เมื่อคำร้องไม่สมบูรณ์และผู้ร้องไม่ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน และนายสมพร ได้เซ็นรับทราบแล้ว ดังนั้นจึงถือว่าคดีของพระธัมมชโย สิ้นสุดในศาลชั้นต้นของคณะสงฆ์แล้ว นายชยพล กล่าวต่อว่า พศ.ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า ประเด็นที่ขาดไปจนเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ไม่รับฟ้องคืออะไร และทั้งนี้ยืนยันว่าตามกฎหมายและพระวินัยไม่สามารถที่จะรื้อฟื้นคดีเดิมที่พิจารณาสิ้นสุดแล้วมาพิจารณาใหม่ จะต้องเป็นประเด็นใหม่เท่านั้นถึงจะร้องได้ เมื่อคดีจบในศาลชั้นต้นแล้ว มส.ไม่มีอำนาจจะหยิบมาพิจารณาเอง เพราะ มส.ทำหน้าที่ศาลฎีกาเท่านั้น ไม่มีอำนาจที่จะลงไปล้วงลูก เพราะฉะนั้นถือว่าพระธัมมชโย ไม่ได้ปาราชิก เพราะไม่มีการรับคำฟ้องตั้งแต่ศาลชั้นต้น http://www.naewna.com/local/201752 -------------------------------------------------------------------------------------------- มหาเถรสมาคม ยืนตามศาลชั้นต้น จบคดี 'ธัมมชโย' โดย ไทยรัฐออนไลน์ 10 ก.พ. 2559 17:37 รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาเเห่งชาติ ออกมายืนยัน ในที่ประชุมมหาเถรสมาคมวันนี้สรุปว่า จะไม่มีการพิจารณาความผิดของพระธัมมชโยอีก หลังเสร็จสิ้นกระบวนการตัดสินตั้งเเต่ในศาลชั้นต้นเเล้ว พร้อมส่งหนังสือชี้เเจงถึงดีเอสไอ12ก.พ.นี้ http://www.thairath.co.th/content/575663
ถ้าไม่จบที่ ม.157 หรือ ม.44.... เรื่องนี้จะจบที่พวกเราเท่านั้นครับ พวกเราจะหล่อหลอมดวงใจกับลุงกำนัน ออกมาเป่านกหวีดปิดประเทศปฏิรูปคณะสงฆ์กันอีกครั้ง
มีครับแต่มีประโยชน์กับพวกอลัชชี เพราะมันเป็นเนื้อเดียวกัน พึ่งพาอาศัยกัน และมีส่วนทำให้เห็บ-เหา ตัวใหญ่ขึ้น
ใช่ครับพรรคเพื่อไทยไม่มีประโยชน์อะไรต่อ กปปส. เลย มีแต่ ปชป.ล่ะครับที่มีประโยชน์ต่อ กปปส. เพราะหัวหน้าพรรค ประธานที่ปรึกษาพรรค กรรมการบริพรรค ลูกพรรค ออกมาเล่นการเมืองข้างถนน ช่วยพวกเราเป่านกหวีด
เชื่อว่ามหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาจะใช้วิธีตีมึน ดื้อด้าน ยื้อเวลาไปจนถึงเลือกตั้งเพื่อรอให้เพื่อไทยกลับมา ทักษิณ นปช. เสื้อแดง เพื่อไทย ธรรมกาย เขาเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว
ก็เห็นพวก hot boy เอะอะก็ให้กำนันออกมา ไม่เห็นเรียกปู เพื่อไทยบ้างเลย แถมเพื่อไทยก็ไม่เคยเห็นออกมาทำอะไรกับเขาซักอย่าง งั้นก็คงไร้ประโยชน์จริง แม้แต่พวกเดียวกันยังไม่เรียกหา
เพื่อไทยมีประโยชน์กับ นปช มากกว่าครับ แค่มีประโยชน์น้อยก็แค่นั้น อย่างจารุพงศ์ เคยขึ้นเวที นปช ก็หลายรอบตอนนี้หนีไปอยู่ต่างประเทศเฉยเรย ขนาดหัวยังหนี หางจะมาส่ายก็ตายเปล่า
คนกลุ่มนี้ทำผิดพระธรรมวินัยซะเองย่อมขาดจากความเป็นพระไปแล้ว สามารถตัดสินลงโทษได้เลยครับไม่บาปหรอกเพราะไม่ใช้พระสงฆ์ผู้ทรงศีลอีกต่อไปแล้ว ลงโทษด้วย ม.157 ไปก่อนเลย
A A A ....เรียนถามท่านผู้รู้ทั้งหลาย กรณีโล้นสุวิทย์รูปนี้เรียกทำผิดพระธรรมวินัย ขาดจากความเป็นพระแล้วหรือยังอ่ะครับ.... http://www.dhammahome.com/webboard/topic/23495
