ความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงินของธนาคารกรุงไทย กรณีการปล่อยกู้ให้เครือกฤษดามหานคร ดีเอสไอ เตรียกเรียกบุคคลมาให้ปากคำ 2 ชุด โดยมีชื่อของนาย พานทองแท้ ชินวัตร และเลขาส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ รวมอยู่ด้วย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ บอกถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงิน กรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานคร ว่า คณะทำงานแบ่งการสอบสวนออกเป็น 2 ชุด ชุดแรกกรณีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้บริษัท อาร์เคโปรเฟสชั่นแนล จำกัด ในเครือกฤษดามหานคร 500 ล้านบาท จะเชิญบุคคลเข้ามาให้ปากคำจำนวน 32 คน ซึ่งไม่มีเครือข่ายนักการเมือง แต่เป็นบุคคลที่ปรากฏหลักฐานว่ารับเงินจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร ที่ถูกคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ จำคุก 12 ปี เช่นคนขับรถ โดยจะสอบถามในประเด็นว่า ได้รับเงินไปจริงหรือไม่ และ 3 ธ.ค. 2558 จะเริ่มทำหนังสือเชิญบุคคลในข่ายเข้ามาให้ปากคำได้ ส่วนชุดที่สอง คือ กรณีธนาคากรุงไทปล่อยกู้บริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด 9.9 พันล้านบาท จะมีชื่อของเครือข่ายการเมือง เช่น นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ นายวันชัย หงส์เหิน สามีนงกาญจนาภา และนายมานพ ทิวารี พ่อของน.ต.ศิธา ทิวารี อดีต ส.ส.เพื่อไทย แต่ชุดนี้ยังไม่ได้เชิญมาให้ปากคำ ต้องรอผลการสอบสวนจากชุดแรกให้เสร็จก่อน นอกจากนี้จะเชิญตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เข้ามาให้ข้อมูล กรณีนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ ลูกชายนายวิชัย นำเงินปล่อยกู้สินเชื่อจากบริษัท โกลเด้นฯ ไปซื้อหุ้นขอองบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 4.2 แสนหุ้น ไปเสนอขายให้กับพนักงานในบริษัทของนายพานทอง โดยได้ทำหนังสือเชิญไปตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. อยู่ระหว่างรอตัวแทนจากสำนักงาน ก.ล.ต. เข้ามาให้ข้อมูล
ศาลไม่ยุติธรรม ศาล 2 มาตรฐาน พวกเราจะประกาศไม่ยอมรับอำนาจศาล ท่านไอซ์ ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย เพียงแค่ทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามเท่านั้นเอง พ่อแม่ รังแกฉัน
ถ้ามีการเรียกสอบปากคำ สงสัยคงต้องส่งเอกสารชี้แจง(มีคนช่วยเขียนให้) หรือเขาให้ทนายชี้แจงแทนได้ป่าว เพราะถ้าเจ้าตัวชี้แจงเอง คงวุ่นน่าดู
วันนี้เค้าเรียกพี่ไอซ์ไปสอบสวนแล้ว ดีเอสไอเรียกสอบ “โอ๊ค ”ชี้แจงคดีปล่อยกู้ “กฤษฎามหานคร” ดีเอสไอ - 21 ม.ค. 2559 - พรุ่งนี้ดีเอสไอเรียกสอบ โอ๊ค -กาญจนาภา -พ่อศิธาเข้าชี้แจงคดีปล่อยกู้ กฤษฎามหานคร ร้อมทยอยเรียกสอบพนักงานฮาวคัมได้รับสิทธิซื้อหุ้นผุ้มีอุปการะคุณ ทอท. พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงินจากการอนุมัติปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร ว่าพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้ส่งหนังสือเรียกผู้เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินกรุงไทย3รายเข้าให้ปากคำในวันพรุ่งนี้( 22ม.ค.)เวลา10.00น.ประกอบด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร นางกาญจนาภา หงส์เหิน และ นายมานพ ทิวารี พ่อของน.ต.