โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ เปิดทรัพย์สิน "ประยุทธ์" มีทั้งหมด 128 ล้านบาท ระบุโอนเงินให้พ่อ-น้อง-ลูก รวม466ล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้เปิดเผยบัญชีรายชื่อของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยพล.อ.ประยุทธ์นั้นมีทรัพย์สิน มากกว่าหนี้สิน 128,009,790.34 บาท โดยมีของสะสมอาทิ นาฬิกา 12 เรือน ซึ่งบางเรือนมีมูลค่าสูงถึง 900,000 บาท ปืน 9 กระบอก นอกจากนี้ยังมีการแจ้งรายจ่ายอื่นๆว่า คืนเงินกองกลางให้พ่อและน้อง 267,999,594.52 บาท และ มอบเงินให้ลูก198,500,000 .00บาท รวม 466,499,594.52 บาท http://www.bangkokbiznews.com/home/...31/614502/เปิดทรัพย์สินประยุทธ์มี128ล้าน.html รุ่นแจกดาวเทียมตอนตาย ลงข่าวหน้าหนึ่งพี่น้องฟัดกันชิหาย... แบ่งสี่พันกว่าล้านไม่ลงตัว... แล้วข่าวก็หายวับไปในบัดดล... เหมือนข่าวน้ำท่วมทั่วไทย แต่ทำไม่สุ1000 ทุ่งข้าวเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา หรือข่าวหน้าหนึ่งตอนนู้นนนน... น้ำป่าพัดซุงเป็นพันๆท่อนลงมาคาอยู่ที่ห้วย... ภาพนั้นก็หายไป แล้วแม่มก็ออกมาบอกแค่เศษไม้จิ้มฟัน... รุ่นนี้... หึ หึ หึ...
31 ต.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน "รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 ก.ย.โดยผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุด 5 อันดับ คือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินทั้งหมด 1,378,394,902 บาท ทรัพย์สินผู้ยื่น 1,018,478,318 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 359,916,584 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,378,394,902 บาท ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินทั้งหมด 1,315,332,228 บาท ทรัพย์สินผู้ยื่น 1,258,903,119 บาท ทรัพย์สินของคู่สมรส 56,429,109 บาท ไม่มีหนี้สิน รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,315,332,228 บาท นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีทรัพย์สินทั้งหมด 836,535,249 บาท ทรัพย์สินของผู้ยื่น 179,800,507 บาท ทรัพย์สินของคู่สมรส 656,734,741 บาท รวมหนี้สินทั้งหมด 6,011,459 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 830,523,789 บาท นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มีทรัพย์สินทั้งหมด 306,547,420 บาท ทรัพย์สินของผู้ยื่น 145,091,905 บาท ทรัพย์สินของคู่สมรส 161,236,638 บาท หนี้สินทั้งหมด 1,352,223 บาท หนี้สินผู้ยื่น 1,152,045 บาท หนี้สินคู่สมรส 200,177 บาท โดยมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 305,195,196 บาท นายณรงค์ชัย อัครเศรนณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีทรัพย์สินทั้งหมด 283,710,881 บาท ทรัพย์สินผู้ยื่น 206,297,610 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 77,413,270 บาท ไม่มีหนี้สิน โดยรวมแล้วมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 283,710,881 