เพิ่งรู้ว่าทำอาหาร นี่ถือว่าปาราชิก ขาดจากความเป็นพระไปแล้ว ไม่ทราบว่าบัญญัติในธรรมวินัยข้อใด ??? วานบอก ??? เคยได้ยินแต่ "ปาราชิก 4" ที่เป็นเหตุให้ขาดจากความเป็นพระ ปาราชิก มี ๔ อย่าง คือ เสพเมถุน ๑, ลักของเขา ๑, ฆ่ามนุษย์ ๑, และ อวดอุตริมนุสสธรรมที่ไม่มีในตน ๑
ถ้ายังนับถือว่าธัมมชโย ยังเป็นพระอยู่ แสดงว่าคนนั้นมิได้รู้เรื่องวินัยสงฆ์ใดๆ ดีไม่ดีอาจจะมิได้นับถือศาสนาพุทธอีกด้วย
ตอนนี้ 157 มาแน่ แต่ 44 นี่รอลุ้นอยู่ 11 ก.พ. l ข่าว 19.00 น.แม้มหาเถรสมาคมยืนยันกรณีพระธัมมชโย ต้องอาปัติปาราชิกจบไปแล้ว และไม่ได้พิจารณาในการประชุมเมื่อวาน แต่ดีเอสไอที่จะตรวจสอบ พระธัมมชโย กรณีรับเช็คจากอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น อดีตผู้พิพากษาโพสต์เฟซบุ๊กแย้งมติมส. กรณีพระธัมมชโย ยกตัวอย่างพระร่วมประเวณียังอาบัติ วันนี้ (11ก.พ.59) นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า "Chuchart Srisaeng" โดยระบุว่า "พระภิกษุรูปหนึ่งข่มขืนกระทำชำเราผู้หญิงคน หนึ่งอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 10 ปี มาตรา 281 บัญญัติว่า ความผิดตามมาตรา 276 วรรคแรก ถ้ามิได้เกิดต่อหน้าธารกำนัล ไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย หรือมิได้เป็นการต่อกระทำแก่บุคคลดังที่ระบุไว้ในมาตรา 285 เป็นความผิดอันยอมความได้ การข่มขืนกระทำชำเราที่เกิดขึ้นเข้าข่ายตามมาตรา 281 จึงเป็นความผิดอันยอมความได้ ภิกษุรูปนั้นถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราดังกล่าว ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล ผู้หญิงที่ถูกข่มขืนซึ่งเป็นผู้เสียหายแถลงต่อศาลว่า ไม่ติดใจให้ดำเนินคดีแก่พระภิกษุรูปนั้นอีกต่อ ไปและขอถอนคำร้องทุกข์ เนื่องจากเป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อผู้เสียหายได้ขอถอนคำร้องทุกข์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ศาลต้องจำหน่ายคดีดังกล่าวออกจากสารบบความ พระภิกษุจำเลยจึงไม่ถูกศาลลงโทษ แต่ไม่ได้หมายความจำเลยหรือพระภิกษุรูปนั้น ไม่มีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราที่เป็นการร่วมประเวณีกับหญิงผู้เสียหาย กรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่เอาที่ดินของวัดมาใส่ชื่อตนเองในโฉนดที่ดินเป็นผลให้ที่ดินก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองอันเป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 252 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ และได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลในข้อหายักยอก แม้ต่อมาได้โอนคืนที่ดินให้แก่วัดและพนักงานอัยการโจทก์ขอถอนฟ้องคดีไปจากศาล แต่ความผิดฐานยักยอกทรัพย์ที่ครบองค์ประกอบความผิดโดยสมบูรณ์แล้ว ก็ยังคงเป็นความผิดอยู่
ที่คุณกำลังบอก อาจไม่ปาราชิกยังไม่ขาดจากความเป็นพระ อันนี้เข้าใจ แต่ผมถามว่า สิ่งที่โล้นอิสระทำกับข้าว ทำผิดพระธรรมวินัยหรือไม่?
