เดลินิวส์ วันนี้ "มุกแป๊กฯ" วิเคราะห็ได้สุดยอด ตรงประเด็น

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย Redbuffalo010, 6 Feb 2015

  1. Redbuffalo010

    Redbuffalo010 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    3 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    6,457
    นานๆครั้งจะได้เห็นเดลินิวส์ วิเคราะห์แบบเห็นภาพชัดเจน วันนี้อ่านแล้วยอมรับว่าสุดยอด
    Screen Shot 2015-02-06 at 9.22.07 AM.png
    ปฏิเสธกันไม่ได้ว่า...สัปดาห์ที่กำลังผ่านไปนี้ เกิดเหตุการณ์ต่อเนื่องแบบ "จงใจ" เริ่มจาก...ระเบิดเขย่ากลางเมือง หน้าห้างสยามพารากอน ในช่วงหัวค่ำของวันอาทิตย์ที่ 1 ก.พ. ต่อด้วยการปล่อย แถลงการณ์ปลอมเขย่าหัวใจคนไทย ในค่ำคืนวันจันทร์ที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา

    ซึ่งหากใครติดตามข่าวสารของบ้านเมืองมาโดยตลอดจะพบ “ความน่าจะเป็น” อยู่อย่างหนึ่งว่า...นี่คือการสร้างอำนาจต่อรองของ “คนบางกลุ่ม” ที่มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน และจัดทำเป็น “ซีรีส์” เพื่อต้องการเขย่าขวัญ...“คนมีอำนาจเหนือกว่า”

    หากมองย้อนกลับไปดูความต่อเนื่องของเหตุการณ์...จะพบว่า มูลเหตุที่มีการวางพล็อตเป็นเรื่องเป็นราวนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่มี คดีความ ของ “อดีตผู้นำคนหนึ่ง” เกี่ยวกับเรื่อง “ความไม่ชอบมาพากล” ในนโยบายรัฐ ทั้งที่มีผู้ทักท้วงแล้ว แต่กลับไม่รับฟังและปรับปรุงแก้ไข จากนั้น...ก็จะเห็นถึง “ตัวละคร” แถว 2-3-4 ที่ดาหน้ากันออกมา...เสมือนถูกกดปุ่มให้ต้องออกมา“ปกป้องนาย” ทั้งยังได้รับความร่วมมือจาก “มหาอำนาจบางประเทศ” ที่รับลูกมาเล่นบท “สอน...เชิงกระแหนะกระแหน”หลังจากที่ต้องสูญเสียผลประโยชน์มหาศาล จากการเข้ารัฐประหารของ “คสช.”

    คิดดูง่ายๆ เมื่อ “ตัวแทนของมหาอำนาจ” มาไทย...ก็มี “อดีตผู้นำรายหนึ่ง” วิ่งแจ้นโร่ไปพบด้วยตัวเอง เพื่อรายงาน...เหมือนเด็กน้อยถูกรังแก...แต่ถัดจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง...“อดีตผู้นำอีกราย” กลับวางบทบาทที่เหมาะสม โดย “ตัวแทนมหาอำนาจ” ขอมาพบเพื่อหารือเอง...พอตกบ่ายของวันนั้น...มีการไปร่วมสัมมนาที่จุฬาฯ “ตัวแทนรายนี้” กลับเปิดฉาก “ยำใหญ่ใส่สารพัด” เข้าตามคอนเซปต์ของ “อดีตผู้นำ” คนที่วิ่งแจ้นไปพบ...แบบไม่มีผิดเพี้ยน

    จังหวะเวลาใกล้เคียงก่อนหน้านั้น...มีบางสิ่งบ่งบอกตามมา...จากกรณีที่ “แกนนำหัวโจกคนสำคัญ” ที่มีเรื่องฟ้องร้องกรณีไปพูดจาหมิ่นประมาทใส่ร้าย “อดีตผู้นำคนหนึ่ง” แล้วถูกตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ก่อนที่จะประกันตัวไปสู้ในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งแวดวงการเมืองสามารถมองถึงทิศทางข้างหน้าได้ว่า...ผลจะออกมาอย่างไรบ้าง?