ศิธาทิวารีเพื่อชี้แจงประเด็นที่มีชื่อเป็นผู้รับเช็คที่มาจากการอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานครว่าเป็นการจ่ายเช็คเพื่อชำระมูลหนี้ใดโดยขอให้ชี้แจงถึงมูลหนี้รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับหนี้ ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้รายงานให้อัยการรับทราบความคืบหน้าการสอบสวนว่าคดีอยู่ระหว่างการเรียกผู้มีรายชื่อรับเช็คเข้าชี้แจงแต่การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จเพราะพยานยังเข้าให้การไม่ครบเช่นพนักงานบริษัทฮาวคัมที่ต้องชี้แจงถึงการได้รับหุ้นการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยในราคาของผู้มีอุปการะคุณรวมถึงการเรียกสอบบริษัทหลักทรัพย์กิมเองและภัทรเข้าใหข้อมูลถึงการได้มาของหุ้นอุปการะคุณที่นำไปจำหน่ายต่อให้กับพนักงานบริษัทฮาวคัม รองอธิบดีเอสไอกล่าวต่อว่าล่าสุดยังไม่ได้รับติดต่อจากบุคคลทั้ง3ว่าจะเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหนังสือเรียกหรือเลื่อนการเข้าให้ปากคำออกไปก่อนส่วนพยานรายอื่นที่มีความชัดเจนว่ามีการรับเงินไปชำระค่าที่ดินและจ่ายคืนให้กับลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการกฤษดามหานครแล้วการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จจึงมีการคืนบ้านซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ยืนยันว่านายวิชัยกฤษดาธานนท์เจ้าของโครงการหมู่บ้านกฤษดามหานครนำเงินกู้จากธนาคารกรุงไทยไม่ตรงวัตถุประสงค์ที่มีการอนุมัติซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายองค์ประกอบความผิดคดีฟอกเงิน http://www.nationtv.tv/main/content/crime/378486343/
'โอ๊ค'โร่ส่งทนายเข้าพบดีเอสไอ ขอเลื่อนเข้าให้ปากคำคดีกรุงไทย วันพฤหัสบดี ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2559, 19.28 น. tags : โอ๊ค, ทนาย, ดีเอสไอ, ให้ปากคำ, คดี, กรุงไทย 21 ม.ค. 59 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ในคดีอนุมัติเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ส่งหนังสือเรียกผู้เกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินกรุงไทย 3 ราย ประกอบด้วย นายพานทองแท้ ชินวัตร นางกาญจนาภา หงส์เหิน และนายมานพ ทิวารี พ่อของน.ต.ศิธา ทิวารี มาให้ปากคำในวันพรุ่งนี้( 22 ม.ค.)เนื่องจากปรากฎชื่อเป็นผู้รับเช็ค พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่านายพานทองแท้ ได้มอบหมายทนายความ มาขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำครั้งนี้ อย่างไรก็ตามต้องดูเหตุผลการข้อเลื่อน แต่ได้กำชับไปว่า ควรจะเข้ามาชี้แจง ทั้งนี้โดยปกติ แล้วสามารถขอเลื่อนได้ถ้าเป็นการเรียกครั้งแรก ระหว่างนี้ หนูโอ๊คก็จะรอหนังสือเชิญไปร่วมประชุมที่ยุโรป ต่อไป
ตลกล่ะไอ้สลัด ที่เพิ่งมารื้อมาทำกันตอนนี้ เพราะผู้มีอำนาจมันหมกซุกไว้ใต้พรหมไงล่ะ ถ้าไม่ใช่ รบ.ลุงตุ่ คงยากที่จะรื้อมาดำเนินการสอบสวนด้วยซ้ำไป เลิกแดรกหญ้าเถอะครับ ชีวิตจะได้เจริญชึ้น
รัฐบาลมาร์ค ที่ตั้งกันในค่ายทหาร ก็หมกเรื่องนี้ไว้ใต้พรมงั้นสินะ นึกว่ามีแต่ฆ่ากันเองแล้วหมกศพกันไว้ที่ชุมนุมเสียอีก ทำไมมาร์คถึงหมกล่ะ ฉลาดอีกแล้ว
มรึงไปกินขี้ไอ้แม้วเหอะ "ไอ้บอยหน้าหมี" ดีแล้ว อย่ามากินข้าวเลย เสียดายทรัพยากรโลก ตายไปเกิดใหม่อีกสิบชาติ ก็คงไม่มีพัฒนาการทางสมองที่ดีได้กว่านี้อีกแล้ว
เอิ่ม นี่กุต้องลงรายละเอียดเพียงเพื่อให้ควายบางตัวเข้าใจงั้นเรอะ มุดในกะลาที่มรึงสร้างให้สำราญใจไปเลยล่ะกันนะ แต่ถ้าโพสควายๆ อีกก็จะด่าอีก มีไรป่ะ ^^ สมัยอภิสิทธิ์ทำอะไรได้งั้นเหรอครับ ควายแดงเผาบ้านเผาเมืองอยู่แบบนั้น แถม ขรก. ส่วนใหญ่ก็ยังเป็นคนของไอ้สลัดแม้วอยู่ นี่มรึงโง่จริง หรือแกล้งโง่หว่า ไอ้ควายฯ เอ๊ย อย่าตอฯ ให้มาก เปลี่ยนกี่ login ก็สันดานเดิม
