"ประยุทธ์"ลั่นไม่เคยเป็นศัตรูกับสื่อ แต่ระบุเขียนจน"ครม.-ข้าราชการ"หมดกำลังใจ แนะให้ไปต่อว่านักการเมืองบ้าง วันนี้กลับจากประชุม ACMECS ที่เมียนมาร์ ให้สัมภาษณ์นักข่าวยาวเหยียด เหมือนระบายความอัดอั้นตันใจ เรื่องการทำงานที่พยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่ทุกๆเรื่อง แต่สื่อฯไม่ค่อยสนใจเรื่องผลงานที่ดีๆ กลับสนใจแต่เรื่องความขัดแย้ง แถมกล่าวหาว่าไม่มีผลงาน ลองอ่านคำสัมภาษณ์ดูครับ "ผมไม่เคยเป็นศัตรูกับนักข่าว แต่ทุกวันนี้ก็เขียนโจมตีผมทุกวัน แต่ละเล่ม เขียนโจมตีทั้งนั้น ผมขี้เกียจจะพูด ผมทำเยอะแต่ไม่มีใครเขียนในสิ่งที่ผมทำ หรือเขียนก็น้อยมาก แต่ให้ความสนใจกับความขัดแย้งมาก ความขัดแย้งก็มาก การเมืองก็แย่ ดินฟ้าอากาศก็แย่ เกษตรกรไม่มีรายได้ คนเรียกร้องจะขึ้นค่าแรง วันนี้เรากำลังเริ่มแก้ที่โครงสร้างทั้งหมด ทั้งภาคการเกษตร น้ำ สาธารณูปโภค กฎหมาย ทุกอย่างแก้หมด แต่สื่อก็เขียนว่าผมไม่มีผลงานอะไรเลย การปฏิรูปไม่ได้ทำเลย ผมเสียใจอยู่เหมือนกันแหละ ดันเกิดมาอยู่ประเทศนี้ก็ต้องเสียใจ" นายกฯ กล่าว ที่ทำทุกวันนี้ก็เพราะสงสารคนจน สงสารผู้ที่มีรายได้น้อย รู้ดีว่าลำบากแค่ไหน ถ้าผมไม่สงสารคนจน ผมไม่อยู่หรอกจริงๆ เพราะอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่รู้จะทำไปเพื่อใครเหมือนกัน ข้าราชการดีๆ ก็มีเยอะ 90 กว่าเปอร์เซนต์ ก็เกิดความท้อแท้ ครม.ก็ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร ผลประโยชน์เขาก็ไม่ได้ แต่ก็ถูกด่าถูกว่าทุกวัน ไม่มีให้กำลังใจ อยากถามว่าใครจะทำงานให้ แล้วจะมาเอาอะไรจากผม เบื่อ ไม่อยากที่จะบ่น อยากจะเขียนอะไรเขียน อยากจะด่าอะไรก็ด่า หลายคนก็ไม่ได้เลือกผมเข้ามาทั้งสิ้น ไม่มีใครเลือกผมเข้ามาอยู่แล้ว ผมดันอยากเข้ามาเอง คงอยากเข้ามามีผลประโยชน์ หรือเปล่าไม่รู้นะ วันนี้ทุกอย่างตนคิดเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกาสิโน หรือเรื่องอื่นๆ ถ้าสื่ออยากจะต่อว่า ก็ขอให้ไปต่อว่าพวกนักการเมืองที่ออกมาพูดบ้างสิ กล้ากันหรือไม่ ไปถามดูซิว่าพูดกันทำไม ปฏิรูปคืออะไรไปถามกันบ้าง มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่พูดเรื่องอะไรกันก็ไม่รู้ ไม่มีประโยชน์ สร้างความขัดแย้งไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะเอาให้ใครชนะ ผมไม่รู้ แล้วเคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่า ถ้าผมทำแล้วมันไม่สำเร็จ จะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านนี้เมืองนี้ หรือช่างมัน เดี๋ยวรัฐบาลหน้าก็ทำกันเอง ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และความคิด ขอให้คิดถึงคนจนเขาบ้างว่าเมื่อไหร่ฝนจะมา น้ำจะมา จะแก้ปัญหาอย่างไร ซึ่งผมกำลังคิดกับเขาอยู่ แต่พวกคุณก็เอาปัญหากระจุกกระจิกจากข้างบนมาตีกับไอ้ข้างล่าง จนแก้อะไรไม่ได้ ทำให้รวนไปทั้งหมด ล้มทั้งระบบ ไม่มีประโยชน์ ไม่ว่าจะปฏิรูป หรือปฏิวัติกี่ครั้งมันก็ไม่มีประโยชน์ กลับมาเหมือนเดิมทุกครั้ง http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/653204 ................................................................................................... คนที่ไม่ได้เป็นนักการเมือง ไม่หน้าด้านหน้าทน