อาจานแก"ห้อย"อยู่ตรงกลางครับ อย่าปรักปรำ ผศ.ดร.เจษฎา เดือนเด่นบริพันธ์ (ผู้จัดการพิมพ์นามสกุลผิด) “ผมไม่ชอบทักษิณและผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายและการดำเนินงานที่ผิดพลาดบางเรื่อง แต่ก็เห็นด้วยและชื่นชมกับบางเรื่อง ผมเป็นกลุ่มขั้วที่ 3 อยู่ตรงกลาง มีวิธีการต่อสู้ ต่อต้านรัฐบาล แต่ไม่มีที่ให้เรายืนและเราไม่อยากเห็นสงครามกลางเมืองเหมือนบังกลาเทศ” เราต้องการสร้างกลุ่มขั้วที่ 3 ซึ่งมีทั้งคนที่เชียร์รัฐบาลและคนที่ต่อต้านรัฐบาล แต่ไม่อยากร่วมกับม็อบ เพราะไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายใดก็จะมีกระบวนการล้างสมองของประชาชน ดังนั้นจึงไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น ปัญหาคือคนไทยไม่คุ้นชินกับการเมือง 2 ขั้วเหมือนในสหรัฐฯ ที่ฝ่ายหนึ่งทำไม่ถูกต้องก็ใช้การเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เรื่องเหล่านี้เราต้องเรียนรู้ เพื่อให้ได้ฝ่ายค้านที่เข้มแข็งและฝ่ายค้านก็ต้องพัฒนาตนเองด้วยเช่นกัน เมื่อตอนที่มีการต่อต้านพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ผมก็เข้าร่วม ครั้งนั้นเมื่อรัฐบาลลาออกแล้วหากมีการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ก็จะได้เสียงข้างมาก จริงๆ แล้วดีที่สุดของทางออกคือต้องมาเจรจากัน การเลือกตั้งคือทางออกที่ถูกต้อง หากเปิดให้มีการเลือกตั้งอาจจะมีข้อตกลงกันว่าเลือกตั้งใน 1 ปี ระหว่างนี้ทั้ง 2 ฝ่ายต้องมาเจรจากันแล้วหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อเปิดให้มีการเลือกตั้งในปี 2558 เมื่อสอบถามถึงกลุ่มดังกล่าวมีอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงเข้ามาร่วมในงานวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา ดร.เจษฎากล่าวว่า ผมได้พบกับผู้จัดงาน เราเตือนเขาเรื่องคนเสื้อแดงหรือคนจากฝ่ายรัฐที่ขึ้นมาพูดแสดงความคิดเห็น http://manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9570000002310
เห็นใจผมด้วยครับ รัฐบาลประชาธิปไตยประเทศผมส่งเสริมให้ประชาชน ติดตามข่าวสารจากรัฐบาลเท่านัน้ครับ Facebook, Twitter, IG จากประเทศ รัฐบาลประชาธิปไตยไม่ส่งเสริม
ถามจริง ๆ ควายนับถือศาสนาชินวัตรทุกตัวมั้ย ที่คิดว่าการหาจุดอับกล้องวงจรปิดเป็นเรื่องยากราวกับการบรรลุโสดาบรรณ
อ.เจษฎา คนดังห้องหว้ากอ ประมาทไปหน่อย เลยเจอเพจดัง กระซวกยับ กระทู้คำถาม นักวิทยาศาสตร์การเมือง ขบวนการเสรีไทยเฟซบุ๊ค ยิ่งคอมเม็นในเพจแล้ว ไม่เหลือซาก.. คือมีอาจารย์นักวิทย์ชื่อดังคนนึง เรื่องการพิสูจน์วิทยาศาสตร์นั้นก็คงทำให้แกเป็นที่ยอมรับกัน แต่ด้วยความที่แกคงมีอคติบางอย่างในด้านการเมือง พอหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวพาดหัวถูกจริตแก ก็อยากจะแสดงความคิดเห็นเหมือนจะโชว์ภูมิอะไรบางอย่าง โดนเขียนชี้นำไปว่าไอ้พวกนี้มันรู้ข้อมูลกล้อง กทม.ดี ก็คงเพื่อให้คนคิดไปว่า มันต้องเป็นคนของรัฐแน่ๆ โถว ..... แกคงลืมนึกไปว่า การที่รัฐไม่มีกล้อง ไม่ได้แปลว่าเอกชนไม่มีกล้องนะฮะ เพราะตรงนั้นเป็นที่เอกชน แล้วมีกล้องอยู่แล้ว กทม.ก็เอากล้องไปติดไม่ได้ ล่าสุดตำรวจจะออกหมายจับแล้ว จากหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดนี่แหละ พอมีคนเข้าทักท้วง ไปวิจารณ์แก เอาหลักฐานไปยันมากๆเข้า ก็เลยลบเม้นท์ไปแล้วจ้า ตาสว่างวาบๆกันเลยทีเดียว ...
จบ ดร. ส่วนใหญ่มันก็เชี่ยวชาญในสายงานของตัวเอง แต่ถ้าแสดงความเห็นข้ามสายงานก็อาจเป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งสู้ไม่ได้แม้เด็ก ป.ตรีปี 1 ในสายงานนั้น ทำให้นึกถึงด็อกโสคนหนึ่งเลยแฮะ
กล้องวงจรปิด ที่ส่วนบุคคลหรือที่เอกชนก็ติดได้นี่ มีขายตามร้าน ติดตั้งไว้สอดส่องดูสถานการณ์ความปลอดภัย ไม่ได้มีแค่ที่สาธารณะ ระดับดอกเตอร์ ถ้าไม่โง่จริงก็แกล้งโง่เพื่อหลอกให้คนอื่นโง่ตาม
สงสัยที่ ดร. แกบอกว่าการเมืองมี 2 ขั้ว แต่เราไม่คุ้น แกเลยเสนอ ขั้วที่ 3 คือ ใครชนะกูอยู่ด้วย มันจะเหมือนต้นอ้อลู่ไปตามลมนะครับ ทำไมเราไม่คิดถึงความถูกต้องก่อนครับ จะยาก จะเจ็บ จะลำบาก แต่ความถูกต้องต้องมาก่อน
วิธีการทำตัวให้เด่นให้ดังแบบง่ายๆ มี 2 วิธี ***ทำตัวสุดโต่ง ขวางโลก หลุดโลก ***ออกมาแสดงความเห็น แบบคนคาดไม่ถึงว่าจะโง่ ได้ขนาดนี้
เอาไปเลยตำแหน่ง ด๊อกโสมม คนกางจัญไร เบอร์ 2 โปรดมารับหนังสือแต่งตั้งและเทียน 1 เล่ม เอาไปจุดเทียนเวียนวนเผาขนตูด ตัวเองได้เลยฮะ