เมื่อลูกๆของผมไม่ได้อยู่ในโลกของเกมส์

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย เผด็จการที่รัก, 1 Jun 2017

  1. เผด็จการที่รัก

    เผด็จการที่รัก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,076
    เมื่อลูกๆของผมไม่ได้อยู่ในโลกของเกมส์ BY นายแพทย์อิทธิฤทธิ์ จุฬาลักษณ์ศิริบุญ

    บทความนี้ไม่ได้ต้องการมานั่งเถียงว่า เล่มเกมส์มีประโยชน์อย่างไร? นั่นเรื่องของคุณ

    ผมต้องการ “ปกป้อง” ครอบครัวที่ลูกยังไม่ได้เข้าสู่โลกของเกมส์

    ครอบครัวของผมสามารถจัดการทุกเรื่องได้ง่าย เพราะว่าในบ้าน ผมและภรรยาใหญ่ที่สุด ไม่มีปู่ย่า ตายาย ญาติ หรือใครอื่นเข้ามาก้าวล่วงได้แม้แต่นิดเดียว

    และทุกเรื่อง เราเห็นพ้องต้องกัน ทำให้ทิศทางของบ้านไม่สับสน มีจุดหมายชัดเจน

    ซึ่งรวมถึงเรื่องการเล่นเกมส์

    ตัวผมเองมีประสบการณ์ตรง จากการที่ป๊าของผมช่วยปกป้องผมไว้ด้วยสติปัญญา ไม่ยอมให้ผมซื้อเกมส์

    ขอเล่าสั้นๆนะครับ

    ตอน ป.5 ลูกน้องป๊าเอาเกมส์นินเท็นโด้มาให้เล่น ใหม่เอี่ยมแกะกล่อง หวังให้หัวหน้าเลื่อนขั้นเงินเดือน 2 ขั้นตอนปลายปี หลังจากนั้นพ่อลูก(ผมกับป๊า)ติดกันงอมแงมได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ป๊าก็เอาเกมส์ไปคืน

    ผมใจหายวาบ ยังอยากเล่นสุดๆ เลยเกิดความตั้งใจแรงกล้าว่า จะเก็บเงินเพื่อซื้อเองหลังจากได้ที่เรียน ม.1

    ผมเก็บเงินได้เยอะมาก 6 พันกว่าบาท และเมื่อทราบว่ามีที่เรียน ม.1 ผมก็ขอเบิกเงินเพื่อไปซื้อ แต่ได้รับการปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยภายในเวลา 2 วินาที

    โกรธนะครับ แต่ทำอะไรไม่ได้ และผมต้องขอบคุณวันนั้น ที่ป๊าผมไม่ “โง่เขลา” เหมือนพ่อแม่ทั่วไป ที่ยอมให้มีเกมส์ในบ้าน

    ถ้าไม่มีวันนั้น ไม่มี “นายแพทย์อิทธิฤทธิ์” ในวันนี้แน่นอน เพราะตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ ผมมีช่วงติดเกมส์อยู่พักนึง ทำให้รู้ว่า สมองของผม “ติดเกมส์” ง่ายมาก

    ก็ทำมาซะสนุกเร้าใจขนาดนั้น เล่นแล้วก็ติดสิคร้าบ

    ส่วนหมอสาริณี ก็เติบโตมากับบ้านที่ไม่มีเกมส์ และยิ่งได้ทำงานเป็นจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ทำให้เห็นว่าปัญหาติดเกมส์ สร้างความเสียหายอย่างยิ่ง

    ดังนั้นบ้านของผมเลยง่ายมากในเรื่องนี้ เพราะไม่มีใครที่ “เห็นดีเห็นงาม” กับการให้ลูกเล่นเกมส์

    ยังไม่นับเรื่องง่ายๆ คือ หมอ 2 คนไม่เขลาพอ ที่จะปล่อยให้ลูกติดเกมส์ แล้วค่อยมานั่งแก้ไข ซึ่งแก้ยากมาก

    นี่ขนาดว่าฝีมือและทักษะเลี้ยงลูกที่หมอ 2 คนมี คงไม่น้อยกว่าคนทั่วๆไป แต่เราก็ไม่ประมาทเลย

    ตั้งแต่ลูกๆเติบโตมา ผมรู้ว่าเด็กๆมีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วทำให้ผู้ใหญ่ต้องยอมเหนื่อย

    ผมไม่อยากเห็นลูกของตัวเอง กลายเป็นเด็กหลังงอๆ นั่งหน้าทีวีเล่นเกมส์

    หรือเป็นเด็กนั่งติดโต๊ะคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แล้วก็นั่งเล่นเกมส์ทั้งวัน

