“สุดารัตน์” แถลงทั้งน้ำตา! ยอมรับผิด เผยพลาดเผลอขึ้นรถที่มีสติ๊กเกอร์ชื่อตัวเอง เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 16 ต.ค. ที่ร้านกาแฟ ซ.ลาดปลาเค้า 60 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมคณะกรรมการจัดงานดอกดาวเรืองแทนใจชาวลาดปลาเค้า แถลงกรณีกระแสในโซเชี่ยลเผยแพร่ภาพคุณหญิงสุดารัตน์ขึ้นรถแห่เชิญชวนประชาชนถวายดอกดาวเรือง เพื่อใช้ในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งอาจมีความไม่เหมาะสม โดยคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า กิจกรรมนี้เริ่มตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้ว โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งชุมชน วัด โรงเรียน โบสถ์ เริ่มตั้งแต่ปลูกโดยตั้งใจว่าอยากถวายความอาลัยเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อตัวแทนชุมชนมาหารือ ตนเห็นด้วยกับการจัดกิจกรรมทั้งหมด 9 ซุ้ม 9 ธีม ซึ่งรวมพระราชกรณียกิจมาแสดง และให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรม ระหว่างวันที่ 13-15 ต.ค.ไม่รวมกับการปลูกดอกดาวเรืองที่เริ่มกันมาก่อนหน้านี้ 3 เดือน อย่างไรก็ตาม วันสุดท้ายเราจะมีการรวบรวมดอกดาวเรืองจากพื้นที่ต่างๆ เราจึงจัดเป็นริ้วขบวน ตนกับคณะกรรมการก็ขึ้นรถคันโน้นบ้าง คันนี้บ้าง เพื่อเคลื่อนไปรับดอกดาวเรืองจากซุ้มต่างๆ เป็นกิจกรรมที่เราเตรียมและจัดขึ้นด้วยหัวใจจริงๆ ตนเสียใจที่มีการเอาภาพไม่กี่ภาพที่เห็นโดยไม่ได้เห็นภาพรวมทั้งหมดมาเป็นประเด็น ขอกราบขอโทษคณะกรรมการทุกคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดข่าวแบบนี้ขึ้น และขอยืนยันว่ารถที่เห็นไม่ใช่รถหาเสียง แต่เป็นรถที่ใช้รวบรวมดอกดาวเรืองจากซุ้มต่างๆ และรถมอเตอร์ไซค์ก็เป็นรถอาสาสมัครที่ไม่ใช่รถตำรวจ ซึ่งเข้าร่วมขบวนเพื่อคอยอำนวยความสะดวก คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวทั้งน้ำตาคลอพร้อมสะอื้นเป็นระยะว่า ถึงตนจะเป็นนักการเมือง แต่ความเป็นนักการเมืองไม่ได้หมายความว่าจะแสดงความรู้สึกในฐานะคนไทยไม่ได้ ตนก็เป็นคนหนึ่งที่รักและเทิดทูนในหลวงรัชกาลที่ 9 และจากการที่ได้ทำงานสนองเบื้องพระยุคลบาท หากการทำงานในอาชีพหนึ่งแล้วบอกว่าอาชีพนั้นไม่สามารถแสดงความจงรักภักดีได้ ตนไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้น พ่อตนสอนมาตลอดว่าต้องมีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน เพราะพระองค์ท่านทรงงานหนักเพื่อชาวไทยทุกคน ดังนั้นตลอด 365 วันที่ผ่านมาตนทำกิจกรรมหลายอย่างมาก เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เช่น การจัดสวดมนต์ ทำโครงการชวนเด็กๆ มาประกวดเรียงความ ภาพวาด จัดบวชพระ ทั้งหมดที่ทำในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทำให้ตนได้อยู่ในแผ่นดินนี้อย่างมีความสุข แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นตนก็เสียใจ บางท่านนำรูปมาเขียนด้วยความรู้สึกของท่าน โดยที่ท่านไม่ได้อยู่ในงาน ยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาและไม่มีความรู้สึกเลยว่าจะเอาการเมืองเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ ป้ายที่ติดตามถนนไม่มีชื่อตนสักชื่อ กรรมการจะให้ใส่ชื่อตน ตนก็บออกไม่ใส่ มาพลาดตรงที่ตนขึ้นรถคันดังกล่าวซึ่งเป็นรถเก่าที่ตนใช้ตั้งแต่การทำกิจกรรมมูลนิธิไทยพึ่งไทย ซึ่งมีสติ๊กเกอร์ชื่อตนติดอยู่ โดยคณะกรรมการไม่ได้มีการปิดสติ๊กเกอร์ทับ “ขอโทษประชาชนที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ดิฉันขอยืนยันว่าไม่มีจุดมุ่งหวังเพื่อการเมืองใดๆ และไม่มีการเอาเรื่องนี้มาหาผลประโยชน์ ดิฉันต้องกราบขออภัยที่ทำให้ทุกฝ่ายไม่สบายใจ ดิฉันขอยืนยันเจตนาว่าทั้งชีวิต สิ่งที่ได้รับจากพระมหากรุณาธิคุณ ก่อนการถวายพระเพลิงฯ อะไรที่ทำได้เราก็ทำ โดยไม่ได้คิดว่าเป็นประโยชน์ทางการเมือง แม้ดิฉันจะเคยเป็นนักการเมือง แต่ดิฉันทำในฐานะคนๆ หนึ่งที่รักพระองค์ท่าน ดิฉันไม่มีเจตนาใดๆ ที่คิดเป็นอย่างอื่น และเราทำกิจกรรมนี้ด้วยหัวใจ ดิฉันไม่เคยปลูกต้นไม้ แต่ดิฉันภูมิใจที่ได้ปลูกต้นไม้ 4 หมื่นกว่าต้นออกมาได้อย่างงดงาม ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการนำภาพบางภาพไปโยงในลักษณะนั้น หากผิดพลาดประการใด ดิฉันก็กราบขอโทษ และขอน้อมรับผิดจากใจ” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว เพิ่มเติม.. https://www.khaosod.co.th/politics/news_573601
แก่เฒ่ามาจนหงอกขึ้นทั้งบนล่าง มีหรือจะไม่เข้าใจข้อควรปฏิบัติ ทีมงาน กุนซือที่คอยดูแลเรื่องการสร้างภาพก็น่าจะมี ไม่มีใครทักเลยสักคน มันเป็นไปไม่ได้ อีกอย่าง สติกเกอร์แปะอยู่บนหลังคารถ ไม่คิดเอาออก? สติกเกอร์โดยมาก ถ้าเป็นแบบนี้ น่าจะเป็นภาพที่เป็นงาน inljet ซึ่งหมึกปรินท์พวกนี้ อายุการใช้งานจำกัด โดยมาก รับประกันไม่เกิน 1 ปี เพราะเป็นการใช้งานชั่วคราว ไม่มีใครลงทุนปรินท์ด้วยหมึกทนร้อยปีไปได้หรอก ดังนั้น ถ้ารถคันนี้ถูกใช้ในกิจกรรมเก่ามาจริง น่าจะสีซีดลงไปเยอะแล้ว ไม่สีสวยสดอยู่ได้ขนาดนี้เป็นแน่ ตอแหลลงตับแล้วจริงๆ ---------------- อาจารย์ท่านหนึ่งของผม ท่านชื่อ อาจารย์สนั่น รัตนะ ครูชำนาญการพิเศษ วิทยาลัยช่างศิลป เป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบฉากบังเพลิงพระเมรุมาศ ท่านก็ออกประกาศในเฟสบุคของท่าน และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสานุศิษย์ของวิทยาลัยช่างศิลป เพื่อเชิญชวนจิตอาสา ที่มีฝีมือทางสายงานจิตรกรรมไทย มาร่วมกันเขียนภาพฉากบังเพลิงขนาด 3 x 12 เมตร 2 ผืน ไม่ทันข้ามวัน บรรดาศิษย์เก่าหลายท่าน ก็มาแสดงตัวสมัครกันเข้ามาร่วมทำงาน การมาร่วมทำงานในที่นี้ คือการมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันประมาณ 90 วัน ที่สำนักช่างสิบหมู่ นครปฐม เพื่อนของผมท่านนึง ทิ้งบ้านและแมวมาจากเชียงใหม่ ร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ หรือบางคน ทิ้งงานทิ้งการมาจากพังงา ตั้งใจจะมาช่วยได้แค่ 10 วัน เท่าที่สามารถทำได้ แต่ก็อยู่กันจนจบไปเหมือนกัน 1 ในศิลปินที่มาร่วมกันเขียนฉากบังพระเพลิงคนสำคัญอีกคน ที่บางท่านอาจไม่รู้ คือท่านชวน หลีกภัยครับ ผมไม่แน่ใจว่า ท่านจะเป็นศิลปินที่อายุมากที่สุดในกลุ่มหรือไม่ด้วยซ้ำ เข้าใจว่า ตอนที่ท่านมา ท่านคงไม่ได้ขึ้นรถแห่แปะป้ายชื่อชวน หลีกภัยมาอย่างแน่นอน สุดท้าย ในยามพ้นจากพระราชพิธี พระเมรุมาศจะยังเปิดให้ประชาชนเข้าเยี่ยมชมอีกประมาณ 1 เดือน อาจารย์สนั่นยังพูดว่า จะอยู่คอยอธิบายภาพพระราชกรณียกิจในฉากบังพระเพลิงให้ประชาชนผู้เข้าร่วม จนจบครบวันครับ http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/777239 ----------------- คนเรา ถ้าตั้งใจทำดี ผมเชื่อว่า เจตนารมณ์ที่ดี จะทำให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องได้ในที่สุด แต่คนเหี้ยๆ บางกลุ่ม ที่มีบางอย่างแอบแฝง ความเหี้ยของสิ่งที่มีเจตนา มันจะส่อสื่อออกมาให้คนเห็นกันได้ไม่ยาก อีสาระเลวคนนี้ก็เช่นกันครับ
เพื่อทุยเละตุ้มเป๊ะ ! เสื้อแดงบอกช่วงนี้ "หญิงหน่อย" พลาดถูกโจมตีหนัก จึงขอให้กองเชียร์ช่วยกันหนุน "หมวดเจี๊ยบ" เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแทน เพื่อท้าชิงตำแหน่งนายกฯ คนต่อไป...
