เมื่อวันที่ 20 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การรับสมัครบุคคลเข้าเป็นอาจารย์ประจำในคณะวิชาหนึ่งของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากวุฒิการศึกษาไม่ตรงกับสาขาวิชาที่สมัคร แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า ผู้สมัครดังกล่าว จบการศึกษาระดับปริญญาโท ในสาขาวิชาที่ไม่ตรงกับสาขาที่เปิดรับสมัครสอบเข้าเป็นอาจารย์ แต่กลับสามารถผ่านขั้นตอนการสมัคร ไปถึงการสอบข้อเขียน การทดสอบความสามารถในด้านการสอน รวมถึงการสอบสัมภาษณ์จนเสร็จสิ้นได้ นอกจากนี้ ผลการศึกษาในระดับปริญญาตรียังต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ คะแนนเฉลี่ยไม่ถึง 3.50 จึงต้องยื่นผลงานทางวิชาการแก่ทางคณะเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งผลงานดังกล่าวก็ไม่ตรงกับสาขาวิชาที่สมัครอีกเช่นกัน โดยขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างที่ทางคณะส่งผลงานดังกล่าวให้ผู้ทรงคุณวุฒิ 3 รายประเมิน โดยมีกำหนดส่งผลกลับไปยังคณะภายในวันที่ 28 เมษายนนี้ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม กล่าวว่า ตามที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์การเข้าสมัครเป็นอาจารย์ของตนที่วิทยาลัยนวัตกรรม ม.ธรรมศาสตร์ ว่าวุฒิการศึกษาไม่ตรงนั้น ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากตนจบการศึกษาระดับปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เป็นศิษย์ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ หลักสูตรในวิทยาลัยดังกล่าวที่จะต้องทำการสอนนั้น ก็เกี่ยวข้องกับมรดกโลก ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ซึ่งตรงกับกับสิ่งที่เรียนมาทั้งสิ้น จึงมีรายวิชาที่ตรงกับสิ่งที่ตรงกับความรู้ที่จะสอนได้หลายวิชา “ถามว่าวุฒิตรงไหม ก็น่าจะตรง เพราะเวลาสอบสอน และสอบสัมภาษณ์ สอบไปในทางว่าจะสอนไปในทางประวัติศาสตร์ศิลปะ เรียนมากับดร.พิริยะไกรฤกษ์ วิทยาลัยนวัตกรรมจะมีขั้นตอนตั้งแต่แรกเริ่ม คือ การรับวุฒิด้านไหนบ้าง เช่น ศิลปศาสตร์ ซึ่งตรงอยู่แล้ว วิชาที่ไปสอบก็มีอาจารย์ท่านต่างๆมาทดสอบ ตั้งแต่สอบข้อเขียน สัมภาษณ์ จิตวิทยา 200 กว่าข้อ ที่ผ่านมาก็ทำงานด้านนี้มาตลอด และวางแผนจะเรียนต่อปริญญาเอกไว้ 2-3 แห่ง เช่น ที่ ม.รามคำแหง ซึ่งเคยเป็นอาจารย์พิเศษหลายปี ส่วนประเด็นเกรดเฉลี่ย ได้ส่งผลงานหนังสือต่างๆที่เขียนไว้ 13 เล่ม เพื่อให้ประเมินคุณภาพทางวิชาการซึ่งมหาวิทยาลัยตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยให้คัดเลือก 2 เล่ม เลยส่งเรื่องอยุธยา และเรื่องเจดีย์ยุทธหัตถีไป ซึ่งก็ทำทุกอย่างตามขั้นตอนทั้งหมด” นายเทพมนตรีกล่าว นายธเนศ อาภรณ์สุวรรณ ธรรมศาสตราภิชาน วิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ ม.