ก็ลืมอีกนั่นแหละ 555 นายสมชาย กล่าวอีกว่า ที่จริงถ้าสมเด็จพระสังฆราชฯ มีคำสั่งจะเรียกว่า “พระบัญชา” ส่วนพระลิขิตคือหนังสือที่ส่งถึงหน่วยงานต่าง ๆ ทั่วไป แต่ยังมีคนตีความว่า จดหมายของสมเด็จพระสังฆราชฯ เป็นสิ่งที่ต้องทำตามไม่ใช่หรือ อย่าลืมว่าสมเด็จพระสังฆราชเป็นส่วนหนึ่งในกรรมการของ มส. เมื่อมีพระลิขิตออกมาถึงกรมการศาสนา ก็นำเข้าสู่ มส.ที่มีหน้าที่พิจารณาว่าดำริเรื่องอะไร และเป็นคำสั่งหรือไม่ ส่วนเรื่องที่บอกว่าอย่างนี้พระธัมมชโยก็ปาราชิกแล้ว เรื่องนี้ต้องดูกันที่เจตนา ทั้งนี้ คำว่า “ปาราชิกโดยอัตโนมัติ” คือความผิดต้องปรากฏชัด เช่น นอนกับผู้หญิงแล้วจับได้คาหนังคาเขา http://www.dailynews.co.th/Content/politics/303458/ยัน+มส.ไม่เคยมีมติให้+_ธัมมชโย_รอดปาราชิก
อ่านข่าวนี้ แล้วงงกับความคิด พอเข้าใจว่าพวกกัน แต่ช่วยอ้างให้มีเหตุผลหน่อยก็ดี คดีของธรรมกายจับไม่ได้คาหนังคาเขาและไม่มีเจตนาตรงไหน มีหลักฐานการสั่งจ่ายเงินชัดเจนขนาดนั้น และเมื่อรู้ว่าเงินที่ได้รับมาไม่ถูกต้อง ก็ยังไม่โอนกลับคืนในทันทีอีก แต่รอ 7 ปี พอโดนฟ้องแล้วถึงค่อยคืน ถ้าไม่โดนฟ้องก็คงนิ่งเฉยเอาเข้ากระเป๋าสบายไป
ยืนยันความเห็นเดิมที่ผมเคยบอก คนพวกนี้เห็นสมเด็จพระสังฆราช ที่เป็นถึงประมุขของพุทธศาสนาไทย เป็นอะไรกัน สิ่งที่ท่านบอก ท่านคิด ไม่มีใครสนใจเลยหรือ ?