สมัยมาร์คทำอะไรไม่ได้ แต่กู้เงินมาโกง จนสุเทพใครต่อใครเข้มแข็งพุงปริ้นทำได้ เพิ่งรู้ ขรก. ตอนนั้นเป็นคนของแม้ว มาร์คเลยทำอะไรไม่ได้ เลยหมกเรื่องนี้ไว้ใต้พรม ฉลาดอีกแล้ว
กู้มาโกงนี่ หมายโครงการน้ำเขื่อนพังๆหรือเปล่า อยากรู้ไปถามอดีตอัยโกงสูงสุดที่ได้ผลประโยชน์ต่างตอบแทนสิ ฉลาดอีกแล้ว ไอ้ขี้แพ้
พ่อไอซ์เธอต้องรักษามาตรฐานของตระกูลไว้ครับ คือหากผิดจริงและแนวโน้มติดคุกแน่ มาตรการคือ ขอเลื่อนนัดทุกอย่างที่เลื่อนได้ เลื่อนนัดไปพบพนักงานสอบสวน เลื่อนนักอัยการ เลื่อนนัดศาล ฯลฯ โกหกตอแหลทุกอย่างขนาดควายังไม่เชื่อ ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนหากแน่ใจแล้วว่าซื้อไม่ได้แน่ ยื่นขอเพิ่มพยานอีกประมาณห้าหมื่นคน กะว่าเกิดใหม่สิบหนค่อยมาขึ้นศาล ออกมาตอแหลกับสังคมว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม การดำเนินคดีเป็นไปอย่างรวบรัดรีบเร่ง ให้ทนายไปซื้อขนมแล้วให้หิ้วถุงขนมไปศาล หากมาตรการข้างต้นไม่ได้ผล จ้างไอ้เบื๊อกที่ไหนก็ได้ให้ทำจดหมายเชิญไปร่วมเสวนาเวทีต่างประเทศ ต้องรอดูชั้นเชิงพ่อไอซ์ครับ
ใจเย็นๆนะ เกรงตอบอะไรไม่คิดให้ดีมันจะเข้าเรื่อง ปรส. ยกเรื่องนี้ไปด่าคนโน้นคนนี้ตีกินไปเรื่อย แต่พลพรรคเพื่อไทยปล่อยให้หมดอายุความ ถามจริงๆเหอะคนเพื่อไทยก็ทนายเยอะ(ขนาดว่าความฟรีให้ผู้ต้องหาก่อการร้าย) ขึ้นศาลก็บ่อย ไปให้กำลังใจกันที่ศาลกันแทบทุกเดือน ทำไมไม่ถือโอกาสยื่นเรื่องคดีปรส. บ้างหรือ ทำไมๆๆๆไม่มีใครในเพื่อไทยไปฟ้องเรื่องนี้หนอ ปชป.,ลุงชวน,อภิสิทธิ์จะได้ลงเหวไปพร้อมๆกัน ...... ติ๊กต๊อกๆๆๆๆๆ
แหะๆ กลัวไปเจอพวกเดียวกันที่รับจ้างยิงM79ใส่ศาลโดยมิได้นัดหมาย ควายแดงไปโดนระเบิดตายหน้าศาลนี่จะแห่ศพหากินลำบากเพราะคนต้องสงสัยแน่ว่าฝีมือพวกเดียวกัน
DSI ฝากบอกมา พานทองแท้ แจ้งเลื่อนพบดีเอสไอ คดีฟอกเงิน ธ.กรุงไทย ดีเอสไอ 22ม.ค.-ดีเอสไอ ให้ผู้เกี่ยวข้องคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้กลุ่มกฤษดาฯ เลื่อนเข้าให้ปากคำได้ 1 ครั้ง พ่อ “ศิธา” นัดเข้าพบดีเอสไอต้นเดือนก.พ. 59 ส่วน “พานทองแท้”ต้องเข้าให้ปากคำด้วยตนเอง ไม่สามารถตั้งทนายความมาแทนได้ เพราะเป็นคดีอาญา พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีเรียกผู้เกี่ยวข้องคดีฟอกเงินกรุงไทยเข้าให้ปากคำวันนี้ (22 ม.ค.) ได้แก่ นายพานทองแท้ ชินวัตร นายวันชัย และนางกาญจนาภา หงส์เหิน นางเกศินี จิปิภพ และนายมานพ ทิวารี พ่อของน.ต.ศิธา ทิวารี เพื่อแจงประเด็นมีชื่อรับเช็คเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร แต่ทั้งหมดได้การแจ้งขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนพิจารณา แล้วอนุญาตให้เลื่อน 1 ครั้งโดยจากการประสานกับนายมานพ นัดหมายว่า จะเข้าพบพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนอีก 4 คน อยู่ระหว่างนัดหมาย ซึ่งจะต้องเดินทางมาพร้อมกัน สำหรับคดีนี้เป็นคดีอาญา ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งนายพานทองแท้ จึงต้องมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกด้วยตนเอง ไม่สามารถแต่งตั้งทนายความมาพบพนักงานสอบสวนแทนได้.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/386418