ธรรมศาสตร์กล่าวว่า กรณีดังกล่าวแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคณะวิชาที่เปิดสอนมานาน เนื่องจากมีระบบที่ชัดเจน ไม่มีอำนาจนอกระบบ แต่มักเกิดกับคณะเปิดใหม่ และโครงการพิเศษ ที่บุคลากรน้อยและยังไม่มีความเชี่ยวชาญในระบบขั้นตอนต่างๆ คณบดีมีบทบาทมากเกินไป กลายเป็นช่องโหว่ ที่ส่งผลเสียต่อการศึกษาในระดับอุดมศึกษาของไทย ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมาแล้ว หากยังปล่อยให้เกิดขึ้น มหาวิทยาลัยจะตกต่ำลงเรื่อยๆ “คณะที่เปิดสอนมานาน เช่น คณะรัฐศาสตร์ และคณะศิลปศาสตร์ แทบเกิดแบบนี้ ระบบชัดเจน โปร่งใส ต้องผ่านภาควิชา คณบดีไม่มีอำนาจนอกระบบ อาจนั่งเป็นประธานสอบ แต่ก็ต้องฟังเสียงคณะกรรมการท่านอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นตามที่ประชุมตัดสิน” นายธเนศกล่าว นายประวิทย์ เขมะสุนันท์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรม มธ.กล่าวว่า ไม่ขอพูดเรื่องนี้ หากมีกรณีดังกล่าวจริง ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ร้องเรียนจึงไม่มาร้องที่วิทยาลัยนวัตกรรมโดยตรง กลับไปร้องผ่านสื่อมวลชน
ผมควรจะเรียกคุณว่าอะไรดี Anurid Apirat เลอร์คู เจ๋งเหม๋งจ๋าย HOT BOY นักล้างป่าช้า เจ้าพระยาหน้าตาดี กบเหลาดินสอ สี่ขาพาเพลิน นายพลตัดแปะ หรือเรียก"คนใจดำ"ตามที่ผมถนัด
จริงๆแล้ว เทพมนตรี ฯ มีความรู้ดีน่ายอมรับได้นะ หากไม่หลงกับเทพฯ รักชาติฯแบบแป๊ะลิ้มน้ำด่าง หรือตรรกะเพี้ยนแบบเจ้ปานฯ เอาความรู้เพียวๆที่มีอยู่มาสอน น่าเป็นผลดีต่อการศึกษานะ ตอนนี้มีคู่คิดแล้ว น่ามีอะไรดีๆ น่าพบสวรรค์จริงๆซักที
โห...... ชื่อแกเยอะจริงๆแหละ ต้องตามไปสัมภาษณ์พ่อแม่ว่าเลี้ยงลูกยังไงถึงได้หน้าด้านและโกหกตอแหลได้ขนาดนี้ หรือว่าถูกคางคก นกแสก เลี้ยงดูแต่เด็กๆ ท่านไหนขุดคุ้ยเก่งๆช่วยทีเถอะครับ
จะว่าไป เทพมนตรี เคยเอาวิชาการไปรับใช้ทรราชย์ เช่นผลงานแก้ตัวให้ 3 ทรราช์ เมื่อ 14 ตค 16 แม้การให้ตรรกะจะดูดี แต่ก็เป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์เรื่อยมา ด้วยนิสัยนี้ทำให้แปะลิ้มไล่ออกจาก ผู้จัดการมาแล้ว แม้กับปู จิตรกร บุษบา ก็เคยมีวิวาทะกัน เมื่อตอนรัฐบาลอภิสิทธิ์ ก็นำคนไทยไปเอาคืน ดินแดนเขมรในปี 54 จนเป็นเรื่องราวมาแล้ว ถ้าพูดถึงจิตวิญญาณความเป็นครู แกยังห่างไกลนัก
จำได้ว่า เทพมนตรี นี่เคยพูดครั้งนึงว่า เหตุที่ ปชป.แพ้เลือกตั้งทักษิณ เพราะทักษิณเอาพระแม่ธรณีปางอะไรไม่รู้ของแก ไปฝังไว้ที่สนามหลวง ตูล่ะเชื่อเลย