    ผมไม่ยอมให้ลูกตั้งเป้าเป็นแชมป์เกมส์ เพราะการไปถึงจุดที่สำเร็จมีน้อยคนมาก แปลว่าคนที่ไม่ถึงจุดหมาย ชีวิตจะแย่มาก เพราะทำอย่างอื่นไม่เป็น นอกจากเล่นเกมส์

    ผมไม่ต้องการให้ลูกผมกลายเป็นเด็กก้าวร้าว ไม่เชื่อฟัง เพียงเพราะว่าสมองติดเกมส์อย่างหนัก

    และไม่อยากเห็นลูกทนทุกข์ทรมาน กับการเรียนไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่เค้าสามารถทำได้ดีกว่านั้น เพราะว่าต้องแบ่งเวลาไปกับการเล่นเกมส์

    ผมไม่ต้องการฝึกเค้า ให้โตไปเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงผิดปกติ เพราะขาดทักษะทางสังคมที่ดี

    ผมอยากเห็นลูกๆของผม เป็นคนที่เข้าใจเพื่อนมนุษย์ รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร หรือรู้สึกอย่างไร

    ลูกๆของผม ควรต้องมีทักษะทางสังคมที่ดี และสามารถช่วยเหลือผู้คนได้เป็นอันมาก โดยที่ตัวเค้าเองก็มีชีวิตดีๆในแบบที่ต้องการ

    ผมอยากให้ลูกๆของผมมีความแตกต่าง เพราะคนส่วนใหญ่ของโลกกำลังเล่นเกมส์ เพียงแค่ลูกๆของผมไม่ได้เล่นเกมส์ เค้าก็ต่างแล้ว

    ผมรู้ว่าการสร้างเนื้อสร้างตัว จำเป็นต้องมีการศึกษาที่ดี และผมต้องปกป้องลูกๆ ไม่ให้เจอตุ้มถ่วงหน่วงรั้งจากเกมส์ ทำให้ไปได้ไม่ไกลเท่าที่ควรในการศึกษา

    ยังไม่นับว่า เกมส์ดึงเวลาที่เค้าสามารถเอาไปทำอย่างอื่นที่ดีกว่า เช่น อ่านหนังสือ ออกไปพูดคุยกับคนเก่งๆ ไปฝึกทำงานให้เก่งๆ

    ผมอยากให้เค้าได้เรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริง ได้ลองทำสิ่งต่างๆรอบตัวจริงๆ เล่นกับเพื่อนจริงๆ ได้แก้ปัญหาในชีวิตจริง ได้เรียนภาษาจากชีวิตจริง

    ผมต้องการให้ลูกๆของผม ได้เล่าให้ลูกๆของเค้าฟังว่า “โห..ถ้าไม่ได้คุณปู่คุณย่าที่มีสติปัญญาและวิสัยทัศน์ แล้วปล่อยให้พ่อเล่นเกมส์เหมือนเด็กบ้านอื่น ป่านนี้พ่อไม่สามารถสำเร็จได้มากแบบนี้หรอก”

    ผมอยากให้สิ่งดีๆ ซึ่งเรียกว่า “การอวยพร” ที่ผมและภรรยาตั้งใจในการเลี้ยงลูก ถูกส่งต่อลงไปให้กับลูกหลาน รุ่นต่อๆไปเค้าก็จะได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ของเค้า กลายเป็นเด็กที่มีคุณภาพทั้งทางกาย ทางใจ ทางอารมณ์

    มีคนถามมาเยอะว่า ถ้าไม่ให้ลูกเล่นเกมส์ เดี๋ยวลูกเข้ากับเพื่อนไม่ได้ หรือเดี๋ยวลูกจะหนีไปเล่นที่อื่น แล้วจะทำยังไง?

    โอ..คนเขลาเอ๋ย ลูกถูกฝึกอย่างไร ก็จะเติบโตเป็นอย่างนั้น

    ผมยืนยันว่า ลูกๆผมไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลย ผมถามเด็กๆหลายรอบแล้ว

    ที่สำคัญ พ่อแม่ที่ไม่หนักแน่นพวกนั้น จริงๆผมขอเรียกว่าพ่อแม่ "หน่อมแน้ม" จะกลัวในสิ่งที่ไม่ควรกลัว เมื่อกลัว ทำให้แก้ปัญหาผิดๆ

    ผมเลือกเป็นพ่อแม่ที่หนักแน่น ไม่หน่อมแน้ม ไม่โง่เขลา เพราะผมรักลูกจริงๆ

    เมื่อลูกยังอยู่ในความปกครองของผม เค้าจะต้องอยู่ภายใต้กติกาที่พ่อแม่วางไว้ แต่ถ้าเค้าโตแล้วอยากทำอะไร นั่นเป็นสิ่งที่เค้าต้องรับผิดชอบตัวเอง และผมคงยุ่งไม่ได้แล้ว