โอ๊คเดินเกมตามรอยอาปู ส่อยื้อคดีทุจริตแบงก์กรุงไทย วันเสาร์ ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559, 02.00 น. ไม่เหนือความคาดหมายหลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ทำหนังสือเรียกนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก มาให้ปากคำเนื่องจากพัวพันคดีทุจริตและฟอกเงินกรณีธนาคารกรุงไทย ยุครัฐบาลทักษิณปล่อยกู้ให้กลุ่มบริษัทเครือกฤษดามหานคร ทั้งๆ ที่อยู่ในบัญชีธุรกิจหนี้เสีย ทำให้รัฐเสียหายมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ปรากฏว่า เสี่ยโอ๊ค-พานทองแท้มอบหมายให้ทนายแจ้งต่อดีเอสไอขอเลื่อนการให้ปากคำ คดีโกงแบงก์กรุงไทยซึ่งเป็นของรัฐมี ทักษิณเป็นจำเลยที่ 1 ซึ่งศาลฎีกาสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวเพราะหนีออกนอกประเทศ และก่อนหน้านี้ศาลพิพากษาจำคุกอดีตผู้บริหารแบงก์กรุงไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องนับสิบคนฐานสมคบกันทุจริต สำหรับ นายพานทองแท้ พัวพันคดีการปล่อยกู้ของแบงก์กรุงไทย เพราะดีเอสไอมีข้อมูลสงสัยว่าลูกชายทักษิณ ผู้นี้รับเช็คเป็นเงินก้อนใหญ่จากกลุ่มบริษัทเครือกฤษดามหานครจึงอยากฟังคำชี้แจงพร้อมทั้งขอให้แสดงหลักฐานยืนยันคำชี้แจงด้วย ทั้งนี้ นายพานทองแท้ ยังถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นเพื่อนของบุตรชายเจ้าของบริษัทกฤษดามหานคร จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่เช็คสั่งจ่ายให้ นายพานทองแท้ เป็นเงินค่าปากถุงที่อาจเกี่ยวข้องกับการที่แบงก์กรุงไทยปล่อยกู้ให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดา มหานคร การขอเลื่อนเข้าชี้แจงต่อดีเอสไอของ นายพานทองแท้ ทำให้นึกถึงการเดินเกมยื้อคดีโครงการรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร อดีตนายกฯหุ่นเชิด ซึ่งเป็นอาของ นายพานทองแท้ตกเป็นจำเลย โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามคำแนะนำของทีมทนายใช้ทั้งวิธีการเลื่อนการเข้าให้ปากคำ รวมทั้งขอเพิ่มพยานฝ่ายจำเลยเป็นจำนวนมากหวังยื้อเวลาให้ได้นานที่สุด อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนของดีเอสไอดูเหมือนจะรู้ทันเกมของ นายพานทองแท้ โดยยอมให้เลื่อนการเข้าชี้แจงเพียง1 ครั้งเท่านั้น คดีทุจริตแบงก์กรุงไทยปล่อยกู้แก่บริษัทกลุ่มบริษัทกฤษดามหานครยุครัฐบาลทักษิณ ยังพัวพันคนในตระกูลชินและคนใกล้ชิดอีกหลายคน ทั้งนี้คงต้องจับตาดูว่าเมื่อดีเอสไออนุญาตให้นายพานทองแท้เลื่อนการเข้าชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนได้เพียงครั้งเดียว ครั้งต่อไปนายพานทองแท้จะแก้เกมเพื่อยื้อเวลาอย่างไรและที่สำคัญ ซึ่งอาจจะสร้างความหนักใจแก่นายพานทองแท้ ยิ่งกว่าก็คือการหาพยานหลักฐานมาแก้ต่าง โดยเฉพาะเช็คปริศนาซึ่งเป็นหลักฐานชัดเจนและเป็นโจทก์สาหัสที่ตอบยากอย่างยิ่ง
ไม่เห็นต้องหนีเลย ท่านโอ๊คไม่ใช่พวกขี้โกงนะ ต้องเข้าชี้แจงด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว ผมตามเฟสแก แกเขียนเรื่องต่างๆได้ละเอียดมาก น่าจะมาลงเล่นการเมืองได้แล้ว ประเทศรออยู่ คดีขี้หมาแบบนี้ท่านโอ๊คผ่านฉลุย ที่เลื่อนเพราะติดธุระจิงๆๆๆๆๆๆๆๆ