ส่วนบุคคลที่มีทรัพย์สินน้อยสุด คือ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา มีทรัพย์สินทั้งหมด 9,872,320 บาท มีหนี้สินทั้งหมด 2,923,942 บาท โดยมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 6,948,378 บาท สำหรับบัญชีทรัพย์สินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินทั้งหมด 128,664,535 บาท ทรัพย์สินผู้ยื่น 102,317,152 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 26,347,382 บาท รวมหนี้สินทั้งหมด 654,745 บาท โดยแยกเป็นหนี้สินผู้ยื่น 327,372 บาท หนี้สินคู่สมรส 327,372 บาท โดยมีทรัพย์สินมากกว่าหนี่สิน 128,009,790 บาท พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินทั้งหมด 87,373,757 บาท ไม่มีหนี้สิน โดยมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 87,373,757 บาท นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินทั้งหมด 88,674,649 บาท ทรัพย์สินผู้ยื่น 18,244,494 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 70,430,154 บาท ไม่มีหนี้สิน โดยมีทรัพญืสินมากกว่าหนี้สิน 88,674,649 บาท นายธนะศักดิ์ ปฏิมาปกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทรัพย์สินทั้งหมด 186,033,607 บาท ทรัพย์สินผู้ยื่น 145,036,895 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 40,996,711 บาท ไม่มีหนี้สิน โดยรวมแล้วมีทรัยพ์สินมากกว่าหนี้สิน 186,033,607 บาท นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินทั้งหมด 117,947,795 บาท ทรัพย์สินของผู้ยื่น 78,975,643 บาท ทรัพย์สินของคู่สมรส 38,972,152 บาท มีหนี้สินทั้งหมด 1,100,450 บาท หนี้สินของผู้ยื่น 110,450 บาท หนี้สินคู่สมรส 1,000,000 บาท โดยมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 116,847,346 บาท http://www.naewna.com/politic/128594
นี่คือใบเสร็จว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลอำมาตย์ชนชั้นสูงผู้มีอันจะกิน ไม่มีทางทำเพื่อไพร่ยากจนอย่างพวกเราหรอก
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000125522 อดีต ส.ว.ยอดนักร้อง จับพิรุธบัญชีทรัพย์สิน “ประยุทธ์” มีดอกเบี้ยไม่สอดคล้องสูงถึง 14 ล้าน สงสัยดอกที่ได้มาจากเงินขายที่-เงินให้ลูก แถมเงินที่ได้ยังระบุไม่ชัด จี้แสดงหลักฐานทำให้เป็นนักการเมือง-ข้าราชการเห็นตัวอย่างความโปร่งใส ปล.สงสัยนิดนึงตรงที่ขีดเส้นใต้ แกเคยออกเทปไหมครับ
เจาะบัญชี “บิ๊กตู่” สมบัติอื้อ เจออีกเฉียด 500 ล้าน แจงเป็นกงสีโอนให้พี่น้อง-ลูก http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000125359 __________________ ข่าวก็ไม่มีอะไรมาก แค่สงสัยว่าจอเหลืงทำไมต้องด่า? ยังไม่มีหลักฐานอะไรก็ด่าแล้ว ถามเขาก่อนว่ารวยจากอะไร ______ ความคิดเห็นที่ 1 +110 สนช. กล้าหรือเปล่า แก้กฏหมายในเรื่องนี้ ถ้าเปิดบัญชีนักการเมืองแล้วหากมีทรัพย์สนินมามายผิดปกติ ต้องให้แสดงที่มาด้วย และต้งอมีการตรวจสอบว่ามีการยื่นแบบรายการเสียภาษีหรือไม่ ถ้าไม่ได้ยึดหมด และดำเนินคดีฐานหลบภาษี (เพราะถือเป็นโอกาสดี) คนชั่วจอมโกงภาษีประชาชนจะไม่กล้าเข้ามาโกงกิน รายนี้ไม่เชื่อว่ามีทรัพย์สินมาหาศาลจะได้มาจากการรับราชการ ควรให้แสดงที่มาด้วย แจ้งเฉยๆใครๆก็แจ้งได้ ต้องตรวจสอบด้วย กล้าอะป่าว สนช. ความคิดเห็นที่ 4 +44 รวย 128 ล้าน (ไม่รวมที่ซุกไว้อีก) อายุราชการ 40 ปีเลย เฉลี่ยรายได้ต่อปี = 3.2 ล้าน รายได้ต่อเดือน = 266,666 บาท อยากเป็นทหาร ความคิดเห็นที่ 6 +36 คนดี ประเทศนี้ เขาก็รวยๆกันทั้งนั้นแหละ เคยเห็นคนจนได้ยกย่องว่าเป็นคนดีไหมครับ ฮ่าๆๆๆ หาเช้ากินค่ำต่อไป แล้วไม่ต้องออกไปเดินแล้วนะลูก เพราะเวลาเราตายห่า ได้แค่เศษขนมปังหมาของคนพวกนี้ทั้งนั้น เดวิด ความคิดเห็นที่ 30 +34 รู้งี้สมัยก่อนแทนที่จะเอ็นเข้ามหาวิทยาลัย ไปสอบเป็นนายร้อยดีกว่า รบก็ไม่ต้องรบ ได้แต่งตัวเท่ๆ แถมรวยเร็วอีกต่างหาก ปลดเกษียณก็ยังมีบำนาญมาเป็นค่าเศษขนมให้ลูกทุกเดือน ...ไม่น่าเลยเรา เป็นทหารไทยมันดีอย่างงี้นี่เอง ความคิดเห็นที่ 20 +32 อ้าว ไม่ทุจริตแล้วจะรวยขนาดนี้เหรอ เงินเดือนราชการจะไปพอยาไส้อะไร เปิดบัญชีทรัพย์สิน คือ การประจานตนเอง
“พล.อ.ประยุทธ์” ได้รับเงินขายที่ดิน 9 โฉนด “บิดา” 540 ล้าน เข้าบัญชีธนาคาร แบ่งให้พ่อและน้อง 267 ล้าน มอบให้ลูก 198 ล้าน ได้รับเงินจากน้องสร้างบ้านให้พ่อ 6 ล้าน รวยเบ็ดเสร็จ 128 ล้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับเงินมรดกจากบิดาในการขายที่ดิน 9 โฉนด ในช่วงปี 2556 จำนวนทั้งสิ้น 540 ล้านบาท โดยคืนเป็นเงินกองกลางให้พ่อและน้อง 267,999,594 บาท มอบเงินให้ลูก 198,500,000 บาท อุปการะเลี้ยงดูบิดา (ปลูกบ้าน) 5.4 ล้านบาท มีทรัพย์สินทั้งสิ้นกว่า 128 ล้านบาท สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2557 แจ้งว่า พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา อายุ 89 ปี ได้มอบเงินจำนวน 540 ล้านบาทกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากเป็นบุตรชาย มีสิทธิอย่างสมบูรณ์ในการดูแลเงินจำนวนนี้ ให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องของผู้รับ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แจ้งต่อสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาซอยอารีสัมพันธ์ รับรองว่าได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์เลขที่ 056-2-471xx-x ชื่อบัญชี พล.อ.ประยุทธ์ โดยโอนมาจากบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 134-2-329xx-x ชื่อบัญชี พ.อ.ประพัฒน์ จำนวนเงิน 540 ล้านบาท ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2556 จริง สำหรับที่ดินทั้ง 9 โฉนดนั้น พ.อ.ประพัฒน์ ได้ขายให้กับ บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จำนวนเงิน 600 ล้านบาท โดยเป็นการขายที่ดินไม่มีสิ่งปลูกสร้าง โฉนดที่ดินได้มาเกิน 10 ปี โดยผู้ซื้อได้ซื้อเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยที่ดินทั้งหมดอยู่ในแขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน คือ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา, นายประคัลภ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ต.