    เพราะเวลานี้ หากไล่เรียงปฏิทินตามลำดับเวลาแล้ว...จะพบว่า มีคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับคนในฟากฝั่งหนึ่งที่สูญเสียอำนาจไป ซึ่งประจวบเหมาะพอดิบพอดี...ที่คดีความกำลังเดินทางเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม...จึงทำให้ “คนเหล่านี้” อาจหวั่นวิตกและกังวลไปล่วงหน้าก็เป็นได้

    อีกเหตุผลหนึ่งคือ ความพยายามเรียกร้องให้มีการยกเลิก “กฎอัยการศึก” เพราะไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้มาก

    การสร้างเรื่องสร้างราว...เพื่อหวังเป็นเครื่องมือต่อรองกับ “ผู้มีอำนาจรัฐ” จึงถูกหยิบมาใช้...ในแทบทุกยุคกทุกสมัย (ซึ่งหากยุคใดบ้าจี้ ยอมโอนอ่อน ก็จะตกไปอยู่ในเกมสร้างสถานการณ์เพื่ออำนาจต่อรอง)

    แต่กลับลืมไปว่า...“ผู้มีอำนาจรัฐ” ณ เวลานี้...ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านบทเรียนในอดีตจาก “รุ่นพี่” ที่เคยทำพลาดมาแล้ว จึงทราบดีว่า...มุขสร้างสถานการณ์เพื่อหวังต่อรอง...จึงใช้ไม่ได้ผล กลายเป็นมุขแป้ก!!!

    จะเห็นว่า...มีการสั่งการและเร่งรัดเป็นพิเศษให้ “เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ดำเนินการเอาผิดอย่างเต็มที่กับ “ผู้ที่เกี่ยวข้อง” กับเหตุสร้างสถานการณ์ทั้ง 2 เหตุการณ์

    กรณีของเหตุระเบิดที่หน้าห้างสยามพารากอน...รับรู้กันดีสำหรับ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ว่า...มีกล้องวงจรปิด ณ จุดใดบ้าง...ที่สามารถสาวไปถึง “คนเดินเกม” ที่เป็นคนวางระเบิด ทั้งกล้องวงจรปิดของกทม.-จราจร-BTS-เอกชนร้านค้าต่างๆ ฯลฯ ซึ่งเวลานี้ “รับรู้” หมดแล้วว่า เส้นทางต่างๆ ก่อนเดินทางมาถึงจุดวางระเบิดและจุดหลบหนี...เป็นเช่นไร

    กรณีของการปล่อยแถลงการณ์ปลอมที่ทำร้ายจิตใจคนไทย...ยิ่งเป็นการบ่งบอกชัดว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจกล้าเอาจริงเอาจัง...ก็สามารถดำเนินการเอาผิดได้แบบปัจจุบันทันด่วน ไม่ต้องรอ...อ้างโน่นอ้างนี่...เหมือนในยุคสมัยหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง

    ที่น่าสนใจคือ...2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มีการผูกโยงว่าเกี่ยวเนื่องกันและกันในเรื่อง “จอมบงการตัวจริง”ที่อยู่ฉากหลัง!!!

    2เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้...แทนที่จะสร้างความน่ากลัว หรือการสร้างภาพว่า “ผู้มีอำนาจ” เอาไม่อยู่...แต่กลับกลายเป็นว่า...ไปยิ่งสร้างความชอบธรรมให้กับ “ผู้มีอำนาจ” ในการกระชับอำนาจให้มากขึ้น

    เพราะยิ่งตอกย้ำว่า...สถานการณ์ที่มีผู้จ้องก่อกวนและสร้างสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคง “อัยการศึก” เพื่อป้องกันและป้องปราม เพราะการคงอัยการศึกอยู่...โดยที่ผ่านไป 8 เดือนกว่านั้น...หากเป็นประชาชนธรรมดา ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร จะมีก็แต่ “ผู้มีแต้มซ่อน” และหวังผลการเคลื่อนไหวบางประการเท่านั้น...ที่จะไม่ชอบใจกับการมี “อัยการศึก”