พี่ไอซ์ครับ ไปตามนัดด้วยนะครับ เรื่องมันจะได้จบเร็วๆ คดีรับเช็คกฤษดามหานคร 26 ล้าน ฟอกเงินและแจกจ่ายพนักงานบริษัท “ฮาวคัม” แม่และสามีของนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงอ้อ เตรียมเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ส่วน “พานทองแท้” ยังรอนัดให้ปากคำ ขณะที่พนักงานสอบสวนเร่งปิดคดีฟอกเงินจากการทุจริตปล่อยกู้ของแบงก์กรุงไทย ให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ ความคืบหน้าการสอบสวนคดีฟอกเงินที่สืบเนื่องจากคดีทุจริตปล่อยกู้ของ ธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร พันตำรวจโทสมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 10.00 น. นางเกศินี จิปิภพ มารดาของนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พร้อมด้วยนายวันชัย หงษ์เหิน สามีนางกาญจนาภา จะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำชี้แจงกรณีมีแคชเชียร์เช็คมูลค่า 26 ล้านบาท สั่งจ่ายเข้าบัญชีของนางเกศินี เพื่อซื้อหุ้นผู้มีอุปการะคุณบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชน หรือ ทอท. โดยหุ้นดังกล่าวมีการกระจายให้กับพนักงานบริษัท ฮาวคัม จำกัด และบริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ที่มีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น ส่วนนายพานทองแท้ นางกาญจนาภา และนายมานพ ทิวารี บิดาของนาวาอากาศตรีศิธา ทิวารี ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดวันเข้าให้ปากคำ ซึ่งอาจไม่ทันภายในเดือนนี้ แต่ผู้เกี่ยวข้องในการรับเช็คทุกรายต้องเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนด้วยตน เองที่ดีเอสไอเท่านั้น จะไม่มีการเรียกสอบปากคำนอกสถานที่ โดยพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนคดีฟอกเงินให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้ เพื่อส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาสั่งฟ้องต่อไปก่อนคดีหมดอายุความในปี 2560 ทั้งนี้ นายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร ได้นำเงินกู้บางส่วนไปจ่ายเป็นค่าที่ดินให้กับผู้ที่ซื้อบ้านในโครงการก ฤษมหานครนั้น จากการสอบปากคำพยานพบว่าเป็นการจ่ายที่มีมูลหนี้ และผู้รับเช็คไม่มีความผิดฐานฟอกเงิน แต่นายวิชัยจะต้องรับผิดคดีฟอกเงินแบบเรียงกระทงเนื่องจากเป็นการนำเงินที่ ได้จากการปล่อยกู้ให้ไปฟื้นฟูกิจการไปใช้ในลักษณะที่ผิดวัตถุประสงค์ โดยมีเงินจำนวน 26 ล้านบาท ถูกนำไปซื้อแคชเชียร์เช็ค
เริ่มสอบปากคำกันแล้ว แม่และสามี “นางกาญจนาภา หงษ์เหิน” เลขานุการคุณหญิงพจมาน ยอมรับว่ามีเงินจากผู้บริหารกฤษดานครเข้าบัญชีจริง หลังจากเข้าให้ปากคำกับดีเอสไอเมื่อช่วงสายของวันนี้ ส่วน นายพานทองแท้ ชินวัตร นัดหมายจะเดินทางเข้าให้ปากคำในวันที่ 4 มีนาคม เพื่อชี้แจงปมรับเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งทางอัยการ ระบุว่าได้สอบปากคำพยานในคดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ไปกว่า 200 ปากแล้ว มั่นใจจะสามารถสรุปสำนวนได้ภายในเดือนเมษายนนี้ นางเกศินี จิปิภพ พร้อมด้วย นายวันชัย หงษ์เหิน แม่และสามีของนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ช่วสงเช้าที่ผ่านมา เพื่อให้ปากคำคดีฟอกเงินซึ่งสืบเนื่องจากการทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ให้กลุ่มกฤษดามหานคร โดยพันตำรวจโทสมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ทั้ง 2 คน เข้าให้ปากคำในฐานะพยาน เพื่อชี้แจงกรณีที่พบว่ามีเงินจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ อดีตผู้บริหารกฤษดามหานครโอนเงินเข้าบัญชีของนางเกศินี โดยนางเกศินี ให้การยอมรับว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีจริง พร้อมนำหลักฐานเอกสารการซื้อขายหุ้นบางส่วนมาประกอบการชี้แจง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในการให้ปากคำได้เพราะจะกระทบกับรูปคดี