กลับไปดูคำพูดตัวเองดีกว่าไหม ??? บอกว่าเค้าขาดจากความเป็นพระ ขาดความเป็นพระจากบัญญัติข้อไหน ??? อย่าเปลี่ยนเรื่อง
ต่อมาถามว่าพระทำกับข้าวได้ไหม บอกว่าได้ ในกรณีที่มีภาวะทุพภิกขภัย http://www.84000.org/tipitaka/read/?5/51 แต่ถ้าถามถึงกรณี "พระพุทธอิสระ" ในรูปที่ยกมาก็บอกว่าผิดธรรมวินัยแน่นอน แต่ไม่ถึงขั้นปาราชิกขาดจากความเป็นพระ ไปปลงอาบัติก็จบเรื่องตามพระธรรมวินัย
ใครอ่านก็น่าจะเข้าใจนะ ที่ผมถาม โล้นสุวิทย์ทำกับข้าวเรียกทำผิดพระธรรมวินัย ขาดจากความเป็นพระแล้วหรือยัง? ...... ก็แค่ตอบ ทำผิดพระธรรมวินัย ไม่ได้ขาดจากความเป็นพระก็แค่นั้น
เป็นอีกหนึ่งคำแก้ตัวที่ห่วยแตกที่สุด ที่ได้ยินจาก hot boy เลย ไม่รู้อะไรซักอย่างจะเรียกคนฉลาดได้ไหมเนี้ย
รวมพลังต่อต้านคอร์รัปชั่น เริ่มแล้ว ! ม็อบโล้น ประกาศรวมพล 15 กพ 59 โดยมีแกนนำเหี้ยห่มเหลือง อย่างเช่น ไอ้สาร ไอ้โชว์ เป็นต้น และจะปักหลักประท้วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเวลา 1 คืน อ้างสร้างความดี แต่กู ดู ๆ แล้วจะสร้างความฉิบหายมากกว่านะ ดูกัน นี่ไม่ใช่สงฆ์ แต่เป็นเหี้ยห่มเหลือง งานนี้ มส.+พศ. ว่าไง?? (ชุดเคลื่อนที่เร็วด้วยนะ)
สาวกธรรมกายจะโดนกรอกหูว่ามีคนพยายามล้มล้างศาสนาพุทธจึงต้องออกมาต่อต้านการไล่ธัมชโยและช่วงช่วง มันถึงได้น่าอเน็จอนาถเยี่ยงนี้
iVader @iVaderer สัมมนาฯ ที่พุทธมลฑล ตอนนนี้ทหารล้อมรั้วลวดหนามแล้วนะครัช #ทหารมีไว้ทําไม #ข่าว #พุทธมณฑล pic.twitter.com/vpSgaYsN11 ล้อมรั้วลวดหนาม อ้ายยยยยหย่าาา ซี้เหลี้ยว?
