ทีมข่าวได้รวบรวมข้อมูลการจัดซื้อเครื่องบินของการบินไทย หลายประเภทในช่วง 27 ปี มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยในช่วง 10 แรกตั้งแต่ปี 2533-2543 การบินไทยจัดซื้อเครื่องบิน ตามมติคณะรัฐมนตรี จำนวน 47 ลำ จำนวน 101,110 ล้านบาท ระยที่ 2 ตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งจัดซื้อเครื่องบินพิสัยไกลตามมติคณะกรรมการบริษัท เป็นเครือง Airbus 8 ลำ สำหรับเส้นทางกรุงเทพ-นิวยอร์ก และกรุงเทพ-ลอสแองเจลิส และในช่วงปลายปี ครม.อนุมัติให้การบินไทยจัดหาเครื่องบินเพิ่มเติมจำนวน 15 ลำ เป็นเครื่องแบบโบอิ้ง เงินลงทุน 58,324 ล้านบาท ปี 2547 ครม.อนุมัติให้ซื้ออีก 14 ลำ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องแอร์บัส ประกอบด้วย Airbus A380, A 340-500, A 340-600 และ Boeing 777-200ER วงเงินลงทุนรวม 96,355 ล้านบาท ส่วนแผนจัดหาเครื่องบินใหม่ตั้งแต่ปี 2550-2553 จำนวน 29 ลำ โดยการจัดซื้อในปี 2551 ได้จัดซื้อเครื่องยนต์ของบริษัท โรลส์-รอยซ์ 24 เครื่อง เพื่อใช้ติดตั้งในเครื่องบินแอร์บัส เอ 380 ในปี 2554 การบินไทยมีแผนจัดซื้อเครื่องบิน มากที่สุด 75 ลำ เพื่อเข้าประจำการฝูงบิน มูลค่า 457,127 ล้านบาท แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ปี 2554-2560 จำนวน 37 ลำ และ ปี 2561-2565 จำนวน 38 ลำ โดยในปีนี้ การบินไทยตรียมแผนรับมอบเครื่องบินเพิ่ม 7 ลำ เป็นเครื่องแอร์บัส เอ 350 จำนวน 5 ลำ และโบอิ้ง 787 จำนวน 2 ลำ และในปีหน้าจะรับมอบเครื่องบินอีก 5 ลำ ได้ครบตามแผนจัดซื้อเครื่องบิน http://www.krobkruakao.com/local/35153
ไม่น่าไปรีบเจอนะครับ ผิดจังหวะขั้นตอนไปนิดนึง ขั้นตอนคือ ซื้อเครื่องบินที่รู้ว่ายังไงก็ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน แต่ได้คอมมิชชั่นเยอะ แบ่งคอมมิชชั่นกัน จอดเครื่องบินเหล่านั้นทิ้งไว้ที่อู่ตะเภา เครื่องบินถึงไม่ใช้ก็มีค่าบำรุงรักษา ไม่เป็นไร เอาเงินบริษัทฯมาจ่าย ประกาศขายเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้ รู้อยู่แก่ใจว่าขาดทุนบานทะโรค ขาดทุนเหรอ ทิ้งเครื่องบินไว้อย่างนั้นแหละ เอาเงินบริษัทฯจ่ายค่าบำรุงรักษาไปเพื่อรอเวลาเสื่อมค่าทางบัญชี พอมูลค่าเครื่องบินที่หักค่าเสื่อมราคาทางบัญชีต่ำกว่าราคาขาย ก็รีบขาย บอร์ดเลี้ยงฉลองความสำเร็จที่ขายเครื่องบินเก่า(ความจริงแทบไม่เคยใช้เลย)โดยไม่ขาดทุน สงสัยว่าคงขายฝูงเครื่องBAe 146 ไปหมดก่อนหน้านี้แล้ว ใช้8ข้อข้างบนเป๊ะเลยครับ