ทั้งนี้ ในวันที่ 4 มีนาคม ดีเอสไอยังได้นัดสอบปากคำพยานอีก 2 ปาก คือนายพานทองแท้ ชินวัตร และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ซึ่งในส่วนของนายพานทองแท้มีหลักฐานว่าได้รับเช็คโอนเข้าบัญชีเป็นเงิน 10 ล้านบาท รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า คดีนี้ได้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 200 ปาก หรือ คืบหน้าไปประมาณร้อยละ 70 คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีได้แล้วเสร็จในเดือน เมษายนนี้ เมื่อสอบปากคำผู้มีรายชื่อรับเงินจากกฤษดามหานครครบถ้วนแล้ว ก็จะเข้าไปสอบปากคำจำเลยคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยฯซึ่งยังคงถูกจำ คุกอยู่ในเรือนจำด้วย ด้านนายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามมติคณะกรรมการคดีพิเศษ ปี 2552 ที่ให้ดำเนินคดีกับผู้บริหารธนาคารกรุงไทย และผู้บริหารเครือกฤษดามหานครในข้อหาฟอกเงิน แนวทางสอบสวนก็ต้องเป็นไปตามที่วางไว้ ซึ่งคดีดังกล่าวมีผู้ต้องหาในคดีเดิมอยู่ จึงไม่รู้สึกหนักใจอะไร แต่หนักใจกับสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อนว่าคดีดังกล่าวมีการ แจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ทั้งๆที่ขณะนี้ยังคงเรียกสอบในฐานะพยานเท่านั้น ในขณะที่นางสาวขัตติยา สวัสดิผล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายพานทองแท้ ชินวัตร ส่งหนังสือชี้แจงถึงสื่อมวลชน หลังจากที่มีสื่อนำเสนอทำให้เข้าใจว่านายพานทองแท้ ตกเป็นจำเลยคดีทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย โดยทางทีมงานจะพิจารณาดำเนินคดีฟ้องหมิ่นประมาทต่อไป 25 ก.พ. l ข่าว 12.00 น.พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษเรียกพยานเข้าให้ปากคำ จากกรณีสืบเนื่องธนาคารกรุงไทยปล่อยเงินกู้ให้กับกฤษดามหานคร “โอ๊ค พานทองแท้”โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชี้ดีเอสไอเรียกสอบในฐานะพยานคดีกู้เงินธนาคารกรุงไทย เป็นการกระทำแบบสองมาตรฐาน วันนี้ (25ก.พ.59) นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra ระบุว่า “ข้อเท็จจริงที่ผมได้พบ จากการที่ถูก DSI เรียกสอบ กรณีเงินกู้แบงค์กรุงไทย คือระบบสองมาตรฐานยังคงมีอยู่ ในกระบวนการยุติธรรมไทย โดยไม่เปลี่ยนแปลงครับ หนังสือที่ DSI ส่งเรียกผมไปสอบถามทุกฉบับนั้น ส่งเรียกไปให้ข้อมูลในฐานะพยาน เช่นเดียวกับคนอีก 2-300 คน ที่มีกระแสการเงิน เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็ถูก DSI เรียกไปด้วยเหตุผลเดียวกัน ทั้งหมดนี้ในฐานะ"พยาน"ทั้งสิ้น 2-300 คน ที่ถูกเรียกไปนั้น ได้ยินว่ามีทั้ง นายทหารชั้นผู้ใหญ่ แทบจะครบทุกเหล่า นายตำรวจ มูลนิธิฯ สถาบันการเงินและบุคคลทั่วไป ซึ่งในการส่งหนังสือ เรียกตัวบุคลเหล่านั้นไปสอบ ทาง DSI มีการกระทำอย่างเงียบเชียบ ด้วยความระมัดระวัง ไม่ต้องการให้พยานต้องเสียหาย หรือตกเป็นจำเลยของสังคม ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีคำพิพากษา หรือวินิจฉัยใดๆทั้งสิ้น สำหรับตัวผม นั้น ตรงกันข้ามเลยครับ ถ้าแห่กลองยาวมาได้ คงถือหนังสือพร้อมส่งเสียงโห่นำขบวนมาแล้ว ฝ่ายที่อคติกับตัวผมใช้ช่องทางผ่านสื่อ บางคนที่ซ่อนตัวอยู่บางสำนักใช้เป็นเกมทางการเมืองไม่คำนึงถึงความถูกผิดขอ ให้ใส่ร้ายไว้ก่อน ชี้นำตลอดยิ่งกว่าผู้กระทำความผิด ทั้งที่ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและยินดีให้ข้อมูล หลักฐานกับ DSI เพื่อพิสูจน์ความจริงและความบริสุทธิ์ได้ เอกสารยังไม่ทันถึงมือผมเลย สื่อมวลชนลงข่าวเรียบร้อย ก่อนที่ผมจะทราบเรื่องเสียอีก แถมตามด้วยแหล่งข่าวจาก DSI ที่ไม่ประสงค์จะออกนาม ออกมาให้สัมภาษณ์ในทางเป็นลบ ราวกับว่าผมตกเป็นผู้ต้องหาฯ ทุกครั้งที่ DSI ส่งหนังสือมา ดีเอสไอยอมรับมีแคชเชียร์เช็คธนาคารกรุงไทยมูลค่า 26 ล้านบาทโอนเข้าบัญชีก่อนถูกนำไปซื้อหุ้น พร้อมเรียกสอบ “พานทองแท้-กาญจนาภา” 4 มี.