เฉลิมพระเกียรติ ๖๓ พรรษา มหาวชิราลงกรณ

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย ctpk05, 28 Jul 2015

  1. ctpk05

    ctpk05 อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    24 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,606
    %B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A.jpg

    T0023_0001_01.jpg

    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระนามเมื่อแรกประสูติว่า "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ บรมจักรยาดิศรสันตติวงศ เทเวศรธำรงสุบริบาล อภิคุณูประการมหิตลาดุลเดช ภูมิพลนเรศวรางกูร กิตติสิริสมบูรณ์สวางควัฒน์ บรมขัตติยราชกุมาร" เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชสมภพ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 เวลา 17:45 น​
    526818_338383796230653_1758093512_n.jpg

    27909_119771438035654_6941519_n.jpg

    11817157_822514937817534_4483964523964311663_n.jpg


    ขณะเมื่อทรงพระราชสมภพนั้น ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศที่เฝ้ารอคอยพระประสูติกาลต่างปลาบปลื้มปิติ ชื่นชมโสมนัส แซ่ซ้องในพระบุญญาธิการ ดังที่ศาสตราจารย์ หม่อมราชวงศ์สุมนชาติสวัสดิกุล ได้บรรยายถึงบรรยากาศก่อนเวลาพระราชสมภพ ตราบจนถึงนาทีอันเป็นมงคลฤกษ์เสด็จพระราชสมภพว่า

    “...วันนี้ ครึ้มฟ้าครึ้มฝนตั้งแต่เช้า ฝนไม่ได้ตกมานาน นายแพทย์ผู้ถวายการประสูติเข้าประจำที่สักครู่ก็ประสูติพระราชกุมาร เวลา ๑๗ นาฬิกา กับ ๔๕ นาที ในนาทีเดียวกันนั้นเอง ฝนที่แล้งมาตลอดฤดูก็เริ่มโปรยปรายละอองลงมา ดูคล้ายๆ ฟ้าก็รู้เห็นเป็นใจกับการประสูติครั้งนี้ อารามดีใจสมประสงค์ของดวงใจทุกๆดวง นายแพทย์ ที่ถวายการประสูติ ซึ่งพร้อมที่จะบอกแก่ที่ประชุม ณ พระที่นั่งอัมพรสถานว่า พระราชโอรส หรือ พระราชธิดา กล่าวออกมาด้วยเสียงอันตื่นเต้นกังวานว่า ผู้ชาย แทนที่จะว่า พระราชโอรส ฝนโปรยอยู่ตลอดเวลา แตรสังข์ดุริยางค์เริ่มประโคม ทหารบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีปืนใหญ่ทั้งบกและเรือยิงสะเทือนเลื่อนลั่น เสียงไชโยโฮ่ร้องก็ดังอยู่สนั่นหวั่นไหว สมใจประชาชนแล้ว...ดวงใจทุกดวงมีความสุข...”

    นับแต่นั้นมา ประชาชนชาวไทยต่างเฝ้าติดตามข่าวเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ด้วยความจงรักภักดี และต่างปลาบปลื้มปิติ ชื่นชมโสมนัสยิ่งขึ้นเมื่อพระองค์ทรงเจริญวัย มีพระสุขภาพพลานามัยแข็งแรง เพียบพร้อมด้วยพระราชจริยวัตรและพระปรีชาสามารถเป็นที่ประจักษ์ตลอดมา​



    10520125_1473493502967275_711648922_n.jpg

    สมเด็จพระยุพราช
    เมื่อมีพระชนมายุครบ 20 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โปรดให้สถาปนา สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร สิริกิตยสมบูรณสวางควัฒน์ วรขัตติยราชสันตติวงศ์ มหิตลพงศอดุลยเดช จักรีนเรศยุพราชวิสุทธิ สยามมกุฎราชกุมาร"
    ในมงคลวาระนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ถวายสัตย์ปฎิญาณในการพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งแสดงถึงน้ำพระราชหฤทัยที่ทรงมุ่งมั่นจะบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อชาติบ้านเมือง และประชาชนชาวไทย เป็นที่ซาบซึ้งประทับใจพสกนิกรอย่างยิ่ง ดังความว่า

    “ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกระทำสัตย์ปฎิญาณสาบานต่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทยเฉพาะพระพุทธ พระธรรม พระสงค์ เฉพาะพระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากรท่ามกลางสันนิบาตรนี้ว่า