    ใครอยากให้ลูกเล่นเกมส์ นั่นเป็นการตัดสินใจของคุณ ไม่ต้องมาโน้มน้าวหรืออภิปราย เพราะผมหนักแน่นกับเรื่องนี้มาก

    ใครที่มีปัญหากับลูกเล่นเกมส์ ผมจะไม่ตอบคำถาม เพราะว่าเรื่องนี้จะแก้ไขได้หรือไม่ ขึ้นกับความเห็นพ้องของ “ผู้ใหญ่ทุกคน” ในบ้าน ถ้ามีใครสักคนรู้สึกว่า ก็ไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรนี่ คงช่วยยากมาก

    โปรดจูงมือกันไปพบจิตแพทย์เด็กที่ท่านสะดวก เพื่อรับการช่วยเหลืออย่างจริงจัง

    ส่วนใครที่ลูกยังไม่ได้เล่นเกมส์ รวมทั้งเกมส์มือถือด้วย คุณคือเป้าหมายของบทความนี้ ผมอยากช่วยปกป้องลูกๆของคุณไม่ให้ผิดพลาดเหมือนคนอีกนับล้านๆ ที่กำลังกุมขมับอยู่

    ผมภาวนาให้เด็กๆที่ยังไม่ได้เข้าสู่โลกของเกมส์ ได้รอดพ้นจากแรงดึงดูดมหาศาลจากโลกของเกมส์นะครับ

    เพจ <เซ็นเซอร์>



    ปล.จากใจเลยนะ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย" แต่หลายคนตายเพราะความจริง และที่สำคัญแรงกดดันของมวลชนมีผลเสมอ มวลชนสามารถทำเรื่องผิดให้เป็นถูกได้:cry:

    เรื่องห้ามลูกเล่นเกมส์ผมเห็นด้วยนะ แต่ต้องเริ่มตั้งแต่อนุบาลเลย คือต้องชวนทั้งครอบครัวทำกิจกรรมสร้างสรรค์ โตมาจะเริ่มห้ามยาก(ขนาดหมอที่เขียนบทความยังแอบเล่น) แต่ข้อดีของการสอนตั้งแต่เล็กๆคือเขาจะติดนิสัยไปจนโต
     
    Last edited: 1 Jun 2017
  2. ridkun_user

    ridkun_user อำมาตย์น้อย Staff Member

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,648
    ประเด็นไม่ใช่เรื่องที่ว่าเกมส์ดีไม่ดีครับ ประเด็นมันเริ่มจากตรงนี้

    upload_2017-6-1_1-36-10.png

    คือใครจะเลี้ยงลูกแบบไม่ให้เล่นเกมส์ มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องผิดครับ มันผิดตรงที่มองเกมส์ในแง่ลบถึงขนาดที่ให้คำแนะนำแบบนี้ออกมาได้
     
    Last edited: 1 Jun 2017
  3. นอกคอก

    นอกคอก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    5,396
    ก็แล้วแต่น่ะ ถ้าทำแล้วผลออกมาดีไม่ว่าจะทำแบบไหนก็ถูก ส่วนตัวแล้วเดินสายกลางครับ ให้เล่นแต่ไม่ให้ติด หมายถึงไม่เสียหน้าที่หลัก ลูกผมต้องไม่ใช่ไม้ดัดครับ
     
