อ่านเจอข้อความคุณ "อาบังคนเหนือ" บอกกำลัง"ลับฝีปาก" เลยเป็นห่วงกังวลว่าถ้าเจอแดง"หน้าด้าน" "ฝี"จะแตกก่อนที่จะ"ลับ" เลยเข้าอินเตอร์เนตไปหาภาพ"กอเอี๊ยะ" แปะฝีกะจะเอาไปฝากคุณอาบัง ดันไปเจอบทความไอ้ น. คนที่ได้ข่าวว่าแย่งเมียเพื่อนมาเป็นเมียตัวเอง บทความถึงจะเก่าตั้งแต่ปี ๕๓ แต่มันก็สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อไอ้โรคจิตวิปริต มีโอกาสถ่ายทอดความคิด"วิปริต" ออกมาสู่สังคม แล้วบังเอิญว่าไอ้คนอ่านบางคนก็ "วิปริต" เช่นเดียวกับมัน สังคมไทยก็คง"วิปริต"ไปอีกนาน "....ไม่นานมานี้ ผมได้ยินว่ากระทรวงไอซีที รณรงค์ให้ผู้ท่องเว็บรายงานข้อความ, ภาพ, และเสียงที่ตนคิดว่าผิดกฎหมายให้แก่หน่วยงานของรัฐได้โดยสะดวก ซ้ำยังรายงานอย่างภาคภูมิใจด้วยว่า หลังจากได้เปิดช่องทาง "สอดแนม" ทางสังคมเช่นนี้แล้ว มีผู้รายงานการสอดแนมของตนเข้ามามากน้อยเท่าไร และกระทรวงได้ตามไปบล็อคหรือถึงกับดำเนินคดีกับผู้ส่งข้อความ, ภาพ, หรือเสียงไปแล้วเท่าไร ความผิดทั้งหมดเหล่านี้ โดยเฉพาะข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เกิดขึ้นจากการวินิจฉัยของนัก "สอดแนม" เอง แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับการทำผิดที่มี "เหยื่อ" เช่น การลักทรัพย์, การทำร้ายร่างกาย หรือการละเมิดทางเพศ ฯลฯ แม้ผู้แจ้งตำรวจอาจวินิจฉัยผิด แต่ก็เกิดขึ้นจากความห่วงใยสวัสดิภาพของคนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น "เหยื่อ" ความผิดบนเว็บส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดไม่มี "เหยื่อ" การรายงานแก่ทางการจึงอาจเป็นการกลั่นแกล้ง หรือแม้แต่เป็นการละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพระหว่างพลเมืองด้วยกันเอง โดยพลเมืองทำตัวเป็น "ตาสับปะรด" แทนรัฐ เรากำลังสร้างสังคมแห่งความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ไม่มีใครที่เป็นอันตรายต่อคนไทยยิ่งไปกว่าคนไทยด้วยกันเอง เพราะทุกคนกำลังถูก "สอดแนม" จากเพื่อนร่วมสังคม เมื่อใดที่เขาเข้าสู่พื้นที่ไซเบอร์ ต้องเหลียวซ้ายแลขวาก่อนก้าวย่างไปอย่างระมัดระวังทุกฝีก้าว นี่คือสังคมที่เราต้องการกระนั้นหรือ...." http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1280146324&catid=02
ยอมรับว่าสังคมเดี๋ยวนี้ต่างหวาดระแวงจริงๆ....ทำดียังโดนอิจฉา เมื่อไม่กี่วันเห็นมีนางอิจฉาตัวนึงตั้งเพจแอนตี้นักกีฬาวอลเลย์บอลคนนึง ยังแปลกใจว่าตั้งขึ้นมาทำไม ในเมื่อเค้าทำประโยชน์ให้ประเทศ ส่วนตัวเองนั้นไม่ทำห่าอะไรที่เป็นประโยชน์หรือสน้างสรรคํ แต่ดันทะลึ่งตั้งเพจด่าคนอื่นเพื่อสนองตัณหา
"แต่เป็นการสร้างเงื่อนไขให้มนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์สังคมสูญเสียความสามารถที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมเลยทีเดียว" การจะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุขนั้น นอกจากจะต้องเคารพกติกาแล้ว ยังต้องเคารพผู้คนที่อยู่ร่วมกันด้วย ไม่ใช่มีพฤติกรรมที่ไปสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจต่อผู้อื่น ความสามารถที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขของสังคมบ้านเรา เสียไปตั้งแต่คนที่มีความคิดชั่วๆความเชื่อเลวๆ แสดงออกอย่างเปิดเผยต่อสังคม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เหมาะที่ควรแล้ว ที่คนในสังคมทุกคนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้รัฐกำจัดคนชั่วคนเลวพวกนี้ ตามกติกาที่มีอยู่
การสอดส่องเป็นหูเป็นตาไม่ให้ใครทำผิดกฏหมาย เป็นการช่วยเหลือสังคมและหน้าที่พลเมืองที่ดี ยิ่งในยุคที่เจ้าหน้าที่ เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ประชาชนทั่วไปยิ่งจะต้องสอดส่องดูแลด้วยตนเองให้มากขึ้น คนไม่อยากให้ใครมาคอยจับผิดในความผิดคือคนที่ทำผิดอ่ะครับ คริ คริ