    ข้าพเจ้าผู้เป็น สยามมกุฎราชกุมาร จะรักษาเกียรติยศและอริยศักดิ์ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานไว้ด้วยชีวิต จะภัคดีต่อชาติบ้านเมือง จะซื่อสัตย์ต่อประชาชน จะปฏิบัติภาระหน้าที่ทุกอย่าง โดยเต็มกำลังสติปัญญาความสามารถ และโดยความเสียสละ เพื่อความเจริญสงบสุขและความมั่นคงไพบูลย์ของประเทศไทย จนตราบเท่าชีวิตร่างกายจะหาไม่”


    บัดนี้กาลเวลาผ่านไป ได้เป็นที่ประจักษ์ว่า ตลอดระยะเวลานับแต่ยังทรงพระเยาว์ตราบจนปัจจุบัน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงยึดมั่นในพระปฎิญญาทรงพระวิริยะอุตสาหะ มุ่งมั่นปฎิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทย โดยมิได้ย่อท้อ



    ดังปรากฎว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ เมื่อยังทรงพระเยาว์ ได้โดยเสด็จพระบรมชนกนาถและสมเด็จพระบรมราชชนนี ไปในการเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศตลอดมา จึงทรงสามารถสั่งสมพระประสบการณ์เกี่ยวกับบ้านเมืองและราษฎร ดังนั้น จึงทรงปฏิบัติพระภารกิจได้เป็นผลสำเร็จลุล่วง นับตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์

    11755891_1023225447690244_7097997302861225532_n.jpg
    927057_244909765717187_306444377_n.jpg
    10391415_619813078087722_620909574629729080_n.jpg

    969168_492662010802830_53517236_n.jpg
    1059536_10151763870556383_1919030306_n.jpg

    pbrs4.jpg

    10401710_1399509533670783_1149537804_n.jpg


    ในวโรกาสเฉลิมพระชนมายุ ๖๓ พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร
    ขอน้อมเกล้าฯถวายพระพรให้ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ อยู่เป็นมิ่งขวัญแก่ปวงพสกนิการชาวไทยตลอดกาลนานเทอญ

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

    ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.coj.go.th/day/pbr.html
     
    Last edited: 28 Jul 2015
  2. ctpk05

    ctpk05 อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    24 พ.ย. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    1,606
    “เจ้าฟ้านักบิน”
    a33.jpg


    1.2-12-57(500).jpg


    article_12896492931289649526l1599.jpg

    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงพัฒนาความรู้ความสามารถด้านการบินมาอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน พ.ค.2547 ได้ทรงมีพระราชประสงค์จะทรงทำการบินเปลี่ยนแบบจากเครื่องบินขับไล่แบบ “18 ข” (F-5E) มาเป็นเครื่องบินลำเลียง ด้วยทรงเล็งเห็นว่า ศาสตร์ด้านการบินของเครื่องบินพาณิชย์ เป็นเรื่องที่น่าเรียนรู้ และสามารถนำมาพัฒนาด้านการบินกับเครื่องบินพระราชพาหนะ ที่กองทัพอากาศทำการบินถวายอยู่ในปัจจุบัน ได้เช่นเดียวกับการบินของนักบินบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และสายการบินอื่นๆ ในการนี้ได้ทรงมอบหมายให้ “กัปตันพิศาล ฉายากุล” จากการบินไทย เป็นผู้อำนวยการในการถวายหลักสูตรนักบินพาณิชย์ตรีและพาณิชย์เอก และ “กัปตันโสภิต โภคะสุวรรณ” เป็นผู้ดูแลหลักสูตรการศึกษา โดยระยะเวลาครอบคลุมตั้งแต่วันที่ 10-23 พ.ค. 2547 และหลังจากทรงผ่านการทดสอบภาควิชาการแล้ว ได้ทรงใช้เครื่องบินจำลองของเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 เป็นแพลตฟอร์มในการฝึกและตรวจสอบภาคอากาศ ซึ่งผลปรากฏว่า ทรงมีพระปรีชาสามารถอย่างเห็นได้ชัด ทรงผ่านการตรวจสอบทั้งภาคพื้นและภาคอากาศภายในระยะเวลาอันสั้น

    [​IMG]

    [​IMG]