    อีกด้านหนึ่ง...เป็นการสะท้อนให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐเอาจริงเอาจัง โดยเฉพาะกับ “ตำรวจ” ก็สามารถเดินหน้าเอาผิดกับ “ผู้ที่เกี่ยวข้อง” ในการสร้างสถานการณ์ ผิดกับยุคก่อนหน้านี้...ที่ “ตำรวจ...ปล่อยไหล” จนทำให้เหตุการณ์เลวร้ายและลุกลามมากจนเกินเยียวยา

    ยุคผม...ไม่ว่าใหญ่แค่ไหนก็จับ”...คำพูดของ “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ผบ.ตร. ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนในสังคม...และหลายบทบาท-หลายเหตุการณ์ ที่ตำรวจยุคนี้เดินหน้าเอาผิดกับผู้ก่อเหตุในสถานการณ์สำคัญต่างๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดีว่า...ถ้าตำรวจเอาจริง ไม่รับใช้การเมือง ผู้คนในสังคมก็ฝากความหวังเอาไว้ได้!!!
    …................................
    คอลัมน์ : การบ้านบานเย็น
    โดย “ภีมพศ”
     
  2. Redbuffalo010

    Redbuffalo010 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    3 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    6,457
    ของแถม อันนี้ก็น่าอ่าน
    Screen Shot 2015-02-06 at 9.24.53 AM.png
    เหตุระเบิดระหว่างทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามกับลานหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน...เป็นสัญญาณเตือนที่ละเลยไม่ได้เพราะคนคิดวางแผนคิดทำจงใจและเจตนาทำสิ่งที่รุนแรงอย่างท้าทายอำนาจรัฐกฎหมายและกฎอัยการศึก

    ช่วงเวลา 20.06 น. วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา เป็นฤกษ์ร้ายที่กลุ่มคนไม่หวังดีวางแผนก่อเหตุระเบิดกลางกรุงในสถานที่“แลนด์มาร์ค” ที่มีฝูงชนพลุกพล่านและเป็นวันอาทิตย์ที่ชาวกรุงส่วนใหญ่จะมาเที่ยวจับจ่ายซื้อของกันที่ห้างแห่งนี้และใช้บริการรถไฟฟ้าด้วย

    หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ต้องรุดออกมาตรวจที่เกิดเหตุด้วยตัวเองพร้อมกับระดมนักสืบระดับชั้นหัวกะทิ มี “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. มาคุมเกมไล่ล่าตัวคนร้ายมาลงโทษ

    จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดนั้นพบชายนิรนาม 2 คน มีลักษณะเป็นชายเอเชียรูปร่างสันทัดสูงประมาณ 160–170 ซม. สวมหมวกแก๊ปสีดำกับขาวและเสื้อสีขาว กางเกงขายาว สวมรองเท้าหุ้มส้นเดินปะปนกับผู้คนเข้ามานำถุงพลาสติกที่คาดว่าจะบรรจุระเบิด “ไปป์บอมบ์” ที่ใช้ในการก่อเหตุแยกไปวางกันคนละจุดซึ่งตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พบร่องรอยจากเหตุระเบิดทั้งสิ้น 2 จุด ที่มีระยะไม่ห่างกันมากนัก

    ถ้าเทียบช่วงเวลาที่เกิดเหตุแล้วนั้นก็ถือว่าชายทั้ง 2 รายนี้เป็นผู้ที่ต้องสงสัยว่าเป็นมือระเบิดมากที่สุด แต่ทาง พล.ต.ท.ประวุฒิถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.เชื่อว่าน่าจะมีการร่วมก่อเหตุมากกว่า 2 คนทั้งนี้มีการพุ่งเป้าไปที่กลุ่มปฏิบัติงานใต้ดินที่ต้องการสร้างความเสียหายและหวาดกลัวในสังคม

    แม้ระเบิดที่ถูกนำมาใช้ในการก่อเหตุนั้นจะมีอานุภาพการทำลายล้างที่ไม่สูงมากนักและด้วยขนาดที่เล็กเพียง 10 ซม. ยาว 20 ซม. จึงมักจะถูกนำมาก่อเหตุวินาศกรรมอยู่บ่อยครั้ง แต่ระเบิดชนิดนี้ ซึ่งมีชื่อว่า “ไปป์บอมบ์” ที่ดัดแปลงมาจากท่อเหล็กหากมีการใส่ดินปืนและตะปูเข้าไปเป็นจำนวนมากจะเกิดความร้ายแรงมากกว่านี้แน่นอน