ประกายเพชร จันทร์โอชา ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งว่า สมรสกับนางนราพร จันทร์โอชา มีรายได้ทั้งหมด 25,838,007 บาท เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ 25,484,471 บาท (เงินเดือน/เงินประจำตำแหน่ง 11,403,174 บาท, ดอกเบี้ยเงินฝาก 14,589,610 บาท, กำไรจากเงินกองทุนและหลักทรัพย์ 2,453,687 บาท, ธนาคารทหารไทยฯ 1,038,000 บาท, เงินลงขันจากน้องเพื่อปลูกบ้านไม้ต่อ 6 ล้านบาท) ของนางนราพร 353,535 บาท (เงินบำนาญ 301,664 บาท, ดอกเบี้ยเงินฝาก 51,871 บาท) มีรายจ่ายทั้งหมด 478,476,594 บาท เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ 478,010,594 บาท (ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 8.5 แสนบาท, ผ่อนเงินกู้ 216,000 บาท, อุปการะเลี้ยงดูบิดา (ปลูกบ้าน) 5.4 ล้านบาท, เงินบริจาค 4.5 หมื่นบาท, เงินคืนกองกลางให้พ่อและน้อง 267,999,594 บาท, มอบเงินให้ลูก 198,500,000 บาท) มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 128,664,535 บาท เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ 102,317,152 บาท (เงินฝาก 6 บัญชี 58,967,022 บาท, เงินลงทุน 9 แห่ง 23,072,380 บาท, ที่ดิน 2 แปลง 2,284,750 บาท, โรงเรือนฯ 2 ล้านบาท, ยานพาหนะ 4 คัน 11.8 ล้านบาท, ทรัพย์สินอื่นฯ 4 รายการ 4,193,000 บาท) ของนางนราพร 26,347,382 บาท (เงินฝาก 6 บัญชี 7,977,382 บาท, ที่ดิน 3 แปลง (1 แปลงร่วมกรรมสิทธิ์กับผู้อื่น) 5,350,000 บาท, โรงเรือนฯ 2 ล้านบาท, ยานพาหนะ 1 คัน 3.5 ล้านบาท, ทรัพย์สินอื่นฯ 1 รายการ 7,520,000 บาท) มีหนี้สินทั้งสิ้น 654,745 บาท เป็นของ พล.อ.ประยุทธ์ 327,372 บาท ของนางนราพร 327,372 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 128,009,790 บาท พล.อ.ประยุทธ์ ระบุอีกว่า ปัจจุบันเป็นหัวหน้า คสช. ก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), กรรมการธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน), รอง ผบ.ทบ., เสนาธิการทหารบก, กรรมการบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน), แม่ทัพภาคที่ 1, กรรมการ การไฟฟ้านครหลวง, สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขณะที่นางนราพร ปัจจุบันเป็นกรรมการมูลนิธิสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์, รองประธานมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม, ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการสถาบันดนตรีกัลยานิวัฒนา http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/34037-prayut_906.html
แล้วข้าราชการระดับสูงไม่ต้องรายงานบัญชีทรัพย์สินมาก่อนรึไง ไปหาข้อมูลก่อนหน้านั้นมาเทียบก็ได้ ทหารยศ พลเอก มีเงินแค่นี้เอง สู้จ่าตะกวด กะ นายห้อยตะกวดยังไม่ได้เลย
ผบ.เหล่าทัพทุกเหล่าต้องรายงานทรัพย์สินกับ ป.ป.ช. อยู่แล้วครับ แต่ว่าไม่มีการเปิดเผยกับสาธารณะเหมือนนักการเมืองแค่นั้น
