สถานการณ์ล่าสุดหลังไอ้เจี๊ยวสัมผัส ประสาทหลอนบอกปู่พ่องหาว่าลบหลู่... ปู่พ่อง...มานี่มาม๊ะๆๆ แฟร๊ดดดดแฟ๊... ม๊าๆๆ
"ธุดงควัตร์" คือข้อวัตรปฏิปทาเพื่อการหลุดพ้นแบบ "เข้มข้น" การ "จาริก" คือการออก "แสวงหา" สถานที่วิเวกเหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม... ไม่มีตรงไหนที่เกี่ยวข้องกับการโปรดสัตว์ การประกาศพระศาสนา การถวายทาน การอนุโมทนาจิต หรือข้ออ้างใดๆที่มาเดินบนกลีบดอกไม้ให้ชาวบ้านส่วนใหญ่เค้าด่าโคตรพ่อล่อแม่เล่น... ... มันคือการประพฤติ, ปฏิบัติตามปฏิปทา "เฉพาะตน" เพื่อ "ตน" ทั้งสิ้น จะเกี่ยวข้องกับการอนุโมทนาของเหล่าสาธุชนก็เพียง... เห็นซึ่งวัตรปฏิบัติอันงดงาม และสำรวมอย่างยิ่งเยี่ยงนั้น... แค่นั้นเอง... ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเดิน กับดอกไม้ กับความใจกว้าง ใจแคบของการมองเลย... ... บิดเบือน สร้างความแตกแยกให้เห็นชัดเจนขึ้นทุกวันๆ... แล้วมันจะไม่ใช่ "นรก" ไม่ใช่ "อนันตริยกรรม" ได้อย่างไรหนอ???
ที่มาของ "ใบไม้ในกำมือ" "ใบสีสปาในป่า"... ที่พวกเดียรถีย์ นอกรีตชอบอ้างตัวกันว่าเป็นวิชาที่พระศาสดาไม่ได้บอกสอนไว้... พระศาสดาตรัสไว้ชัดๆ... สิ่งที่เปรียบดังใบไม้ในกำมือพระองค์... "นั่นคือปฏิปทาเพื่อการหลุดพ้น เพื่อนิพพานที่กล่าวไว้ครบถ้วนดีแล้ว" ใบไม้นอกกำมือคือวิชาทางโลก ที่ไม่ได้เป็นหนทางสู่นิพพานได้... จึงไม่กล่าวถึง... ... พวกชอบพูดแบบกั๊กๆ ทำแบบลับลมคมใน ให้ดูขลังก็เข้าคำพระศาสดา... อวิชา ไสยศาสตร์ เดรัจฉานวิชา... ปิดบังไว้ยิ่งรุ่งเรือง เปิดเผยไม่รุ่งเรือง... ... คำตถาคตเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง... ปิดบังไว้ ไม่รุ่งเรือง...
ตราบใดคนยังมีความละอาย ความเกรงกลัวต่อบาป ตราบนั้นยังพอหวังได้ว่าพระธรรมคำสอนยังดำรงอยู่ ทุกวันนี้เริ่มมีการผิดเพี้ยนจนวิปริต เหตุเพราะผู้มีหน้าที่กระทำตนให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ปล่อยปละละเลย เห็นแก่อามิส ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือกลายเป็นตัวปัญหาในการเบียดบังทรัพย์ของแผ่นดิน การเข้มงวดใน พระธรรมวินัยแก่คณะสงฆ์เป็นสิ่งพึงกระทำ ยิ่งสงฆ์ระดับใหญ่มากขึ้นต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่าง คำว่า หิริ โอตัปปะ เป็นธรรมคุ้มครองโลก เป็นจริงตามพระตถาคตกล่าวไว้ทุกประการ
มนุษย์ชอบไปกราบไหว้เทวดา ว่าสูงส่งกว่า... ดูเสียว่า พระศาสดาตรัสบอก... ขนาดราชาแห่งเทวดาทั้งมวล... ไหว้ใคร...