    อีกทั้งระเบิดชนิดนี้ยังสอดคล้องกับระเบิดในเหตุการณ์การวางระเบิดย่านมีนบุรีเมื่อหนึ่งปีก่อนด้วยต่างกันเพียงแค่วิธีการประกอบแตกต่างกันทั้งดินระเบิดที่ใช้ทั้งขนาดของระเบิดรวมถึงวิธีการหน่วงเวลาก็ต่างกันด้วย

    โดยแนวทางการสืบสวนนั้นพบว่าชายต้องสงสัยทั้ง 2 ราย จุดชนวนระเบิดด้วยไฟแช็กใช้ท่อเหล็กแป๊บขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว ยาวประมาณ 15-20 ซม. ทำการเชื่อมปิดท้ายด้านล่างของระเบิดเอาไว้ จากนั้นก็ใส่ดินดำ ต่อด้วยแก๊ปผสมกับตะปู เศษแก้วก่อนใช้ประทัดยักษ์วางไว้บนสุดแล้วปิดฝาแบบเกลียวโดยเจาะรูไว้เพื่อต่อชนวนออกมาใช้จุดไฟเหมือนกับการทำระเบิดแบบโบราณโดยมีการตั้งหน่วงเวลาด้วยการต่อสายชนวนที่ยาว

    ในจุดเกิดเหตุยังพบแผงวงจรนาฬิกาที่มีการตั้งเวลาไว้ที่ 18.00 น. แต่วันเกิดเหตุนั้นเลยเวลาดังกล่าวมานานแล้วซึ่งเป็นไปได้ว่าคนร้ายจะต่อวงจรไม่สำเร็จหรืออาจจะทำไว้เพื่อเป็นการหลอก ซึ่งคนร้ายน่าจะตั้งใจทำเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ไม่ให้วิเคราะห์แผนประทุษกรรมหรือวิธีการประกอบวัตถุระเบิดได้ถูกว่าไปเหมือนกับเหตุการณ์ระเบิดในครั้งใด

    ทั้งนี้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดในช่วงเวลาที่คนร้ายก่อเหตุนั้นพบว่าชายคนที่สวมหมวกสีดำ สวมเสื้อแขนยาวสีขาวหายเข้าไปในซอกระหว่างป้ายไฟโฆษณากับด้านข้างของจุดให้บริการด่วนของกรุงเทพมหานครนานเกือบ 1 นาที โดยมีชายต้องสงสัยอีกคนที่สวมหมวกสีขาวนั่งรออยู่ที่บริเวณมุมซ้ายสุดติดกับประตูบานเลื่อนเหล็กของจุดบริการดังกล่าว โดยเจ้าตัวนั่งเท้าแขนคอยหันทางขวาเพื่อมองดูว่าชายคนที่สวมหมวกสีดำจะเดินออกมาเมื่อไรเมื่อชายคนที่สวมหมวกสีดำเดินออกมาจากซอกระหว่างป้ายไฟโฆษณากับด้านข้างของจุดให้บริการบีเอ็มเอเอ็กซ์เพรสนั้นชายที่สวมหมวกสีขาวก็เอี้ยวตัวไปทางซ้ายเพื่อจุดไฟแช็กทันทีโดยภาพวงจรปิดสามารถจับภาพแสงสว่างจากไฟแช็กเอาไว้ได้อย่างชัดเจน จากนั้นชายทั้ง 2 คนก็รีบเดินเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามอย่างรวดเร็ว

    หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 40 วินาที ก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาจากซอกหลังป้ายไฟโฆษณาที่ชายสวมหมวกสีดำเข้าไปวางระเบิดไว้ ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้้นครั้งแรก จนทำให้ประชาชนที่เดินสัญจรผ่านไปมาต่างแตกตื่นรีบวิ่งหนีกันอย่างชุลมุนและเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 32 วินาที ก็เกิดมีแสงสว่างวาบขึ้นมาจากถุงพลาสติกสีส้มที่ชายที่สวมหมวกสีขาวทิ้งไว้ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นตามมาเป็นครั้งที่ 2