เชือก โชติช่วย_TV24 @Chuek_TV24 #ทหารมีไว้ทำไม เผยภาพล่าสุด ทหารยืนคุมเข้มหน้าวัดพระธรรมกาย! pic.twitter.com/wXKUT37RIM
ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่า คำขู่ของคางคก -------------------------------------------------------------- "จตุพร"ชี้ขวางม็อบพระบาปมหันต์ ท้า"บิ๊กตู่"เลือก3พ-สงฆ์ทั่วไทย http://www.thaipost.net/?q=จตุพรชี้ขวางม็อบพระบาปมหันต์-ท้าบิ๊กตู่เลือก3พ-สงฆ์ทั่วไทย
ดูๆแล้วทั้งนายทั้งขี้ข้า เพียงเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง ***สร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน คนไทย ***สร้างความแตกแยกในวงการสงฆ์ ***สร้างความแตกแยกในวงราชการ ***บ่อนเซาะทำลายสถาบันฯ ยังมีอะไรที่เลวได้มากกว่านี้
คณะสงฆ์ชุมนุมแสดงจุดยืนหนุนตั้งสมเด็จพระสังฆราชฯ-เรียกร้องรัฐหยุดแทรกแซง นครปฐม 15 ก.พ.-คณะสงฆ์ทั่วประเทศกว่า 30,000 รูป นัดรวมตัวแสดงสังฆามติ เรียกร้องให้รัฐบาลห้ามแทรกแซงกิจการคณะสงฆ์ และสนับสนุนมติของมหาเถรสมาคมในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช บรรยากาศที่พุทธมณฑล เจ้าหน้าที่ทหารจากหลายหน่วยยังคงสนธิกำลังร่วมกับตำรวจจาก สภ.พุทธมณฑล เฝ้าสังเกตการณ์ และยังปิดบริเวณทางเข้า-ออกของพุทธมณฑล จ.นครปฐม เพื่อไม่ให้พระสงฆ์ที่นัดรวมตัวกันกว่า 30,000 รูป จากทั่วประเทศที่จะร่วมแสดงสังฆามติประชุมใหญ่แผนสกัดการปกครองคณะสงฆ์ และแสดงจุดยืนเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนาและการจาบจ้วงพระเถระชั้นผู้ใหญ่จาก บุคคลบางกลุ่ม โดยคณะสงฆ์ พุทธศาสนิกชน ยืนยันจะปักหลักอยู่บริเวณหน้าองค์พระประธานพุทธมณฑลจนกว่าจะได้รับความ ชัดเจนจากรัฐบาล แต่เนื่องจากพระสงฆ์ พุทธศาสนิกชน มาจำนวนมากจึงเกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับคณะสงฆ์บางส่วนบริเวณด้านหน้าพุทธมณฑล โดยมีการรื้อสิ่งกีดขวางของเจ้าหน้าที่พยายามฝ่าแนวกั้นเข้ามา โดยเจ้าหน้าที่ก็ควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ขณะเดียวฝ่ายความมั่นคงได้เชิญพระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย แกนนำ เข้าหารือกับคณะทหารของ คสช. ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยฝ่ายความมั่นคงได้ขอให้ยุติการชุมนุมและเคลื่อนไหวภายใน 18.00 น. วันนี้ แต่เบื้องต้นพระเมธีธรรมาจารย์ได้ประกาศสังฆามติ ขอให้รัฐบาลปฏิบัติตาม 5 ข้อ คือ 1.ห้ามรัฐบาลเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของสงฆ์ 2.ขอให้รัฐบาลยึดธรรมเนียมปฏิบัติของสงฆ์ โดยต้องปรึกษาและขอความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคมก่อนเสมอ 3.ขอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการตามมติมหาเถรสมาคมที่เสนอนามสมเด็จพระมหา รัชมังคลาจารย์ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช 4.ขอให้รัฐบาลสั่งเป็นนโยบายให้หน่วยราชการปฏิบัติต่อคณะสงฆ์ด้วยความเคารพ ไม่ข่มขู่คณะสงฆ์ด้วยการใช้กฎหมาย 5.ขอให้บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ จากนั้นแกนนำก็ได้เดินทางไปยื่นข้อเสอต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลทันที หากรัฐบาลไม่รับข้อเสนอจะชุมนุมยืดเยื้อไปจนถึงวันมาฆบูชา.-สำนักข่าวไทย http://www.tnamcot.com/content/404089