ค.นี้ วันนี้(25ก. พ.59)นางเกศินี จิปิภพ มารดาของ นางกาญจนาภา หงส์เหิน เลขานุการส่วนตัวของ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร นายวันชัย หงส์เหิน สามีนางกาญจนาภา พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เพื่อให้ปากคำคดีฟอกเงินที่สืบเนื่องจากคดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหา นคร กรณีมีแคชเชียร์เช็คมูลค่า 26 ล้านบาท สั่งจ่ายเข้าบัญชีของนางเกศินี เพื่อซื้อหุ้นผู้มีอุปการะคุณบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โดยหุ้นดังกล่าวมีการกระจายให้กับพนักงานบริษัท ฮาวคัม จำกัด และบริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ซึ่งมีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น พ.ต.ท. สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ทั้งสองคนเข้าให้ให้ข้อมูลในฐานะพยาน ซึ่งนายวิชัยได้ยอมรับมีเงินจำนวน 26 ล้านบาท โอนเข้าบัญชีของนางเกศินีจริง โดยอ้างว่าใช้สำหรับซื้อขายหุ้น พร้อมนำหลักฐานการซื้อขายหุ้นมาประกอบการให้ปากคำด้วย ส่วนในวันที่ 4 มี.ค.นี้ ได้เรียกสอบนายพานทองแท้ และนางกาญจนาภา ซึ่งในส่วนของนายพานทองแท้มีหลักฐานชัดเจนว่าได้รับเช็คเป็นเงิน 10 ล้านบาทโอนเข้าบัญชี ขณะที่นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานการสอบสวน ระบุว่า คดีดังกล่าวได้ดำเนินการสอบปากคำพยานที่เกี่ยว ข้องไปแล้วกว่า 200 ปาก ซึ่งคดีมีความคืบหน้าไปแล้ว ร้อยละ 70 และหากพบว่าพยานหลักฐานมีการเชื่อมโยง ถึงบุคคลใด ก็จะดำเนินคดีฐานฟอกเงินทันที
รีบๆ ไปให้ปากคำนะดีแล้วพี่ไอซ์ เรื่องมันจะได้จบๆ ไปซักที 4 มี.ค. l ข่าว 12.00 น.นายพานทองแท้ ชินวัตร เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ กรณีทุจริตปล่อยกู้ของ ธ.กรุงไทยแล้วตั้งแต่ 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่เลขานุการส่วนตัว คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ขอเลื่อนเข้าให้ปากคำ
ลุ้น "โอ๊ค ลูกทักษิณ" และอีก 2 คน หลุดไม่หลุดในคดีฟอกเงินกรุงไทยปล่อยกู้กฤษดามหานคร จับตาอธิบดีดีเอสไอประชุมร่วมพนักงานสอบสวนดูข้อมูลเองวันนี้ ว่าจะแจ้งข้อหาหรือไม่ วันนี้ (15 ก.พ.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีการประชุมของคณะพนักงานสอบสวนร่วมกับพันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ในคดีฟอกเงิน คดีทุจริตอนุมัติปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ให้กลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์นำเงินที่ได้อนุมัติกู้ยืมไปใช้ในกิจการอื่นที่ไม่ใช่การฟื้นฟูกิจการบริษัทกฤษดามหานคร ตามวัตถุประสงค์ในการยื่นกู้ โดยก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาบางส่วน ขณะเดียวกัน มีผู้ถูกกล่าวหาอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นางกาญจนาภา หงษ์เหิน อดีตเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และนายมานพ ทิวารี ซึ่งตามข้อมูลในชั้นการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) พบว่ากลุ่มบริษัทกฤษดามหานครโอนเงินให้แก่บุคคลทั้งสาม