มหาเถรสมาคม เอา สมอง ส่วนใหนมาตัดสินว่าพระธัมมชโยไม่ผิด เพราะไม่มีเจตนา มหาเถรสมาคม นั่งอยู่กลางใจ พระธัมมชโยอย่างนั้นหรือ ถึงมองทะลุเข้าไป ถึงกลางใจ พระธัมมชโยว่า ไม่มีเจตนา คิดแทนกันได้อีกต่างหาก แต่ก็ยังไม่พ้นอยู่ดี เพราะการรับเงิน เป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ เพศบรรพชิตต้องเคารพพระธรรมวินัย ถ้าต้องการเงิน ต้องการใช้เงิน ไม่ต้องบวช เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงในการบวช ก็เพื่อขัดเกลากิเลส ไม่ใช่เพื่อเพิ่มกิเลส เก่งจริงนะเรา….มหาเถรสมาคม หนีเสือ ปะ จระเข้
คุณโยมอย่าเสือกเอาทางโลกมาปะปนกับทางธรรมสิจ๊ะ ทางโลกถือผิดสำเร็จแต่ทางธรรมไม่ใช่ถือว่ากลับตัวกลับใจถือเป็นอรหันตฺ์ได้เลยนะจ๊ะ มีเงินเยอะๆถือว่าถูกนะจ๊ะคุณโยม ปรองดองกันนะจ๊ะ
ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมพระพุทธองค์ถึงได้ให้พุทธบริษัท 4 ช่วยกันดูแลพระศาสนา มิได้มอบหมายให้เป็นภาระผู้ใดผู้หนึ่ง
พุทธศาสนา นี่รวมถึงสันติอโศก ที่ไปปิดบ้านปิดเมือง หรือพุทธอิสระ ที่ไปปิดกงศุล จนสาธุชนโลกเขาด่าทั่วบ้านทั่วเมืองไหม แหม่ เวลาอย่างนี้มาเดือดร้อนเกี่ยวกับธรรมกาย ไม่ดูพฤติกรรมพรรคพวกตัวเอง
20 ก.พ.58 นายปรีชา สุวรรณทัต อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยถึงกรณีที่มหาเถรสมาคมมีมติให้ พระเทพญาณมหามุนี หรือพระไชยบูลย์ ธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และประธานมูลนิธิวัดพระธรรมกาย คงสถานะพระสงฆ์ ไม่ต้องปาราชิกตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก โดยมีเหตุว่า พระเทพญาณมหามุนีได้คืนทรัพย์สมบัติให้แก่วัดพระธรรมกายในปี พ.ศ.2549 แล้วว่า ปาราชิก เป็นความผิดตามพระธรรมวินัยซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของพระภิกษุสงฆ์ พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิก แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที นายปรีชา ระบุว่า ตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร พระเทพญาณมหามุนีต้องโทษปาราชิกตามพระธรรมวินัย ดังนั้นมติมหาเถรสมาคมที่ออกมานั้นขัดแย้งกับพระธรรมวินัย จึงถือว่ามตินั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายสงฆ์ ถือเป็นโมฆะ รายงานระบุว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคมนั้น มีกรรมการทั้งสิ้น 20 ตำแหน่ง โดยเป็น ฝ่ายธรรมยุติ 10 เสียงและฝ่ายมหานิกาย 10 เสียง โดยใน 20 เสียงเป็นผู้สนับสนุนวัดพระธรรมกาย 12 เสียง โดยระบุว่าเป็นเสียงจากฝ่ายมหานิกาย 10 เสียงรวมกับวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งเป็นฝ่ายธรรมยุติอีก 2 เสียง สำหรับปาราชิกนั้นมี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่ 1.เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์) 2.ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย) ได้ราคา 5 มาสก(5 มาสกเท่ากับ 1 บาท) 3.พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) แสวงหาและใช้เครื่องมือประหารและจ้างวานฆ่าคน หรือพูดพรรณาคุณแห่งความตายให้คนนั้นๆยินดีที่จะตาย โดยมีเจตนาหวังให้ตาย และ 4.กล่าวอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่จริง อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง อาบัติปาราชิกทั้ง 4 นี้เป็นอาบัติหนักที่เรียกว่า อเตกิจฉา คือไม่สามารถแก้ไขได้เลย http://www.naewna.com/local/145728
อย่างอลัชชีสมีธัมมี่ เค้าเรียกว่าต่อเวลาทำเหี้ยได้อีก ไอ้ตัวนี้อย่างไรก็ไม่เลิกเหี้ย อย่างไอ้แม้วเค้าเรียกหมดเวลาทำเหี้ย ทั้ง ๆ ที่อยากจะเหี้ย ไอ้นี่ก็เลิกเหี้ยคงจะยาก สรุป เหี้ยคนละแบบ สมีธัมมี่มันฉลาดเหี้ยหาเงิน ได้พวกโง่ ๆ เอาเงินมาให้ ไอ้แม้วมันเหี้ยแบบโง่ ๆ เหี้ยหว่านเงินและก็ได้พวกโง่ ๆ มาเป็นผลตอบแทนแถมไม่ได้เงิน
มีพระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ ๔๓๙ ข้อความบางตอนจาก มหาปรินิพพานสูตร อนึ่ง พระพุทธวจนะนี้ทั้งหมด ที่เราภาษิตแล้ว กล่าวแล้ว ตั้งแต่ตรัสรู้ จนถึงปรินิพพาน มีมากประเภทอย่างนี้ คือ ปิฎก ๓ นิกาย ๕ องค์ ๙ แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์. พระธรรมขันธ์แปดหมื่นสี่พันเหล่านี้ดำรงอยู่ด้วยประการฉะนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงเหตุเป็นอันมากอย่างนี้ว่าเราจักปรินิพพานผู้เดียว อนึ่ง เราบัดนี้ก็โอวาทสั่งสอนผู้เดียวเหมือนกัน เมื่อเราปรินิพพานแล้ว พระธรรมขันธ์แปดหมื่นสี่พันเหล่านี้ก็จักโอวาทสั่งสอนท่านทั้งหลาย ทรงโอวาทว่า ธรรมวินัย นั้นจักเป็นศาสดาของท่านทั้งหลายเมื่อเราล่วงไปแล้ว เมื่อทรงย้ำแสดงจารีตในอนาคตกาล จึงตรัสว่า ยถา โขปน เป็นต้น.
แบบว่าเอากรรมการของมหาเถรๆ มาบัญญัติพระธรรมวินัยใหม่ใช่ป่ะครับ ที่ว่าคืนของแล้วไม่ถือว่าปาราชิกเนี่ย มีบัญญัติไว้ตรงไหนหรอครับ ถ้าไม่มีแปลว่ากรรมการบรรญัติขึ้นมาเอง ซึ่งถือว่าเอามาใช้ไม่ได้
พวกเปลืองข้าวสุกในบาตรจริงๆ แต่ละตนนี่เปรียญธรรมระดับสูงทั้งนั้น มีทั้งสมณะศักดิ์ ผมเคยทะเลาะกับลูกที่มันบอกไม่ถือพุทธดีกว่า ผมบอกศาสนาพุทธนะดีเพราะไม่เคยเอาตัวเองเป็นที่ต้้งเอาคำสอนเป็นหลัก ใครจะปฏิบัติไม่ปฏิบัติก็ช่างเพราะผู้รู้ถึงจะไปถึงธรรม ตอนนี้ศาสนาพุทธนะนับถือได้ พระพุทธ พระธรรม และพระสงค์บางรูป
ผมถึงบอกไงครับวงการพระสงฆ์นี่ใช่ย่อย เราชาวพุทธฆราวาสมองพระสงฆ์เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเลยคิดว่าไม่มีการคอรัปชั่น กินนอกกินใน กินบนโต๊ะใต้โต๊ะหรือลากไปกินในน้ำ ตำแหน่งพระผู้ใหญ่ยังมีการซื้อเลย ลองมองข้ามว่าพระสงฆ์คือผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ลองว่าเงินหล่นทับตีนถึงแม้ว่าตีนจะเจ็บถามว่าจะเตะเงินทิ้งหรือเก็บ ลาภสักการะแม้ฆราวาสถวายให้หรือใครก็ตามทำลายผู้ครองจีวรเสียมาเยอะแล้วนักต่อนัก ตัดโลภไม่ออก