เวลาอ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ในเวป(เช่นปราชิกของธัมมชโย การแต่งตั้งสังฆราช) ลองอ่านคอมเม้นต์ดูซิครับ จะเห็นว่ามีเยอะมาก พวกที่อยู่ฝ่ายอลัชชี จะออกมาตอบโต้ เหมือนกับมีการจัดตั้งทีมขึ้นมาคอยโพสต์โดยเฉพาะ แต่ถ้าไม่มีการจัดตั้ง แสดงว่าอิทธิพลในการครอบงำของพวกนี้ พาคนหลงทางจนน่ากลัวแฮะ ลองดูข่าวนี้ก็ได้ ------------------------------------------------------------------------------------ กลุ่มพระสงฆ์ที่สนับสนุนสมเด็จช่วงขึ้นเป็นพระสังฆราช และเรียกร้องให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรธน. ไม่พอใจการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร ฮือเข้าล็อกคอ-ยกรถพ้นจากพื้นที่จัดกิจกรรม http://www.thaipost.net/?q=ส่อบานม็อบพระฮือล้อมกรอบทหาร-ล็อกคอ-ยกรถพ้นพื้นที่
ปากบอกว่าห้ามรัฐบาลแทรกแซงคณะสงฆ์ แล้วที่คนของนักการเมืองใช้อิทธิพลส่วนตัว ไปหนุนลัทธิกาฝากพุทธศาสนาไทย และใช้คนของลัทธิเป็นฐานการเมือง หมายความว่ายังไง ?
หลังจากมีเหตุที่พุทธมณฑล รวมถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการเลือกสมเด็จพระสังฆราช วันนี้คุณจอมขวัญ จะสัมภาษณ์สดกับ หลวงปู่พุทธอิสระ ในช่วงถามตรงๆกับจอมขวัญ หลาวเพ็ชร์ “ไพบูลย์”เตรียมยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้วินิจฉัยกรณีมส.-พศ.ไม่พิจารณาเรื่องปาราชิกของพระธัมมชโย ผลจากการชุมนุมสงฆ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ส่งผลให้พระพุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิดกับ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กระทรวงยุติธรรม - 16 ก.พ. 59 - รมว.ยธ.เผยดีเอสไอสรุปผลสอบรถหรูสมเด็จช่วงฯ ผิดกฎหมาย รายละเอียดรอดีเอสไอแถลงอย่างเป็นทางการ 18 ก.พ.นี้ บิ๊กต๊อก เผยผลสอบรถหรู สมเด็จช่วง ยัน! ผิดกฎหมาย ดีเอสเตรียมแถลง 18 ก.พ. นี้พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยผลการตรวจสอบรถเบนซ์ หมายเลขทะเบียนขม.99 ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จฯช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญและผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้ครอบครองว่า ตนได้รับรายงานสรุปผลการตรวจสอบจากพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่รายงานมายังตนแล้ว โดยผลสอบพบว่ารถยนต์ดังกล่าวผิดกฎหมาย ส่วนรายละเอียดการตรวจสอบจะเป็นอย่างไร ผิดกฎหมายในขั้นตอนใดบ้างนั้น ขอให้รอการชี้แจงอย่างเป็นทางการจากอธิบดีดีเอสไอในวันที่ 18 ก.พ.นี้ อย่างไรก็ตาม กรณีที่รถผิดกฎหมายแล้วผู้ครอบครองจะมีความผิดด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องของขั้นตอนที่ต้องดำเนินการหลังจากนี้ว่าได้รู้หรือจงใจหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ที่ผ่านมาดีเอสไอได้รายงานผลการทำงานกับตนเป็นระยะๆ สำหรับรถคันดังกล่าวเป็นหนึ่งในรถที่มีอยู่ในบัญชีรายชื่อรถจดประกอบที่ดีเอสไอตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีการหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งขณะนี้มีการส่งข้อมูลรถยนต์บางส่วนให้กรมศุลกากรประเมินภาษีในส่วนที่ชำระไว้ไม่ครบ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุ ได้รับรายงานสรุปผลการตรวจสอบรถเบนซ์ สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นผู้ครอบครอง จากดีเอสไอแล้ว พบว่ารถหรูคันดังกล่าวผิดกฎหมาย โดยรายละเอียดขอให้รอดีเอสไอแถลงชี้แจง ในวันที่18 กุมภาพันธ์นี้ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยผลการตรวจสอบรถเบนซ์ หมายเลขทะเบียน ขม 99 