ซึ่งในชั้นสอบสวนพบว่าพยานหลักฐานยังไม่เพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาในคดีได้ ซึ่งการประชุมของคณะพนักงานสอบสวนร่วมกับอธิบดีดีเอสไอในวันนี้ จะมีความชัดเจนว่าคดีมีหลักฐานอื่นเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลทั้ง 3 ได้หรือไม่ และจะมีความเห็นจากที่ปรึกษาคดีพิเศษให้พนักงานสอบสวนไปตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติมในส่วนอื่นอีกหรือไม่ โดยคดีฟอกเงินมีอายุความ 15 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวยังเหลืออายุความอีก 1 ปี เมื่อเดือน ส.ค. 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาลงโทษจำคุกร้อยโทสุชาย เชาว์วิศิษฐ์ อดีตประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย เป็นเวลา 18 ปี ในความผิดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอนุมัติปล่อยเงินกู้กว่า 1 หมื่นล้านให้กับกลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร ปปง.ส่งข้อมูลเส้นทางเงินคดี "กรุงไทย" ปล่อยกู้ "กฤษดามหานคร" ให้ดีเอสไอแล้ว ก่อนตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงกับ "โอ๊ค พานทองแท้" หรือไม่ พร้อมรื้อทีมสอบสวน "ไพสิฐ" นั่งหัวหน้าทีม หลังคดีเหลืออายุความเพียง 1 ปี วานนี้้ (15 ก.พ.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และทีมพนักงานสอบสวน ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อหารือในคดีฟอกเงิน ซึ่งเป็นคดีที่ต่อเนื่องจากคดีทุจริตการอนุมัติปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร โดยก่อนหน้านี้ ได้มีการสั่งฟ้องผู้ถูกกล่าวหาในคดีฟอกเงินไปแล้วบางส่วน และดีเอสไออยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมว่า มีเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหากับนายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นางกาญจนาภา หงษ์เหิน อดีตเลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร และนายมานพ ทิวารี หรือไม่ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวหลังการประชุมว่า ขณะนี้ทาง ปปง.ได้ส่งข้อมูลเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ มาให้กับดีเอสไอ โดยทางดีเอสไอจะตรวจสอบเส้นทางเงินว่า มีความเกี่ยวข้องกับนายพานทองแท้ ชินวัตร และคนอื่นๆหรือไม่ อย่างไร อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคดีนี้มีอายุความเหลืออยู่เพียง 1 ปี แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร พ.ต.อ.ไพสิฐ จึงรับเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนเอง และให้ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผู้บัญชาการสำนักการเงินการธนาคาร และพนักงานสอบสวนสำนักเทคโนโลยีและสารสนเทศ เข้ามาร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย ด้านแหล่งข่าวจากดีเอสไอ กล่าวว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ ได้มอบหมายพ.ต.ท.ปกรณ์ ประสานไปยังตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอเอกสารย้อนหลังเพื่อให้ยืนยันว่ามีการโอนเงิน 26 ล้านบาท เพื่อซื้อขายหุ้นระหว่าง นายพานทองแท้ นางเกศิณี และนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ กันจริงหรือไม่ ซึ่งเมื่อได้เอกสารมาแล้ว จะส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบแผนผังธุรกรรมการเงิน และความเชื่อมโยงของตัวละครทั้งหมดในคดีนี้