ทักษิณมันไม่ห้าวเป้งเลย ออกแนวขี้ขลาดหน้าตัวเมียมากกว่า ถ้าห้าวเป้งจริงเสียงปืนแตกก็มาแล้ว มีแต่พูดเอาเท่ห์ สร้างภาพ หลอกควาย แถมขั้นสุดยอดขั้นเทพเจ้าหลอกจ้างควายแดงมาตายเป็นศพให้แห่หาความชอบธรรม เข้าใจตรงกันนะ
http://www.komchadluek.net/detail/20150220/201719.html ‘ธัมมชโย’รอด!มติมส.ไม่ขัดขืนพระลิขิต ‘ธัมมชโย’รอด!มติมส.ไม่ขัดขืนพระลิขิต อ้างฝ่ายบ้านเมืองถอนฟ้องแล้ว 20ก.พ.2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00น.การประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมามค(มส.) ได้เริ่มขึ้นมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ พระผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานที่ห้องประชุมพุทธมณฑล คาดว่าจะมีการพิจารณากรณีพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกายต้องโทษปาราชิกตามในพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช ตามที่นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุ ทั้งนี้ พระพรหมเมธี(จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการและโฆษกมส. เปิดเผยภายหลังการประชุมมส.ว่า ประเด็นที่ 1.ที่ประชุมมส.ได้มีมติรับทราบกรณีนายสมเกียรติ ธงศรี ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.) ผู้แทนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ไปชี้แจงกรณี พระเทพญาณมหามุนี หรือหลวงพ่อธัมมชโย เจ้าวาสวัดพระธรรมกาย ต่อที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทะศาสนา สปช. ว่า ได้มีการละเมิดพระลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในปี2542 หรือไม่ ประเด็นที่ 2 มส.ได้พิจารณาถึงเจตนาของหลวงพ่อธัมมชโย ใน 2 กรณี ดังนี้ "1.ฝ่าฝืนพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมมส.ได้ยกมติมส.ในปี 2549 ขึ้นมาพิจารณาแล้ว พบว่า หลวงพ่อธมฺมชโย ยอมรับและปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังราชในการคืนที่ดินทุกประการ 2. มีเจตนาฉ้อโกงหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว หลวงพ่อธัมมชโย ได้ทยอยคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้แก่วัดพระธรรมกาย ในขณะเดียวกัน คณะกรรมการฝ่ายสงฆ์ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าคณะปกครอง ได้ดำเนินการสอบสวนความผิดของ หลวงพ่อธัมมชโย โดยได้มีการผลสรุปออกมาว่า ไม่มีเจตนาฉ้อโกง ไม่ผิดพระวินัย ไม่ถือเป็นความผิด ถือเป็นอันยุติ " พระพรหมเมธี กล่าว โฆษกมส. กล่าวต่อไปว่า ประเด็นที่ 3. เมื่อไม่มีเจตนาฉ้อโกง ไม่ได้ฝ่าฝืนพระลิขิต ไม่ถือว่ามีความผิด และพ้นมลทิน รวมทั้งยึดตามมติมส.