ที่มีชื่อสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จฯช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ และผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้ครอบครองว่า ได้รับรายงานสรุปผลการตรวจสอบจาก พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอแล้ว โดยผลสอบพบว่ารถยนต์ดังกล่าวผิดกฎหมาย ส่วนรายละเอียดการตรวจสอบจะเป็นอย่างไร ผิดกฎหมายในขั้นตอนใดบ้างนั้น ขอให้รอการชี้แจงอย่างเป็นทางการจากอธิบดีดีเอสไอในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ อย่างไรก็ตาม กรณีที่รถผิดกฎหมายแล้วผู้ครอบครองจะมีความผิดด้วยหรือไม่ เป็นเรื่องของขั้นตอนที่ต้องดำเนินการหลังจากนี้ว่าได้รู้หรือจงใจหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ที่ผ่านมาดีเอสไอได้รายงานผลการทำงานเป็นระยะ ๆ สำหรับรถคันดังกล่าวเป็นหนึ่งในรถที่มีอยู่ในบัญชีรายชื่อรถจดประกอบที่ ดีเอสไอตรวจสอบเกี่ยวกับกรณีการหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งขณะนี้มีการส่งข้อมูลรถยนต์บางส่วนให้กรมศุลกากรประเมินภาษีในส่วนที่ ชำระไว้ไม่ครบ วันนี้ ดีเอสไอได้มีการประชุมพิจารณา กรณีวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโยรับเช็คกว่า 2 พันล้านบาทจากการยักยอกเงิน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยไม่มีมูลหนี้กับทางสหกรณ์ เข้าข่ายฟอกเงินและรับของโจร โดยเตรียมจะสรุปชี้มูลได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ คดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ดำเนินคดีฟอกเงินกับนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์ฯ กับผู้ที่มีชื่อรับเช็ค 878 ฉบับ เป็นเงิน 11,367 ล้านบาท ซึ่งเข้าข่ายเป็นการยักยอกทรัพย์หรือสนับสนุนให้ลักทรัพย์ เนื่องจากกลุ่มดังกล่าวไม่มีมูลหนี้ต่อกันจริง โดยก่อนหน้านี้ดีเอสไอแยกการสอบสวนออกเป็น 7 กลุ่ม ตามความสัมพันธ์ของธุรกรรมการเงิน โดยกลุ่มที่จะถูกดำเนินคดีข้อหารับของโจรและฟอกเงิน คือ กลุ่มที่รับเช็คโดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ซึ่งในส่วนของวัดพระธรรมกาย ที่ทางดีเอสไอ พบว่า มีการรับบริจาคโดยไม่มีมูลหนี้รวมกว่า 2,000 ล้านบาท ทั้งการบริจาคให้วัดเข้าบัญชีพระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย และเข้าบัญชีพระรูปอื่นในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนตรวจสอบเส้นทางการเงินเสร็จแล้ว พบว่า ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2552 - 15 กุมภาพันธ์ 2554 กลุ่มพระธัมมชโยและเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ได้รับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นรวม 21 ครั้ง เป็นเงิน 1,205,160,000 บาท โดยที่ไม่มีมูลหนี้กับทางสหกรณ์ฯ ล่าสุด วันนี้ ดีเอสไอ ได้มีการประชุมพิจารณา วัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย รับเช็คกว่า 2 พันล้านบาท จากการยักยอกเงิน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ว่าเข้าข่ายฟอกเงินรับของโจรหรือไม่ เนื่องจากพฤติการณ์ดังกล่าวของพระธัมมชโยกับพวก อาจมีส่วนเป็นผู้สนับสนุนนายศุภชัยในการยักยอกทรัพย์ของสหกรณ์ หรือสนับสนุนให้ลักทรัพย์นายจ้าง หรือรับของโจร, ความผิดฐานฟอกเงินและความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทั้งนี้ หากนายศุภชัย ถูกตั้งข้อหาลักทรัพย์จากการโอนทรัพย์ของสหกรณ์ฯมาบริจาคให้กับเครือข่ายวัด พระธรรมกาย ทางวัดและพระธัมมชโย