    อู๋ คาลบี้, gaiser, ปู่ยง และอีก 2 คน ถูกใจ
  4. หนูอ้อย

    หนูอ้อย อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    23 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    12,778
    Inner ของเด็กแต่ละคนขึ้นกับการอบรมเลี้ยงดูและตัวของเขาเองด้วย
    เด็กแต่ละคนมีความรู้สึกและความคิดความอ่านเป็นของเฉพาะตัวขึ้นกับเพศสภาพ สุขภาพ ความละเอียดอ่อน เช่นความห้าวหาญ ความเป็นตัวของตัวเอง ความขลาดกลัวในบางเรื่อง เป็นต้น ตัวอย่างในการเลี้ยงฝาแฝดชาย - หญิงที่คลอดพร้อมกันจากครรภ์มารดาเดียวกัน เด็กหญิงกับเด็กชายจะไม่เหมือนกันเลยแม้จะเป็นแฝด ลองอ่านหนังสือของหมอโอ๊ค - โอปอลล์ที่มีลูกแฝดชาย - หญิง ดังนั้นการกำหนดความคิดลูกที่จะไม่ให้เจอภาวะบางสิ่งบางอย่างเลย (เช่นเกมส์) อาจไม่สำเร็จในเด็กบางคน เพราะเขายังต้องเจอสังคมอื่นๆภายนอกที่ไม่ใช่พ่อแม่อีกด้วย อาจแอบไปเล่นโดยไม่ให้ที่บ้านรู้ ซึ่งบางคนริลองไปเล่นแล้วค้นพบความมันส์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน เขาจะบอกกับบอกตัวเองด้วยซ้ำว่ารู้งี้เล่นมาเสียนานแล้ว ยิ่งไปอยู่หอพักได้ลองกับผองเพื่อน ภาวะที่มาเจอตอนมีความเติบโตระดับหนึ่งที่คิดว่าสามารถคุมตัวเองได้แบบผู้ใหญ่ ภาวะนี้เรียกว่า Late Period คือมาเจอสิ่งที่(คิดว่ารอมานาน)ในชีวิตช่วงหลัง อาจทำให้ถึงกับหลงหัวปักหัวปำเลยก็เป็นได้ การเรียนรู้เรื่องภาวะเสพติดทางจิตใจ ....อยากให้เป็นในเชิงรับรู้ด้วยเหตุด้วยผลด้วยการต่อสู้ของตัวเด็กเองเป็นด้านหลักมากกว่าการสร้างสิ่งแวดล้อมปิดกั้นโดยไม่ให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะมีภูมิคุ้มกันด้วยตัวเอง เพราะการเรียนรู้ด้วยตนเองจะเป็นการสกัดการเสพติดในทุกๆเรื่องได้อย่างมั่นคงถาวรมากกว่า
     
    Last edited: 1 Jun 2017
    อู๋ คาลบี้, gaiser, ปู่ยง และอีก 3 คน ถูกใจ
  5. อาวุโสโอเค

    อาวุโสโอเค อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,527
    ธรรมชาติของจิตคนจะไหลลงสู่เบื้องต่ำหรือเรียกว่าสู่โลกจินตนาการ ยิ่งสังคมห้ามยิ่งน่าสนใจ

    เช่นเกมส์ยิงคน ขโมยของ โดยอาจจะใช้ตัวละครน่ารัก หรือเสมือนจริง ในการเป็นตัวแทน

    บุคคลที่จะมีกำลังสติปัญญาผ่านกับดักธรรมชาติเบื้องต่ำของตัวเองไปได้ ย่อมมีแต่บุคคลที่ฝึกมาดี

    ดังคำที่ว่า อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา : บัญฑิตย่อมฝึกตน สิ่งนี้ก็เสมือนเป็นการคัดกรองคน

    โดยธรรมชาติอยู่แล้ว ว่าบุคคลใดจะเป็นบัณฑิตหรือไม่
     
  6. Anduril

    Anduril อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    4 Jun 2015
    คะแนนถูกใจ:
    5,268
    ประเด็นของโพสต์ของเพจนี้ที่เป็นปัญหาคือ ใช้คำกล่าวหา พ่อแม่ที่ปล่อยให้เด็กเล่นเกมส์ว่า โง่เขลา จึงทำให้เกิดการแอนตี้ตามมา
     
    อู๋ คาลบี้, gaiser, ปู่ยง และอีก 2 คน ถูกใจ
  7. นอกคอก

    นอกคอก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    5,396
    อันนี้ใช่ และแน่นอนครับ สำหรับผมแล้วต้องทำให้เค้าผ่านไปแบบธรรมดาๆ เป็นและรู้พอที่จะคุยกับเขาได้ว่า "กูก็เป็น" อย่างมอเตอร์ไซด์ ถ้าอยากเป็นก็จะหัดให้เป็น แต้คงไม่ให้ขับเข้าเมือง เพราะเรามีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ผมไม่อยากเป็นผู้ใหญ่ที่งงๆว่า "ลูกนอนกะเราทุกคืน แล้วมันท้องได้ไงว่ะ"
    อีกอย่างเด็กเล่นเกมส์ใช่ว่าจะติดกันทุกคน บางทีพ่อแม่บางคน อยากเป็นอะไรซักอย่างแต่ตัวเองเป็นไม่ได้ก็มาเคี่ยวเข็นเอากะเด็ก ต้องให้ได้อย่างนี้มันถึงจะดี ตัวเองเกลียดอะไรก็จะห้ามแตะต้องแบบไม่มีเหตุผล
     