ปี 2549 โดยได้คืนตำแหน่งเจ้าอาวาส และได้ขอพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ให้ ดังนั้น สถานะภาพปัจจุบันของหลวงพ่อธัมมชโย ยังคงดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดและดำรงสมณศักดิ์เช่นเดิม โฆษกมส. กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่มีนายสมพร เทพสิทธา และนายมาณพ พลไพรินทร์ เป็นฝ่ายโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาว่า หลวงพ่อธัมมชโย ยักยอกทรัพย์ของวัดพระธรรมกาย ต่อมานานมาณพ หนึ่งในโจทย์ร่วมฟ้องได้ถอนฟ้อง หลวงพ่อธัมมชโย ทางอัยการได้พิจาณาแล้ว จึงได้ถอนฟ้องคดีดังกล่าว ถือว่า หลวงพ่อธัมมชโย ได้พ้นมลทินแล้ว “จากกรณีปัญหาดังกล่าว อาตมาอยากจะวิงวอนให้พุทธศาสนิกชน พิจารณารับข่าวสารจากสื่อที่มีความรวดเร็ว อาจมีข้อผิดพลาดได้ โดยเฉพาะขณะนี้ รัฐบาลเน้นสร้างความปรองดองของคนในชาติ จึงไม่อยากให้นำเรื่องที่ยุติลงแล้วมาพูดซ้ำ ซึ่ง มส.เองไม่รู้ว่าพิจารณาอย่างไร อย่างไรก็ตาม มส.ถือเป็นองค์กรปกครองสูงสุดของคณะสงฆ์ โดยเมื่อมีปัญหาของคณะสงฆ์เกิดขึ้น ก็ได้พิจารณาตามกระบวนการปกครองสงฆ์ สำหรับ พระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชในปี 2542 ถือเป็นข้อแนะนำของคณะสงฆ์ทั้งประเทศควรยึดถือปฏิบัติ”กรรมการและโฆษกมส. กล่าว พระพรหมเมธี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมมส.ยังได้มติตั้งคณะทำงาน ติดตามข่าวสารทางโลกขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วย พระพรหมเมธี พระพรหมบัณฑิต พระพรหมสิทธิ พระธรรมบัณฑิต นายจำนง สวมประคำ อดีตเลขาธิการวุฒิสภา และนายพิสิฐ เจริญสุข อดีตข้าราชการกรมการศาสนา วัดพระธรรมกายไม่ให้สื่อเข้าวัดยันแจงยุติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าวัดพระธรรมกายไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าวัด โดยได้สอบถามไปที่ประชาสัมพันธ์ของวัดพระธรรมกายแล้ว ทางด้านวัดพระธรรมกายยังไม่ให้สัมภาษณ์ทุกกรณี เพียงแต่ส่งหนังสือ วัดพระธรรมกายชี้แจง ข้อกล่าวหาต่างๆ ยุติแล้ว ลงนามพระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวํโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย และห้ามสื่อมวลชนทุกสำนักเข้าไปในวัดโดยมี รปภ.คุมเข้มทางเข้าประตูหน้าวัด ‘อาคม’แจงคดีธัมมชโยเรื่องจบแล้ว นายอาคม เอ่งฉ้วน อดีต รมช. ศึกษาธิการ กล่าวว่า ในช่วงที่ตนดำรงดำแหน่งอยู่นั้นมีกล่าวหาว่าคำสอนของธัมมชโยขัดกับพระไตรปิฎก ตนจึงให้สำนักงานเลขาธิการมหาเถรสมาคม(มส.) นำเรื่องเข้าพิจารณา ซึ่งมหาเถรสมาคมมีมติมอบหมาย ให้พระพรหมโมลี (วิลาศ ญาณวโร) เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง อดีตเจ้าอาวาสวัดยานนาวา เป็นผู้พิจารณา มีคำสั่งให้เข้าพบ และยืนยันว่าจะไม่สอนอีก ซึ่งเป็นการพิจารณาตามพ.ร.บสงฆ์ เรื่องจึงยุติลง นายอาคม กล่าวถึงกรณีการยักยอกเงินวัดว่า ในขณะนั้นตนมอบหมายให้อธิบดีกรมการศาสนา คือ นายพิภพ กาญจนะ ไปร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยคดีสู้อยู่นานจนสมัย พ.ต.