ผมอ่านเจอ คอมเม้นท์ ของ Thai PBS เขียนไว้คอนข้างโดนใจผม เลขขออนุญาต นำมาลงครับ เครดิต คุณ เก่ง อาจหาญ ขอเสนอความคิดเห็นนะครับ ขณะนี้เรามีข้าวในโกดังมากมาย พืชผักผลไม้ แทนที่รัฐบาลเราจะใช้เงินสดบริจาคให้รัฐบาลเขา ทำไมรัฐบาลเราไม่นำเงินมาซื้อข้าว ซื้อผลิตภัณทางเกษตร ของบ้านเราเอง แล้วนำส่งไปในเครื่อง ซี130 ก็ได้ใช้เวลาไม่นาน รัฐบาลเราควรนำสิ่งที่เรามีเหลือไปให้เขาดีกว่าเพราะมันจำเปนสำหรับเขามาก อีกทางเปนการช่วยเหลือระบายสินค้าด้วว รวมทั้งเปนการกระตุ้นเศรฐกิจให้มีเงินหมุนในประเทศ ดังที่รู้กันตอนนี้เศรษฐกิจเราไม่ดี อีกข้อที่คนไทยเราถนัด ผมเห็นหลายๆคณะแห่ไปช่วย คุนไปทำกู้ภัยมีไปหลายประเทศแล้วแต่ที่ไม่มีคือ สิ่งที่คนไทยถนัด ทำโรงทานไงครับ ไปตั้งโรงทานตามศูนย์พักพิงไงครับ เงินทองเสื้อผ้าถ้าไม่มีไม่ถึงตายแต่ที่ไม่มีแล้วตาย คืออาหาร และควรไปถึงผู้เดือดร้อนโดยตรง
มีการบริจาค ข้าวสารให้อยู่แล้วครับ เช่นที่ร้อยเอ็ด ส่งไปช่วงแรก ๆ เชื่อว่าคงประสานกับรัฐบาลอยู่ จากร้อยเอ็ดถึงเนปาล! ส่งข้าวสาร 23 ตัน ช่วยเหยื่อแผ่นดินไหว โดยไทยรัฐออนไลน์ 27 เม.ย.2558 09:54 น้ำใจคนไทย ทั้งพระ ฆราวาส พ่อค้า ข้าราชการที่ร้อยเอ็ดร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหวที่เนปาล ชุดแรกได้ข้าวสารกว่า 23 ตัน เงิน 4 หมื่นบาท รวมถึงสบงจีวรของพระ ส่งขึ้นเครื่องบิน ทอ. นำไปช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกที่ประสบภัยแล้ว... เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ร้อยเอ็ด ได้เชิญชวนข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ร่วมบริจาคช่วยเหลือชาวเนปาลที่ประสบภัยแผ่นดินไหว มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคเพื่อช่วยเหยื่อชาวเนปาลขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ปรากฏว่า ตลอดช่วง 8 ชั่วโมง ได้มีผู้ทยอยมาบริจาคไม่ขาดสาย อาทิ นางจวงจิรา สุริยวนากุล ประธานชมรมโรงสีข้าว จ.ร้อยเอ็ด นำข้าวสารจำนวน 20 ตันมาบริจาค น.ส.บุญเกิด ภานนท์ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรอำเภอเกษตรวิสัย ในฐานะขบวนการสหกรณ์ จ.ร้อยเอ็ด บริจาคข้าวสารซึ่งส่วนหนึ่งเป็นข้าวหอมมะลิร้อยเอ็ด หนัก 3.3 ตัน พระพุทธิสารมุนี เจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด (มหานิกาย) นำผ้าสบงจีวร ซึ่งมีวัดและผู้ใจบุญถวายให้ มาร่วมบริจาคด้วย ผวจ.ร้อยเอ็ด เชิญชวนข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน ร่วมบริจาคช่วยเหลือชาวเนปาลที่ประสบภัยแผ่นดินไหวได้ข้าวถึง23 ตัน นอกจากนี้ มีข้าราชการ มูลนิธิต่างๆ รวมถึงผู้ใจบุญบริจาคเงินรวมจำนวน 40,900 บาท นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ร้อยเอ็ด จึงให้รถบรรทุกของ ปภ.จ.ร้อยเอ็ด บรรทุกข้าวสารรวมหนัก 23.30 ตัน พร้อมสิ่งของชุดแรกของ จ.ร้อยเอ็ด เดินทางเข้า กทม.ในช่วงหัวค่ำวันเดียวกันนี้ เพื่อนำไปมอบให้กองทัพอากาศ ส่งต่อไปประเทศเนปาล ทั้งนี้ จ.ร้อยเอ็ด ยังคงตั้งศูนย์รับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาวเนปาล ที่ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ต่อไปอีก.