    Last edited: 1 Jun 2017
    อู๋ คาลบี้, หนูอ้อย, gaiser และอีก 1 คน ถูกใจ.
  8. iamserebi

    iamserebi สมาชิกทั่วไป

    สมัคร:
    24 Feb 2015
    คะแนนถูกใจ:
    203
    บอกเลย ผมเนี้ย สายเกม 100 % ตั้งแต่จำความได้ งอแงจะเอาเครื่อง แฟมิคอน เพื่อมาเล่นมาริโอ้ ตั้งแต่ ป 2
    แม่ผมเป็นครูก็ซื้อให้เล่น ผมเล่นเกมมาตั้งแต่เด็ก พอโตขึ้นก็เก็บเงินซื้อเครื่องเกมบอย และก็ติดโปเกมอนในเกมบอยซื้อมาเล่นทุกภาค จับจนครบทุกตัว(250 ชนิดยกเว้น มิว) ซึ่งต้องใช้โปเกมอนทุกภาคถึงจะครบ
    เข้าเรียนมัธยมก็ติดเกม Playstation จนแม่ซื้อให้อีกเครื่อง แล้วก็ติดเกม เคาเตอร์ในคอม จนมาถึง Ragnarok จากเซิฟนอกจนมันเอาเข้าประเทศไทย และก็เล่นเกมมาตลอด จนเข้ามหาลัยก็ติด Dota เล่นจนเป็นตัวแทนมหาลัยไปแข่งขัน (Network Game)
    จนทุกวันนี้ทำงานผมก็ติดเกมมือถือ เรียกได้เลยว่าทั้งชีวิตผมคลุกคลีกับเกมมาตลอด 20 ปี
    แต่ชีวิตผมไม่เห็นจะพัง
    แม่ผมเลิกกับพ่อตั้งแต่ผม 3 ขวบมีกับน้อง 1 ขวบ สรุปคือแม่เลี้ยงลูกสองคนมาตลอด
    ผมเล่นเกม แต่ผมได้เป็นตัวแทนโรงเรียนสมัย ประถม แข่งขันวิชาการด้านคณิตได้แชมมาตั้งแต่ ป.3 จนถึง ป.6 เนื่องจากผมเป็นคนที่คิดเลขเร็วและแม่นยำ (ผมท่องสูตรคูณ ได้ 25 แม่กับใช้สมการตัวแปรตั้งแต่ ป4) ที่ผมทำได้คือ แม่ผมให้ผมเล่นเกมได้แต่แม่จะมาให้ผมท่องสูตรคูณให้ฟังทุกเย็น วันละ 1 แม่ โดยจะสุ่ม แรกๆก็ แม่ 1-12 หลังๆเจอแม่ 17 19 ผมด้วยความที่อยากเล่นเกมก็ต้องท่องให้ได้หมด เดียวจะอดเล่น ทำให้ผมเก่งคณิตไปในตัว
    ผมกับน้องมีความสนิทสนมกันมาก เพราะเราเล่นเกมด้วยกันบ่อยๆ เช่น คอนทร้า เต่านินจา บางทีทะเลาะกันบ้าง แต่ทุกเย็นก็จะมานั่งคุยกัน ว่าจะผ่านด่านยังไง ทำให้ผมกับน้องสนิทกันตั้งแต่เด็กจนโต ไม่เคยมีปัญหาภายในครอบครัว
    ทั้งบ้านผม ไม่มีใครที่กินเหล้าหรือสูบบุหรี่เลยและไม่เที่ยวกันด้วย อาจจะไม่ใช่เพราะเกม แต่เพราะความสนิทสนมกัน ผมเรียนต่อสาย วิทย์ คณิต น้องชายผมเรียนสายเทคนิค เจอเพื่อนๆที่กินเหล้า บุหรี่ แรกๆก็กังวล ผมก็บอกน้องไปว่ามันไม่ดีนะ น้องผมก็ฟัง จนทุกวันนี้ บุหรี่ไม่สูบ เหล้ากินแค่เข้าสังคม (น้องให้เหตุผลว่า ที่มันไม่สูบเพราะผมบอกว่าไม่ดี แม่ไม่ชอบ)
    ผมเข้าเรียนมหาลัยสายคอมพิวเตอร์เพราะชอบเล่นเกม เรียนด้านเขียนโปรแกรม จนทุกวันนี้ผมอายุ 29 ปี มีคอนโดกับบ้านส่วนตัวที่ซื้อเอง (ผ่อนทั้งคู่ช่วยกันกับแฟน) เงินเดือนเกือบครึ่งแสน
    แม้ผมจะเล่นเกมมาตลอดชีวิต แต่เกมมันไม่เคยทำร้ายใคร และที่ผมมีทุกวันนี้ได้เพราะเกมเหล่านั้น มันช่วยฝึกสมองและทำให้ผมเป็นคนคิดไว และคิดตลอดเวลา ถ้าผมมีลูกผมคิดว่าจะนั่งเล่นกับลูก สอนให้เล่นแต่ต้องแบ่งเวลา ไม่ใช่ห้ามและมองว่ามันคือปีศาจ
     