ท ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี อัยการอ้างว่าได้คืนเงินให้วัดแล้วจึงถอนคดีในนาทีสุดท้าย ในขณะนั้น นายพชร ยุติธรรมดำรง ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุด ทำให้คดีสิ้นสุดโดยที่ศาลไม่ได้ตัดสิน ไพบูลย์รับข้อเสนอหลวงปู่พุทธอิสระเร่งจัดการอลัชชี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม ( หลวงปู่พุทธะอิสระ ) เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ได้มอบหมายให้นายมหัศจักร ใสดี เป็นตัวแทนเข้ายื่นหนังสือต่อนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ที่รัฐสภา ทั้งนี้นายไพบูลย์ กล่าวว่า สาระสำคัญของหนังสือนั้น ได้มีการเสนอให้ปฏิรูปศาสนจักร เพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริงตามหลักธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยดำริที่อยากจะเห็นการปฏิบัติเป็นไปตามหลักธรรมวินัย ส่วนแนวทางที่คณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สอดคล้องกับแนวทางที่หลวงปู่พุทธะอิสระเสนอมา อย่างไรก็ตามตนจะนำส่งข้อเสนอของหลวงปู่พุทธะอิสระ ส่งไปยังนายกรัฐมนตรี และจะดำเนินการตามดำริของพระพุทธอิสระด้วย สำหรับหนังสื่อดังกล่าวระบุว่า หลวงปู่มีความห่วงใยถึงปัญหาของศาสนาของพุทธ ในประเทศไทย และต้องการที่จะส่งข้อความในหนังสือต่อไป ยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางคณะกรรมการของนายไพบูลย์ สำหรับรายละเอียดในหนังสือของหลวงปู่ ได้ระบุถึงกรณีของมหาเถระสมาคมมีการรวบอำนาจ แต่ไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อความสงบเรียบร้องของสังฆมณฑล , กรรมการของมหาเถระสมาคมทำงานไม่ได้ตามที่ควร , พระในมหาเถระสมาคมมีตำแหน่งมากกว่าหนึ่ง ทำให้งานที่ควรบริหารอย่างจริงจังไม่สามารถทำได้ดีพอ ทำให้เกิดปัญหามากมาย อีกทั้งกฎหมายก็ไม่ทันสมัย ไม่สามารถจัดการกับผู้ที่แอบอ้างเป็นพระได้ หนังสื่อดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ควรเปลี่ยนแปลงแต่ละมาตรา กำหนดบทลงโทษให้ชัดเจน และหนักหน่วงกับพวกมิจฉาชีพ ที่ทำให้ศาสนาเสียหาย นอกจากนี้กรรมการมหาเถระสมาคนและเจ้าคณะพระสังฆาธิการ ผู้บังคับใช้กฎหมายอ่อนแอเกินไป ขาดความชำนาญในการบังคับใช้กฎหมาย และบางกรณีกลับเป็นผู้กระทำเสียเอง จึงยากที่จะสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องได้ ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาลงทุกวัน อีกทั้งยังมีกรณีร่ำรวยผิดปกติของนักบวช ซึ่งต้องแก้ไขโดยกำหนดให้ตรวจสอบทรัพย์สินชัดเจน โปร่งใส ออกกฎหมายยึดทรัพย์นักบวชและญาติ ที่ร่ำรวยผิดปกติมาเป็นสมบัติของแผ่นดิน หนังสื่อดังกล่าวยังระบุอีกว่า ข้อความในหนังสือยังระบุถึงนักบวชในปัจจุบันว่าไม่มีความละอายต่อหลักพระธรรมวินัย ไม่คำนึงถึงความเสียหายและโทษที่จะได้รับ จึงสมควรที่จะกำหนดบทลงโทษ แก่ผู้ละเมิดพระธรรมวินัยให้หนักหน่วง อีกทั้งยังมีการซื้อขายตำแหน่งดังในวงการนักบวช กับข้าราชการและนักการเมือง จึงอยากให้แก้ไขด้วย และในวรรคท้ายของหนังสือนั้นหลวงปู่ขอให้แก้ปัญหาของศาสนจักร โดยถือว่าทำบุญให้กับแผ่นดิน เพื่อให้พุทธศาสนาเป็นที่พึ่งของประชาชน อย่างแท้จริง ดีเอสไอประชุมเร่งคดีเครดิตยูเนี่ยน สมาชิกสหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยน คลองจั่น นำโดยนายธรรมนูญ อัตโชติ แกนนำชมรมฟื้นฟูสหกรณ์ฯพร้อมผู้เสียหายจำนวน 25 คน ทยอยเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอชุดใหม่ โดยนายธรรมนูญ กล่าวว่า ผู้เสียหายสมาชิกสหกรณ์ฯที่รวมกลุ่มกันในนามของชมรมฟื้นฟูสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ มีกว่า 2,000 คน มีความเสียหายจากการนำเงินไปฝากไว้กับสหกรณ์ฯกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายทั้งหมดจะให้การกับดีเอสไอ และมีความเชื่อมั่นมากขึ้นกับพนักงานสอบสวนชุดใหม่ อย่างไรก็ตาม สมาชิกยังไม่วางใจในกลุ่มผู้บริหารสหกรณ์ชุดปัจจุบัน ที่มีกรรมการชุดเก่าร่วมอยู่ด้วย จึงต้องการให้ดีเอสไอตรวจสอบแผนฟื้นฟูสหกรณ์ฯควบคู่ไปด้วย ด้านพ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนชุดใหม่รับมอบสำนวนทั้งหมด จึงเรียกสอบผู้เสียหาย โดยประเด็นที่สอบปากคำ จะสอบถามถึงความเสียหายที่แต่ละคนได้รับและพฤติการณ์ต่างๆที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน นอกจากนี้จะเรียกผู้บริหารสหกรณ์ต่างๆที่นำเงินาฝากไว้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯมาสอบปากคำด้วย พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล รองผบ.สำนักเทคโนโลยีและการตรวจสอบ กล่าวว่า ตนเข้ามารับผิดชอบตรวจสอบเส้นทางการเงินที่นายศุภชัยนำออกจากสหกรณ์ด้วยการสั่งจ่ายเช็ค เบื้องต้นมี 878 ฉบับ มีบัญชีปลายทางที่เกี่ยวข้อง 67 บัญชี โดยประสานให้ธนาคารตรวจสอบกระแสการเงินย้อนหลังทั้งหมดเพื่อกำหนดตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการรับโอนเงินจากสหกรณ์ เมื่อมีความชัดเจนจะทยอยเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ ส่วนหลักฐานและทรัพย์สินที่ยึดได้จากบริษัท เอส.ดับบลิว. โฮลดิ้งกรุ๊ป ประเทศไทย (จำกัด) ต้องรอให้ปปง.เรียกเจ้าของทรัพย์มาเปิดตู้เซฟแต่ได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อกับนายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล ได้ ส่วนบริษัทอื่นที่ปปง.ยึดและอายัดหุ้นมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท พบทุกบริษัทปิดกิจการลงแล้ว ดังนั้นต้องให้ปปง.ตรวจสอบต่อว่าหุ้นที่ยึดและอายัดไว้คงเหลือเป็นตัวเงินเท่าใด สำหรับวัดพระธรรมกายที่ได้รับเช็คจากนายศุภชัยทั้งในนามวัดและเจ้าอาวาสเป็นเงินกว่า 700 ล้านบาท ก็ต้องเชิญตัวเข้าให้ปากคำเช่นกัน
แบบนี้นะเหรอ ที่สาธุชนโลกก่นด่า ไม่ดูพฤติกรรมตัวเองเลยนะ ท่านๆเหล่านั้นไม่เคยบอกว่าเดินธุดงค์นะ แล้วเขาบิดเบือนคำสอนหรือเปล่า บิดตรงไหนบอกด้วย กล้ามั้ย ต่างกับบางพวกนะ เดินเที่ยวในเมืองแล้วอ้างว่าธุดงค์ อันนี้มุสาวาทานะจ๊ะ อ้อ ยังมีเรื่องที่พูดเรื่องปัดระเบิดอีกนะ โครตมุสาเลย ป่าช้าลองดูนะ พระที่พม่าทำอะไร ป่าช้าอย่าเข้าใจผิดนะ สาธุชนโลกไม่ได้หมายถึงควายแดง