    จากเหตุการณ์นี้ก็เป็นที่ชัดเจนว่ายังมีกลุ่มคลื่นใต้น้ำองค์กรใต้ดินที่ยังหมายมุ่งที่จะป่วนเมืองไม่ให้ความสงบเกิดขึ้นแต่บางฝ่ายก็กลับมีมุมมองเป็นห่วงเกี่ยวกับการก่อการร้ายข้ามชาติที่มีเป้าหมายในกลุ่มประเทศเอเชียรวมถึงประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีบทบาทในกลุ่มอาเซียน ซึ่งผู้ที่มีความรับผิดชอบในการดูแลความมั่นคงนั้นในชั่วโมงนี้ก็ต้องยิ่งเข้มงวดในการจับตาให้เพิ่มมากขึ้น

    ทางด้าน พล.ต.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้สั่งให้ตำรวจและทหารเร่งล่าคนร้ายมาลงโทษให้ได้บอกปัดอย่าป้ายสีรัฐบาลว่ารัฐบาลทำเองเพื่อยืดเวลากฎอัยการศึกพร้อมให้เฝ้าระวังสถานที่ที่มีประชาชนรวมตัวมาก อาทิ สถานีรถไฟฟ้า สถานีขนส่ง ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ รวมถึงตลาดกลางคืนด้วย

    พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งเร่งจับตัวคนร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามหาผู้กระทำผิดพร้อมหาสาเหตุที่แท้จริงเราทราบว่าเป็นระเบิดที่นำไปวางไว้บริเวณหม้อแปลงไฟฟ้าเพื่อให้ดูเหมือนเป็นเหตุหม้อแปลงระเบิดซึ่งเป็นระเบิดแบบถ่วงเวลา เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ฝ่ายความมั่นคงเฝ้าระวังมาตลอด

    “เราได้เตือนและต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเพิ่มการรักษาความปลอดภัยทุกจุดทั้งประเทศโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะต้องทำงานให้หนักเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก เราได้บอกไปแล้วว่าการมีความคิดเห็นต่างได้แต่ไม่ควรแสดงออกด้วยความรุนแรงเพราะจะทำให้เกิดความเสียหายกับชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนโดยเฉพาะความเชื่อมั่นของประเทศผมคิดว่าคนที่ทำแบบนี้มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรขณะนี้ยังไม่มีเบาะแสเรื่องของความรุนแรงใด ๆ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

    ล่าสุดตำรวจได้ขออนุมัติออกหมายจับชายต้องสงสัย 2 คน ซึ่งเดินทางมาที่เกิดเหตุด้วยรถแท็กซี่ก่อนเกิดระเบิดขึ้นและดูจากลักษณะการก่อเหตุแล้วเชื่อว่าคนที่ประกอบระเบิดค่อนข้างมีความเชี่ยวชาญส่วนผู้ที่นำมาวางค่อนข้างใจเย็นและเชื่อว่าคนร้ายมีมากกว่า 2 คนอย่างแน่นอน

    สำหรับเป้าหมายในการก่อเหตุครั้งนี้ยังพุ่งเป้าไปที่ประเด็นทางการเมือง เนื่องจากที่ผ่านมาการลอบวางระเบิดส่วนใหญ่ร้อยละ 90 เป็นการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง

    ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเป็นการหักหน้ากฎอัยการศึกของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ คาดว่าการที่จะยกเลิกกฎอัยการศึกก็คงต้องขยายเวลาออกไปอีกอย่างไม่มีกำหนดไม่ว่าด้วยเหตุผลหรือว่าวัตถุประสงค์ใด ๆ ในการป่วนเมืองครั้งนี้ก็ถือว่าไม่ได้มีผลดีกับภาพลักษณ์ของประเทศไทยทั้งในสายตาของชาวไทยและชาวโลกเลยกลับซ้ำเติมประเทศไทยที่กำลังจะดีขึ้นให้ย่ำแย่ลงไปอีก

    ก็ต้องวัดกำลังกันว่าทหาร ตำรวจ และหน่วยงานความมั่นคงจะลากคอมือป่วนทั้ง 2 คน มาลงโทษในฐานตามกระบวนการกฎหมายและค้นหาต้นตอผู้บงการได้หรือไม่.