    Kupb, อู๋ คาลบี้, หนูอ้อย และอีก 4 คน ถูกใจ
  9. ridkun_user

    ridkun_user อำมาตย์น้อย Staff Member

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,648
    แต่สุดท้าย เกมก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นครับ พ่อแม่มีสิทธิ์ที่จะเชื่อว่าลูกไม่จำเป็นต้องเล่นเกมอยู่ดี และผมมองว่ามันก็ไม่ผิดถ้าพ่อแม่จะเลี้ยงลูกแบบนั้น เป็นความจริงที่ว่ามีกิจกรรมอื่นให้ทำมากมายนอกจากเล่นเกม แต่ประเด็นคือมันก็ไม่ใช่สิ่งที่หมอควรจะเอามายัดเยียดให้คนอื่นว่าเกมเป็นสิ่งชั่วร้าย ถึงขนาดจะต้องหย่ากับสามีเพียงเพราะซื้อเกมเข้าบ้าน

    ผมเห็นทั้งสองฝั่งเถียงกัน บางทีก็ปลง อีกฝั่งก็พยายามบอกว่าเกมมีประโยชน์มาก อีกฝั่งก็บอกว่าเกมเป็นปิศาจ คือมันไม่ใช่ทั้งคู่แหละครับ เกมก็คือเกม ข้อเท็จจริงคือมันเป็นแค่ของเล่น แต่เป็นของเล่นที่อาจเสพติดได้ ดังนั้นยังไงพ่อแม่ก็ต้องควบคุม จะควบคุมโดยไม่ให้เล่น หรือให้เล่นแต่พอควร ก็ว่าไป แต่ไม่ควรมีทัศนคติแบบที่ว่าเกมคือสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่งั้นของเล่นทุกอย่างก็คงน่ารังเกียจทั้งนั้น
     
    Apichai, อู๋ คาลบี้, Anduril และอีก 4 คน ถูกใจ
  10. ปู่ยง

    ปู่ยง อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,820
    ลูกสาวผม มีลูกแล้ว ตอนนี้ อยู่ ป. 2
    ตอน ป. 1 ฝึกให้ลูกเล่นเกม วันละ 1 ชั่วโมง เป็นเกม แบบเด็กๆ
    หลานผม สอบได้ ที่ 1
    อยู่ที่ พ่อ แม่ ให้ความสนใจด้วยครับ ผมว่า
     
    conservative, อู๋ คาลบี้, Anduril และอีก 3 คน ถูกใจ
  11. comma

    comma อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    28 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,142
    บังคับลูกบางทีก็ใช่ว่าจะดีนะครับ เป็นผลดีกับบางคนเป็นผลร้ายกับบางคนเหมือนกับเกมนั่นแหละ

    สำคัญคือใส่ใจรู้ว่าลูกของเราเป็นยังไงดีกว่า รู้ว่าทำอะไรแล้วเกิดผลดีผลเสียกับลูกอย่างไร
     
    Anduril, นอกคอก, gaiser และอีก 1 คน ถูกใจ.
  12. อู๋ คาลบี้

    อู๋ คาลบี้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    12,204
    ในมุมมองของผม เกม ต้องเลือกเล่น และต้องรู้จักแบ่งเวลา
    อะไรที่เยอะไปมันก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละครับ

    คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญบางอย่างก็แรงเกินไป ไม่สมควรจะใช้คำพูดแบบนี้
     
    Gop, ridkun_user, ปู่ยง และอีก 2 คน ถูกใจ
  13. ปู่ยง

    ปู่ยง อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,820
    เป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ที่พยายามยัดเยียดความคิดตนเองให้ผู้อื่นยอมรับในวงกว้าง
    อาจเกิดจากสังคมรอบตัว คุณหมอทั้ง 2 คน ไม่ค่อยมีคนให้ความสนใจ
    เพื่อนบ้านไม่คบ เลยมาเรียกร้องความสนใจในโลกโซเชียล
     
    นอกคอก likes this.
  14. นอกคอก

    นอกคอก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    5,396
    อ่านจากที่เค้าเขียน เด็กๆไม่มีใครเลย มีพ่อแม่สองคน อาการหนักทั้งคู่ ถามว่าเด็กๆจะกล้าแสดงความเห็นหรือออกนอกทางที่พ่อแม่ขีดไว้ให้รึเปล่า หรือต้องเออออไปโดยไม่มีทางเลือก
     
