http://thaipublica.org/2016/05/varakorn-162/ เพื่อความปลอดภัยเราต้องห้ามขับมอเตอร์ไซด์มั๊ยครับ มันไม่ใช่ต้นเหตุหนทางแก้ไขที่แท้จริงสักเท่าไรหรอกครับ สาเหตุหลักที่เเท้จริงของอุบัตติเหตุมันมาจาก เมาแล้วขับ พอเมาขับ ก็ขับเร็ว ตามมาด้วยอุบัตติเหตุ การรัดเข็มขัดมันไม่ได้ป้องกันอุบัตติเหตุ มันแค่ลดการสูญเสียจากอุบัตติเหตุ ถ้าห่วงความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชนอย่างที่อ้างอ่ะนะ ลองใช้ มอ 44 งดสัมประทานเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ดูสิครับ ถ้าอัตราความสูญเสียและอุบัตติเหตุไม่ลดลง ผมยินดีให้เอาขี้แพะภูเขามาปาหลังคาบ้านได้เลย
เงิบทั้งประเทศ! กระบะแค็บนั่ง2คน ดีลเลอร์บอกไม่หมด คนซื้อประยุกต์ใช้เอง? http://www.thairath.co.th/content/907031
ในระยะยาว ถ้าระบบขนส่งทางรางเราครอบคลุมมากขึ้น หวังว่าเรื่องพวกนี้จะไม่เป็นประเด็นใหญ่อีกต่อไป อยากให้ถึงวันที่คนส่วนใหญ่เดินทางกลับต่างจังหวัดด้วยรถไฟ ไม่ต้องห่วงเรื่องรถติดหรืออุบัติเหตุบนท้องถนนแบบที่ผ่านมา
ถ้ารถไฟครอบคลุมจริง ๆ ก็กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้นะครับ Man Arrested For Covering School Girls With Mayonnaise วิดิโอใน youtube
ผมเข้าใจว่านโยบายนี้ออกมาเพื่อลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลแต่คงลืมไปว่ารถกะบะมันไม่ใช่แค่วิถีชีวิตแต่คือชีวิตของคนทางเลือกน้อย+คนไม่มีทางเลือก ตอนเป็นเด็กผมจะดีใจมากถ้าได้นั่งท้ายกะบะไปกลับครอบครัวหรือญาติๆ ทุกคนเชื่อใจคนขับรถไม่งั้นเขาคงไม่ยอมเอาขีวิตไปฝากไว้หรอกครับใครที่ขับรถหวาดเสียงหรือสุ่มเสี่ยงเชื่อเหอะไม่มีใครอยากเอาชีวิตไปฝากไว้หรอก ถามว่านั่งท้ายกะบะชาวบ้านรู้ไม๊ว่ามันอันตรายเขารู้ครับแต่เวลานั้นมันเป็นเลือกที่ดีที่สุด ทำไมหลายคนต้องทนนั่งตากแดดตากลมตากฝนนั่งหลังขดหลังแข็งปวดขาเจ็บตูดดมควันรถ เพราะเขาไม่มีทางเลือกถ้าไปนั่งรถโดยสารก็สร้างปัญหากับการเดินทาง ต้องยอมรับนะครับว่าบางหมู่บ้านไม่มีรถโดยสารจะขึ้นรถสารต้องให้ มอเตอร์ไซด์มาส่งที่ตัวอำเภอเพื่อเดินทางเข้าจังหวัดมันหลายทอดหลายต่อ
คือถ้ามองโลกในแง่ดีคือคนที่ไม่เข้าใจเนี่ย เพราะเขาไม่เดือดร้อน ก็เลยไม่รู้ และพยายามสร้างสิ่งสวยงามตามที่ตัวเองคิด แต่ลืมคิดไปว่าไอ้ความสวยงามนั้นมันทำให้คนจำนวนมากเดือดร้อน แล้วเค้าก็ไม่เข้าใจอีกว่า เดือดร้อนยังไงว่ะ...