    ศาสนะ ศิริลาภ : รายงาน
    ....................................................................................
    ระเบิดชนิด‘ไปป์บอมบ์’

    ระเบิดแบบไปป์บอมบ์ทำมาจากท่อพีวีซีหรือท่อเหล็ก ลักษณะทรงกระบอก ด้านในบรรจุปุ๋ยยูเรียหรือดินระเบิด และวัสดุอื่น ๆ เช่น ตะปู นอตเป็นต้น โดยการทำระเบิดไปป์บอมบ์ไม่มีวิธีการที่ตายตัวขึ้นอยู่กับวิธีของแต่ละคนและวัสดุที่ใช้บรรจุ ซึ่งอานุภาพการทำลายล้างขึ้นอยู่กับขนาดโดยขนาดยิ่งใหญ่ความรุนแรงยิ่งมากขึ้น
     
    จาจา และ อาวุโสโอเค ถูกใจ.
  3. Redbuffalo010

    Redbuffalo010 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    3 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    6,457
    อยากให้ลากคอออกมาเร็วๆ
    จากบึมสมานเมตตา ตูมสยองมีนบุรี ไปป์บอมบ์สยาม ถึงเวลาผวาอีกแล้วหรือ!?

    โดย ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ 6 ก.พ. 2558 05:31
    [​IMG]
    หลังจาก รัฐประหาร โดย คสช. โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กระทั่งมาดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ถึงวันนี้เวลาผ่านมาเกือบจะครบขวบปีแล้ว โดยตลอดระยะเวลา 7-8 เดือน ต้องยอมรับว่าบ้านเมือง "เงียบสงบ" ไร้เหตุป่วน ส่วนหนึ่งต้องยอมรับ เพราะรัฐบาลมี "ดาบอาญาสิทธิ์" กฎอัยการศึก ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกร

    กระทั่งเร็วๆ นี้ มีการตัดสินครั้งสำคัญ เมื่อ สนช. ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีโครงการรับจำนำข้าว หลังผลการตัดสินออกไม่นาน เสียงระเบิดตูมตามก็ดังขึ้น แถมจุดเกิดเหตุยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญกลางเมืองกรุงเทพฯ คือ จุดที่มีคนพลุกพล่านและย่านเศรษฐกิจ คือ BTS ทางเชื่อมกับห้างสยามพารากอน และจากการตรวจสอบจากภาพวงจรปิด พบว่ามีคนร้าย 2 คนร่วมก่อเหตุ ส่วนระเบิดที่ใช้ เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าคือ "ระเบิดแสวงเครื่องไปป์บอมบ์"
    http://www.thairath.co.th/content/479347
    [​IMG]
     
  4. Redbuffalo010

    Redbuffalo010 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    3 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    6,457
    ส่วนรายนี้ขอเรียกว่า"ไอ้เสี้ยม"

    ทำไม ′มติชนสุดสัปดาห์′ฉบับนี้จึงพาดปก "มือที่มองเห็น"
    วันที่ 06 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 08:30:00 น.
    14231587051423158732.jpg
    คอลัมน์ข่าวทะลุคน/ข่าวสดออนไลน์


    จับภาพมือที่มองเห็น กดบึ้มในกฎอัยการศึก

    หลังสิ้นเสียงระเบิดตูมสนั่นหน้าห้างหรูกลางกรุง

    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ระบุว่าไม่ใช่ว่ามีกฎหมายความมั่นคงแล้ว หรือมีกฎอัยการศึกแล้วทุกคนจะกลัว นี่แสดงว่ายังมีอยู่

    พร้อมย้อนหลังให้ด้วยว่า ปี 53 มีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงตอบโต้รัฐบาล ปี 56-57 ก็ใช้ความรุนแรงมาตอบโต้กลุ่ม ต่อต้าน

    ตั้งคำถามที่มีคำตอบในใจว่าเหตุการณ์แบบนี้มาจากใครคิดกันเอาเอง

    "วันนี้ให้โอกาสผ่อนผันเยอะแยะ ยังสร้างความรุนแรงเกิดขึ้น ผมถามว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ท่านยืนยันกับ ผมไหมว่าถ้าไม่ใช้กฎหมายพิเศษแล้วจะไม่มีเรื่อง แต่วันนี้ยังมีเรื่อง ผมถามว่าคนเหล่านี้ เป็นใคร"