เจอแรงกดดันมากๆก็ อารมณ์เสียเหมือนกัน ยิ่งถ้าหากคิดว่า ตั้งใจทำงาน ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง แต่กลับมีแต่คำต่อว่า ไม่มีคำชม ก็รู้สึกผิดหวังเป็นธรรมดา หรือบางที ท่านประยุทธไม่ควรเข้ามาเลย การพยายามเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองโดยไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อ มันเป็นไปไม่ได้ เพราะผู้คนจะไม่ตระหนักถึงความเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง
ไม่รู้ว่า สาเหตุจากตรงนี้ด้วยหรือเปล่า อย่าทำให้ "ท่านผู้นำ" อารมณ์เสีย! คสช. จ่อเรียก 200 สื่อไทย-เทศขอความร่วมมือ วันนี้ (23 มิ.ย.) หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ตีพิมพ์รายงานข่าวในหัวข้อ "NCPO to ask reporters not to upset PM" (คสช. เรียกร้องไม่ให้ผู้สื่อข่าวทำให้นายกรัฐมนตรีอารมณ์เสีย) รายงานโดย น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร นสพ.บางกอกโพสต์ โดยอ้างแหล่งข่าวจาก พล.ท.สุชาติ ผ่องพุฒิ เจ้ากรมทหารสื่อสาร ในฐานะเลขานุการคณะทำงานเพื่อติดตามการเผยแพร่ข่าวสารต่อสาธารณะ 5 ด้าน ของ คสช. http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000070829 ........................................................................... การพาดหัวของ สนธิสายเหลือง และวาสนา เจ้าเก่า
ท่านเสียสละ เข้ามาในตำแหน่ง ให้นักข่าวเขียนเรื่องของท่านเอาขายข่าว ทำมาหากิน กันอิ่มหนำสำราญ ... นานเข้า เริ่มขายข่าวไม่ออก ก็หาเรื่องใหม่ๆ มาเขียน ตีไข่ใส่ข่าวให้มีสีสันเพื่อขายกองเชียร์ หรือจะเขียนโจมตีท่าน เพื่อขายให้พวกต่อต้าน... ท่านไม่ใช่นักการเมือง จึงมีความลำบากในการใช้สื่อ ให้เป็นประโยชน์แก่ตัวท่านอย่างแยบยล แต่ก็เชื่อว่า ความเข้มแข็งและจิตเมตตาหวังดีต่อบ้านเมือง ของท่านจะช่วยให้ท่านผ่านพ้นเรื่องร้ายๆไปได้ด้วยดี เป็นกำลังใจให้ท่าน นำพาประเทศก้าวพ้นวิกฤตให้ได้ครับ
หวังเช่นนั้นเช่นกันครับ เท่าที่เห็นชายชาติทหารเช่นท่าน ก็หงุดหงิดง่ายหายเร็ว และวิสัยทหารก็สู้ไม่ถอยอยู่แล้ว เพียงแต่บางครั้งก็อาจจะมีบ้างกับความรู้สึกเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่เป็นดั่งใจคิด
ไม่รู้จะเป็นประเด็นอีกหรือเปล่า เมื่อให้สัมภาษณ์เรื่อง ดาวดิน "" การแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านยึดอำนาจเป็นการทำเฉพาะกลุ่มอาจมีนัยสำคัญ แต่เชื่อว่าสังคมเข้าใจ อย่างนักศึกษากลุ่มดาวดิน หากขยายรูปจากภาพถ่ายจะพบว่าหน้าตาแต่ละคนไม่เหมือนนักศึกษา เหมือน"อสูรกุ๊ย"หนักกว่ากุ๊ย " เพราะเมื่อพิจารณาแล้ว คนได้รับการศึกษาและวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ น่าจะเข้าใจถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องแสดงเชิงสัญลักษณ์ และเชื่อว่าอาจารย์ ผู้ปกครอง จะช่วยดูแลนักศึกษาในควบคุมได้ หากพูดคุยแล้วไม่เข้าใจก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย ส่วนจะมีผู้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาดาวดิน ขอบอกว่า คงไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/653197 .....................................................................................