่งวรรณกรรมเพื่อชีวิตเพื่อประชาชนบ่อยๆเด๊อ อ่านแล้วได้แรงบันดาลใจ อยากแต่งมั่งอะ