    การที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงสนพระทัยในการฝึกบินเปลี่ยนแบบกับเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 เพราะทรงเล็งเห็นว่า เป็นเครื่องบินพระราชพาหนะที่ถวายการบินอยู่ในปัจจุบัน และเป็นเครื่องบินที่การบินไทยใช้งานอยู่ ที่สำคัญยังทรงมั่นพระทัยด้วยว่า ความรู้ที่ทรงได้รับจะสามารถ นำไปใช้ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจได้อย่างดีเยี่ยม จึงทรงมีพระราชประสงค์ให้การบินไทยจัดหลักสูตรและครูการบิน ถวายการฝึกบินอย่างเต็มหลักสูตร เช่นเดียวกับการฝึกบินของนักบินบริษัทการบินไทยทุกประการ โดยมี “กัปตันอัษฎาวุธ วัฒนางกูร” ผู้อำนวยการฝ่ายฝึกอบรมนักบิน และ “กัปตันอภิรัตน์ อาทิตย์เที่ยง” หัวหน้าครูการบินสำหรับเครื่องบินโบอิ้งรุ่นดังกล่าว เป็นผู้ถวายการฝึก ซึ่งการฝึกภาควิชาการมีขึ้นตั้งแต่ต้นเดือน มิ.ย.2547 เริ่มทำการฝึกบินเมื่อวันที่ 27 ส.ค.2547 และเสร็จสิ้นการฝึกบินได้รับศักย์การบิน ในฐานะกัปตันของเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ในวันที่ 30 มิ.ย.2549

    ตลอดเวลาที่ทรงฝึกบินนั้น แม้จะทรงติดพระราชกิจอื่นๆมากมาย รวมถึงการเสด็จไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ก็ยังโปรดให้กัปตันทั้งสองนายตามเสด็จไปถวายการบรรยายด้วย โดยทรงใช้เวลาในช่วงกลางคืน 3-4 ชั่วโมง ศึกษาเล่าเรียนอย่างตั้งพระทัย และแม้พระองค์จะทรงได้รับศักย์การบินเป็นกัปตันโบอิ้ง 737-400 อย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม แต่ก็ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะทำการฝึกบินต่อไป เพื่อให้ทรงมีมาตรฐานเดียวกับกัปตันของการบินไทย ด้วยเหตุนี้ ครูการบินจึงได้จัดหลักสูตรถวายเพิ่มเติม โดยใช้เครื่องบินพระที่นั่ง “บ.ล.11 ข มวก.1/38 หมายเลข 11-111” เป็นหลัก เริ่มจากการบินเส้นทางใกล้ๆเพื่อทำความคุ้นเคยกับเส้นทางบิน จากนั้นจึงทรงทำการบินขึ้นลงที่สนามบินในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งทรงฝึกบินด้วยเทคนิคต่างๆเพื่อสะสมประสบการณ์ด้านการบิน

    เพื่อให้การฝึกบินมีความสมจริงที่สุด ภายในระยะเวลาการฝึกที่ค่อนข้างจำกัด สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงให้ครูการบินสมมุติสถานการณ์ต่างๆขึ้น เช่นกรณีมีสภาพอากาศแปรปรวน หรือมีข้อจำกัดทางการบิน ส่งผลให้การฝึกบินมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาเพียง 2 ปี ก็ทรงสามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ทางการบินได้เทียบเท่านักบินของการบินไทย ที่ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี กว่าจะสั่งสมประสบการณ์ถึงขีดความสามารถเดียวกัน!!

    สำหรับการบินไปยังสนามบินต่างประเทศนั้น นอกจากจะทรงทำการฝึกตามหลักสูตรแล้ว ยังได้ทรงขับเครื่องบินเสด็จฯไปเป็นผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสต่างๆด้วย รวมถึงการเสด็จฯไปพระราชทานสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ ณ กรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน และทรงฝึกบินเพิ่มประสบการณ์ไปยังกลุ่มประเทศใกล้เคียง เช่น ประเทศสิงคโปร์, บรูไน, จีน และเวียดนาม

    ครูการบินที่ถวายงานทั้ง 2 นาย เล่าว่า “ทรงมีวินัยในการฝึกบินอย่างยิ่ง ในบางสถานการณ์จะทรงปรึกษาครูการบิน และจะทรงปฏิบัติตามคำแนะนำโดยเคร่งครัด เช่น กรณีของสภาพอากาศ หากพิจารณาถึงการขึ้นลงของเครื่องบินขับไล่แล้ว อาจไม่เหมาะสมนัก แต่สำหรับเครื่องบินโดยสารแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่จะทำการบินขึ้นลงได้ ครูการบินได้ถวายคำแนะนำแล้ว จะทรงทำการบินเข้าสู่สนามบินนั้นทันที”

    ตลอดระยะเวลาที่ทรงทำการบินนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงมีพระราชประสงค์จะทำการบินให้ได้ประโยชน์และถูกต้องที่สุดในทุกเที่ยวบิน ถึงแม้ในการบินทั่วไป ความผิดพลาดหรือหลงลืมเล็กๆน้อยๆ จะเป็นธรรมดาของนักบินทุกคน ดังนั้น ในเครื่องบินโดยสารทุกวันนี้ จึงใช้นักบิน 2 คน ทำงานร่วมกัน เพื่อคอยตรวจสอบซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ดี พระองค์ท่านจะทรงพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ เกิดข้อผิดพลาดเลยแม้แต่น้อย

    จนถึงทุกวันนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ยังทรงทำการฝึกบินอยู่เป็นประจำเกือบทุกวัน โดยมักจะทรงใช้เวลาช่วงเย็น โดยเมื่อเสด็จฯมาถึงอาคารทรงงานหน่วยบินเดโชชัย 3 จะเข้ารับถวายการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสภาพอากาศ และประกาศผู้ทำการในอากาศ จากนั้น จะเป็นแผนการบินประจำวัน วัตถุประสงค์ของการบิน โดยใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นจะเป็นภาคการบิน โดยทรงทำการบินไปยังสนามบินต่างๆ ตามแผนการบินที่ได้วางไว้ราว 3-4 ชั่วโมงในแต่ละวัน เมื่อสิ้นสุดการฝึกแล้ว จะทำการแถลงย่อการบิน โดยทรงซักถามข้อสงสัยต่างๆ จะศึกษาจากประสบการณ์และข้อผิดพลาด โดยทรงจดบันทึกอย่างละเอียดเก็บไว้ในแต่ละวัน พระองค์ทรงจดจำแม่นยำมากว่า เคยทรงทำการฝึกอะไรไปแล้วบ้าง และได้ปรับปรุงไปอย่างไร เรียกได้ว่าทรงรักการบินเป็นชีวิตจิตใจ โดยทรงให้เวลากับการฝึกประมาณครั้งละ 4 ชั่วโมง นับถึงปัจจุบัน ทรงมีชั่วโมงบินรวมเฉพาะแบบกับเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ประมาณ 1,700 ชั่วโมง และจำนวนเที่ยวบินขึ้นลง 2,400 เที่ยว และล่าสุดได้เสด็จฯไปทรงฝึกบินเครื่องบินโบอิ้ง ที่ประเทศสวีเดน

    ไม่เพียงแต่จะทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านการบิน ทั้งอากาศยานทางทหาร และอากาศยานพาณิชย์ แต่ยังทรงมีพระวิริยะอุตสาหะ และความมุ่งมั่น ที่จะทรงใช้ความเป็นนักบินให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาราษฎร์ด้วย อย่างเมื่อครั้งเกิดเหตุภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อเดือน ธ.ค.2547 ทันทีที่ทรงทราบข่าว พระองค์ท่านก็ทรงขับเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 เสด็จฯไปยังสถานที่เกิดเหตุโดยเร็ว เนื่องจากทรงเป็นห่วงเป็นใยผู้ประสบภัยพิบัติเป็นอย่างยิ่ง นับเป็นน้ำพระทัยอันน่าปลื้มปีติ สมดังที่ทรงเป็นแบบอย่างของปวงชนชาวไทย!!
     
    Last edited: 28 Jul 2015
    Alamos, Anduril และ อู๋ คาลบี้ ถูกใจ
  3. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
    ขอถวายพระพร
     
    Alamos, Anduril และ ctpk05 ถูกใจ
  4. อู๋ คาลบี้

    อู๋ คาลบี้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    12,204
    T0004_0016_01.jpg

    วันอังคารที่ 31 ธันวาคม 2517 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระราชทานพรปีใหม่แก่พสกนิกรทั่วพระราชอาณาจักร ทางสถานีวิทยุ และ สถานีวิทยุโทรทัศน์

    http://oldwebsite.ohm.go.th/searchsheetlist_en.php?get=1&offset=35000

    ทรงพระเจริญ
     
    Last edited: 28 Jul 2015
    Alamos, Anduril และ ctpk05 ถูกใจ
  5. Anduril

    Anduril อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    4 Jun 2015
    คะแนนถูกใจ:
    5,268
    ทรงพระเจริญ
     
    Alamos และ ctpk05 ถูกใจ.
  6. Anduril

    Anduril อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    4 Jun 2015
    คะแนนถูกใจ:
    5,268
    11816949_703475179756624_2115464992253393446_n.jpg
    11760048_703474453090030_2203805545835377170_n.jpg
    สำนักข่าวไทย
    พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำประชาชนประกอบพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัย เนื่องในงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 63 พรรษา 28 กรกฎาคม 2558 ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง แสงเทียนสว่างไสวด้วยหัวใจที่จงรักภักดี
     
    Alamos, อู๋ คาลบี้ และ ctpk05 ถูกใจ
  7. อู๋ คาลบี้

    อู๋ คาลบี้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    12,204
    ctpk05 likes this.
  8. เช้าเม็ด..เย็นเม็ด

    เช้าเม็ด..เย็นเม็ด อำมาตย์ฝึกงาน

    สมัคร:
    20 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    362
    ทรงพระเจริญ
     

Share This Page