    ว้ากลั่น กรณีมีคนวิจารณ์ว่ามาจากรัฐบาลทำเอง คสช.ทำเอง เพื่อคงกฎอัยการศึกไว้ พวกนี้สมองเสีย ไม่มีใครเขาลงทุนขนาดนั้น

    หรือหากเป็นพวกทหาร-ตำรวจนอกแถว สอบพบใครเกี่ยวข้องจับหมด

    "คนวางก็ต้องจับ ใครสั่งมันก็ไปสอบมา ถึงใครก็จับมา ใครไม่อยู่ก็ออกหมายจับ"

    "มติชนสุดสัปดาห์" ฉบับระเบิดกรุงในกฎอัยการศึก

    พาดปก "มือที่มองเห็น"

    อาจหมายถึงมือวางที่กล้องฉายภาพชัด

    หรืออาจหมายถึง"มือ"ที่บางฝ่ายมีธงในใจ

     
    จาจา และ อาวุโสโอเค ถูกใจ.
  5. Kop16

    Kop16 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    5 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    2,461
    "มือที่มองไม่เห็น"

    มือพ่อพวกมันไง อยู่เมืองนอกจะเห็นให้เลียได้ไง
     
  6. อาวุโสโอเค

    อาวุโสโอเค อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,527
    ปรากฏการณ์สร้างสถาณการณ์ในช่วงปัจจุบัน แน่นอนเป้าประสงค์คือการกวนน้ำให้ขุ่น หลอกให้ลุงตู่

    พะวงกับปัญหาที่เกิดขึ้น จริง ๆ แล้วหลักการพื้นฐานของสายคอมมูนิสต์ เอ็งหยุดข้าแหย่ เอ็งแพ้ข้าตี ....

    การที่ระบบราชการยังทำงานตามกลไกหน้าที่ เช่นตำรวจ สามารถตามจับตัวผู้ปล่อยแถลงการณ์สำนักพระราชวังปลอม

    กระทรวงต่างประเทศมีการตอบโต้กรณีผู้ช่วย รมต ต่างประเทศอเมริกาวิพากษ์ไทยในการเยือน แม้แต่ทลายเครือข่ายบรรพต

    เหล่านี้สะท้อนกลับไปที่เครือข่ายทักษิณที่พยายามเดินเกมส์ การที่อาหารจานด่วนราคาขึ้น ไม่สามารถเป็นประเด็น

    ในการเตะตัดขาประยุทธ์ได้ การที่แดงบางกลุ่มพยายามสร้างกระแสก็ไม่ได้การตอบรับเท่าที่ควร แม้แต่สื่อก็เริ่มทำหน้าที่

    ของตัวเอง ดูแล้วเหตุการณ์เหล่านี้ส่งผลน้อยมาก คงเป็นบททดสอบคนไทยว่าจะเลือกสร้างทิศทางของประเทศอย่างไร
     
    อู๋ คาลบี้ และ Redbuffalo010 ถูกใจ.
  7. Redbuffalo010

    Redbuffalo010 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    3 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    6,457
    เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เฉพาะประเด็น"ข้าวผัดะเพรา" ใน ทบ. ที่นักข่าวบอกจานละ ๑๐๐ ก็มีพวกเสี้ยมเอาไปประโคมใส่สีตีไข่เรียบร้อย
     
  8. อาวุโสโอเค

    อาวุโสโอเค อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,527
    upload_2015-2-6_11-17-59.png
    ที่มา http://www.thaitv3.com/ข่าวด่วน/115...วน-สโมสร-ทบ-ยันข้าวกะเพรา-100-บาท-ไม่แพง.html
    จะคอยดูว่าสื่อเสี้ยมจะว่าไง :giggle:
     
    phoebus และ Redbuffalo010 ถูกใจ.
  9. นอกคอก

    นอกคอก อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    5,396
    พยายามจะเห็นมือที่มองไม่เห็น ความชั่วชัดๆกลับไม่เห็น ไปทำข่าวซุบซิบดาราดีกว่ามั๊ย
     
  10. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่

Share This Page