ตั้งใจมากกกกกกกกกกกก อียิงลูกเข้าประตูได้แล้ว คิดว่าจะทำคะแนนนำ ที่ไหนได้ กลายเป็นยิงเข้าประตูตัวเอง ฆ่าตัวตายไปแล้วเรียบโร้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
พรรคนี้พยายามจะฝันให้มี นารีขี้ม้าขาว ให้ได้ แต่นารีแต่ละนางที่มีสงสัยต้องหันไปขี่กองเชียร์กันเอง เสียดายไม่มีภาพปลากรอบ นารีขี่ควาย......
เธอเล่นได้หลายบทครับ ผมจำได้ว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ปีหนึ่ง ตอนนั้นทางแก๊งค์ทักษิณกวาดสส.กทม.ได้เกือบหมด เจ๊แกออกอากาศขู่คนกรุงเทพฯเลยนะครับ เธอประกาศว่าสส.กทม.เกือบทั้งหมดอยู่ในมือเธอ ถ้าคนกรุงเทพฯเลือกผู้ว่าฯจากพรรคอื่น ผู้ว่าฯคนนั้นจะล้มเหลวเพราะจะไม่ได้รับความร่วมมือใดๆจากสส.ในสังกัดของเธอ ความจริงน้ำเสียงและถ้อยคำไม่ได้ข่มขู่ก้าวร้าวมากเท่าใดแต่ตีความแล้วเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผล......... แก๊งค์ทักษิณแพ้เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เหมือนเคย
http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/642896 จาก“ลาดปลาเค้า” ถึง “ลำลูกกา” นักการเมืองก็คือคนไทย ที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงมีอดีต ส.ส.ทุกพรรค ทุกจังหวัดที่ร่วมกิจกรรมการปลูกดอกดาวเรืองมาตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา อย่าง “เกียรติศักดิ์ ส่องแสง”อดีต ส.ส.ปทุมธานี พรรคประชาธิปัตย์ เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำโครงการ “ปลูกดาวเรืองเพื่อพ่อ” ในงานวันแม่ 12 ส.ค.ที่แล้วมา โดยเตรียมต้นกล้าดาวเรือง 2 หมื่นต้น ให้ชาวคูคต ,ลำสามแก้ว ,ลาดสวาย ,บึงคำพร้อย และลำลูกกา มาร่วมกันปลูกที่เลียบคลอง 3 ฝั่งตะวันตก ย่านลำสามแก้ว โดยหวังจะให้บานสะพรั่งราวต้นเดือน ต.ค. วันที่ 1 ต.ค.2560 เกียรติศักดิ์ ส่องแสง นัดหมายประชาชน นำดอกดาวเรืองเหล่านี้ไปประดับตามซุ้มสองข้างทาง โดยกำหนดไว้สองจุดคือ ปากทางลำลูกกา ใกล้สนามกีฬาธูปะเตมีย์-อนุสรณ์สถาน และจุดที่สองคือ ปากทางถนนไสวประชาราษฎร ลำลูกกา คลอง 4 ขบวนแห่ดอกดาวเรืองของชาวลำลูกกา ก็ใช้รถปิกอัพวิ่งไปแถวทิว รวมถึงรถปิกอัพที่ชื่ออดีต ส.ส.ติดหราอยู่ข้างประตูรถ จริงๆแล้ว สิ่งที่ “คุณหญิงหน่อย” ทำในเขตลาดปลาเค้า กับอดีต ส.ส.เกียรติศักดิ์ ลงมือทำที่อำเภอลำลูกกา ก็เป็นเรื่องเดียวกัน ต่างแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเคารพยิ่ง เพียงแต่อดีต ส.ส.