สังคมคนที่เจริญแล้วคงไม่เข้าใจสังคมที่ยังต้องดิ้นรนต้องต่อสู้หัวหกก้นขวิดเวลาออกรถโชว์รูมเขาเคยบอกหรือเคยแนะนำกฏหมายหรือการใช่รถที่ปลอดภัยหรือเปล่าเคยบอกไม๊ว่ารถประเภทใหนใช้อย่างไรเคยบอกข้อห้ามการใช้รถไม๊ทำไมก่อนซื้อรถแต่ละประเภทไม่ให้มีการอบรมก่อนซื้อไม่ใช่ขายแล้วให้คนใช้ไปวัดดวงเอาข้างหน้าผมเห็นบ่อยรถหลายคันจะเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนยังไห้สัญญาณไฟเลยขับรถกลางคืนไฟหน้าก็ติดข้างเดียวการใช้รถง่ายแบบนี้กลับไม่พยายามเน้นยํ้าบางคนขับข้าวิ่งแช่ขวาปิดเลนต้องทำให้รถคันที่ตามมามีความเร็วมากกว่าแซงซ้ายที่ร้ายไปกว่านั้นบางคนจะซื้อรถก็ยังไม่รู้ด้วยซํ้าว่ารถกะบะที่ศื้อควรจดทะเบียนสีอะไรระหว่างสีดำ-สีเขียว-สีฟ้าหรือสีเหลืองเจ้าหน้าที่รัฐเคยพยามชี้แจงเรื่องป้ายบ้างหรือเปล่า
เปลียน รถให้เหมาะสม คือ คำตอบ ครับ ที่ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน เขาก็ ใช้ light truck - light van ราคาถูกกว่า กะบะ ด้วยครับ
ท่านอพิชัยครับเรื่องการใช้รถที่เหมาะผมเห็นด้วยครับแต่ในชนบทรถที่เหมาะที่สุดของชาวไร่ชาวนาขาวสวนคนทำงานก่อสร้างสุดท้ายตัวเลือกที่ดีที่สุดของคนที่มีรถได้คันเดียวคือรถกะบะเพราะมันคือรถเอนกประสงค์
เพิ่มเติมข้อมูลการบรรทุกและการโดยสารครับ หลังจากอ่านข้อมูลหลายๆ ที่ครับ การใช้รถ พรบ รถยนต์ มาตรา 20 (3) http://www.highway.police.go.th/highway4-20-9999-update.pdf ในพรบ รถยนต์ ให้ใช้รถให้ถูกประเภท ยกเว้นตามข้อ (3) ใช้ได้ แต่ต้องตามหลักเกณฑ์ การบรรทุก พรบ จราจร มาตรา 20 http://web.krisdika.go.th/data/law/law2/%A803/%A803-20-9999-update.pdf ในพรบ จราจร ให้ใช้บรรทุกได้แต่ต้องมีสิ่งป้องกันไม่ให้ตกหล่น โดยสรุปผมคิดว่า รถกระบะบรรทุกคนได้ แต่ต้องมีสิ่งป้องกัน ส่วนสำหรับในแคป นั้นผมอ่านยังไม่เจอกฎหมายเก่าห้ามครับ แต่ปัญหาคือ คนใช้รถกระบะต้องการที่จะบรรทุกคนด้วย สิ่งของด้วย แต่ไม่มีสิ่งป้องกัน จึงทำให้เกิดปัญหา ด้านกฎหมายรอนักกฎหมาย มายืนยันอีกครั้งครับ
BokuBoku BK แต้ว ณฐพร โฆษณายาสระผมรีจ๊อยส์ เผยแพร่เมื่อ 2 ต.ค. 2016 ถ้าเป็นช่วงขัดแย้งเรื่องหมวกกันน็อค-ไม่น็อค (เมื่อหลายปีก่อน) คงไม่มีบริษัทโฆษณาไหนมาขายความคิดเรื่องความงามของทรงผมกับการถูกบังคับใช้หมวกกันน็อค แต่เมื่อผ่านการต่อสู้ใน "การบังคับใช้กฎหมายหมวกกันน็อค" อย่างยาวนานช่วงระยะเวลาหนึ่ง มาวันนี้จึงมีโฆษณาเช่นนี้ออกมาเผยแพร่เป็นเรื่อง "ธรรมดา" ที่ทั้งส่งเสริมการใช้กฎหมาย และไม่ขัดเคืองต่อความรู้สึกอ่อนไหวของสังคมไทยอีกต่อไป ลองมาดูกันว่า การบังคับใช้กฎหมายเรื่องรถกระบะ (กล่าวโดยรวมๆ) นั้น สังคมไทยจะมีบทสรุปเช่นไรในที่สุด และจุดสิ้นสุดที่ลงตัวของมันจะเกิดขึ้นเมื่อใด อย่างไรก็ตาม ขอให้สังคมไทยก้าวสู่สิ่งที่ดีกว่า ....