  15. annykun

    annykun อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    13 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,591
    ผมสายเกมส์ การ์ตูน 100% เลยครับ สายนี้กากแดง-ร่าน เยอะจริงๆครับ รับรอง......อ้าวไม่เกี่ยวหรอ?
    ถึงชีวิตผมจะลำบากเพราะเป็นสลิ่มอยู่ท่ามกลาง ดงเพื่อนแดง-ร่าน แต่ผมไม่เคยรังเกียจเกมส์-การ์ตูนครับ ผมมองว่า พ่อ-แม่ สอนให้ลูกแบ่งเวลาได้ ดูแลลูก สอนสิ่งที่ถูกที่ควรให้ลูกตอนเสพสื่อเหล่านี้ได้ แม้ว่าเด็กส่วนมากจะรับผิดชอบไม่ค่อยได้ก็เถอะ แต่เมื่อเค้าโตไป เค้าก็จะมีวุฒิภาวะเอง ดีกว่าไปกดดันเด็ก ไม่ใช้เสพ ไม่ให้เล่น จนมันเครียด สุดท้ายก็หาทางเสพอยู่ดี แนะนำโดยเพื่อนๆเลว และลักลอบเสพสื่อไม่เหมาะสม ครับ
     
    ridkun_user, อู๋ คาลบี้, ปู่ยง และอีก 2 คน ถูกใจ
  16. AlbertEinsteins

    AlbertEinsteins อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,479
    ผมว่าเป็นมุมมองแบบวิทยาศาสตร์
    ที่คุณหมออาจคิด (มโน)
    แบบมีตัวอย่างที่ประจักด้วยตัวเอง เช่น
    คุณหมออาจมองว่าไม่มีเวลาควบคุมดูแลพอ
    ลูกอาจไม่มีภูมิคุ้มกันพอ
    เลยตัดปัญหา อย่าให้เล่นเลย
    ยิ่งประกอบกับประสบการณ์ที่ได้รับในอดีต
    โดยคิดว่าความสำเร็จจากการเรียน โดยใจไม่วอกแวกเล่นเกมส์ติดเกมส์ และผสานกับประสบการณ์จากภรรยาที่ได้พบเห็นปัญหาการติดเกมส์

    การผสานกันของประสบการณ์หลายๆทาง ความเป็นห่วง กังวล เลยเลือกที่จะใช้แนว "ป้องกัน" แบบเด็ดขาด คืออย่ามีมันเลยดีกว่า ซึ่งไม่แปลกเพราะความเป็นพ่อแม่มักเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดในความคิดของตนเองให้ลูกเสมอ อย่าไปด่าเลย ลองคิดมุมกลับ คนละตัวอย่าง เช่น วันนึงถ้าคุณเป็นพ่อแม่ คุณบอกไม่ให้ลูกขี่มอเตอร์ไซด์ เพราะมันอันตราย กลัวลูกตาย หรือลูกอาจกลายเป็นเด็กแว้นซ์ คนขี่มอเตอร์ไซด์ที่ดีก็อาจมาแย้ง ว่าผมก็ขี่มาไม่อันตราย มีชุดป้องกัน หรือขี่มาตั้งแต่วัยรุ่นไม่เห็นเป็นเด็กแว้นซ์

    ผมก็เลยอยากให้มองกันแบบกลางๆ เอาตัวอย่างหลายๆอย่างมาเปรียบเทียบ เพราะเหตุผลหลักๆ เป็นเรื่องที่เขารักลูกอยากให้ลูกห่างไกลจากสิ่งไม่ดี เช่น บุหรี่ ยาเสพติด เซ็กส์ เที่ยวกลางคืน หรือ เกมส์ เพราะเกมส์มันติดง่ายในมุมมองเขา และพวกเขาอาจจะไม่สามารถจัดการ ควบคุมได้

    บางคนโตมากะเกมส์ ควบคุมตัวเองได้ ครอบครัวจัดการได้ ก็ย่อมไม่เห็นด้วยเป็นธรรมดา

    แต่ลองคิดดูอีกมุม เกมส์มันก็คือกิเลส ถ้าคุมไม่ได้ จัดการไม่ได้ และคุณรักลูกหลานมาก คุณจะทำแบบเขาหรือป่าว

    ถ้าใช่ก็แค่แย้งและหาข้อเสนอที่จะช่วยให้เด็กกะเกมส์ พ่อแม่ อยู่ได้อย่างมีความสุข เพราะข้อเสนอในแต่ละมุมมองมันอาจเหมาะกับครอบครัวบางครอบครัว
    100 ความเห็น ก็อาจจะเพิ่มเป็น 100 ครอบครัว