ก็ชัดเจนในความผิดฐานรับของโจร ซึ่งมีเหตุอันเชื่อได้ว่า ผู้รับเช็ค รู้ฐานะของนายศุภชัย ว่าใช้เงินจากส่วนใดโอนมาให้ ซึ่งการโอนจ่ายเช็คมาให้เครือข่ายพระของวัดพระธรรมกายมีขึ้นหลายครั้งหลายหน โดยทางดีเอสไอจะสรุปชี้มูลได้ภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ด้าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกลุ่มพระสงฆ์ออกมาเคลื่อนไหวกดดัน ให้ดีเอสไอยุติการแทรกแซงศาสนจักรว่า การสอบสวนของดีเอสไอเป็นผลสืบเนื่องมาจากคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยู เนี่ยนคลองจั่น จำกัด ไม่ใช่การตรวจสอบวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่เรื่องของวัด แต่เป็นการตรวจสอบการทำผิดของบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ทำผิดกฎหมาย กรณีสหกรณ์คลองจั่นเป็นเรื่องของกฎหมายและคดี ไม่ใช่เรื่องศาสนจักรที่เอามาพูดกัน การทำงานของกระทรวงยุติธรรมไม่มีประเด็นใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง แม้ตัวบุคคลที่ถูกดำเนินคดีจะอยู่ในวัดหรือเกี่ยวข้องกับวัดก็ตาม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรียุติธรรม บอกถึงความคืบหน้ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ระหว่างตรวจสอบ พระธัมมชโย ในคดีรับเงินบริจาคจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยคาดว่า ภายในเดือนนี้จะมีความชัดเจน ซึ่งการฟ้องร้องต่าง ๆ มีการประชุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือคือการกำหนดฐานความผิด และ ขั้นตอนการฟ้องร้อง ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย แต่ไม่อยากให้มองเพียงพระธัมมชโย ต้องมองในภาพรวมทั้งระบบ เพราะเป็นการฟ้องร้องทั้งคณะที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้เข้าไปเร่งรัดการทำงานของดีเอสไอแต่อย่างใด ปล่อยให้เป็นหน้าที่และการทำงานของดีเอสไอตามปกติ ส่วนกรณีการชุมชนของคณะสงฆ์ ที่เรียกร้องไม่ให้รัฐบาลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของสงฆ์ กรณีการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราช พล.อ.ไพบูลย์ เชื่อว่า การเรียกร้องของคณะสงฆ์จะไม่มีผลต่อการพิจารณาคดีต่าง ๆ ของพระสงฆ์ เพราะถือเป็นคนละเรื่องกัน ยืนยันว่าทำตามกฎหมาย และพระสงฆ์ไม่ต้องออกมา ซึ่งไม่เข้าใจที่บอกว่าไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพระสงฆ์ เพราะใครก็ตามที่อยู่ภายใต้กฎหมายและทำผิดกฎหมายจะต้องเข้าไปยุ่ง ไม่มีข้อต่อรองใด ๆ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นสงฆ์หรือฆราวาส และไม่มีการเลือกปฏิบัติแน่นอน พระไม่ต้องมากดดัน ส่วนภาพการกระทบกระทั่งระหว่างพระสงฆ์กับเจ้าหน้าที่ทหารนั้น ทุกคนมองไปในทางเดียวกันและคิดว่าเจ้าหน้าที่ทหารต่างเคารพความเป็นพระสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์ห่มผ้าเหลืองมา ทหารก็ให้เกียรติให้ความเคารพ ดังนั้น พระสงฆ์เองต้องกลับไปคิดว่าให้ความเคารพเหมือนที่ทหารให้ความเคารพพระสงฆ์หรือไม่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และอัยการ เห็นชอบ ดำเนินคดีกับ พระธัมมชโย กับ เครือข่ายธรรมกาย ในข้อหารับของโจร และ ฟอกเงิน รับบริจาคโดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน ดีเอสไอ ชี้ ธัมมชโย รับของโจรพ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร ร่วมชี้แจงถึงความคืบหน้าการดำเนินคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นจำกัด