แบบนี้ครับทีควรกวดขัน จับให้หนัก เพราะเป็นเรื่องผลประโยขน์และความปลอดภัยของสาธารณะ ส่วนเรือง cab นั้นผมว่าลึกกว่าเรื่องหมวกกันน๊อค เพราะไม่ได้ออกกฎหมายใหม่ เพียงแต่เพิ่งนึกได้ เพิ่งรู้ หรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้เข้าใจว่าเป็นสิ่งถูกมานานเกือบ 30 ปี คือถ้ามีคนบอกว่าผิดตั้งแต่ทีแรก นั่งไม่ได้ เค้าก็คงเลือกซื้อเก่งหรือ4ประตูไป ดังนั้นถ้าจะตีความว่าผิด ห้ามนั่ง ก็ต้องค่อยๆปรับ เริ่มจากการลดความคุ้มครองต่างๆ ผมไม่แน่ใจว่าบาดเจ็บใน cab ประกันจ่ายรึเปล่า อีกอย่างผมมองว่าการนั่ง cab เป็นเรื่องส่วนบุคคล คือขับเองรับผิดชอบเอง ไม่เหมือนกรณีรถตู้รถโดยสาร
ทีมข่าวไทยพีบีเอสสำรวจการให้บริการผู้โดยสารรถตู้โดยสารสาธารณะที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 พบว่ารถตู้ทุกคันพร้อมให้ความร่วมมือในการถอดเบาะหลังเพื่อเว้นช่องว่างเป็นทางออกในกรณีฉุกเฉิน ... หากมีอุบัติเหตุ จะทำให้ผู้โดยสารออกทางด้านหลังได้ทัน https://news.thaipbs.or.th/content/261558 "รถตู้หมอชิตตื่นตัว เหลือที่นั่งโดยสาร 13 ที่นั่ง" อ่านต่อที่: http://www.nationtv.tv/main/content/social/378542221/ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันปรับที่นั่งรถตู้เหลือ13ที่ไม่กระทบค่าโดยสาร มั่นใจรถเพียงพอรองรับผู้โดยสาร http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=776244 รถตู้หาดใหญ่ยอมปรับเหลือ13ที่นั่งแล้ว http://news.sanook.com/2198406/
ผมเห็นด้วยครับไม่ว่ารถอะไรประเภทใหนบทสรุปคือปลอดภัยไว้ก่อน ถ้าคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักแล้วไม่ว่ารถอะไรประเภทใหนคงไม่ใช่ปัญหาอีกค่อไป
และต้องเลิกความคิดว่า อยู่ที่ไหนก็มีโอกาสตายได้ทั้งนั้น คนเราต้องรู้จักป้องกันตัวเองเป็นเบื้องต้น อย่าปล่อยตัวปล่อยใจ อย่างน้อยผ่อนหนักให้เป็นเบา ประมาท กับ เหตุสุดวิสัย มันต่างกัน ความเชื่อมีได้ไม่เสียหาย แต่อย่าให้สำคัญเกินกว่าเหตุผลตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่แค่พระเจิมรถ มีพระแขวนไว้หน้ารถอย่างเดียว