เรื่องบังเอิญระหว่างสอง “เจ้าสัว” กับ “ลุงตู่”

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย por, 29 May 2015

  1. por

    por อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,397


    ปล ขอไม่คอมเม้นละกัน แต่ก็น่าคิดนะครับ
     
  2. เผด็จการที่รัก

    เผด็จการที่รัก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,076
    แซะทีละนิด?

    ท่าทางนักเลือกตั้งอยากกลับมาเร็วๆ

    ไม่คิดมั่งคับว่า ภาษีมรดกสองคนนี้ก็โดนเต็มๆ
     
  3. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
    ข่าว บังเอิญ เยอะจัง
     
  4. por

    por อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    10 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,397
    ไม่ทราบครับ ไปเจอมา เลยเอามาแบ่งกัน โดยส่วนตัวผมไม่ได้อะไรกับแกหรอกครับ แต่บางทีเราควรระวังไว้เหมือนกัน
     
  5. bookmarks

    bookmarks อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    23 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,447
    เรื่องบังเอิญ ที่ลงตัว
     
  6. puggi

    puggi อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    616
    ประเด็นความบังเอิญคืออะไร

    ถ้าบังเอิญ รัฐจะลงทุนทำทางรถไฟไปผ่านที่เค้าโดยเจ้าสัวไม่เสียเงินสักบาท แบบไอ้เหลี่ยมทำถนน ตัดตรงแถว ทางรามอินทรา ไปลง ที่ดินเค้าจน sc asset ได้มูลค่าที่ดินโดยไม่เสียประโยชน์อย่างนี้ เรียกว่า เหี้ย

    แต่ถ้าบังเอิญคือ ชวนเจ้าสัวมาลงขัน ช่วยกันสร้างทางรถไฟ โดยเจ้าสัวก็ win ที่ดินตนเองมีมูลค่าเพิ่ม รัฐบาลก็ win โดยไม่ต้องลงทุนเยอะ มีคนมาช่วยหากว่าเกิดการขาดทุน อย่างนี้เรียกว่า บังเอิญ หรือว่า ฉลาด ดีละ
     
  7. หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม

    หงส์เฒ่าเสาร์ธรรม อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    24 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,645
    ไม่เชื่อเรื่อง "บังเอิญ" แต่เชื่อเรื่อง "บุญ-กรรม และ การนำพาให้มาพบกัน"
    เจ้าสัว ก็คิดแบบเจ้าสัว คงมองเห็นผลกำไรจากการลงทุน
    ลุงตู่ ก็คิดแบบนักปกครอง เห็นว่าประโยชน์คงถึงมือประชาชนได้สูงสุด
    เมื่อมาบรรจบคบค้าสมาคม ร่วมทำกรรมด้วยกันแล้ว (รวมหมายถึงทั้งกรรมดีและกรรมเลว) ก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบผลของกรรมนั้นไปไม่ได้...
     
    แสงธูป และ ปู่ยง ถูกใจ.
  8. hillton(ปาล์มาลี)

    hillton(ปาล์มาลี) อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    19 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    7,195
    ผมว่าผูกเรื่องอย่างนี้ก็ฟังเอามันส์ได้ จริงเท็จไม่รู้
    แต่ผมว่าเศรษฐกิจ ด้านการลงทุน ตอนนี้หยุดสนิท
    ตัว ไอ (การลงทุนเอกชน) ธนาคารก็ปล่อยยาก เอกชนลงทุนเองก็ระมัดระวังสูง อสังหาตอนนี้ลงไปแป๊ก(ติด)ทุกราย ขายช้า ถึงขายช้ามากๆ
    ตัว ซี (การบริโภค) ก็รู้ๆกันอยู่ว่า หนี้ครัวเรื่อนสูง ไปไล่ดูทุกกลุ่มอาชีพติดหนี้กันบาน
    ตัว ส่งออกนำเข้า เห็นตัวเลขล่าสุดแล้วก็เพลียใจ จนคนสายนี้เขากำลังคิดว่าไทยกำลังสูญเสียสายการผลิตเพื่อการส่งออก(ย้ายฐาน)ทั้งของไทยและต่างชาติ จากสองปัจจัย ค่าแรงและการขาดแคลนแรงงาน
    ตัว จี (การลงทุนโดยภาครัฐ) ตอนนี้ก็โดนคดีขายของเก่ากินมาล้างขาดทุน
    เราขาดทุนจำนำข้าว(ด้วยการรับซื้อที่ราคาสสูุงกว่าราคาตลาด100% และขายออกได้แค่ส่วนน้อยในราคา 20-30%ของทุนเพราะขายต่ากว่าราคาตลาด( ซื้อสูง ขายต่ำ))จำนวนยอดขาดทุนถึงสูงถึง 7-9 แสนล้านบาท โดยที่่สินค้า (ข้าว) มีแต่จะเสื่อมสภาพและราคาลดลง ง่ายๆลง 100ขาดทุน 80 (เอาส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆมาหักเป็นทุน) ยอดขาดทุนนี้สูงกว่าปัญหาวิกฤต ต้มยำกุ้ง(5.3แสนล้าน) แต่คำนึงว่าทุนสำรองเราขณะนี้ มีมากกว่าเกือบหนึ่งเท่า
    ที่เล่ายาวมานี้เพื่อจะบอกว่า แก้ต้มยำกุ้งลงยาแรงเพราะกู้เขามาแก้ ปัจจุบันพอมีทุนเหลือบวกเครดิตดี จะแก้เอง ดังนั้นไม่มีทางอื่น รัฐต้องเป็นเจ้าภาพ และโครงการรถไฟความเร็วสูงคือโครงการนั้นที่เลือก ดังนั้นการที่ผู้ลงทุนคือสองเจ้าสัวนั้น ผมว่าพอเข้าใจได้ ส่วนจะโยงซื้อที่อะไร ผมว่าก็มโนสร้างเรื่องกันไป แต่ผมว่าสิ่งที่เราท่านควรคิดมากกว่าน่าจะเป็นว่า
    -วิกฤตการขาดเงินลงทุนและการขาดกำลังซื้อนี้ จะอยู่อีกนานเท่าไร (ต้มยำกุ้งประมาณ 6-8ปี)
    -และตอนนี้เราอยู่ช่วงไหนของวิกฤตเจ๊งจำนำข้าวนี้
     

Share This Page