ลูกอีสาน ที่มาประสบความสำเร็จแถวขอบกรุง ไม่ได้มีบทโอเวอร์แอ็คชั่น จึงไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “โหนกระแส” ตรงข้ามกับคุณหญิงหน่อย ที่ในชั่วโมงนี้ ตกเป็นข่าวว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทุกย่างก้าวล้วนมีคนจับจ้อง ที่สำคัญ วันที่ทำกิจกรรมมอบดอกดาวเรือง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ มิได้นัดหมายสื่อไปทำข่าว ผิดกับฝ่ายคุณหญิงหน่อย ที่มีกองทัพสื่อมาช่วยกันโปรโมทกันพร้อมเพรียง ภาพคุณหญิงหน่อยขึ้นรถแห่ ก็มาจากภาพข่าวทีวีช่องหนึ่ง ที่นำเสนอข่าวกิจกรรมประดับดาวเรืองของชาวลาดปลาเค้าแบบเต็มๆ เพียงแค่ขึ้นรถผิดคัน คุณหญิงก็ตกอยู่ในสถานการณ์ “กิ้งกือตกท่อ” ไปโดยพลัน
คนนีงช่วยปลูก ตั้งแต่เดือน กค. แล้วนัดกันเอาไปวางไว้ตามสถานที่ต่างๆ อีกคนนีง เพิ่งจะมาชวนชาวเมืองปลูกดอกดาวเรือง โดยมีรถเจ้าหน้าที่ขี่มอเตอร์ไซค์กระหนาบข้างเป็นขบวน และไม่มีเห็นมีดอกดาวเรืองบนรถสักต้น แต่รออีกสักพักเดี๋ยวทีมงานคงจะตัดต่อเอาต้นดาวเรืองใส่กระบะแน่ๆ http://www.komchadluek.net/news/people/299437 "นักการเมืองก็คือคนไทย ที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 ฉะนั้น จึงมี อดีต ส.ส.ทุกพรรค ทุกจังหวัดที่ร่วมกิจกรรมการปลูกดอกดาวเรืองมาตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา " ต่างจาก“คุณหญิงหน่อย” ขึ้นรถโบกมือหยอยๆ ชวนชาวบ้านชาวเมืองปลูกดอกดาวเรือง ว่ากันตามจริง ประเด็นคุณหญิงหน่อยนั้น เป็นเรื่องของกาลเทศะ ความควรไม่ควรเท่านั้นเอง ดังคำพระที่ว่า “วิญญูชนย่อมประพฤติตนอยู่ในกาลเทศะ รู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควรทำ”
คุณประวิทย์เขาพูดว่ายังไงจ๊ะ 1.ห้ามมีชื่อติด 2.ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง สรุปคือ เขาไม่ให้มีชื่อติด 2.ทำได้แต่ควรปิดทองหลังพระ ไม่มีลำโพง ไม่มีขบวนรถ ที่จริงก็ไม่ควรลงภา่พถ่ายด้วย เหมือนทำงานเอาหน้า เกาะกระแส อย่างนี้หาเสียงทางอ้อมก็ว่าได้ จะเอียงข้างก็ให้มันแมนๆหน่อยๆ อายเพศสตรีเขา
เรื่องนี้ผมไม่เข้าข้างสิ่งที่ ปชป ทำหรอกครับ... แต่ยกมาให้เห็นว่ามันต่างกันมากน้อยยังไง ถ้าจะเอามาเทียบกัน เพียงแต่อดีต ส.ส.ลูกอีสาน ที่มาประสบความสำเร็จแถวขอบกรุง ไม่ได้มีบทโอเวอร์แอ็คชั่น จึงไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า “โหนกระแส” ... ที่สำคัญ วันที่ทำกิจกรรมมอบดอกดาวเรือง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ มิได้นัดหมายสื่อไปทำข่าว ผิดกับฝ่ายคุณหญิงหน่อย ที่มีกองทัพสื่อมาช่วยกันโปรโมทกันพร้อมเพรียง
อุทาหรณ์สอนใจสำหรับกรณีหญิงหน่อยก็คือ.................................... "บางทีสื่อฯรับจ้าง ทั้งที่ทำตามที่รับค่าจ้างมาอย่างเต็มกำลัง ก็สามารถทำให้นายจ้างพังได้เหมือนกัน"