ค่าขนส่งทางอากาศนี่มันแพงมากนะครับ ยิ่งหนัก ก็ยิ่งแพง ไม่ใช่อะไร ก็ขนไปได้หมดนะครับ ต้องดูด้วยการซื้อจากท้องถิ่นมันมีราคาถูกกว่าหรือเปล่า ถ้าประเทศไกลๆอย่างเนปาลนี่ คงไม่เหลือครับ
น่าจะเอา เงินบริจาค ไปซื้อ อาหารทะเลส่งออกไทย ที่กำลังมีปัญหาอยู่ ส่งไปช่วยเนปาล ก่อนนะครับ ส่วนตัวเห็นว่า เงินบริจาค ณ ตอนนี้ สามารถ เติมน้ำมัน เครื่อง C130 บินไปส่ง วันละหลายๆเที่ยวได้สบายครับ
ไทยนอกจากช่วยเหลือข้าวสาร อาหารกระป๋องไปเนปาล แม้มูลค่าการค้าระหว่างไทยและเนปาลจะไม่มาก แต่ผมคิดว่าในฐานะคนร่วมโลก แน่นอนกระแสความช่วยเหลือยังหลั่งไหลไม่ขาดสาย เพียงแต่รัฐบาล ยังไม่ได้รวบรวมข่าวเผยแพร่ ซึ่งน่าจะทำเพื่อให้พี่น้องคนไทยได้รับทราบและช่วยเหลือได้ตรงความต้องการผู้ประสบถัย มากที่สุด พาณิชย์ ส่งอาหารช่วยผู้ประสบภัยในเนปาล 28 เม.ย. 58 20.02 น. | เปิดอ่าน 15 | ความคิดเห็น 0 กระทรวงพาณิชย์ ส่งข้าวสาร อาหารกระป๋อง ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเนปาล ขณะที่เหตุการณ์แผ่นดินไหว ไม่กระทบการค้า กระทรวงพาณิชย์ ส่งข้าวสาร อาหารกระป๋อง ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเนปาล ขณะที่เหตุการณ์แผ่นดินไหว ไม่กระทบการค้า นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีความห่วงใยต่อผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเนปาล และขอแสดงความเสียใจกับผู้ประสบภัย รวมทั้งขอส่งกำลังใจให้แก่ผู้ประสบภัย และครอบครัวให้ผ่านพ้นเหตุการณ์ภัยพิบัติดังกล่าว ซึ่งในเบื้องต้น กระทรวงพาณิชย์ได้จัดส่งข้าวสาร อาหารกระป๋อง ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศเนปาล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พล.อ.ฉัตรชัย ระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้นไม่กระทบกับการค้าไทย เนื่องจากมีปริมาณการค้าร่วมกันไม่มากนัก ที่มา http://money.sanook.com/274437/
ค่าใช้จ่ายต่อชม.ของ C-130 อยู่ที่ 10,000 - 14,000 เหรียญ เอาเลขกลมๆที่ 10,000 เหรียญต่อชม.แล้วกัน บินไป 5 ชม. ก็ตก 1.5 ล้านบาทต่อเที่ยว ไปกลับ ก็ตก 3.0 ล้านบาทต่อเที่ยว ไม่รวมค่าใช้จ่ายจิปาถะที่เกี่ยวข้องกับการบิน ถ้าส่งข้าวหอมมะลิ ค่าข้าว 20 ตันเท่ากับ 0.5 ล้านบาท แต่ค่าส่ง 3.0 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ถ้าส่งสินค้าที่เสียง่าย ต้องมีห้องเย็น ซึ่ง C-130 ไม่มี จะแช่งนํ้าแข็งก็ไม่ไหว และต่อให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ ก็เสียนํ้าหนักไปกับอุปกรณ์เหล่านั้นด้วยครับ ถ้าเรามีพวก C-5 หรือ C-17 ค่าใช้จ่ายมันจะถูกว่านี้เยอะครับ เครื่องพวกนั้นถูกออกแบบใช้ขนส่งทางยุทธศาสตร์ ซึ่งถูกออกแบบขนของสัมภาระหนักๆ ในระยะทางไกลๆ จะถูกกว่าใช้ C-130 เยอะเป็นเท่าตัว หรือหลายเท่าตัวเลยครับ
อยากรู้เหมือนกันครับว่าการบริหารจัดการความช่วยเหลือของทางเนปาลเองเป็นยังไงบ้าง คือการระดมความช่วยเหลือนี่ดีอยู่แล้ว แต่พอถึงปลายทางแล้วจะกระจายความช่วยเหลือออกไปได้ยังไง ไม่อยากให้เสียของน่ะครับ