ทักษิณเป็นบุคคลที่ขี้ขลาดที่สุดในประวัติศาสตร์ และเป็นทรราชที่ชั่วร้ายที่สุดคนหนึ่ง ปากกล้า ขาสั่น พูดไม่คิด เอาตัวเองกับครอบครัวรอด แต่เอาครอบครัวคนอื่นไปตายเพื่อรักษาเงินและอำนาจ พูดตรงๆ การที่ควายแดงอาละวาดปี 53 ก็แค่มาทวงเงินให้ทักษิณเท่านั้น ป่าช้า การใส่ร้ายนี่มุสาวาทานะ ทักษิณกล้าเดินมานำแบบสุเทพหรือเปล่า กล้ามั้ย กล้ามั้ย กล้ามั้ย กล้ามั้ย
กฎหมายทางโลกก็เช่นกัน ความผิดอาญา หากทำครบองค์ประกอบความผิดเมื่อใด ความผิดนั้นย่อมสำเร็จ มีความผิด มีโทษ แม้ว่าผู้กระทำจะพยายามบรรเทา แก้ไขผลที่ตนเองทำ แต่หากครบองค์แล้ว ก็ต้องรับผิด อาจจะมีการบรรเทาโทษให้บ้าง แต่ก็ถือว่ามีความผิด ยิ่งในทางพระวินัยแล้ว ไม่ต้องมีศาลมาชี้ด้วย ตนย่อมเป็นศาลของตนเอง ถ้าไม่รับผิด ยังนุ่งห่มกาสาวพัสตร์อยู่ ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หน้าด้าน หน้าไม่อาย หน้าคอนกรีตเสริมใยเหล็ก หน้าเหล็กกล้าผสมเพชร หน้าตะกั่วหนาสามฟุต หน้าขาวเป็นหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ผิดปาราชิกก็เป็นสมี เอาทรัพย์ผู้อื่นไปแม้แต่บาทเดียวก็เป็นสมีตั้งแต่เอาไป นะจ๊ะ รวยยยยย
พระศาสดา มิได้สอน ทำบุญแล้ว จะได้เป็นเทวดา คำสอนของพระศาสดา นั้นหมายความว่า เป็นเบื้องต้น เป็นพื้นฐาน ในการยอม การสละเพื่อขัดเกลา จิตใจ ให้ไม่ยึดติด เพื่อแสวงหา เพื่อบำเพ็ญ ให้มีความสำเร็จในขั้นต่อไป เมื่อภิกษุสันโดษด้วยปัจจัยหาโทษมิได้ ทั้งน้อยและหาได้ง่ายปรารภ เสนาสนะ จีวร ปานะและโภชนะ จิตของเธอไม่คับแค้น ไม่กระทบกระเทือนทุกทิศ และธรรมเหล่าใดอันภิกษุนั้นกล่าวแล้ว อนุโลมแก่สมณธรรม ธรรมเหล่านั้นอันภิกษุผู้ไม่ประมาท มีความสันโดษถือเอา โดยยิ่ง ถ้าภิกษุมุ่งหวังในความเป็น สมณะ ปรารถนาจะเป็นอยู่สบายไม่ควรดูหมิ่นจีวร ข้าวและน้ำของสงฆ์ พึงเสพที่นอนที่นั่งตามมีตามได้เหมือนงูและหนูขุดรูอยู่ พึงยยินดีด้วยปัจจัยตามมีตามได้ และพึงเจริญธรรมอย่างเอก คือ ความไม่ประมาท ความคับแค้น แห่งจิต ย่อมไม่มีแก่ภิกษุผู้สันโดษด้วยปัจจัยน้อย หาได้ง่ายและไม่มีโทษ เพราะปรารภเสนาสนะ จีวร ปานะและโภชนะ ทิศของเธอชื่อว่าไม่กระทบกระเทือน ภิกษุผู้สันโดษ ไม่ประมาท ยึดเหนี่ยวเอาไว้ได้ซึ่งธรรมอันสมควรแก่ธรรมเครื่องความเป็นสมณะ ที่พระตถาคตตรัสบอกแล้วแก่เธอ กุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์ ปรารถนาเพื่อจะตรัสรู้ สันตบทพึงบำเพ็ญไตรสิขา (ศีล สมาธิ ปัญญา) กุลบุตรนั้น พึงเป็นผู้อาจหาญ เป็นผู้ตรง ซื่อตรง ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่เย่อหยิ่ง สันโดษ เลี้ยงง่าย มีกิจน้อย มีความประพฤติเบา มีอินทรีย์อันสงบแล้ว มีปัญญาเครื่องรักษาตน ไม่คะนอง ไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย และไม่พึงประพฤติทุจริต เล็กน้อยอะไรๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านผู้รู้เหล่าอื่นติเตียนได้ ตัดมาโดยเนื้อความ
เอ็งต้องบอกว่า ถ้าทักษิณไม่ห้าวเป้ง ขนาดทำผิดกฏหมายโดยไม่กลัวเกรง ป่านนี้ไม่ต้องวิ่งเป็นหมาวนรอบจานข้าวไปแล้ว 555