2 พ.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวอิศรา ได้ตรวจสอบบริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ซื้อที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดาขอ งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ในแขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพฯ จำนวน 9 แปลง มูลค่า 600 ล้านบาท เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ พบว่า หลังจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ปรากฏว่า “ผู้ถือหุ้นใหญ่”ในบริษัทดังกล่าวจัดตั้งในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ไอร์แลนด์ และเชื่อมโยงกับธุรกิจของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่และธุรกิจเครื่องดื่มแสนล้าน รายงานระบุว่า บริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 2 พ.ค. ทุน 1 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 20/164 หมู่บ้านอิ่มอัมพร 2 หมู่ที่ 11 แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ขณะจดทะเบียนมีหุ้นใหญ่ 4 รายคือ 1.บริษัท ทรงวุฒิ บิสซิเนส จำกัด (บริษัทนี้มีนายศราวุธ เทียนสุวรรณ ถือหุ้น 100%) จำนวน 49,000 หุ้น 2.นายไพโรจน์ จาตุรแสงไพโรจน์ 30,000 หุ้น 3.นายประมวล ศรีรัตนา 11,000 หุ้น และ 4.นายศราวุธ เทียนสุวรรณ 10,000 หุ้น รวมทั้งสิ้น 100,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 10 บาท นายศราวุธ เทียนสุวรรณ นายประมวล ศรีรัตนา และนายไพโรจน์ จาตุรแสงไพโรจน์ เป็นกรรมการผู้ขอจดทะเบียน 16 พ.ค.56 วินเทค โปรฟิท คอมปะนี ลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ ทรัส (บี.วี.ไอ.) ลิมิเต็ด ไทรเด้นท์ แซมเบอร์ ,ตู้ ป.ณ. 146 ,โรดทาวน์,ทอร์โทล่า , บริติชเวอร์จิน ไอร์แลนด์ เข้ามาถือหุ้นใหญ่ จำนวน 49,000 หุ้น (รับโอนมาจาก บริษัท ทรงวุฒิ บิสซิเนส จำกัด) 21 มิ.ย.56 ได้เพิ่มทุนเป็น 200 ล้านบาท วินเทค โปรฟิท คอมปะนี ลิมิเต็ด ได้เพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็น 9,800,000 หุ้น จากทั้งหมด 10 ล้านหุ้น บริษัทได้จดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้ง สำนักงานเลขที่ 195 เอ็มไพร์ทาวเวอร์ ชั้น 54 ถ.สาธรใต้ กรุงเทพฯ ต่อมาได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 628 ล้านบาท มีบริษัท นครชื่น จำกัด ถือหุ้นใหญ่ 62,799,998 หุ้น จาก บริษัท ยอดกิจธุรกิจ จำกัด และ บริษัท พรนวภัณฑ์ จำกัด (ที่ตั้งเลขที่ 195 เอ็มไพร์ทาวเวอร์ ชั้น 54 ถ.สาธรใต้ กรุงเทพฯ) รายละ 1 หุ้น รวมทั้งหมด 62,800,000 หุ้น มีนายมนตรี ศรีสกุลเมฆี นายพิชัย กนกพิชญไกร นายขวัญชัย ชูเกียรติขจรเดช น.ส.อัญชุลี เตมีรักษ์ เป็นกรรมการ จากการตรวจสอบพบว่า บุคคลดังกล่าวเป็นกรรมการบริษัทในเครือทีซีซีแลนด์ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ทั้งนี้ บริษัท ทรงวุฒิ บิสซิเนส จำกัด จดทะเบียนวันที่ 1 มีนาคม 2556 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบกิจการซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภค และเครื่องมือทางการแพทย์ 20/164 หมู่ที่ 11 หมู่บ้านอิ่มอัมพร 2 แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร นายศราวุธ เทียนสุวรรณ ถือ 499,998 หุ้น (99.99%) นายประมวล ศรีรัตนา นางอรวรรณ ซื่อตรง คนละ 1 หุ้น นายศราวุธ เทียนสุวรรณ เป็นคนใกล้ชิดนายเจริญ สิริวัฒนภักดี มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทนับสิบแห่ง อาทิ บริษัท ทรงวาดริเวอร์ไซด์ จำกัด บริษัท รัตนคีรี จำกัด บริษัท ทองพสุ จำกัด บริษัท ทองพสุ จำกัด บริษัท นิมิตสุโขทัย จำกัด เป็นต้น http://www.naewna.com/politic/128988 กะลังจิ้นต่อพอดี... ใครมันตั้งชื่อฟ๊ะ 69 พร๊อพเพอตี้... อุ้เหม่... คิกๆๆๆ
ของเสี่ยเจริญ - ไม่ต้องมโนกันอีกต่อไป เสี่ยเป็นนักซื้ออยู่แล้ว ประเภทนิติบุคคล : บริษัทจำกัด วันที่จดทะเบียน : 02/05/2556 สถานะนิติบุคคล : ยังดำเนินกิจการอยู่ ทุนจดทะเบียน (บาท) : 628,000,000.00 ที่ตั้ง : 1 อาคารเอ็มไพร์ทาวเวอร์ ชั้น 54 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร หมวดธุรกิจ : 68104 การเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของ ตนเองหรือเช่าจากผู้อื่นที่ไม่ใช่เพื่อเป็นที่พักอาศัย วัตถุประสงค์ : ให้เช่าและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ปีที่ส่งงบการเงิน : 2556 คณะกรรมการ : 1. นายมนตรี ศรีสกุลเมฆี 2. นายพิชัย กนกพิชญไกร 3. นายขวัญชัย ชูเกียรติขจรเดช 4. นางสาวอัญชุลี เตมีรักษ์/
4 พ.ย.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวอิศรา เผยแพร่ข้อมูลกรณีการซื้อขายที่ดินมรดกของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ให้บริษัท 69 พร็พเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจของกลุ่มนายเจริญ สิริวัฒภักดี เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเครื่องดื่ม โดยได้ติดต่อไปยัง พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา ตามที่อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. คือ บ้านเลขที่ 224 หมู่ 1 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพ ปรากฎหมายเลขโทรศัพท์จากบริการ 1133 คือ 02-426-16-XX เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายที่ดินจำนวน 9 แปลง มูลค่า 600 ล้านบาท ดังกล่าว พ.อ.ประพัฒน์ กล่าวว่า ไม่ทราบข้อมูลเรื่องการซื้อขายที่ดินดังกล่าว ขอให้ไปสอบถามข้อมูลจาก พล.อ.ประยุทธ์ เอง เพราะเป็นผู้รับผิดชอบจัดการเรื่องทั้งหมด เมื่อถามว่า ได้ที่ดินจำนวน 9 แปลง มาตั้งแต่เมื่อไร พ.อ.ประพัฒน์ กล่าวว่า ได้มาตั้งแต่ยังเด็ก พี่น้องไม่มีใครเหลืออยู่ มันก็เป็นของตนเอง ที่ดินมันอยู่ติดๆ กัน เป็นที่นา ก็ปล่อยให้เช่า ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้มาแจ้งเรื่องการซื้อขายที่ดินทั้ง 9 แปลงหรือไม่ พ.อ.ประพัฒน์ ตอบว่า "เขาก็มาบอกว่ามีคนมาติดต่อขอซื้อ" เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่า ที่ดินทั้ง 9 แปลง ถูกขายไปในราคา 600 ล้านบาท พ.อ.ประพัฒน์ ตอบว่า "ผมไม่รู้อะไรหรอกไปถามเขาดีกว่า " http://www.naewna.com/politic/129267 ตอบงี้เดี๋ยวพวกมโนเห็นก๊ะเปงเรื่อง....
