ตอนนี้แถวบ้านผม พวกงัดแงะ อาละวาดหนักแล้วอะครับ เครื่องมือทำมาหากิน เตาแก๊ส กะละมัง ของขบเคี้ยวในตู้แช่ เก่าใหม่ไม่สำคัญ มีเวลาเยอะก็ขนจนหมด(กรณีเจ้าบ้านไปต่างจังหวัด)
งานวิจัยชี้ทรัพย์สินมากกว่าครึ่งโลกกระจุกอยู่ในมือเศรษฐี 1% http://www.isranews.org/thaireform-news-economics/item/35965-oxfam.html
เมื่อตอนเย็นคุยกะเพื่อนข้างบ้าน ตะแกเป็นผจก.ธ.กรุงเทพ ตะแกบอกลูกหนี้เริ่มมีปัญหา ผ่อนจ่ายไม่เต็มจำนวน ขอยืดระยะเวลา ขอจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย ฯลฯ
การแก้ปัญหาของ คสช น่าจะได้ผลระดับหนึ่งแต่ยังไม่ก้าวไม่ถึงปัจจัยดูดทรัพย์จากกระเป๋าประชาชน ที่น่าสนใจคือ การสร้างกำลังซื้อของรากหญ้าที่เป็นตัวกระจายเม็ดเงิน ธุรกิจบางตัวสร้างปัญหาต่อเนื่อง เช่นการอนุมัติบัตรเครดิตให้บุคคลง่ายไปเพื่อกินดอกหรือค่าโง่ของลูกค้า ธุรกิจหลอกลวงเพื่อฉ้อฉลทรัพย์ การจัดการธุรกิจที่แอบหาเศษเลยเช่นนี้ควรจะควบคุมให้อยู่ในระดับสนับสนุนกลไกก้าวเดินของประเทศ น่าจะเป็นหนทางที่ไปกันได้ทุกฝ่าย การลดการผูกขาดทุนไทยเป็นเงื่อนอีกเปลาะที่ช่วยได้ เช่นกรณีขาย ปตท ให้กลุ่มทุนต่างชาติเมื่อรัฐซื้อคืนเมื่อมีสัดส่วนเกินครึ่ง การลดราคาน้ำมันก็สามารถทำได้ง่าย ควรทำเช่นนี้กับกลุ่มทุนผูกขาดประเทศไทยทุกกลุ่ม เพื่อให้รัฐสามารถใช้กลไกนี้ในการกำหนดราคาที่เหมาะสม
ปีก่อน57ก็ลำบากกันทั้งปี เพียงแต่ว่าประคับประคองธุระกิจไว้ ด้วยเงินตัวเองบาง ยืมบาง นานเข้าก็จ่ายช้า นี้ก็จะเข้าขั้นชำระเฉพาะดอกเบี้ยละ เดียวนี้การแข่งขันในธุระกิจยากมากขึ้น เพราะตัวเล่นเพิ่มมากขึ้น ใครๆก็โดดเข้ามาลองกัน แต่ผู้ซื้อเท่าเดิม (แล้วมีแต่วันจะลดลง) แรกๆคนโดดเข้ามาใหม่จะค่อนข้างดี แต่พอเจอคนใหม่กว่า ก็เริ่มลำบาก นานๆเข้าสายป่านก็ขาดเก็บเสื่อไป เดียวนี้กำลังซื้อก็อ่อนแรง ตกลงมาก เพราะมีภาระเรื่องการผ่อนหนี้และค่าใช้จ่ายต่อเดือนมากขึ้น อีกทั้งการมีวันหยุดยาวๆติดต่อกัน3-ถึง5วันบ่อย ทำให้คนใช้เงินในการเดินทางกลับบ้านและท่องเที่ยวมากขึ้น คนทำงานบริษัทตกเย็น ก็เริ่มกลับบ้านเร็ว ใช้จ่ายระหว่างทางน้อยลง ปีนี้ก็คงจะลำบากอีกทั้งปี เดียวนี้สังเกตุคนบนถนนก็บางตามาก วันเสาร์เดียวนี้แทบจะเหมือนวันอาทิตย์ ปีนี้ผมว่าน่าจะได้ข่าวการเลิกจ้างคนงานมากขึ้น โดยเฉพาะพนักงานบริษัท
แหล่งท่องเที่ยวอ่าวไทยก้อเงียบไม่แพ้กันครับ....แต่ผมไม่ได้โทษ คสช นะครับ เพราะมันมาจากนโยบายรากหญ้าจาก นายกงี่เง่าคนก่อน. ผมกระซิบบอกเพื่อนๆหลายคนแล้วนะครับ เรื่องเศรฐกิจไม่ดีปีนี้ แต่คำตอบที่ได้คือ "มึงเรียนอะไรมา" ทำให้ผมถอนใจ แล้วแต่เวรกรรม แต่คิดในใจ "มึงอย่ามายืมตังกูนะ"
จริงๆสภาพเศรษฐกิจมันเริ่มส่อเค้าตั้งแต่อิโง่มันเข้ามาแล้ว แจกมันเข้าไปไอ้นโยบายประชานิยมเฮงกะบ๊วย. แทนที่จะกระตุ้นให้คนขยันทํามาหากิน กลับส่งเสริมให้คนเป็นหนี้ เอะอะๆก็ขอเพิ่ม มอมเมากันชัดๆ ถ้าอยากจะช่วยรากหญ้ามันก็ต้องeducateพวกเค้าว่าทําอย่างไรถึงจะแก้ปัญหาหนี้สินได้ ไม่ใช่เอาแต่แจกๆๆ