    ผมชอบที่คุณหมอเขาบอกว่า % คนไม่มีปัญหา มันน้อยกว่า % คนมีปัญหา ในภาพใหญ่
    บางคนมองแค่ภาพเล็กแค่ส่วนที่ตัวอยู่ เช่น เด็กบางคนอยู่ในสังคมที่ดี โรงเรียนดี เพื่อนดี ผู้ปกครองของตัวเองดี ผู้ปกครองของเพื่อนดี มีโอกาสมากที่จะไม่มีปัญหา มีส่วนน้อยที่จะมีปัญหา เพราะมีปัจจัยดีๆหลายอย่างที่คอยยับยั้ง
     
    Last edited: 3 Jun 2017
  17. โก๋แก่

    โก๋แก่ อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    13 พ.ย. 2016
    คะแนนถูกใจ:
    299
    Location:
    ฺกรุงเทพฯ
    จากอดีตที่ผ่านมา ผมสังเกตุเห็นว่า คนเรามักมีมุมมองโลกมองชีวิต จากการบ่มเพาะที่ได้จากวัยเด็กและสะสมเป็นบุคคลิกของตนจากการเรียนและการทำงานในสายอาชีพที่ทำมา
    ดังนั้น เราจึงมักเห็นการพูดจากจากแนวคิดของแพทย์ ในเรื่องชีวิตของคนจากมุมมองของหมอ ว่าควรจะสะอาด รักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย .. ในขณะที่แนวชีวิตของนักกฎหมายคือ ต้องยุติธรรม มีเสรีภาพ และปฎิบัติตามกฎหมาย ...ส่วนชีวิตของคนขับแท็กซี่ก็แน่นอนว่า ควรสุภาพเรียบร้อย ไม่โกงค่าโดยสาร เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้กันต่อผู้ร่วมทาง ..ในเวลาเดียวกับผู้ที่มีอาชีพแม่บ้าน คือ ละเอียดรอบคอบ ขยัน เก็บของเป็นที่เป็นทาง จึงจะเป็นชีวิตที่ดี

    ทุกๆคนมักมีแนวคิดแนวทางดำเนินชีวิตที่ได้รับผลจากวัยเยาว์และการงานอาชีพที่ตนทำอยู่ แทบทุกคน
    แต่สิ่งที่เราๆ มักมองไม่ออกคือ การดำรงชีวิตของคนเรา ต้องมีการเลือกเดินเลือกจะทำหรือไม่ทำ ให้เลือกอยู่เสมอๆ
    การต้องเลือกข้อใด และไม่เลือกข้อใด นี่เป็นลักษณะแบบหนึ่งของ เกมส์ นะครับ หรือเรียกกันง่ายๆ ได้ว่า
    การใช้ชีวิตของเคนเราตั้งแต่เกิดจนตาย คือ การเล่นเกมส์ชีวิต นั่นเอง

    มันอยู่ที่ว่า แต่ละคนใครจะ "เล่น" เกมส์ชีวิตอย่างจริงจัง มีเหตุมีผล เลือกทางเล่นไปอย่างระมัดระวัง ก็มักจะประสบผลสำเร็จ
    สามารถเคลียร์เกมส์ได้
    ส่วนใครเห็นเกมส์ชีวิต เป็นแค่เรื่องเล่นๆ เดินเกมส์ไปอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า ปล่อยให้เกมส์เป็นไปของมัน ก็มักจะได้พบกับคำว่า
    " Game Over " ...ในตอนท้ายๆอยู่เสมอ

    ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นเกมส์ที่เล่นกันสนุกๆ หรือวาเกมส์ชีวิตที่ถูกบังคับให้เล่น ก็ต้องเล่นด้วย "ทางสายกลาง" ครับ
    อย่าจริงจังกับมันมากเกินไป หรือเครียดจนหมดสนุก และ เล่นด้วยสติปัญญา รู้ว่านี่คือเกมส์ ก็จะได้รับผลดีเป็นประสบการณ์ชีวิตจากเกมส์ครับ
     
  18. เผด็จการที่รัก

    เผด็จการที่รัก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    9,076
    ส่วนตัวมองว่าเกมส์เหมือนสิ่งเสพติดลูกเล็กๆ0-9ขวบนี่จะไม่ให้แตะเด็ดขาด ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน

    ส่วนโตมาถ้าเรียกร้องจะเล่นตามกลุ่มเพื่อน ก็ต้องมีกติการ่วมกัน ถ้ารักษามาตราฐานการเรียนไม่ได้พ่อแม่ก็ต้องใจแข็ง

    จนโตไปทำงานแล้วนั่นแหละถึงปล่อยให้คิดเอง (เหมือนเหล้ามั๊ย?)
     
    อู๋ คาลบี้ และ AlbertEinsteins ถูกใจ.

Share This Page