"ประยุทธ์" นายกฯและหน.คสช. แจงปมบัญชีทรัพย์สิน ชี้บริษัทซื้อที่ดินมรดกไม่โง่ โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตการขายที่ดินราคา 500 กว่าล้านบาทที่เป็นของมรดกของบิดานายกฯตามที่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ว่า “มีปัญหาอะไร แล้วบริษัทที่มาซื้อเป็นบริษัทของใคร เขาคงไม่มาซื้ออะไรโง่ๆ ซื้อแล้วไปลงทุนไม่ได้ ซื้อไปทำไม มันเป็นของผมตั้งแต่เด็กๆแล้ว เพราะผมอยู่กับพ่อ แล้วมันมีปัญหาอะไร ผมอยากจะรู้ กฎหมายว่าอย่างไร ไปว่ามาผมไม่ตอบขี้เกียจ” เมื่อถามว่า มีการสงสัยถึงที่มาของบริษัทที่รับซื้อที่ดินดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ไปสอบเขามาสิ เกี่ยวอะไรกับผม” เมื่อถามอีกว่า นายกฯรู้สึกหนักใจหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่หนักใจแต่ก็ควรเลิกสักทีเถอะ โอเคนะ" จากนั้นก็รีบเดินเลี่ยงจากโพเดียมทันที ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างตอบคำถามผู้สื่อข่าวพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในท่าทีที่ปกติไม่ได้แสดงอาการโกรธแต่อย่างใด แต่บางช่วงได้เร่งให้ผู้สื่อข่าวถามจนต้องเอ่ยว่า “ไม่ต้องกลัวถามมาๆ” พร้อมกับทำท่าตบเท้าและย่ำเท้าขวากับที่จนเกิดเสียงแก๊กๆ แต่จังหวะที่ผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องขายที่ดินมรดกพล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับออกอาการยกมือขวาเคาะกับโพลเดียมแหวนกระทบเกิดเสียงดังเป็นจังหวะ http://www.bangkokbiznews.com/home/.../615306/»ÃÐÂط¸ìªÕéºÃÔÉѷ«×éͷÕè´ԹÁô¡äÁèâ§è.html
โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์ แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะร้องขอให้สังคมหยุดวิจารณ์การซื้อขายที่ดินเขตบางบอน จำนวน 50 ไร่ มูลค่า 600 ล้านบาท ซึ่ง พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดาขายให้กับบริษัท 69 พร็อพเพอร์ตี้ ทว่า ความเคลือบแคลงเรื่องราคาที่ดินและบริษัทที่เข้ามาซื้อยังคงเป็นความสงสัย เพื่อคลายความคลุมเครือ ทีมข่าว “โพสต์ทูเดย์” ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินร้อนบริเวณดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่บนถนนบางบอน 3 พบว่าที่ผืนนี้ไม่มีการใช้ประโยชน์ ด้านหน้าประชิดกับถนนสายหลัก คือ บางบอน 3 ด้านหลังติดกับหมู่บ้านจัดสรร ขณะที่ฝั่งซ้ายและขวารัศมีไม่เกิน 500 เมตร ก็เป็นหมู่บ้านจัดสรรเช่นกัน นอกจากนี้ยังพบการปิดป้ายประกาศข้อความว่า “ที่ดินบริเวณนี้เป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล ห้ามบุกรุก ฯลฯ” ที่ดินแห่งนี้ พ.อ.ประพัฒน์ บิดาอดีต ผบ.ทบ. ในฐานะผู้ครอบครองเดิม เคยเปิดให้ชาวบ้านเช่าทำสวนดอกรัก กระทั่งเกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 จึงได้ประกาศขายที่ดิน ซึ่งคนในพื้นที่ยืนยันตรงกันว่าทราบข่าวการประกาศขายช่วงปลายปี 2554 ถึงต้นปี 2555 เช่นกัน ย้อนกลับไปช่วงปี 2543-2544 รัฐบาลมีโครงการขุดคลองเจ้าพระยา 2 ซึ่งจะตัดผ่านพื้นที่แห่งนี้ จึงได้ออกประกาศขอเวนคืนที่ดิน ทำให้ชาวบ้านรีบขายที่ดินทิ้ง โดยราคาสูงถึงไร่ละ 10-12 ล้านบาท ต่อมารัฐบาลยกเลิกโครงการนี้ พื้นที่บางบอนจึงถูกหมายปองอีกครั้ง