ร่วมกับอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ดำเนินคดีฟอกเงินกับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์ฯ กับผู้ที่มีชื่อรับเช็ค 878 ฉบับ โดยไม่มีมูลหนี้ต่อกัน เฉพาะในส่วนของวัดพระธรรมกาย พบว่า มีการรับบริจาคโดยไม่มีมูลหนี้รวมกว่า 2,000 ล้านบาท มีทั้งการบริจาคให้วัดเข้าบัญชีพระธัมมชโย และเข้าบัญชีพระรูปอื่นในเครือข่ายวัดพระธรรมกาย ส่วนการดำเนินคดีฟอกเงินหากพบว่ามีทรัพย์สินที่ได้จากการยักยอกสหกรณ์หลงเหลืออยู่กับบุคคลใด พนักงานสอบสวนจะยึดอายัด ช่วงบ่ายที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ประชุมพนักงานสอบสวนชุดตรวจสอบเส้นทางการเงินจากเช็ค 878 ฉบับ ที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธาน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เป็นผู้สั่งจ่ายให้กับ 7 กลุ่ม คือ 1.นิติบุคคลที่มีมูลหนี้ต่อกัน 2.วัดพระธรรมกาย 3.สหกรณ์อื่นๆ 4.ผู้ต้องหาและผู้ที่เข้าข่าย 5.บุคคลธรรมดา 6.นายหน้าค้าที่ดิน และ 7.นิติบุคคลที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน เพื่อหาข้อสรุปโดยพิจารณากลุ่มบุคคลหรือนิติบุคคลใดบ้างที่เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินหรือรับของโจรหรือไม่ ซึ่งหากพบว่าใครเป็นผู้รับเช็คจำนวนนี้ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับการประชุมในคดีนี้ คาดว่าจะมีการดำเนินการกับกลุ่มที่เป็นนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน เป็นอันดับแรก โดยเฉพาะกับกลุ่มของวัดพระธรรมกาย เนื่องจากเป็นที่สนใจของสังคม หลังจากเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้เข้าพบพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เพื่อรายงานผลความคืบหน้าทางคดีให้ทราบ มีรายงานว่า อธิบดี ดีเอสไอ ได้กำชับพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ว่าไม่ควรให้ข้อมูลหรือให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพราะต้องการให้ชุดทำงานได้ทำงานให้เสร็จสิ้นก่อน คาดว่า คดีจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.พ.นี้
"พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม" ไม่ยอมหลุดประเด็นให้เข้าทางพวกปลุกระดมแบบนี้....... มีความหวัง อิ....อิ......มีความหวัง
เอาใจไปเลย สำหรับพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ให้สัมภาษณ์แบบยิงไม่ไว้หน้าเลย ข่าว 7 สี - รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้หากยังมีความเห็นต่างในประเด็นการเสนอพระนามพระสังฆราช ก็คงไม่มีใครกล้าทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระนามตามมติของมหาเถรสมาคมได้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังบอกด้วยว่า การรับข้อเสนอจากกลุ่มเครือข่ายคณะสงฆ์เมื่อวานนี้ ไม่ได้เป็นการผูกมัดว่าต้องปฎิบัติตามโดยจะส่งคำร้องให้นายกรัฐมนตรีหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศยืนยันไม่มีการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันต้องปฎิบัติตามกฎหมาย ส่วนข้อเรียกร้อง ที่ไม่ให้รัฐยุ่งเกี่ยวกับกิจของสงฆ์นั้น หากทำผิดกฎหมายก็ละเว้นไม่ได้ จึงขออย่าได้มากดดันทางการในประเด็นนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าเหตุความวุ่นวายเมื่อวานนี้มีการกระทำผิดกฎหมาย หรือขัดต่อคำสั่ง ของ คสช. เรื่องห้ามการชุมนุมทางการเมืองหรือไม่ หากพบอาจจะสั่งดำเนินคดีย้อนหลังได้