คิดง่ายๆ คนมีเงินเดือนหรือหาเงินได้สองหมื่นห้าพันบาทต่อเดือน ดันผ่อนรถคันแรกอีกหมื่นนึง ค่าเช่าบ้านน้ำไฟน้ำมันหมื่นนึง เหลือกินไม่ถึงหมื่น คนมีเงินเดือนหรือหาเงินได้สี่หมื่นบาทต่อเดือน ผ่อนบ้านคอนโดหมื่นห้า ดันผ่อนรถคันแรกอีกสักหมื่นนึง ค่าน้ำไฟน้ำมันหมื่นนึง เหลือกินไม่ถึงหมื่น มีเป็นล้านคนล้านครอบครัว เงินเดือนก็ปรับขึ้นน้อย โบนัสก็น้อย เงินใช้จ่ายต่อเดือนน้อยลงเห็นๆ ชาวนาหวังหมื่นห้า ก็ได้ไม่ถึง แถมต้องจ่ายดอกนอกระบบตอนที่ยิ่งลักษณ์ไม่จ่ายเงินจ่ายช้า ได้น้อยลงกว่าเดิมเห็นๆ เงินใช้จ่ายต่อเดือนน้อยลงเห็นๆ อีกหลายล้านครัวเรือน ไม่แปลกที่เงินหมุนในระบบจะหายไป
เรื่องเงินหายจากระบบ สำหรับผมไม่กังวลเท่าไหร่ เพราะว่าบ้านและที่ทำงานของผมอยู่จังหวัดชายแดน ตัวผมและภรรยารับราชการ ก็พอประคับประคองตัวได้ อีกด้านตอนนี้ผมกำลังบุกไปทำธุรกิจการค้าผ่านแดนกับ ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งประชากรของประเทศนี้จากการที่ ได้ปฏิบัติงานในพื้นที่ถึง 6 ปีเต็ม ทำให้พอทราบรสนิยมและ ความต้องการบริโภคของพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง สรุปคือ สินค้าที่มาจากไทยที่เป็นปัจจัยสี่ ขายได้หมดและขายดีเสียด้วย ที่ผมทำทั้ง 2 อย่างในเวลาเดียวกัน มิใช่ทำด้วยความโลภหรือ เป็นคนเห็นแก่เงินก็หาไม่ แต่อยากจะพิสูจน์ฝีมือของตนเองว่า มีความสามารถที่จะบรรลุศักยภาพ(ขั้นที่5ของมาสโลว์)หรือเปล่า ก็เท่านั้น ปี 2540 ผมก็เคยผ่านมาแล้ว ตอนนั้นผมรับราชการ เพียงอย่างเดียว ต้นเดือนรับเงินเดือนหลังจากหักค่าใช้จ่ายและ หนี้สินต่างๆ เหลือแค่ 500 ผมต้องทานข้าววันละมื้อเหมือนพระ สายปฏิบัติ อีก 2 มื้อที่เหลือกินน้ำเปล่า เราต้องมีความเชื่อมั่นว่าเราต้องรอด ผมกำลังจะบอกว่า ขอให้ทุกท่านมีสติ และใช้วิกฤตการณ์นี้ ให้เป็นโอกาส ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ ประเทศชาติของเรามีอนาคตแน่นอน
ผมว่าประเทศเราโชคไม่ดีที่ มีคนในตระกูลนี้ครองอำนาจ เป็นช่วงๆ เพราะมันใช้ระบบปั่นเศรษฐกิจให้เติบโตแบบฟองสบู่ ยุยงให้ชาวบ้านเอาเงินอนาคตมาใช้ ทำให้คนไทยกลุ่มใหญ่หลงระเริงกับการใช้จ่าย สร้างหนี้สินกันจนเกินรายได้ที่แท้จริง สินค้าจากโรงงาน ก็ขึ้นราคากันแบบไม่มีการควบคุม พอถึงคราวประเทศเจอปัญหา สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ คนรากหญ้าเลยเดี้ยงกันไปหมด แต่มันและพรรคพวกกอบโกยกันไปจนอิ่มหมีพีมัน ทิ้งปัญหาให้รัฐบาลที่เข้ามาทีหลังต้องตามแก้ แต่ก็แก้ยากมากๆ เพราะปัญหามันใหญ่และต้องใช้เวลา แค่ตามล้างตามเช็ดหนี้และปัญหาที่มันสร้างไว้ ก็แทบเอาตัวไม่รอด ถ้าเมื่อไหร่ที่มีการเลือกตั้ง ก็จะใช้วาทกรรมเดิมๆ เลือกมันเถอะ เพราะมันบริหารประเทศเก่ง คนมีเงินใช้เศรษฐกิจดี แต่รัฐบาลอื่นห่วย ทำงานไม่เป็น
อีกการวิเคราะห์ที่น่าสนใจ http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/รายงานพิเศษ/341732/เงินหายไปไหน-ทำไมไม่พอจ่าย