เนื่องจากราคาถูก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับที่ดินย่านถนนกัลปพฤกษ์ ซึ่งอยู่ใกล้กัน แต่ราคากลับสูงถึงไร่ละ 30-40 ล้านบาท ช่วงประมาณปลายปี 2549-2550 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ได้เข้ามาสร้างหมู่บ้านจัดสรรจำนวนมาก มีการขยายถนนเป็น 4 ช่องทาง ทำให้ราคาที่ดินถีบตัวสูงขึ้นจนปัจจุบันอยู่ที่ไร่ละ 18-20 ล้านบาท การขายที่ดินจำนวน 50 ไร่ มูลค่า 600 ล้านบาท หรือเฉลี่ยไร่ละ 12 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2556 ของบิดา พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ได้สูงเกินจริงแต่อย่างใด “กฎหมายกำหนดไว้ว่า ถ้าซื้อขายที่ดินต่ำกว่าราคาประเมินจะคิดภาษีที่ราคาประเมิน แต่ถ้าขายสูงกว่าราคาประเมินจะคิดภาษีที่ราคาซื้อขาย จึงไม่แปลกที่จะมีการซื้อขายในราคาไร่ละ 12 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าความเป็นจริงถึงไร่ละ 8 ล้านบาท” นายหน้าขายที่ดินรายใหญ่ย่านบางบอนอธิบาย เพื่อตอกย้ำความชัดเจนของข้อมูล กรมธนารักษ์ ได้ย้ำว่า ที่ดินแปลงดังกล่าวมีราคาประเมินอยู่ที่ตารางวาละ 2 หมื่นบาท หรือไร่ละ 8 ล้านบาท “การขายที่ไร่ละ 12 ล้านบาท ถือว่าไม่แพง หรือสูงกว่าราคาประเมินไม่มาก เพราะเป็นที่ดินที่มีความเจริญมากแล้ว” เจ้าหน้าที่ระดับสูงกรมธนารักษ์ ระบุ สอดคล้องกับศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ประเมินไว้เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า การซื้อขายที่ราคาไร่ละประมาณ 12 ล้านบาท ใกล้เคียงกับมูลค่าตลาด โดยราคาที่ดินแปลงเล็กประมาณ 5-10 ไร่ ติดถนนบางบอน 3 มีราคาตามการสำรวจ ไร่ละ 15-18 ล้านบาท ขณะที่นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ประเมินไปใน ทิศทางเดียวกันว่า ทำเลทองบริเวณถนนบางบอนมีราคาสูงถึงตารางวาละ 4-5 หมื่นบาท หรือกว่าไร่ละ 16 ล้านบาท ขณะที่ราคาประเมินที่ดินโฉนดเลขที่ 16672 อยู่ที่ 4,000 บาท/ตารางวา โฉนดเลขที่ 16673 อยู่ที่ 7,500 บาท/ตารางวา ส่วนโฉนดเลขที่ 18028-18034 ราคาประเมินอยู่ที่ 1.5 หมื่นบาท/ตารางวา วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ แสดงความคิดเห็นว่า บิดาซื้อขายที่ดินดังกล่าวตามปกติ ไม่มีปัญหาใดๆ และไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง หากใครคิดว่ามีที่มาไม่ชอบสามารถตรวจสอบบริษัทดังกล่าวได้ และขอให้ทุกคนหยุดวิจารณ์ จากคำอธิบายทั้งหมด อาจหมดข้อสงสัยและเป็นไปตามประสงค์ของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็อาจเกิดคำถามใหม่ขึ้นว่า การซื้อขายที่ดินครั้งนี้มีมูลค่าส่วนต่างที่หายไปหรือไม่? http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/รายงานพิเศษ/328342/สำรวจที่ดินร้อน-บิ๊กตู่-ขายต่ำกว่าราคาตลาด เอิ่มมมม... โดยส่วนตัวถือว่าเหตุผลโดยรวมรับฟังได้ขอรับ แค่เป็น "big deal" ที่เกิดครั้งหนึ่งในชีวิตแกก็แค่นั้น... ส่วนต่าง... เชื่อว่ามี แต่ไม่ถือว่าผิด เพราะมันทำกันแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ... ไม่ใช่แบบประกาศ "big deal" เจ็ดหมื่นกว่าล้านตรงๆ... แต่กรูแก้ กม.ให้ไม่ต้องเสียภาษีเสร็จอาทิตย์นั้นพอดี... นั่นเค้าเรียกเหียก หรือโคตร level up-pree แล้วล่ะขอรับ...